ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัญจวนรักเพลิงพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #30 : ตอนที่ 30

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 386
      3
      24 ธ.ค. 58





     

    เมลินดานั่งรอให้นางพยาบาลทำแผลให้ภูรินท์ คอยมองอย่างเป็นห่วงอยู่ข้างๆ โดยที่พิภพเองนั้นก็อยู่ใกล้ๆ ความห่วงใยที่เมลินดามีให้จนเกินเหตุทำให้เขาไม่พอใจนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

    “โชคดีนะที่แค่ถากๆ” พิภพเอ่ยขึ้นโดยที่สายตายังมองคู่หมั้นของตน “คุณไปมีศัตรูที่ไหนรึเปล่า แบบนี้ไม่ใช่แค่บังเอิญแน่ และคิดว่าคงไม่ใช่ยิงผิดตัวเพราะมันวนดูถึงสองรอบ”

    “ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน ใครจะเกลียดผมได้ขนาดนี้ อาจไม่ใช่เรื่องส่วนตัว” นัยน์ตาภูรินท์เป็นประกายแปลกๆ เมื่อพูดและลอบสังเกตกิริยาของหญิงสาวซึ่งเธอเองก็มีสีหน้าไม่ดี แม้พยายามปกปิดแต่ก็ไม่มิดอยู่ดี “ยังไงก็แล้วแต่ คุณสองคนกลับไปเถอะ ผมยังต้องไปให้ปากคำที่โรงพักต่อ” ภูรินท์ว่า หากแต่เขามีความสงสัยในเรื่องบางอย่างอยู่ โดยเฉพาะเมลินดาเธอดูลุกลนพิกล

    พิภพมาส่งเมลินดาที่หน้าคอนโด เธอเงียบมาตลอดทางคล้ายคนครุ่นคิดบางอย่างกระทั่งรถจอดสนิทเธอยังไม่รู้ตัวเลยว่ามาถึงแล้ว

    “หนูไม่ต้องห่วงเขาหรอกนะ เขาไม่เป็นไรหรอก” พิภพเอ่ยบอกเพราะเข้าใจว่าที่เธอเงียบคงเพราะเธอเป็นห่วงอดีตคนรัก

    “ค่ะ” เธอพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเขาเอื้อมมาจับมือของเธอและบีบเบาๆ

    “เรื่องงานหมั้นของเรา ฉันดูสถานที่เอาไว้แล้วนะ เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดมาให้หนูเลือก ฉันตั้งใจว่าจะหมั้นเช้าแต่งเย็นเลย หนูว่าไง” พิภพต้องจัดการเองหมดโดยที่เธอไม่ยอมมีส่วนร่วม แม้เขาจะขอความคิดเห็นแต่เธอก็เอาแต่บอกว่าแล้วแต่เขา มันเป็นงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าแต่เหมือนว่าเขาจะกระตือรื้อนร้นอยู่คนเดียว ไม่นับเมริสาอีกคนที่ออกหน้าออกตากับงานนี้

    “แล้วแต่คุณเถอะค่ะ”

    “หนูเมย์ มันจะวันสำคัญของเรานะ อีกไม่นานหนูจะมาเป็นภรรยาฉัน” เขาพูดเน้นราวกับจะย้ำเตือนเธอ ยิ่งวันนี้เธอแสดงความห่วงใยต่อภูรินท์มากเท่าไหร่ เกรงว่าถ่านไฟเก่าที่ยังไม่มอดสนิทจะลุกฮือขึ้นมาอีก “ฉันอยากให้หนูมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ” พิภพบีบระยะห่างให้สั้นลงโดยการสอดมือมาโอบรอบเอวคอดของหญิงสาว เธอเอนหลบเล็กน้อย

    “คือเมย์เลือกไม่เป็นน่ะค่ะ คุณเลือกจะดีกว่า เมย์เชื่อสายตาของคุณค่ะ ไม่ว่าคุณจะเลือกอะไรเมย์ก็ชอบหมดแหล่ะค่ะ” เหมือนภายในรถจะแคบลงไปถนัดตา หรือนั่นอาจเพราะว่าพิภพขยับมาใกล้เธอจนเกินไป อันจริงการใกล้ชิดกันแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเขาเป็นคู่หมั้นของเธอและกำลังจะเป็นสามีในอนาคต

    “หนูเมย์นี่เป็นเด็กดีจัง ฉันชอบนะว่านอนสอนง่ายแบบนี้” ริมฝีปากของชิดริมขอบหูของเธอจนลมหายใจร้อนเป่ารดให้เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ หากแต่ไม่ใช่เพราะความพิศวาส เขาลามจากใบหูสวยมาที่แก้มนุ่มและคงจะไปถึงริมฝีปากเป็นแน่หากไม่เพราะเธอพูดขึ้นมาก่อน

    “เย็นแล้ว คุณกลับไปเถอะค่ะ”

    สายตาคู่คมส่อแววไม่พอใจนิดๆ เธอไม่ชวนเขาขึ้นไปแถมยังไล่ให้กลับ ผู้หญิงคนนี้ใจแข็งจริงๆ จนป่านนี้แล้วเขายังทำได้แค่เพียงหอมแก้มเท่านั้น กระนั้นเขาก็ยอมทำตามความต้องการของเธอ ยอมทนรอให้ถึงวันสำคัญ วันที่เธอจะเต็มใจเป็นของเขา

    เมลินดาเดินดุ่มๆ กลับขึ้นมาพร้อมด้วยความหนักใจ มันไม่ใช่แค่เรื่องพิภพเท่านั้น เพราะเรื่องภูรินท์ถูกลอบทำร้ายทำให้เธอสงสัยและอยากถามอีกคนให้รู้เรื่อง

    “กลับมาแล้วรึ เร็วจังนึกว่าจะไปทานข้าวกับคุณพิภพเสียอีก ถ้าแกจะไปค้างที่อื่นฉันก็ไม่ว่านะ”

    เมริสาพูดออกมาหน้าตาเฉย จนเมลินดาตาพองเพราะไม่คิดว่าผู้เป็นแม่จะพูดแบบนี้ ถึงอย่างนั้นเธอก็เก็บความไม่พอใจเอาไว้

    “วันนี้หนูตามคุณพิภพไปคุยงานกับคุณภูรินท์ แต่ตอนที่กำลังจะกลับจู่ๆ ก็มีคนมาลอบยิงคุณภูรินท์เขา ใช่แม่รึเปล่าคะ” เธอไม่ยอมอ้อมค้อมให้เสียเวลา ตลอดทางกลับมาเธอภาวนาขอให้ไม่ใช่เมริสา

    “เขาถูกยิงเหรอ ตายรึเปล่า” เมริสาถามกลับด้วยอาการอยากรู้

    “แม่ นี่ตกลงเป็นแม่เหรอคะ” เมลินดาแสดงอาการตกใจอย่างคาดไม่ถึง “ไหนแม่สัญญากับหนูแล้วนี่คะ แม่หลอกหนูรับปากแต่งงานกับคุณพิภพ แต่แม่ก็ยังส่งคนไปลอบทำร้ายเขา ทำไมแม่ทำแบบนี้คะ” เธอโวยวายออกมาอย่างอดไม่ไหวทั้งยังผิดหวังที่มเริสาไม่รักษาคำพูดจึงใช้น้ำเสียงแข็งกร้าว

    “แกอย่ามากล่าวหาฉันนะ เขาถูกยิงมันเกี่ยวอะไรกับฉัน เขาอาจจะไปทำให้ใครไม่พอใจก็ได้ รู้ได้ไงว่าเป็นฉัน มายืนว่าฉันปาวๆ เนี่ย แกมีหลักฐานหรือ นับวันแกยิ่งเห็นคนอื่นดีกว่าฉันเข้าไปทุกทีแล้วนะเมลินดา ฉันเป็นแม่แกนะ ถ้าแกคิดว่าฉันไม่รักษาสัญญาก็ยกเลิกแล้วกลับไปหามันเสียสิ แต่ถ้าแกกล้าทำอย่างนั้นก็อย่ามาเรียกฉันว่าแม่” นางยื่นคำขาดเพราะรู้ว่ายังไงเมลินดาก็ต้องเห็นแก่ตนมากกว่า อีกอย่างนั่งยันนอนยันเสียอย่างใครจะมาทำอะไรนางได้

     

    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นภูรินท์ได้ไปให้ปากคำที่โรงพักอยู่สองครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าไรนัก นั่นอาจเพราะเขาไม่ได้ให้ความร่วมมือเท่าที่ควรก็เป็นได้ เขามองข้อมูลที่เพิ่งได้มาหน้าเครียดเมื่ออีกฝ่ายรายงานผล

    “ผมเอารูปพรรณสันฐานของคนร้ายไปเทียบกับคนในซุ้มมือปืนต่างๆ ได้เบาะแสมาว่าคนที่ลอบยิงคุณน่าจะเป็นคนในซุ้มมือปืนแถวๆ นครราชสีมา” ทนายวัยกลางคนผู้ซึ่งทำหน้าจัดการทุกอย่างบอก ภูรินท์ไม่รอตำรวจคิดว่าคงกลัวจะช้าจึงสั่งให้ตนไปสืบอีกทาง

    “นครราชสีมาหรือ” เขาเริ่มเอะใจว่าอาจจะเป็นอย่างที่ตนสงสัยก่อนหน้านี้

    “ครับ เสียดายหมอนั่นหนีไปซ่อนแล้ว แต่เท่าที่ผมไปสืบดูพักก่อนมีคนเข้าออกซุ้มอยู่” ว่าจบเขายืนภาพถ่ายอีกใบให้ มันเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด “คุณนวัฒน์ ซึ่งก็เป็น...”

    “ลูกเขยของคุณเมริสา” ภูรินท์ต่อท้ายให้จบแทน

    “ครับ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขารึเปล่า เพราะคุณสองคนไม่มีอะไรขัดแย้งมากพอถึงขนาดจะต้องส่งคนมาลอบฆ่า”

    “เขาไม่มีแต่อีกคนมี แม่ยายเขาไง”

    “ครับถ้าเป็นคนนั้น อาจจะพอเข้าเค้าได้ คุณสองคนเข้าร่วมประมูลนี้ด้วยกัน อาจเป็นไปได้ที่คุณเมริสามีเหตุจูงใจให้ทำแบบนี้ ถ้าเป็นเธอน่าจะมีน้ำหนักมากพอ” ทนายวัยกลางคนตั้งข้อสัณนิฐาน “เราคงได้แต่เดา ตอนนี้ผมรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่หามาได้แล้ว คุณจะให้ผมส่งให้ตำรวจเลยไหม”

    ภูรินท์เงียบไปอย่างใคร่ครวญ ทั้งยังเจ็บใจนัก นี่ถึงขนาดหมายชีวิตเข้าเลยหรือ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจจริง นึกเคืองไปถึงอีกคน แน่นอนหากเขาส่งมันให้ตำรวจ ไม่นานก็สาวไปถึงผู้บงการได้ แต่แบบนั้นมันจะไปสนุกอะไร

    “ยังก่อน”

    “อ้าวทำไมล่ะครับ หลักฐานที่เรามีตอนนี้ แม้ไม่มาก แต่ก็น่าจะมีประโยชน์ต่อรูปคดีนะครับ” ทนายวัยกลางคนแย้งขึ้น

    “ผมต้องการแน่ใจอะไรสักอย่างก่อน เรื่องนี้อย่าเพิ่งทำอะไรจนกว่าผมจะสั่ง” เขาบอกเสียงเข้ม อีกฝ่ายแม้ไม่เห็นด้วย แต่ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจเขา

    “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”

    ภูรินท์ใช้นิ้วถูริมฝีปากตน ใจก็ครุ่นคิด มือเขานั้นยังถือรูปถ่ายไว้อยู่ อยากพิสูจน์บางอย่างเพื่อความแน่ใจเขายื่นมือออกไปยกหูโทรศัพท์กดโทรฯออก

    “เที่ยงนี้คุณออกมาหาผมหน่อยสิเมลินดา”น้ำเสียงที่อีกฝ่ายตอบรับมาเหมือนจะงงๆ ที่จู่ๆ เขาก็โทรฯนัดออกมา หาแต่ใจคนนัดนั้นนั้นหนักอึ้งชอบกล หวังว่าคุณจะไม่รู้เรื่องนี้นะเมย์

     เมลินดามาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย โดยที่คนนัดนั้นยังมาไม่ถึง มันน่าแปลก เขานัดเธอมาทำไมนะในเมื่อเขาเกลียดเธอออกขนาดนี้ ใจก็คิดไปต่างๆ นาๆ จนกระทั่งเขาเดินเข้ามา

    “คุณนัดฉันออกมามีอะไรคะ”

    “ผมก็แค่อยากเจอคุณน่ะ ทำไม ไม่ได้หรือไง หรือตอนนี้คนอื่นอย่างผมไม่มีสิทธิ์นัดเจอคุณ” มันกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาไปแล้วที่พบเธอเมื่อไหร่เป็นต้องเหน็บ

    “คุณมีอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ ฉันอยู่คุยด้วยได้ไม่นาน”เธอเร่งให้เขาพูดธุระต่อเพราะไม่อยากฟังเขาพูดจาถากถาง“แผลคุณเป็ยังไงบ้าง”

    “ยังไม่ตาย คุณถามมาก็ดีเลย ตอนนี้ผมกำลังสืบเรื่องมือปืนนั่นอยู่ ผมเป็นพวกใจร้อนน่ะนะ ไม่ชอบรอ วันก่อนได้รูปพรรณสันฐานคนร้ายมาผมจึงเอาไปเปรียบกับคนในซุ้มมือปืนต่างๆ ไอ้คนลงมือมันเป็นคนในซุ้มมือปืนแถวนครราชสีมา” ฟังเขาพูดแค่นี้เธอเผลอกลืนน้ำลายภูรินท์เหล่มองกิริยานี้ของหญิงสาว “และช่างบังเอิญเหลือเกินที่น้องเขยคุณดันรู้จักกับไอ้หมอนี่ด้วย” เขาพูดพลางยื่นซองสีน้ำให้เธอไปเปิดดู “ผมนึกไม่ออกเลยนะว่าน้องเขยคุณมันจะแค้นอะไรผมถึงขนาดจ้างคนมาทำร้ายผมแบบนี้ จริงอยู่ที่ผมมีเรื่องผิดใจกัน แต่คิดว่ามันคงไม่มากพอเว้นเสียแต่ว่า เขาจะรับคำสั่งของคนอื่นมา”

    เมลินดามองภาพถ่ายในมือตนแทบจะกลั้นหายใจ พยายามทำสีหน้าให้เรียบนิ่ง

    “แล้ว...คุณสงสัยใครคะ”

    “นั่นสิ ใครกันที่จะได้ประโยชน์หากผมเป็นอะไรไป คุณคิดออกไหม”

    “ฉันไม่รู้ค่ะ” เธอตอบพร้อมหลบเลี่ยงสายตาของเขาที่จ้องมาราวกับเธอเป็นคนร้ายเสียเอง

    “ที่จริงมันก็ไม่ยากหรอกนะ แค่ผมส่งข้อมูลที่ผมมีไปให้ตำรวจ ไม่นานก็คงจะสาวไปถึงผู้บงการ คุณคงรู้ว่าคนอย่างนายนวัฒน์ไม่ยอมรับผิดแทนคนอื่นหรอก เดี๋ยวมันคงสารภาพจนหมดเปลือกแน่ คุณอยากให้เป็นแบบนั้นไหม”

    เธอไม่กล้าตอบ แน่นอนเธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแน่ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นฝีมือใคร แม้เมริสาจะไม่ยอมรับ แต่เธอมั่นใจว่าเป็นเมริสาแน่ๆ

    “โอเค คุณเงียบแบบนี้แปลว่าอยากให้ผมส่งมันให้ตำรวจ” ภูรินท์ยื่นมือออกมาหมายจะเอาข้อมูลพวกนี้คืนแต่เมลินดาร้องห้าม แค่เท่านี้เขาถึงกับถลึงตา

    “อย่าค่ะ ได้โปรด อย่าเอามันไปให้ตำรวจเลย”

    “บ้าชิบ! นี่แปลว่าคุณรู้หรือ คุณสมรู้ร่วมคิดกับแม่คุณหรือ ทำไมคุณสองคนแม่ลูกถึงได้เลวขนาดนี้”

    “ฉะ..ฉัน” เธอปฏิเสธไม่ออกเลย ถึงเธอไม่ได้สมรู้ร่วมคิดดังที่เขากล่าวหาแต่เธอก็มีส่วนรู้เห็นแต่แรก

    ภูรินท์อึ้งกับสิ่งที่ตนได้รับรู้ เขาไม่อยากเชื่อว่าเธอจะทำกับเขาแบบนี้ ทำร้ายหัวใจเขายังไม่สาแก่ใจ เธอคงอยากเห็นตายลงต่อหน้ากระมัง

    “คุณ...จะส่งมันให้ตำรวจไหมคะ” เธอถามเสียงอ่อยด้วยความกริ่งเกรงอีกฝ่ายอย่างที่สุด นัยน์ตาดุดันและแข็งกร้าวเขม่นมอง

    “คุณอยากได้ไหม” จู่ๆ เขาก็ถามออกมา

    “ค่ะ ถ้าคุณจะกรุณา...”

    “ก็เอาไปสิ”

    เมลินดานิ่งมองอย่างไม่เข้าใจ นี่เขาต้องการอะไรกันแน่นะ มายกข้อมูลสำคัญให้เธอง่ายๆ แบบนี้ แต่พอเธอเอื้อมมือออกไปภูรินทกลับกดมันไว้

    “คุณจะเอามันไปก็ได้ แต่ผมจะไม่ให้คุณฟรีๆ คุณต้องยอมทำตามความต้องการของผม”

    “ทำอะไรคะ”

    “ทำสิ่งที่คุณถนัด คุณเอาข้อมูลพวกไปได้ ถ้าคุณมาหาผมที่เพ้นเฮาส์ คืนนี้...” ภูรินท์บอกจุดประสงค์ด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

    “แต่ฉันกำลังจะแต่งงานนะคะ” เมลินดาท้วงขึ้นอย่างไม่พอใจ

    “มันไม่ใช่เรื่องของผมนี่ ถ้าคุณไม่อยากให้ผมเอาเรื่อง คุณก็ต้องยอมมาเป็นเมียเก็บผมอย่างที่คุณเคยเป็น” เขาต้องการให้เธอเจ็บช้ำโดยการตอกย้ำว่าที่ผ่านมาเธอมีสถานะเป็นได้แค่นั้นสำหรับเขา เมียเก็บ! และเขากำลังจะหยิบยื่นฐานะนี้กลับมาให้เธออีกครั้ง

    “ทำไมคุณใจร้ายกับฉันแบบนี้”

    “หากจะโทษก็ต้องโทษแม่คุณที่ใช่วิธีสกปรกกับผมก่อน ตัวคุณเองก็น่าสมเพชพอกัน เชื่อผมเลินดา เป็นนางบำเรอผมไม่ยากหรอก คุณถนัดอยู่แล้วนี่ ทุกวันนี้คุณก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงหากินยอมให้แม่จับใส่พานไปถวายให้คนนั้นทีคนนี้ที เพิ่มผมอีกคนจะเป็นไรไป”

    เขาทิ้งคำพูดร้ายกาจให้ทำร้ายเธอ แล้วลุกหนีไปปล่อยให้เธอนั่งอยู่อย่างอดสูกับชะตาอันแสนโหดร้ายของตน เธอไม่ได้ทำผิดอะไรเลยแต่กลับต้องมารับโทษแทนคนอื่น ไม่ใช่สิ ไม่ใช่คนอื่นแต่คนๆ นั้นเป็นแม่ของเธอเอง








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×