ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัญจวนรักเพลิงพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #31 : ตอนที่ 31

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 286
      2
      26 ธ.ค. 58





     

     

    ความหนักอึ้งในอกที่ประดังเข้ามามันทำให้เธอท้อเหลือเกิน เมื่อไหร่มันจะจบเสียทีนะ เมลินดากลับมายังคอนโดพร้อมกับอาการเหม่อลอย คิดวนซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะทำอย่างไร ด้วยสถานะเธอตอนนี้ไม่อาจทำตามความต้องการของภูรินท์ได้เธอไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นนางวันทองสองใจ แม้ไม่ได้มีความรักให้แก่พิภพแต่เขาก็กำลังจะมาเป็นสามีเธอในอีกไม่ช้า อีกใจก็กลัวว่าถ้าเธอไม่ไปตามนัดเมริสนาต้องเดือดร้อนแน่ เพราะดูท่าว่าภูรินท์คงไม่ยอม บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจ เขาแสดงท่าทีว่ารังเกียจเธอนักหนา ทั้งวาจาและการกระทำกลับใช้วิธีนี้เพื่อแก้แค้น

    เมลินดาเดินเข้ามาในห้องยืนถอนหายใจอยู่ตรงทางเดินก่อนตรงไปยังห้องนั่งเล่นซึ่งมีเมริสาอยู่ นางไม่ได้สนใจเธอกระทั่งหญิงสาวส่งซองสีน้ำตาลให้

    “อะไร” นางถามเสียงห้วน

    “เปิดดูสิคะ คุณภูให้หนูมา” บอกจบเธอก็รอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายซึ่งไม่นานนักก็แสดงอาการตกใจออกมาพร้อมถามเสียงตะกุกตะกัก

    “เขาให้แกเหรอ”

    “ค่ะ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเป็นแม่”

    “ก็แค่รูปถ่ายคนอื่น มันเกี่ยวอะไรกับฉัน” นางเถียงข้างๆ คูๆ แม้คนในรูปนั้นจะเป็นลูกเขยของนางก็ยังพยายามยืนกรานว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็น

    “แม่คะ ปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกคะ เชื่อหนูสิหากว่ามันถึงมือตำรวจ ไม่นานหรอก เราก็รู้อยู่ว่าคนอย่างนวัฒน์ไม่มีทางที่จะรับผิดแทนใคร ถ้าเขาถูกจับเขาคงไม่ยอมติดคุกคนเดียวหรอกค่ะ” เธอเหนื่อยหน่ายเหลือเกินเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื้อดึงไม่ยอมรับท่าเดียว นางเองก็เริ่มกลัวขึ้นมาตะงิดๆ ทั้งที่ใจใอยากยอมรับแต่ก็จำเป็นยอมรับว่าเมลินดาพูดถูก นางอุตส่ากำชับแล้วเชียวพลาดไม่พอยังทิ้งหลักฐานให้สาวมาถึงตนได้อีก

    “แล้วไอ้ภู...ภูรินท์มันจะเอายังไง” นางถามต่ออย่างเร่งเร้ามองเมลินดาที่นั่งคอตกด้วยความหนักใจ

    “เขาจะให้หนูไปหาเขาคืนนี้ค่ะ” ตอบเสียงอ่อยเมื่อนึกถึงความโชคร้ายที่กำลังจะมาเยือน หากแต่ว่าดวงตากลมใสนั้นต้องพอขึ้นพอได้ยินอีกฝ่ายพูดมา

    “งั้นแกก็ไปสิ”

    เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกผิดหวังในตัวเมริสา เธอเอาเรื่องนี้มาบอกหวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยแก้ปัญหา ออกความคิดหรือทำอะไรก็ได้ที่เธอจะได้ไม่ต้องไปมีสภาพเหมือนเก่า แม้เยื่อใยที่เธอมีต่อภูรินท์ยังไม่ขาดแต่เธอก็ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นหญิงหลายชาย

    “แม่รู้ใช่ไหมว่าเขาให้หนูไปหาทำไม ทำไมยังให้หนูไปอีก”

    “ไม่งั้นให้ทำไง หรือแกอยากเห็นฉันติดคุกฮึ”

    เธอไม่ได้อยากกล่าวหาในสิ่งที่เมริสาทำผิดพลาดลงไปแล้ว กระนั้นก็อดไม่ไหวกับความไม่ใยดีที่มีต่อเธอซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ถูกเมริสาทำแบบนี้

    “หากแม่รักษาสัญญาที่ให้กับหนูไว้แต่แรกก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอกค่ะ”

    “ตกลงแกจะช่วยฉันไหม ก็แล้วแต่แกนะฉันไม่ได้บังคับ อย่างมากฉันก็แค่ติดคุก แกคงอยากเห็นอยู่แล้วนี่” นางไม่ใช้วิธีบังคับแต่มันเลวร้ายกว่าเมื่อนางหันมาประชดประชันแทน

    “ถ้าหนูอยากให้เป็นแบบนั้นจริง หนูไม่รับเอกสารพวกนี้มาหรอกค่ะ ป่านนี้มันคงถึงมือตำรวจแล้ว” ไม่ว่ายังไงเมริสาก็ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเธออยู่วันยังค่ำ ต่อให้ผิดมากมายแค่ไหน แต่เธอทำไม่สนใจไม่ได้ “แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะคะ ถ้าแม่ทำผิดอีกหนูจะไม่ช่วยแม่แล้ว”

    “ก็ยังดีที่แกรู้จักสำนึกบุญคุณฉัน ฉันว่าเขาคงไม่ทำอะไรรุนแรงกับแกนักหรอก ยังไงแกสองคนก็เคยรักกันมาก่อน คิดเสียว่าทำเพื่อฉัน ยอมๆ เขาไปก่อน ไว้ฉันหาทางออกได้เมื่อไหร่...”

    เมลินดาอยากร้องไห้เหลือเกิน คำปลอบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย เธอยังหวังความห่วงใยที่ไม่เคยมีจากอีกฝ่าย เมริสาไม่รู้สึกผิดเลยที่ส่งเสริมให้เธอทำเรื่องผิดศีลธรรม เธอกำลังจะแต่งงานกับชายหนึ่งแต่ก็ต้องไปบำเรอรักให้กับชายอีกคน คำว่าแม่นั้นมีความหมายกับเธอมากมายหากแต่อีกฝ่ายกลับไม่เคยทำหน้าที่ให้สมกับคำๆ นี้เลย

    “บางครั้งหนูก็อดคิดไม่นะคะ ว่าจริงจริงแล้วหนูใช่ลูกของแม่รึเปล่า”

    เมริสาที่กำลังจะเดินกลับเข้าห้องไปต้องหยุดชะงักเพราะประโยคนี้ของเธอ หยุดนิ่งอยู่อึดใจก่อนจะค่อยๆ หันกลับมา

    “ถ้ายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมามันยังทำให้แกไม่แน่ใจ ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่าแม่ก็ได้นะ” บอกจบนางก็เดินกลับเข้าห้องตนไปโดยไม่สนใจเธอที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นคนเดียว ทว่านางเองก็ใช่จะไม่กังวลใจ หากเมลินดารู้ความจริงที่นางปกปิดไว้ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้เมลินดาเป็นเหมือนเกราะคุ้มภัยชั้นหนึ่งสำหรับนาง ขนาดนายภูรินท์ยังยอมสยบ ไอ้พวกนี้มันหลงผู้หญิงจนหน้ามืดตามัวจริงๆ

     

    เมลินดามองรถคันหรูแล่นออกไปจนลับตา หลังจากที่เธอกลับจากดินเนอร์กับพิภพ เขาได้มาส่งเธอที่หน้าคอนโด เธอยืนรอจนกระทั่งเขาไปไกลแล้วจึงได้เรียกแท็กซี่อีกคันตรงไปยังจุดหมายของตน

    เธอมาสายตั้งเกือบชั่วโมงคิดว่าภูรินท์ต้องโมโหหนักเป็นแน่ แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อพิภพชวนเธอดื่มต่อไม่ยอมกลับเสียที อนาถใจตัวเองนัก

    “คุณมาสายมาก สายจนผมเกือบจะเปลี่ยนใจ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเต็มทน รออย่างกระวนกระวายกลัวเธอจะใม่มา

    “ขอโทษด้วยค่ะ แต่ฉันเพิ่งปลีกตัวจากคุณพิภพมาได้”

    ฟังคำแก้ตัวของเธอมันทำอารมณ์คนฟังพุ่งปรี๊ดทะลุเพดาน เธอให้ค่าคนอื่นสำคัญกว่าเขาอีก แทนที่จะรีบมาตามนัด กลับไปเอ้ยระเหยกับคู่หมั้น ทิ้งให้เขารอ

    “พร้อมแล้วใช่ไหม”

    “ยังค่ะ” ภูรินท์เลิกคิ้วขึ้นสูงกับคำตอบที่ตนได้รับ

    “จะเบี้ยวหรือ”

    “เปล่าค่ะ ถ้าฉันจะเบี้ยวฉันไม่มาตามนัดหรอก แต่ฉันอยากต่อรองกับคุณ ฉันรู้สิ่งที่แม่ฉันทำมันร้ายกาจมาก ฉันเข้าใจถ้าคุณจะโกรธ แต่ฉันอยากจะขอร้อง อย่าให้ฉันต้องทำอะไรแบบนี้เลย ฉันกำลังจะแต่งงานฉันไม่อยากทำผิดซ้ำอีกก็เลยคิดว่าถ้าฉันจะขอร้องให้แม่ถอนตัวออกจากการประมูล หลีกทางให้คุณ”

    “หึ ตลกนะ ทีกับเขาไม่อยากทำผิด คุณเป็นคู่หมั้นที่ดีมากแต่เป็นเมียที่แย่สุดๆ คุณอยู่กับผมนึกถึงเขาตลอดเวลา แต่ถามหน่อยเวลานอนกับนึกเขาถึงหน้าผมรึเปล่า...ไม่น่าถามเลยเนาะ เพราะถ้าคุณนึกถึงคงไม่สวมเขาให้ผมแบบนี้แถมยังจะหนีไปแต่งงานกับคนอื่น อยู่กับผมคุณไม่จำเป็นต้องแกล้งเป็นคนดีที่รู้สึกผิดหรอกเพราะมันไม่สมบทบาท  เราตกลงกันยังไงมันก็จะเป็นแบบเดิม ผมจะไม่เปลี่ยนข้อตกลงของเรา” หากพอเมื่อเขาขยับไปหาเธอกลับถอยหลัง

    “แต่ฉัน...”

    “ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าคุณจะเล่นตัวไปหาอะไร ใช่ว่าเราจะไม่เคย คิดหรือว่าทำแบบนี้จะทำให้ค่าของคุณสูงขึ้น”

    “คุณไม่จำเป็นต้องมาเข้าใจฉัน คุณอยากคิดอะไรก็ตามใจคุณ ฉันจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น เอาเป็นว่าฉันทำแบบนี้ไม่ได้” เธอบอกอย่างแน่วแน่ ไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอเป็นเพียงของเล่น ไม่ว่าระหว่างเขาและจะเคยเกิดอะไรขึ้นแต่มันก็จบลงไปแล้ว

    “งั้นคุณยินดีที่จะให้แม่คุณติดคุกงั้นสิ”

    “อย่าเอาแม่ฉันมาขู่นะ”

    “ผมไม่ได้ขู่ ถ้าผมไม่ได้คุณแม่คุณก็ต้องคนไปนอนในคุกแทน จะเอาอย่างงั้นไหมล่ะ”

    เธอก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะยอม แค่อยากจะลองดูเท่านั้น คำตอบของเขาไม่ได้ทำให้ผิดคาด หากแต่ทำให้ผิดหวัง นี่เขาแค้นเธอถึงขนาดนี้เชียวหรือ

    “คุณนี่มันชั่วร้ายจริงๆ” แค่นเสียงลอดผ่านไรฟัน อีกฝ่ายยิ้มเยาะเพราะรู้ว่าเธอจะไม่ปฏิเสธก่อนจะตวัดเอาร่างบอบบางเข้ามาอยู่ในวงแขนของตน

    “ผมเลียนแบบคุณกับแม่คุณไง”

    หากเปรียบเขาเหมือนปีศาจร้ายก็คงจะเป็นปีศาจที่ร้ายที่สุดเท่าเธอเคยเจอมา ภาพชายหนุ่มผู้แสนอ่อนโยนและขี้เล่นหายไปในพริบตาเหลือเพียงคนถือดีตรงหน้า เขากรีดนิ้วลงไปบนคอสวยเลื่อนลงไปที่คอเสื้อเชิ้ตสีไข่จากนั้นค่อยแกะกระดุมเสื้อออกอย่างใจเย็น

    “คุณอยากทำอะไรก็ตามใจ ฉันไม่รู้สึกอะไรหรอก กับคุณฉันมีจนเบื่อแล้ว ฉันหลับหูหลับตาเอากได้”

    นิ้วเรียวหนาที่เกลี่ยอยู่บริเวณทรวงอกหยุดชะงัก คิ้วเข้มขมวดจรดกันกับคำว่าไม่รู้สึกทั้งที่เวลานี้ทั้งใบหน้าเรียวเป็นสีแดงระเรื่อไปหมดยามเมื่อเขาลงแรงบีบเค้นทรวงอิ่ม หากเธอไม่รู้สึกจริง เธอจะไม่มีอาการแบบนี้หรอก เมลินดาอาจเล่นละครตบตาคนเก่งในเรื่องอื่น แต่เขารู้แน่ว่ามันไม่ใช่เรื่องนี้ ผู้หญิงไวไฟอย่างเธอแตะนิดแตะหน่อยก็อ่อนระทวยแล้ว ด้วยความย่ามใจทำให้เขาขี้เกียจแกะกระดุมทีล่ะเม็ดให้เสียเวลา อุ้งมือใหญ่กำเสื้อของหญิงสาวไว้แน่นก่อนดึงจนมันขาดดังแควก!

    “ไม่รู้สึกก็ดี อย่าร้องให้ได้ยินเชียว” ภูรินท์ผลักร่างของเธอลงไปบนนอนบนโซฟาขณะที่เขายืนมองอย่างสมเพชเมื่อนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่เธอทำกับตน ความโกรธจึงบดบังทุกอย่าง ไม่มีว่าความปราณี ไม่มีคำว่าออมมือ










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×