คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การพบกันอีกครั้ง... [ รีไรท์ ]
3 ปีต่อมา...
“คุณมาร์คครับ รายงานสรุปการประชุมเรื่องการสร้างคอนโดแห่งใหม่ผมได้จัดวางไว้ให้ที่โต๊ะทำงานเรียบร้อยแล้วนะครับ”
เสียงเลขาคนสนิทเอ่ยขึ้นเรียกสายตาชายหนุ่มให้หันไปมองได้ในทันที
มาร์ค อี้เอิน ต้วน หรือที่ใครๆเรียกว่า มาร์ค ต้วน นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากขณะนี้ เขาผู้นี้เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของT.Groupเจ้าของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ซึ่งตอนนี้เขาก็ได้สืบทอดกิจการแทนครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขอบใจมากจินยองแล้ววันนี้ฉันมีนัดอะไรรึเปล่า”
“วันนี้คุณมีสัมภาษณ์คนที่จะมาทำงานแทนผมตอนบ่ายโมงครับ”
“จริงสินายต้องย้ายไปสำนักงานที่อเมริกานิ
แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะ”
“อีกสองอาทิตย์ครับระหว่างนี่ผมคงต้องสอนงานให้คนที่จะมาทำแทนก่อน”
มาร์คพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“ฉันหวังว่านายจะชอบที่นั้น
ยังไงก็ฝากงานทางโน้นด้วยแล้วกัน”
“ได้ครับ คุณมาร์ค..”
ตึก M.Tower
ก็อกๆๆ...เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จินยองจะเดินเขามาด้านใน
ทำให้มาร์คเหลือบตาไปมองเล็กน้อยแล้วหันกลับมาสนใจจอคอมตรงหน้าอีกครั้ง
“คุณมาร์คครับ คนที่คุณมาร์คต้องสัมภาษณ์มาถึงแล้วจะให้ผมพาเข้ามาเลยไหมครับ”
เลขาคนสนิทเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสุภาพเช่นเคย
“ถ้ามาแล้วก็พาเข้ามาเลย เดี๋ยวฉันต้องไปธุระต่อ”
มาร์คเอ่ยปัดๆเพราะเขาไม่ได้สนใจอะไรมากมายนักเนื่องจากรู้ดีว่ากว่าจะผ่านมาถึงเขาได้จินยองคงตรวจสอบมาพอสมควรแล้ว
“ได้ครับ...รอสักครู่นะครับ”
เลขาหนุ่มเดินออกไปจากห้องไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมเด็กหนุ่มร่างบางที่เดินก้มหน้าก้มตาตามเข้ามาภายในห้อง
ก่อนจะหยุดยืนอยู่ด้านหลังของจินยอง
“เข้าไปสิ..ท่านประธานกำลังรออยู่”
จินยองที่เห็นท่าทางตื่นๆของเด็กหนุ่ม
เริ่มดันเขาให้ไปยืนหน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายร่างบางยอมเดินไปตามแรงดันแต่ก็ยังคงก้มหน้าอยู่เพราะไม่กล้ามองอีกฝ่าย
“สวัสดีครับ..ผม กันต์พิมุกต์ ครับ”
เสียงแนะนำตัวดังขึ้นทำให้มาร์คที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอยู่รีบเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนทันที
“แบมแบม..”
เสียงทุ้มหลุดออกมาพร้อมกับสายตาที่จ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าเขม่ง
“พะ...พี่มาร์ค”
ความเงียบค่อยๆก่อตัวขึ้นขณะที่ทั้งสองคนจ้องกันไม่วางตา
จินยองที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่รีบเอ่ยทำลายบรรยากาศแปลกๆนี้ทันที
“รู้จักกันเหรอครับ”
“ใช่...รู้จักดีเลยล่ะ”
มาร์คจ้องผู้มาใหม่นิ่งสายตาที่ยากจะคาดเดาถูกส่งออกไป
ร่างบางเห็นดังนั้นก็อดจ้องกลับไปไม่ได้ ทำให้สายตาทั้งสองผสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“คุณจินยองครับ ผมว่าผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ”
แบมแบมกัดฟันกรอดก่อนจะหันไปบอกจินยองที่ยืนอยูทางด้านหลัง
“เดี๋ยวสิ...ยังไม่ได้สัมภาษณ์เลยนะ”
จินยองขัดขึ้นทำให้แบมแบมที่กำลังจะเดินออกประตูไปหันมามอง
“ผมว่าไม่ต้องแล้วล่ะครับ
ผมคงไม่ทำงานนี้ยังไงก็ต้องขอบคุณมากนะครับที่รับผมไว้พิจารณา”
“หนีอีกตามเคย...อย่าทำตัวเป็นเด็กน่าโตๆกันแล้ว”
เสียงทุ้มแทรกขึ้นมาทำให้จินยองและแบมแบมหันไปมอง
“ใครหนี...พูดให้มันดีๆนะ”
ร่างบางกดเสียงต่ำทันที
เมื่อมาร์คมองมาที่เขาด้วยสายตาดูถูก
“ก็นายไง...กำลังจะหนีอยู่ไม่ใช่เหรอและที่มาก็เพราะต้องการงานไม่ใช่หรือไง แต่นี่อะไรยังไม่ทันได้เริ่มสัมภาษณ์ก็คิดจะหนีซะแล้ว
เด็กชะมัด”
“มันจะมากไปแล้วนะ”
ร่างบางทำท่าจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายแต่ก็ถูกจินยองรั้งเอาไว้ซะก่อน
มาร์คมองอีกฝ่ายพร้อมยกยิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ผมว่าถ้าไม่สะดวกยังไง ผมหาคนใหม่มาแทนก็ได้นะครับ”
เลขาหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงลองเสนอขึ้นเพราะจากที่ดูสองคนนี้คงมีเบื้องหน้าเบื้องหลังกันมาพอสมควร
“ไม่ต้องหรอกฉันตกลงรับคนนี้ พรุ่งนี้ให้มาเริ่มงานได้เลย”
พูดจบมาร์คก็เดินออกจากห้องทำงานไปโดยไม่ลืมที่จะยกยิ้มกวนส่งไปให้ว่าที่เลขาคนใหม่
แบมแบมได้แต่ยืนกำมือแน่นด้วยความหงุดหงิด ขณะที่จินยองมองตามแผ่นหลังของเจ้านายออกไปแล้วจึงหันกลับมาสนใจเด็กหนุ่มข้างๆอีกครั้ง
“ตกลงนายยังอยากทำงานนี้อยู่ไหมเพราะถ้าไม่ฉันคงต้องรีบหาคนมาแทน”
“คือ..ผม”
ร่างบางมีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด
ใจนึงก็ไม่อยากทำงานกับคนๆนี้แต่เขาต้องการเงินเพื่อดำรงชีวิตต่อไปอีกอย่างเงินเดือนและสวัสดิการที่นี้ก็ดึงดูดเขาอยู่ไม่น้อยเลย
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายกับคุณมาร์คมีเรื่องอะไรกัน แต่งานนี้เป็นงานที่ดีเงินเดือนกับสวัสดิการก็โอเค
โดยส่วนตัวฉันอยากให้นายรับทำงานนี้เอาไว้”
“แล้วไม่มีตำแหน่งอื่นว่างบ้างเหรอครับ”
“ไม่มีหรอก..เพราะใครๆก็อยากทำงานที่นี้ทั้งนั้น
รวมถึงนายด้วยไม่งั้นนายคงไม่มาสมัครจริงไหม”
“ก็ใช่ครับ
แต่..”
“การทำงานกับคุณมาร์คไม่ยากหรอก
อีกอย่างเขาไม่ค่อยเข้าบริษัทเท่าไหร่”
จินยองพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายเพราะเขาไม่อยากเสียเวลาหาคนใหม่ และประวัติของแบมแบมก็ดีพอสมควรทำให้เขาไม่อยากปล่อยไป
“ก็ได้ครับ..ผมรับงานนี้ก็ได้”
“ดี...เพราะฉันมีเวลาฝึกงานนายแค่สองอาทิตย์เท่านั้น ยังไงก็มาพยายามด้วยกันนะกันต์พิมุกต์”
จินยองเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง
ทำให้ร่างบางยิ้มรับขณะที่ในใจก็กำลังด่าตัวเองอยู่ว่าทำไมถึงยอมรับงานนี้
“เรียกผมว่า แบมแบม ก็ได้ครับ”
“โอเค...งั้นมาพยายามด้วยกันนะแบมแบม”
รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งไปให้เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่
จินยองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้แต่ที่รู้ๆเขาค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้านายของเขาจะไม่ทำอะไรเด็กคนนี้แน่ๆ เพราะมีอะไรบางอย่างบอกกับเขาแบบนั้น
“วันนี้ยังไม่มีอะไรจะกลับก่อนก็ได้นะ แต่พรุ่งนี้นายต้องมาแต่เช้าเพราะคุณมาร์คมีประชุมผู้บริหาร”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากอยู่ดูว่าคุณจินยองต้องทำอะไรบ้าง”
“งั้นก็ตามใจ มาสิฉันจะพานายไปรู้จักคนอื่นๆ”
ร้าน J.Crown
“เป็นห่าอะไร เดินหน้าบานมาเชียว...”
หวัง
แจ๊คสัน เจ้าของภัตตาคารอาหารจีนสุดหรูเอ่ยทักเพื่อนรักอย่างมาร์คต้วนที่พึ่งมาถึง
“อะไรของมึง”
มาร์คถามกลับไปไม่จริงจังนักก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานแจ๊คสัน
“ยังจะถาม มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ามึงอารมณ์ดีผิดปกติ”
“เหรอ..กูไม่เห็นรู้ตัวเลย”
“ยังอีก...”
“อะไร”
“ยังไม่รีบเล่าอีก
ให้เร็วด้วยเดี๋ยวกูต้องลงไปดูร้าน”
แจ๊คสันลุกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปนั่งข้างๆเพื่อน
“วันนี้กูเจอแฟนเก่า”
“คนไหนล่ะ”
ร่างสันทัดสวนกลับไปทันทีจะไม่ให้ถามได้ไงในเมื่อเพื่อนเขาคนนี้เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นเลยน่ะสิ
“แบมแบม”
มาร์คตอบออกไปด้วยท่าทางสบายๆผิดกับแจ็คสันที่ดูจะตกใจอยู่ไม่น้อย
“คนที่บอกเลิกมึงตอนมหาลัยอะนะ”
“เออ..”
“เจอที่ไหนวะ ???”
“เขามาสมัครงานเป็นเลขากู”
“บ้าแล้ว...มาสมัครเป็นเลขามึงเนี่ยนะ อย่าอำกูหน่อยเลยไอ้มาร์ค เพราะกูจำได้ว่าตั้งแต่เขาขอเลิกกับมึงเขาก็ไม่เฉียดเข้าใกล้มึงอีกเลยไม่ใช่รึไง
“แล้วกูจะโกหกมึงทำส้นตีนอะไร”
“ไม่น่าเชื่อ...ตอนพวกมึงเลิกกันน้องมันก็หายหน้าไปเลย
ถ้าจำไม่ผิดย้ายมหาลัยด้วยนิ”
“อืม..ก็นะ”
“ก็นะห่าไรล่ะ
เพราะมึงไม่ใช่รึไงเขาถึงขอเลิกยังไม่สำนึก”
“ก็ตอนนั้นยังเด็กปะวะ
มึงจะอะไรมากมาย”
มาร์คยักไหล่ส่งๆไปให้เพื่อนทำให้แจ็คสันส่ายหน้าไปมาปลงๆ
“และตอนเขาเจอมึงไม่ช็อกไปเลยรึไง
เห็นหนีมึงขนาดนั้น”
“ก็ไม่นะ
เห็นจ้องหน้ากูเขม่งเลย”
“ถ้างั้นกูว่าเขาไม่ช็อกหรอกเขาคงแค้นมึงมากกว่า”
“แค้นไรวะ
เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว”
“มึงก็พูดได้ดิก็มึงของไม่เคยขาดเลยนิ
และนี่ไปไงมาไงทำไมเขาถึงมาทำงานที่บริษัทมึงได้”
“พอดีเลขากูต้องไปคุมงานที่อเมริกาเลยหาคนมาแทน
คงเป็นพรมลิขิตละมั้งถึงได้เจอกันอีก”
“เอาให้ดีไอ้มาร์คพรมลิขิตหรือเวรกรรม”
“สัส..”
“ก็มันจริงและที่นั่งยิ้มเป็นบ้าเป็นบอนี่คืออะไรคิดจะรีเทิร์นรึไง”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ แค่รู้สึกดีที่เห็นหน้าเฉยๆ”
“กูถามจริงๆนะ
ตอนมึงเลิกกับเขามึงเสียใจบ้างปะวะ เพราะจากที่เห็นมึงก็ไม่ได้ตามไปง้อแถมยังปล่อยเขาไปหน้าตาเฉย”
“ก็มีบ้างเพราะกว่าจะจีบติดตั้งหลายเดือนแต่เขาตัดสินใจแล้วมึงจะให้กูยื้อไว้ทำไม”
“ห่า...ถ้ามึงรักเขาก็ต้องมียื้อบ้างแหละนี่เล่นปล่อยไปเฉยๆจนตอนนี้ก็ปาเข้าไป
3 ปีแล้ว”
“เออกูรู้
มึงเลิกบ่นเหอะเรื่องแม่งก็ผ่านมาแล้ว”
“งั้นก็แล้วแต่มึงเลยครับเพื่อน เพราะถ้ามึงคิดจะรีเทิร์นจริงงานนี้ไม่หมูแน่ทำเขาไว้เยอะนิ”
“ก็เพราะแบบนั้นไงกูถึงรีบมาหามึง กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้เขายอมคุยกับกูอะดิ”
“เฮ้ออ...เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้”
“มึงก็รู้กูทำเขาไว้เยอะ”
“ก็สมควรแล้วไง
ถ้ากูเป็นน้องเขามึงโดนกระทืบไปแล้ว”
“สัส..นี่เพื่อนไง”
“เพราะเพื่อนไงถึงด่า
และเมื่อกี้มึงบอกว่าเขาจะมาเป็นลูกน้องมึงใช่ไหม”
“ใช่”
“งั้นจะไปยากอะไรวะ มึงก็แค่ใช้ตำแหน่งให้เป็นประโยชน์”
“ยังไงวะ”
“นี่ไม่รู้จริงหรือกวนตีนกู”
“เชี่ย..กูไม่รู้จริงๆ”
“ง่ายจะตาย
มึงก็แค่เอางานมาอ้างเขาจะได้ไม่กล้าปฏิเสธไง”
“ทำงั้นไม่ดูชั่วไปหน่อยเหรอวะ”
“ไอ้มาร์ค...มึงเลยคำว่าชั่วมานานแล้วเพราะถ้ามึงดีเขาคงไม่ขอเลิกกับมึงหรอก”
“ก็จริง...ว่าแล้วเรื่องชั่วๆต้องปรึกษาคนอย่างมึง”
มาร์คเอ่ยรับพร้อมรอยยิ้มกวนตามสไตล์ทำให้โดนแจ๊คสันถลึงตาใส่ไม่จริงจังนัก
“ขอบใจ ถุย !!!”
“ฮ่าๆๆ เอาวะยังไงก็ต้องลองดูอวยพรกูด้วย”
มาร์คหัวเราะออกมาขณะที่คิดไปด้วยว่าการที่เขาเจอร่างบางอีกครั้งอาจเป็นพรมลิขิตจริงๆก็ได้
ถามว่าเขาดีใจไหมที่เจออีกฝ่ายก็คงต้องบอกว่ามากเพราะเอาจริงๆแล้วตอนเลิกกันเขาก็พยายามติดต่ออีกฝ่ายแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลยยอมถอดใจจนมาวันนี้
วันที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาเองและแน่นอนว่าครั้งนี้เขาอาจต้องลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง...
มาร์คมีแผนการอะไร แล้วแบมแบมจะรับมือกับเรื่องนี้ด้วยวิธีไหน
ความคิดเห็น