ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] After Close { MarkBam } // รีไรท์

    ลำดับตอนที่ #1 : การพบกันอีกครั้ง... [ รีไรท์ ]

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 60




     

     






     

     













           3 ปีต่อมา...


    คุณมาร์คครับ รายงานสรุปการประชุมเรื่องการสร้างคอนโดแห่งใหม่ผมได้จัดวางไว้ให้ที่โต๊ะทำงานเรียบร้อยแล้วนะครับ

    เสียงเลขาคนสนิทเอ่ยขึ้นเรียกสายตาชายหนุ่มให้หันไปมองได้ในทันที



    มาร์ค อี้เอิน ต้วน หรือที่ใครๆเรียกว่า มาร์ค ต้วน นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากขณะนี้ เขาผู้นี้เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของT.Groupเจ้าของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ซึ่งตอนนี้เขาก็ได้สืบทอดกิจการแทนครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



    ขอบใจมากจินยองแล้ววันนี้ฉันมีนัดอะไรรึเปล่า



    วันนี้คุณมีสัมภาษณ์คนที่จะมาทำงานแทนผมตอนบ่ายโมงครับ



    จริงสินายต้องย้ายไปสำนักงานที่อเมริกานิ แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะ



    อีกสองอาทิตย์ครับระหว่างนี่ผมคงต้องสอนงานให้คนที่จะมาทำแทนก่อน

    มาร์คพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ



    ฉันหวังว่านายจะชอบที่นั้น ยังไงก็ฝากงานทางโน้นด้วยแล้วกัน



    ได้ครับ คุณมาร์ค..

     


           ตึก M.Tower



    ก็อกๆๆ...เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จินยองจะเดินเขามาด้านใน ทำให้มาร์คเหลือบตาไปมองเล็กน้อยแล้วหันกลับมาสนใจจอคอมตรงหน้าอีกครั้ง



    คุณมาร์คครับ คนที่คุณมาร์คต้องสัมภาษณ์มาถึงแล้วจะให้ผมพาเข้ามาเลยไหมครับ

    เลขาคนสนิทเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสุภาพเช่นเคย



    ถ้ามาแล้วก็พาเข้ามาเลย เดี๋ยวฉันต้องไปธุระต่อ” 

    มาร์คเอ่ยปัดๆเพราะเขาไม่ได้สนใจอะไรมากมายนักเนื่องจากรู้ดีว่ากว่าจะผ่านมาถึงเขาได้จินยองคงตรวจสอบมาพอสมควรแล้ว



    ได้ครับ...รอสักครู่นะครับ

    เลขาหนุ่มเดินออกไปจากห้องไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมเด็กหนุ่มร่างบางที่เดินก้มหน้าก้มตาตามเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะหยุดยืนอยู่ด้านหลังของจินยอง



    เข้าไปสิ..ท่านประธานกำลังรออยู่

    จินยองที่เห็นท่าทางตื่นๆของเด็กหนุ่ม เริ่มดันเขาให้ไปยืนหน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายร่างบางยอมเดินไปตามแรงดันแต่ก็ยังคงก้มหน้าอยู่เพราะไม่กล้ามองอีกฝ่าย



    “สวัสดีครับ..ผม กันต์พิมุกต์ ครับ”

    เสียงแนะนำตัวดังขึ้นทำให้มาร์คที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอยู่รีบเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนทันที



    แบมแบม..

    เสียงทุ้มหลุดออกมาพร้อมกับสายตาที่จ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าเขม่ง



    พะ...พี่มาร์ค”

    ความเงียบค่อยๆก่อตัวขึ้นขณะที่ทั้งสองคนจ้องกันไม่วางตา จินยองที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่รีบเอ่ยทำลายบรรยากาศแปลกๆนี้ทันที



    รู้จักกันเหรอครับ



    ใช่...รู้จักดีเลยล่ะ

    มาร์คจ้องผู้มาใหม่นิ่งสายตาที่ยากจะคาดเดาถูกส่งออกไป ร่างบางเห็นดังนั้นก็อดจ้องกลับไปไม่ได้ ทำให้สายตาทั้งสองผสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร



    คุณจินยองครับ ผมว่าผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ

    แบมแบมกัดฟันกรอดก่อนจะหันไปบอกจินยองที่ยืนอยูทางด้านหลัง



    เดี๋ยวสิ...ยังไม่ได้สัมภาษณ์เลยนะ

    จินยองขัดขึ้นทำให้แบมแบมที่กำลังจะเดินออกประตูไปหันมามอง



    “ผมว่าไม่ต้องแล้วล่ะครับ ผมคงไม่ทำงานนี้ยังไงก็ต้องขอบคุณมากนะครับที่รับผมไว้พิจารณา”



    หนีอีกตามเคย...อย่าทำตัวเป็นเด็กน่าโตๆกันแล้ว

    เสียงทุ้มแทรกขึ้นมาทำให้จินยองและแบมแบมหันไปมอง



    ใครหนี...พูดให้มันดีๆนะ

    ร่างบางกดเสียงต่ำทันที เมื่อมาร์คมองมาที่เขาด้วยสายตาดูถูก



    ก็นายไง...กำลังจะหนีอยู่ไม่ใช่เหรอและที่มาก็เพราะต้องการงานไม่ใช่หรือไง แต่นี่อะไรยังไม่ทันได้เริ่มสัมภาษณ์ก็คิดจะหนีซะแล้ว เด็กชะมัด



    มันจะมากไปแล้วนะ

    ร่างบางทำท่าจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายแต่ก็ถูกจินยองรั้งเอาไว้ซะก่อน มาร์คมองอีกฝ่ายพร้อมยกยิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง



    ผมว่าถ้าไม่สะดวกยังไง ผมหาคนใหม่มาแทนก็ได้นะครับ

    เลขาหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงลองเสนอขึ้นเพราะจากที่ดูสองคนนี้คงมีเบื้องหน้าเบื้องหลังกันมาพอสมควร



    ไม่ต้องหรอกฉันตกลงรับคนนี้ พรุ่งนี้ให้มาเริ่มงานได้เลย

    พูดจบมาร์คก็เดินออกจากห้องทำงานไปโดยไม่ลืมที่จะยกยิ้มกวนส่งไปให้ว่าที่เลขาคนใหม่ แบมแบมได้แต่ยืนกำมือแน่นด้วยความหงุดหงิด ขณะที่จินยองมองตามแผ่นหลังของเจ้านายออกไปแล้วจึงหันกลับมาสนใจเด็กหนุ่มข้างๆอีกครั้ง



    “ตกลงนายยังอยากทำงานนี้อยู่ไหมเพราะถ้าไม่ฉันคงต้องรีบหาคนมาแทน”



    “คือ..ผม”

    ร่างบางมีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด ใจนึงก็ไม่อยากทำงานกับคนๆนี้แต่เขาต้องการเงินเพื่อดำรงชีวิตต่อไปอีกอย่างเงินเดือนและสวัสดิการที่นี้ก็ดึงดูดเขาอยู่ไม่น้อยเลย



    ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายกับคุณมาร์คมีเรื่องอะไรกัน แต่งานนี้เป็นงานที่ดีเงินเดือนกับสวัสดิการก็โอเค โดยส่วนตัวฉันอยากให้นายรับทำงานนี้เอาไว้”



    “แล้วไม่มีตำแหน่งอื่นว่างบ้างเหรอครับ”



    “ไม่มีหรอก..เพราะใครๆก็อยากทำงานที่นี้ทั้งนั้น รวมถึงนายด้วยไม่งั้นนายคงไม่มาสมัครจริงไหม”



    “ก็ใช่ครับ แต่..”



    “การทำงานกับคุณมาร์คไม่ยากหรอก อีกอย่างเขาไม่ค่อยเข้าบริษัทเท่าไหร่”

    จินยองพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายเพราะเขาไม่อยากเสียเวลาหาคนใหม่ และประวัติของแบมแบมก็ดีพอสมควรทำให้เขาไม่อยากปล่อยไป



    “ก็ได้ครับ..ผมรับงานนี้ก็ได้”



    “ดี...เพราะฉันมีเวลาฝึกงานนายแค่สองอาทิตย์เท่านั้น ยังไงก็มาพยายามด้วยกันนะกันต์พิมุกต์

    จินยองเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง ทำให้ร่างบางยิ้มรับขณะที่ในใจก็กำลังด่าตัวเองอยู่ว่าทำไมถึงยอมรับงานนี้



    เรียกผมว่า แบมแบม ก็ได้ครับ



    โอเค...งั้นมาพยายามด้วยกันนะแบมแบม

    รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งไปให้เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ จินยองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้แต่ที่รู้ๆเขาค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้านายของเขาจะไม่ทำอะไรเด็กคนนี้แน่ๆ เพราะมีอะไรบางอย่างบอกกับเขาแบบนั้น



    วันนี้ยังไม่มีอะไรจะกลับก่อนก็ได้นะ แต่พรุ่งนี้นายต้องมาแต่เช้าเพราะคุณมาร์คมีประชุมผู้บริหาร



    ไม่เป็นไรครับ ผมอยากอยู่ดูว่าคุณจินยองต้องทำอะไรบ้าง



    งั้นก็ตามใจ มาสิฉันจะพานายไปรู้จักคนอื่นๆ

     


           ร้าน J.Crown



    เป็นห่าอะไร เดินหน้าบานมาเชียว...

    หวัง แจ๊คสัน เจ้าของภัตตาคารอาหารจีนสุดหรูเอ่ยทักเพื่อนรักอย่างมาร์คต้วนที่พึ่งมาถึง



    อะไรของมึง

    มาร์คถามกลับไปไม่จริงจังนักก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานแจ๊คสัน



    ยังจะถาม มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ามึงอารมณ์ดีผิดปกติ




    เหรอ..กูไม่เห็นรู้ตัวเลย



    “ยังอีก...”



    “อะไร”



    “ยังไม่รีบเล่าอีก ให้เร็วด้วยเดี๋ยวกูต้องลงไปดูร้าน”

    แจ๊คสันลุกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปนั่งข้างๆเพื่อน



    “วันนี้กูเจอแฟนเก่า”



    “คนไหนล่ะ”

    ร่างสันทัดสวนกลับไปทันทีจะไม่ให้ถามได้ไงในเมื่อเพื่อนเขาคนนี้เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นเลยน่ะสิ



    “แบมแบม”

    มาร์คตอบออกไปด้วยท่าทางสบายๆผิดกับแจ็คสันที่ดูจะตกใจอยู่ไม่น้อย



    คนที่บอกเลิกมึงตอนมหาลัยอะนะ



    เออ..



    เจอที่ไหนวะ ???



    เขามาสมัครงานเป็นเลขากู



    บ้าแล้ว...มาสมัครเป็นเลขามึงเนี่ยนะ อย่าอำกูหน่อยเลยไอ้มาร์ค เพราะกูจำได้ว่าตั้งแต่เขาขอเลิกกับมึงเขาก็ไม่เฉียดเข้าใกล้มึงอีกเลยไม่ใช่รึไง



    แล้วกูจะโกหกมึงทำส้นตีนอะไร”



    “ไม่น่าเชื่อ...ตอนพวกมึงเลิกกันน้องมันก็หายหน้าไปเลย ถ้าจำไม่ผิดย้ายมหาลัยด้วยนิ”



    “อืม..ก็นะ”



    “ก็นะห่าไรล่ะ เพราะมึงไม่ใช่รึไงเขาถึงขอเลิกยังไม่สำนึก”



    “ก็ตอนนั้นยังเด็กปะวะ มึงจะอะไรมากมาย”

    มาร์คยักไหล่ส่งๆไปให้เพื่อนทำให้แจ็คสันส่ายหน้าไปมาปลงๆ



    “และตอนเขาเจอมึงไม่ช็อกไปเลยรึไง เห็นหนีมึงขนาดนั้น”



    “ก็ไม่นะ เห็นจ้องหน้ากูเขม่งเลย”



    “ถ้างั้นกูว่าเขาไม่ช็อกหรอกเขาคงแค้นมึงมากกว่า”



    “แค้นไรวะ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว”



    “มึงก็พูดได้ดิก็มึงของไม่เคยขาดเลยนิ และนี่ไปไงมาไงทำไมเขาถึงมาทำงานที่บริษัทมึงได้”



    “พอดีเลขากูต้องไปคุมงานที่อเมริกาเลยหาคนมาแทน คงเป็นพรมลิขิตละมั้งถึงได้เจอกันอีก



    เอาให้ดีไอ้มาร์คพรมลิขิตหรือเวรกรรม



    สัส..



    ก็มันจริงและที่นั่งยิ้มเป็นบ้าเป็นบอนี่คืออะไรคิดจะรีเทิร์นรึไง



    กูก็ไม่รู้ว่ะ แค่รู้สึกดีที่เห็นหน้าเฉยๆ



    “กูถามจริงๆนะ ตอนมึงเลิกกับเขามึงเสียใจบ้างปะวะ เพราะจากที่เห็นมึงก็ไม่ได้ตามไปง้อแถมยังปล่อยเขาไปหน้าตาเฉย”



    “ก็มีบ้างเพราะกว่าจะจีบติดตั้งหลายเดือนแต่เขาตัดสินใจแล้วมึงจะให้กูยื้อไว้ทำไม”



    “ห่า...ถ้ามึงรักเขาก็ต้องมียื้อบ้างแหละนี่เล่นปล่อยไปเฉยๆจนตอนนี้ก็ปาเข้าไป 3 ปีแล้ว”



    “เออกูรู้ มึงเลิกบ่นเหอะเรื่องแม่งก็ผ่านมาแล้ว”



    งั้นก็แล้วแต่มึงเลยครับเพื่อน เพราะถ้ามึงคิดจะรีเทิร์นจริงงานนี้ไม่หมูแน่ทำเขาไว้เยอะนิ



    ก็เพราะแบบนั้นไงกูถึงรีบมาหามึง กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้เขายอมคุยกับกูอะดิ



    เฮ้ออ...เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้”



    “มึงก็รู้กูทำเขาไว้เยอะ”



    “ก็สมควรแล้วไง ถ้ากูเป็นน้องเขามึงโดนกระทืบไปแล้ว”



    “สัส..นี่เพื่อนไง”



    “เพราะเพื่อนไงถึงด่า และเมื่อกี้มึงบอกว่าเขาจะมาเป็นลูกน้องมึงใช่ไหม”



    “ใช่”



    “งั้นจะไปยากอะไรวะ มึงก็แค่ใช้ตำแหน่งให้เป็นประโยชน์



    “ยังไงวะ”



    “นี่ไม่รู้จริงหรือกวนตีนกู”



    “เชี่ย..กูไม่รู้จริงๆ”



    “ง่ายจะตาย มึงก็แค่เอางานมาอ้างเขาจะได้ไม่กล้าปฏิเสธไง”


    “ทำงั้นไม่ดูชั่วไปหน่อยเหรอวะ



    ไอ้มาร์ค...มึงเลยคำว่าชั่วมานานแล้วเพราะถ้ามึงดีเขาคงไม่ขอเลิกกับมึงหรอก”



    ก็จริง...ว่าแล้วเรื่องชั่วๆต้องปรึกษาคนอย่างมึง”

    มาร์คเอ่ยรับพร้อมรอยยิ้มกวนตามสไตล์ทำให้โดนแจ๊คสันถลึงตาใส่ไม่จริงจังนัก



    ขอบใจ ถุย !!!



    ฮ่าๆๆ เอาวะยังไงก็ต้องลองดูอวยพรกูด้วย

    มาร์คหัวเราะออกมาขณะที่คิดไปด้วยว่าการที่เขาเจอร่างบางอีกครั้งอาจเป็นพรมลิขิตจริงๆก็ได้ ถามว่าเขาดีใจไหมที่เจออีกฝ่ายก็คงต้องบอกว่ามากเพราะเอาจริงๆแล้วตอนเลิกกันเขาก็พยายามติดต่ออีกฝ่ายแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลยยอมถอดใจจนมาวันนี้ วันที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาเองและแน่นอนว่าครั้งนี้เขาอาจต้องลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง...

     






    >>> Talk <<<


    แปปๆ 3 ปีซะแล้ว ฮ่าๆๆ การกลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากการเลิกราจะเป็นอย่างไร

    มาร์คมีแผนการอะไร แล้วแบมแบมจะรับมือกับเรื่องนี้ด้วยวิธีไหน

     PS.อยากรีไรทืเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ใครที่ชอบฟิคต่อปากต่อคำที่มีกลิ่นอายดราม่าเล็กๆน่าจะชอบ

    ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ Tag #ฟิคเลิกรา อ่านแล้วเม้นติชมได้เต็มที่เลยค่าา.. >.,<






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×