ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลมรัก มายาลวง

    ลำดับตอนที่ #4 : ลมรัก 4

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 58


    CR.SQW

            ครั้นเมื่อเท้าเล็กลงมาเหยียบพื้นดินอย่างมั่นคง แหงนหน้ามองบ้านหลังใหญ่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ บ้านสุดหรูกินเนื้อที่กว้างขวาง รายล้อมไปด้วยสนามหญ้า วงเวียนน้ำพุหน้าบ้านตั้งตระหง่านน่าดูชม เมื่อเหยียบย่างเข้ามาในตัวบ้านก็ตกตะลึงกับความหรูเริ่ดจนเธอแทบจะไม่กล้าจะใส่รองเท้าเข้ามาเหยียบย่ำเลยทีเดียว

                    “ โหแม่...อลังการงานสร้าง บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้แม่ไม่กลัวมั่งเหรอ “ เอ่ยถามไปพลางสอดส่ายสายตากวาดไปทั่วห้องโถง เพดานสูงลิ่วต้องแหงนจนคอตั้ง โคมระย้าที่เก่าแก่มีคุณค่าประดับตัดกับพื้นเพดานสีครีมพร้อมลวดลายวิจิตรแบบช่างสมัยเก่า

                    “ จะกลัวทำไมคนออกเต็มบ้าน ถ้าแกชอบนะ มาอยู่กับแม่เสียที่นี่สิ “

                    “ ขอคิดดูก่อนได้ไหมแม่ “ ตอบแบบไม่ผูกมัดเพราะตนก็ไม่แน่ใจ ไม่ใช่ชอบที่นี่ อันที่จริงเธอปลื้มมันมาก เพียงคิดว่ามันอาจจะไม่เหมาะกับเธอ

                    “ ยังต้องคิดอีกหรือ นี่ยัยเกลอยู่นั่นแกก็ตัวคนเดียว ญาติมิตรที่ไหนก็ไม่มีจะอยู่ทำไม ไม่รู้ล่ะแกต้องมาอยู่กับแม่ห้ามปฏิเสธ “ น้ำเสียงขึงเข้มแบบคนเอาแต่ใจ เพราะต้องทิ้งเธอไว้เพียงลำพังแล้วตนมาอยู่อย่างมีความสุข คงพะวงหน้าพะวงหลังจนไม่เป็นอันทำอะไร

                    “ แม่อ่ะ อย่าบังคับหนูได้ไหม “ น้ำเสียงงอนเง้าแบบเด็กๆ ยังแอบส่งค้อนตอนแม่ไม่เห็น

                    “ ไม่ได้! ต้องมา ห้ามเถียงด้วย แค่ลูกคนเดียวเอาไม่อยู่ให้มันรู้ไป “ สองมือเท้าสะเอวพร้อมสายตาดุเข้ม จากนั้นจึงเปลี่ยนมาโอบไหล่ “ มาเถอะ แม่สั่งคนจัดห้องไว้ให้แล้ว รับรองแกต้องชอบอย่างแน่นอน “ เปลี่ยนทีท่ามาเป็นอ่อนลง ก่อนที่รมย์นลินจะดันเธอขึ้นไปยังชั้นบนอย่างที่ตั้งใจ โดยมีเบอนาร์ดอมยิ้มตามหลังอย่างมีความสุข หากเขาสนิทกับมิคาเอลเช่นนี้บ้างคงจะดีไม่น้อย แต่รายนั้นชอบทำตัวติดเพื่อนมากกว่าติดพ่อ แต่ก็อย่างว่าผู้ชายก็แบบนี้ คิดไปคิดมาก็ชักอยากจะมีลูกสาวบ้างเสียแล้วสิ

                    ครั้นเมื่อรมย์นลินพาเธอมายังห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออกบนชั้นสอง เป็นห้องขนาดใหญ่ บานหน้าต่างเกือบรอบทิศจนสามารถเปิดออกไปชมทะเลสาบสีมรกต แลเห็นเทือกเขาสีขาวโพลนอยู่ไกลโพ้น หากแต่เป็นภาพที่งดงามจับตา และเมื่อหันไปทางซ้ายมือจะเห็นทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงคราม เหมือนว่าเธอจะได้กลิ่นหอมเอื่อยๆ ด้วยเมื่อมันลอยมากับสายลม กลิ่นดินแห้งเย็น กลิ่นหญ้า เธอชักจะหลงรักที่นี่เสียแล้วสิ

                    “ ชอบใช่ไหมล่ะ “ เสียงรมย์นลินเรียกเธอกลับมาจากห้วงคิดที่กำลังลอยล่ะล่องไปกับทุ่งดอกไม้แสนสวย เกลินหันไปส่งยิ้มกว้างแทนคำตอบ “ อยู่ที่นี่กับแม่นะ ตั้งแต่นี้ไปที่นี่จะเป็นบ้านของเรา จะเป็นบ้านของลูก เราจะไม่ไปไหนอีก “ เพียงเท่านี้เธอก็โอบกอดผู้เป็นแม่เป็นการแสดงถึงความรักที่น้อยนักสำหรับทั้งคู่ แต่ถึงไม่แสดงออกเธอก็รู้ว่ารมย์นลินรักเธอเพียงใด และพยายามที่จะหาสิ่งดีๆ ให้กับเธอ

                    หลังจากที่จัดแจงข้าวของเข้าที่ เกลินได้อาบน้ำผลัดผ้าชุดใหม่ เพราะอากาศที่นี่แห้งเย็น เครื่องแต่งกายจึงเน้นผ้าเนื้อหนาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกาย หญิงสาวลงมาห้องนั่งเล่นที่มีรมย์นลินกับเบอนาร์ดนั่งคุยกันอยู่ บนโต๊ะเต็มไปด้วยการ์ดงานแต่ง ของชำร่วย และอื่นๆ อีกมากมายทั้งคู่ดูยุ่งมาก เธอพยายามจะช่วยเท่าที่ช่วยได้

                    “ จริงสิ เดี๋ยวจะมีช่างมาวัดตัวหนูนะ ฉันสั่งไปเรียบร้อยแล้ว “ เบอนาร์ดเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มใจดี

                    “ วัดตัว? วัดตัวหนูทำไมค่ะ “ เธอเอียงหน้าย้อนถามอย่างสงสัย

                    “ อ้าว! ก็แกจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวนี่ คงจะไม่แต่งตัวแบบนี้ไปงานแต่งฉันหรอกนะ “ ว่าพลางช้อนสายตาใส่ชุดของเธอราวกับว่ามันไปทำอะไรให้โกรธเคืองนักหนา ทั้งที่มันก็อยู่ของมันดีๆ รมย์นลินเองต่างหากที่มีปัญหากับชุดของเธอ

                    “ อ้อ..แล้วยังมีเครื่องประดับด้วย ชอบอันไหนก็สั่งเลยนะ “ เบอนาร์ดเลื่อนแคตตาล็อกมาให้ เมื่อหญิงสาวรับมาเปิดดู ตาคู่สวยพองขึ้นอย่างตื่นตะลึง แค่เห็นภาพก็ไม่จำเป็นต้องถามราคาแล้ว เพราะมันคงแพงหูฉี่

                    “ เอ่อ หนูไม่กล้าใส่หรอกค่ะ มันแพงเกินไป “ เธอเลื่อนกลับไป

                    “ แพงเพิงอะไรกัน ฉันเต็มใจ ถ้าไม่คิดฉันเป็นคนอื่นก็รับความหวังดีของฉันไว้เถอะ คิดเสียว่าฉันเป็นครอบในครัวหนูคนหนึ่ง เมื่อฉันแต่งงานกับแม่เธอแล้วฉันก็จะมีสถานะเป็นพ่อเลี้ยงของเธอ ฉันดีใจที่ฉันจะมีลูกสาวเพิ่มอีกคน “

                    เกลินได้แต่ยิ้มนิดๆ อดปลื้มใจไม่ได้ ที่ตอนนี้เธอกำลังจะมีคนในครอบครัวเพิ่มอีกหนึ่งแล้ว และคิดว่ารมย์นลินเลือกคนไม่ผิดจริงๆ ระหว่างนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมยื่นบางอย่างให้เบอร์นาร์ด เมื่อเขาพูดคุยอะไรซักอย่างที่เธอได้ยินไม่ถนัด จนเมื่อเบอนาร์ดหันกลับมาพร้อมของในมือ

                    “ ได้เรื่องแล้ว ฉันได้ภาพจากล้องวงจรปิดจากสนามบิน ทีนี้เราก็มาดูกันสิว่าไอ้โรคจิตนั่นเป็นใคร หนูไม่ต้องกังวลฉันมีเส้นสายอยู่ที่นี่พอดู การจะหาตัวใครซักคนไม่ใช่เรื่องยากเลย “ เขาบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ

                    “ แหมหนูเกรงใจจัง มาวันแรกก็ทำเรื่องยุ่งยากให้เสียแล้ว “ พูดด้วยความเกรงใจ ทั้งที่ข้างในแอบยิ้ม รวดเร็วทันใจดีจริง ทีนี่แหล่ะนายเสร็จฉันแน่ เธอเชื่อว่าเบอนาร์ดทำได้อย่างที่ปากพูดจริงๆ เพราะตระกูลของเขาเป็นผู้ดีเก่าแก่ และยังมีเหมืองแร่ที่ติดอันดับต้นๆ ของแคนนาดา ทำรายได้ในแต่ล่ะปีมากมายมหาศาล มีพ่อเลี้ยงใหญ่โตคับฟ้าก็ดีแบบนี้แหล่ะ

                    เบอนาร์ดพาสองแม่ลูกเข้าไปในห้องทำงาน จัดแจงเปิดภาพดู พอเห็นภาพเคลื่อนไหวแบบไกลๆ เขาก็ยังไม่เอะใจ มองภาพเกลินเป็นลมจนมีชายคนหนึ่งประคองเอาไว้ แล้วไปพานั่ง และเมื่อซูมเข้ามาจนได้เห็นหน้าชัดๆ เท่านั้นแหล่ะ ถึงกับตาค้างนิ่งอึ้งไปชั่วขณะพอๆ กับรมย์นลิน แม้จะไม่เคยเห็นหน้าค่าตาว่าที่ลูกเลี้ยงคนนี้ตัวเป็นๆ แต่เบอนาร์ดก็เคยเอาภาพถ่ายมิคาเอลให้ดู เธอเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน

                    “ นี่แหล่ะค่ะ ไอ้หมอนี่แหล่ะที่มันลวนลามหนู เห็นจะๆ ภาพชัดขนาดนี้ เอาไปแจ้งความได้เลยนะค่ะเนี่ย มีอย่างที่ไหนถือโอกาสกับคนไม่ได้สติ “ เธอยังพร่ำว่ามิคาเอลไปต่างๆ นาๆ เบอนาร์ดกับรมย์นลินถอยหลังออกไปเพื่อให้อยู่ห่างจากระยะที่เธอจะได้ยิน จากนั้นเบอนาร์ดจึงกระซิบเสียงค่อย

                    “ ที่รัก..คุณว่าผมบอกแกดีไหม ว่าไอ้หมอนั่นน่ะ ลูกชายผมเอง “

                    “ เอ่อ..ฉันว่า อย่าเพิ่งเลยนะ “ รมย์นลินบอกอย่างงงๆ เกลินยังพูดต่อไปอย่างมันปาก และเมื่อเธอทำท่าจะลามปามไปถึงบุพการี รมย์นลินจึงรีบดักเอาไว้ก่อน “ อะแฮ่ม...แม่ว่านะ ปล่อยให้เบอนาร์ดเป็นคนจัดการเองดีกว่านะ อย่าเพิ่งไปแจ้งความเลย “

                    “ ทำไมล่ะคะแม่ หนูมีความแค้นอย่างใหญ่หลวงที่จะต้องชำระกับหมอนี่นะคะ นี่ยังไม่รวมที่มันหาว่าหนูปล้ำมันจนหนูถูกไล่ออกจากงาน บัญชียาวเยียดแบบนี้หนูยอมไม่ได้ค่ะ “ เธอบอกอย่างไม่ยอมแพ้ เบอร์นาร์ดถึงกับกุมขมับ

                    “ หนูไม่ต้องห่วงนะ ถ้าเขาทำแบบนั้นจริงๆ ฉันจะให้เขามาขอโทษหนูเอง “

                    “ คุณพูดเหมือนรู้ว่าเขาเป็นใครเลยนะคะเนี่ย “ หญิงสาวตั้งข้อสงสัย เบอนาร์ดจึงอ้ำอึ้งก่อนที่รมย์นลินจะช่วยเขาได้ทัน

                    “ เถอะน่า แม่บอกแล้วไงให้เบอนาร์ดจัดการ แกก็อย่าอารมณ์เสียนักเลยน่า มาเดี๋ยวพาไปนวดดีกว่าจะได้อารมณ์ดีขึ้นไง “ รมย์นลินดันเธอออกไปจากโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรต่ออีก เบอร์นาร์ดพ่นลมหายใจอย่างหนักอก ไอ้ลูกชายตัวดีก่อเรื่องเข้าจนได้ เขานึกยังไงของเขานะ คิดได้ดังนั้นจึงหยิบโทรศัพท์กดโทรฯ หากแต่ทางนั้นไม่มีสันญาณตอบรับ

              ด้านคนก่อเรื่อง กำลังนำผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดหน้า รอยแดงจางๆ ปรากฏเป็นทางยาวบนใบหน้าอันแสนจะเพอร์เฟค และมีก็ยังรอยช้ำที่มือซ้าย

                    “ ยัยหมาบ้าเอ๊ย! “ สบถเสียงขุ่น ให้ตายสิ มาหาว่าเขาเป็นโรคจิต มันน่าปล่อยให้นอนกองอยู่กับพื้นแบบนั้นเสียก็ดี ไม่ช่วยเลยผับผ่า เสียงโทรศัพท์ยังคงดังต่อเนื่องนานแล้ว เขาไม่สนใจ แต่มันยังดังต่อไปจนน่ารำคาญ เมื่อหยิบมาดูพอเห็นจึงกดปิดเครื่องไป รายนี้ก็เหมือนกันเธอเป็นคู่ควงเขาอยู่พักหนึ่ง เป็นพริตตี้สาวที่หิ้วกลับมาจากงานโชว์รูมแห่งหนึ่งเพียงเพื่อสนุกเท่านั้น หากแต่เจ้าหล่อนกลับติดเขาหนึบจนแกะไม่ออก เมื่อเสียงออดหน้าห้องดังขึ้น เขารู้เลยว่าเป็นใคร และอีกฝ่ายยังกระหน่ำกดไม่เลิก จำเป็นต้องเดินไปเปิดอย่างหัวเสีย

                    “ มิกกี้...คิดถึงคุณจังเลยค่ะ ฉันโทรฯหาคุณตั้งหลายครั้งทำไมไม่รับล่ะคะ แถมยังปิดเครื่องอีก “ หล่อนว่าน้ำเสียงงอนเง้า ก่อนที่ใบหน้าโฉบเฉี่ยวจะเปลี่ยนเป็นตกใจ “ หน้าคุณไปโดนอะไรมา “

                    “ แมวข่วน “ ตอบด้วยอาการเซ็งสุดขีด

                    “ แมวหรือผู้หญิงคะ ดูท่าแมวตัวนี้คงตัวใหญ่น่าดู “ น้ำเสียงแบบคนจ้องจับผิด จนชายหนุ่มมองหน้า

                    “ เอมม่าเราตกลงกันแล้ว ผมให้สิทธิ์คุณมีอิสระผมก็ต้องได้สิทธิ์นั้นเช่นเดียวกัน “ แววตาเข้มขรึมเอาจริงจนหญิงสาวหน้าเสีย

                    “ แหม..ฉันก็แค่ถามดู ไม่ได้รึไงคะ ไม่เอาน่าที่รักอย่าอารมณ์เสียสิคะ ฉันคิดถึงคุณนะ ได้ยินมาว่าคุณไปเมืองไทยมาหรือ “ แกล้งเปลี่ยนเรื่องก่อนที่เขาจะโกรธมากกว่า เพราะดูแล้วอารมณ์คงไม่ดีเอามากๆ เลยไม่อยากให้เขาเคือง เบียดกายนุ่มนิ่มเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะโดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้อนุญาต พร้อมควงแขนพาเขาไปนั่งที่โซฟา “ คุณใจร้ายจัง ไม่ชวนฉันสักคำ “

                    “ ผมไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว แล้วนี่มาจะเอาอะไรอีก “ เอ่ยถามอย่างรู้ทัน

                    “ ฉันมาก็เพราะคิดถึงคุณเฉยๆ ไม่ได้มาเอาอะไรเสียหน่อย “ ตอบพลางหน้ามุ่ย แต่ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นออกมาพร้อมเช็คเงินสด แล้วยื่นให้

                    “ พอไหม รับแล้วก็กลับไปเถอะ “

                    “ คุณเห็นฉันเป็นคนแบบนั้นหรือค่ะ “ แสดงอาการน้อยอกน้อยใจ “ ฉันอุตส่าห์มาหาเพราะคิดถึงนะ ไม่เอาน่าที่รัก เราไม่เจอกันมาตั้งพักหนึ่ง ฉันก็อยากอยู่ให้หายคิดถึง “ ขณะที่ปากพูด มือเรียวนุ่มก็รับมันไปวางบนโต๊ะ ก่อนจะดึงร่างสูงลงมานั่งขยับกายนุ่มขึ้นไปบนตัก พร้อมสองแขนกลมกลึงโอบรอบคอหนุ่ม “ นะคะ ฉันรู้วันนี้คุณอารมณ์ไม่ดี ฉันจะทำให้คุณผ่อนคลายเอง “ ว่าพลางกดริมฝีปากประกบอย่างนุ่มนวลจนคนร่างใหญ่ตกอยู่ภวังค์อยู่ชั่วครู่ แต่แล้วเขาก็ถอนริมฝีปากออก

                    “ วันนี้ผมเหนื่อยมากจริงๆ ขอผมพักเถอะนะ “ น้ำเสียงอ่อนลง เอมม่ารู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อยที่โดนปฏิเสธซ้ำอีก

                    “ ก็ได้คะ งั้นพรุ่งนี้ฉันมาหานะ “

                    “ พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง ช่วงที่บ้านผมจะมีงานแต่ง พ่อผมน่ะ “

                    “ พ่อคุณน่ะหรือจะแต่งงาน...ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปงานแต่งด้วยได้ไหมคะ นะคะที่รัก ฉันอยากไปทำความรู้จักกับพ่อคุณ ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งก็ได้ นะคะ “ ออดอ้อนสุดฤทธิ์อย่างมีความหวัง ตอนแรกเขาก็ว่าจะปฏิเสธ แต่พอคิดๆ ดูอีกที มีเธอไปด้วยอาจจะดีกับเขา เพราะหากผู้เป็นพ่อคิดอะไรพิเรนขึ้นมา อย่างน้อยก็ยังมีไม้ไว้กันหมา เพราะทางนั้นดูเหมือนจะพออกพอใจยัยคนลูกสาวพอดู ยิ่งเบอนาร์ดมักหาคนนั้นคนนี้ให้อยู่เรื่อย ไม่มีวันซะล่ะที่เขาจะยอมให้คนที่เกลียดตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้ามาทำให้เขาสิ้นสุดอิสรภาพ

                    “ เอางั้นก็ได้ “

                    “ ขอบคุณค่ะ คุณนี่น่ารักที่สุดเลย งั้นเจอกันวันงานนะคะ “ พูดพลางบรรจงหอมแก้มชายหนุ่มฟอดใหญ่ “ งั้นฉันกลับก่อนนะ “ เมื่อกายระหงขยับลุก ก่อนไปเธอยังหยิบเอาเช็คไปด้วย มิคาเอลยกยิ้มที่มุมปาก เพราะรู้แบบนี้ไงเขาถึงไม่ยอมผูกมัดกับเธอ เพราะเธอชอบเงินเขา ไม่ใช่ตัวเขา แม้ว่าจะมีผู้หญิงมากมายที่ผ่านเข้ามา กลับไม่เคยมีซักคนที่รักเขาจริงๆ จนอดคิดในใจไม่ได้ว่าจะมีคนที่จริงใจหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้บ้างไหมนะ ผู้หญิงคนเดียวที่เขาเคยเจอ คนเดียวที่ไม่เห็นแก่เงินก็คงจะมีแต่มารดาบังเกิดเกล้าของเขาเอง

     

                    ภายในวิลล่าสุดหรู ทั่วบ้านเดินกันวุ่น เพื่อจัดเตรียมสถานที่สำหรับงานแต่งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สนามหญ้าถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้สีขาวนวล บ้านหลังนี้มีแม่บ้านที่เป็นคนไทยรวมอยู่ด้วยเธอจึงเข้าไปตีสนิท หากว่าต้องมาอยู่ที่นี่จริง อย่างน้อยมีพวกไว้ก็ดีกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบ แม้รมย์นลินจะอยู่ด้วย หากแต่หลังจากจบงานแต่ง ทั้งเธอและเบอนาร์ดวางแผนจะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันและทริปนั้นอาจยาว

                    “ ให้เกลช่วยไหมจ๊ะพี่อร “ หญิงสาวมายืนมองแม่บ้านวัยสี่สิบต้นๆ กำลังจัดช่อดอกไม้อยู่ตรงห้องโถงใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงหวานใสของเธอหล่อนจึงหันมาส่งยิ้มให้

                    “ อย่าเลยค่ะ งานพวกนี้ให้เราทำดีกว่านะ “

                    “ แต่เกลอยากช่วยนี่คะ ไม่อยากอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเป็นง่อย “ เธอว่าพลางเอื้อมมือไปช่วย ดอกไม้หลากสีถูกจัดอย่างสวยงาม แต่ที่เน้นชัดน่าจำเป็นดอกลิลลี่ซึ่งรมย์นลินชื่นชอบมันเป็นพิเศษ ทั่วบ้านจึงมีประดับประดาไปตามมุมต่างๆ ชวนให้ใจสดชื่นและสบายตาเป็นอย่างยิ่ง “ เออจริงสิ พี่อรอยู่นี่มานานแล้รึยังคะ “ ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่มือก็ไม่ปล่อยให้ว่างบรรจงแต่งก้านใบเฟิร์นเพื่อให้มันลงไปอยู่ในแจกันได้พอดี

                    “ อูยนานแล้วคะ ตั้งแต่สมัยที่คุณผู้หญิงยังไม่เสียเลยค่ะ  ตอนเธออยู่บ้านไม่เคยเงียบเหงาเลย แต่พอหลังจากเธอเสียบ้านก็ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ พ่อลูกต่างคนต่างอยู่เฮ้อ! แต่อีกไม่นานถ้ามีคนสองคนมาอยู่มันคงไม่เงียบแล้วล่ะค่ะ “

                    “ แต่พูดก็พูด ตั้งแต่เกลมายังไม่เห็นลูกชายคุณเบอนาร์ดเขาเลย “

                    “ อ๋อ..รายนั้นเธอไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกคะ นานๆ จะกลับมาที “

                    “ งั้นเหรอคะ แต่น่าแปลกนะ เกลไม่เห็นมีรูปเขา “ แน่ล่ะมาวันที่สองก็เล่นสำรวจเสียทั่วบ้านตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น

                    “ คุณมิกกี้เธอไม่ชอบถ่ายรูปน่ะค่ะ ถ้าจะมีก็มีรูปตอนเด็ก อยากดูไหมคะ “ เมื่อเธอบอกเช่นนั้น เกลินรีบพยักหน้าทันที เมื่อมาอาศัยบ้านเขาอยู่ก็จำเป็นที่จะต้องรู้จักหน้าค่าตาของเจ้าของบ้าน แม้จะเป็นรูปตอนเด็กก็เถอะ อรเดินไปที่ตู้ไม้สีคาราเมลอ่อนเปิดหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะโงหัวขึ้นมาพร้อมกับอัลบั้มรูปปกหนังสีน้ำตาลไหม้ดูเก่าคร่ำครึท่าจะเก็บไว้นานแล้ว และเมื่อส่งให้เธอจึงเปิดดู เป็นภาพครอบครัวที่แสนสุขสันต์ ทุกหน้าจะมีนายแบบหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักยืนส่งยิ้มอย่างมีความสุข เส้นผมสีน้ำตาลเข้มดูอ่อนนุ่ม

                    “ ว้าว! นี่เหรอคะคุณมิกกี้ น่ารักจังค่ะ ตาสีฟ้าครามด้วย แต่เอคุ้นๆนะ “ เธอพูดพลางยกมือนุ่มเกาแก้ม เอียงหน้านิดๆ อย่างครุ่นคิด อยู่ๆ ก็นึกถึงใครบางคน เหมือนเห็นภาพซ้อน มันช่างบังเอิญเหมือนกันอย่างน่าประหลาด ไม่มั้งทั่วทั้งแคนนาดาคนที่มีดวงตาสีนี้มีออกถมถืด ใช่ว่าจะมีแต่นายนั่นคนเดียวเสียเมื่อไหร่ แต่ทำไมนะเธอถึงรู้สึกว่ามันคล้ายกันมาก แน่นอนว่าเขาไม่ได้โดดเด่นพอที่จะให้จดจำ เพียงแต่กระทำที่ไม่น่าคบมันจะทำให้เธอจำเขาไปจนตาย แค่ไม่กี่ครั้งที่พบกันกลับสร้างเรื่องให้เธอมากมาย คนบ้าอะไรก็ไม่รู้คิดขึ้นมาทีไรอารมณ์ขึ้นทุกที




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×