ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลมรัก มายาลวง

    ลำดับตอนที่ #3 : ลมรัก 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 565
      8
      13 ก.พ. 58

    CR.SQW
    in this life

     

     

                    เนื่องจากรมย์นลินต้องกลับแคนนดาไปก่อน เพราะต้องเตรียมตัจัดงานและจิปาถะอีกมากมาย เพราะฉะนั้นเกลินจึงต้องตามไปทีหลัง แต่เพราะเธอไม่เคยออกนอกประเทศมาก่อน การขอวีซ่าจึงค่อนข้างยุ่งยาก แต่กระนั้นรมย์นลินก็จัดการทุกอย่างห้เสร็จสรรพ เธอจ้างคนพาเกลินไปขอวีซ่าซึ่งกว่าจะได้ก็ต้องผ่านกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี ที่เธอทำได้ตอนนี้ก็แค่รอเลาเท่านั้น เมื่อว่างหญิงสาวจึงเอาเวลาไปช๊อปปิ้งบ้าง ดูหนังบ้าง ฆ่าเวลาไปวันๆ มีเงินมันก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องไปนั่งเป็นลูกจ้างให้เขาจิกหัวใช้ ถึงอย่างนิสัยตระหนี่ก็ยังคงติดอยู่นเส้นเลือด แม้มีเงินมาก แต่เธอก็ยังเลือกที่จะไปเดินตามตลาด มากกว่าที่จะเดินตากแอร์ ซื้อของแต่ล่ะที ต่อแล้วต่ออีกจนแม่ค้ามองหน้า ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ยุคนี้สมัยนี้ อะไรที่ประหยัดได้ เพราะเธอไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แม้จะไม่ลำบากมากมายนักเพราะรมย์นลินดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องเผื่อไว้บ้าง

                    นัยน์ตาสีดำสนิททอดต่ำ เมื่อพาตัวเองมายืนอยู่ตรงจุดชมวิวที่สูงที่สุด มองเวิ้งอ่าวที่ทอดยาวคล้ายจันทร์เสี้ยว แลเห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่กล้ชายฝั่ง ทัศนียภาพของหาดทรายสีขา โอบล้อมไปด้ยผืนป่าสีเขียว น้ำทะเลใสกลมกลืนกับท้องฟ้าสีครามในยามเย็น พลันผ่อนลมหายใจแผ่วเบา คงอีกพักหญ่ก่าเธอจะได้กลับมา แม้รมย์นลินจะชักชวนให้อยู่ด้ย แต่เธอกลับไม่คิดเช่นนั้นตามผู้เป็นแม่ คิดว่ามันคงเวลาที่ทั้งคู่คงจะมีเส้นทางชีวิตของตนเสียที รมย์นลินเหนื่อยมามากกับการดูแลเธอ มาวันนี้เห็นผู้เป็นแม่มีความสุขเธอก็ดีใจด้ย และเธอเองก็ต้องมีชีวิตของตัวเองบ้าง นั่นสินะ ต่อนี้ไปเธอจะเป็นยังไง

     

                    เมื่อวันเดินทางมาถึง เกลินมาถึงสนามบินก่อนเวลาเพื่อเช็คอิน เธอสวมชุดที่ไม่เป็นทางการมากนักเพื่อความสะดวกในการเดินทางไกล เสื้อเชิ้ตรัดรูปกับแจ็คเก็ตยีนส์สีเข้ม กางเกงขายาวสีดำเข้ารูปเน้นเรียวขา  พอหลังจากที่ต่อแถวยาวเยียดเพื่อโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง จากนั้นเธอจึงไปนั่งรอเวลา ระหว่างรอก็ดึงเอาสมุดเล่มใหม่ออกมา เป็นข้อมูลการท่องเที่ยว ไหนๆ ก็จะได้แคนนาดาทั้งที เธอจึงหาข้อมูลมาเต็มเปี่ยม และตั้งใจว่าจะเที่ยวให้คุ้มเสียก่อนค่อยกลับ รออยู่ไม่นานก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง รมย์นลินซื้อตั๋วชั้นบิสสิเนสคลาสให้ หรูเลิศแบบคนมีระดับจนเธอตกประหม่า แอร์โฮสเตสก็หน้าตาแจ่มใสยิ้มแย้มกันทุกคน ก็แน่ล่ะ เพราะอย่างนี้เขาถึงเรียกนางฟ้าบนเครื่องบิน ก่อนขึ้นเครื่องมาเธอได้เลือกที่นั่งตรงเคาน์เตอร์เช็คอิน ปรกติเธอชอบนั่งติดริมหน้าต่าง ไม่ว่าจะเป็นขึ้นรถ หรือลงเรือที่ไหน ด้วยอาการเมาได้ง่ายการได้นั่งติดริมหน้าต่าง แล้วมองออกไปข้างนอกมันช่วยได้เยอะที่เดียว แม้จะรู้ว่าหากมันลอยลำขึ้นสู่ท้องฟ้าเธอก็คงไม่เห็นอะไรอยู่ดีนอกจากหมู่เมฆ เพียงแต่ว่าที่นั่งที่เธอหมายตาไว้นั้นดันมีคนจองไปเรียบร้อย และเมื่อเธอมาถึง เจ้าของที่นั่งยังไม่มา เธอตั้งใจว่าจะขอเปลี่ยนกับคนๆนั้น ไม่รู้จะได้รึเปล่า

    เมื่อหย่อนก้นลงนั่ง อาการกลัวเครื่องบินก็เริ่มกำเริบ ซึ่งเธอไม่ชอบเอาเลยไปมาไหนหากไม่จำเป็นจะเลี่ยงการใช้บริการเครื่องบิน เธอชอบนั่งรถไฟมากกว่าอีก แอบคิดเล่นๆ ว่าหากมีรถไฟแล่นข้ามประเทศจะดีมากเลย ระหว่างที่นั่งเอนศีรษะพิงขอบหน้าต่างมองเครื่องบินอีกลำที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า คล้ายนกยักษ์ที่กำลังโบยบินโดยมีผู้โดยสารเต็มลำ จริงๆ มันก็ไม่แย่เท่าไหร่หรอกกับการนั่งเครื่อง ถ้าไม่เพราะว่ามันมีปะสบการณ์ที่ไม่ดีกับเธอเอามากๆ เพราะสูญเสียคนที่รักเพราะมันจึงทำให้เธอรู้สึกไม่ดี แต่มันก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ระหว่างที่เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างเหม่อลอยอยู่นั้น พลันมีเสียงทุ้มห้าวเอ่ยขัดจังหวะ เธอจึงดึงตัวเองมาจากห้วงความคิด

    “ ขอโทษนะครับคุณ นั่นที่นั่งผม “ เมื่อจบคำเขา หญิงสาวเอี่ยวหน้ามอง วงหน้าเรียวที่กำลังจะเผยยิ้มกลับต้องชะงักค้าง โอย..ให้ตายสิ ทำไมนะเธอถึงหนีไม่พ้นไอ้หน้าปลาจวดคนนี้เสียที และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะคิดเช่นเดียวกับเธอ เมื่อเขาพ่นลมออกทางจมูกดังพรืดแสดงอาการหงุดหงิดใจไม่ด้อยไปกว่ากัน “ ไม่ได้ดูหมายเลขรึไง รึว่าอ่านหนังสือไม่ออก “

    นั่นไงอาการปากเสียเริ่มทำงาน ความคิดที่ว่าจะขอแลกเปลี่ยนที่นั่งถูกกลืนหายลงไปทันที ขยับกายออกมาแบบไม่เต็มใจ เธอตรงไปหาแอร์ฯสาวสวยเพื่อขอเปลี่ยนที่ หากว่าต้องทนนั่งกับหมอนี่ไปตลอดทาง มีหวังอกแตกเพราะอึดอัดตายแน่

    “ ขออภัยค่ะ เราไม่สามารถเปลี่ยนที่ให้คุณได้ เนื่องจากที่นั่งเต็มหมดแล้ว “

    “ งั้นฉันไปนั่งชั้นประหยัดก็ได้ค่ะ “ เธอยังพยายามต่อรอง

    “ ชั้นประหยัดก็เต็มค่ะ “

    เกลลินยีผมอย่างคนอารมณ์เสีย จำเป็นต้องเดินมุ่ยกลับไปที่เดิมด้วยความผิดหวัง แค่เห็นหน้าเขาเธอก็แทบลมใส่ ยิ่งเมื่อนึกถึงว่าเพราะอะไรเธอถึงต้องกลายเป็นตกงาน ก็แทบอยากจะจับเขากดแนบไปกับหน้าต่างให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

    เมื่อถึงเวลาเครื่องออก สำหรับมิคาเอลถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ชินชาเสียแล้ว เพราะออกต่างประเทศบ่อย ด้วยงานของเขาที่กำลังจะเริ่มก่อตั้งบริษัทใหม่ เขามีโรงงานผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ยนต์ที่แคนนาดา และกำลังจะขยับขยายจึงมาหาทำเลที่เมืองไทย มีหลายที่ที่เขาหมายตาเอาไว้เพียงยังไม่ตกลงปลงใจว่าเป็นที่ไหน การมาเมืองไทยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามแล้ว เนื่องจากต้องรอหุ้นส่วนอีกหนึ่งจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากในตอนนี้ หากแต่การมาเมืองไทยครั้งนี้ของเขาไม่ดีเอาเลย เพราะยัยบ้าหน้าเลือดที่มากวนอารมณ์จนทริปนี้ของเขาต้องสั้นลง หลังจากที่คิดว่าอาจอยู่นานหน่อยกลับต้องกลับก่อนเวลา แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจนแล้วจนรอดก็ยังมาเจอีกจนได้ พระเจ้าช่างเล่นตลกเสียนี่กระไร ครุ่นคิดอย่างหงุดหงิด และเมื่อลอบชำเลืองยัยตัวปัญหา กลับนั่งเกร็งจนตัวแข็งทื่อ เมื่อเครื่องขึ้นไปลอยลำอยู่บนน่านฟ้าได้ไม่นาน เธอก็ออกอาการกระตุกเกร็งจนน่าขัน เขาอยากทำไม่ใส่ใจ หากไม่ใช่เพราะเธอกำมือเขาไว้แน่น แถมยังจิกเล็บไปบนหลังมือเขา ยัยบ้านี่กะว่าให้เนื้อติดหลุดมือเลยรึไงนะ

    “ แม่คุณ...เป็นอะไรล่ะนั่น ไม่เคยขึ้นเครื่องบินรึไง “ เอ่ยพลันขมวดคิ้วมอง

    “ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน หุบปากไปเลย “ เจ้าของเสียงหวานแวดใส่

    “ เห็นทีจะหุบปากไม่หรอก เพราะเธอกำลังทำฉันเจ็บ ถ้ากลัวก็จิกมือตัวเองสิ มาจิกมือฉันทำไม “ พูดพลางกระชากมือตนออกมาจนอีกฝ่ายหน้าเสีย เธอก็เพิ่งรู้ว่าตนกำมือเขาไว้ก็เมื่อตอนที่เขากระชากมันออกไปนี่แหล่ะ ชิทำเป็นห่วงเนื้อหวง อย่างกับเธออยากจับตายเลย

    “ ขอโทษ! “ เธอเน้นเสียงใส่หน้า ซึ่งความหมายกับน้ำเสียงมันไปคนล่ะทาง

    “ พูดแบบไม่เต็มใจแบบนี้อย่าพูดเลยดีกว่า ยัยบ้านนอกเอ๊ย “ คำดุหมิ่นแบบไม่รักษามารยาทพ่นออกจากปาก ทั้งที่เธออุตส่าห์ยอมเป็นฝ่ายขอโทษก่อน นายนี่วอนเสียแล้ว

    “ จะเอายังไง กะอีแค่หลังมือเป็นรอยนิดๆ หน่อยๆ ทำอย่างกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เป็นผู้ชายเสียเปล่า สำออยจริงๆ อย่างน้อยฉันก็ยังมีมารยาทเอ่ยปากขอโทษ ไม่เหมือนใครบางคน ผิดเต็มๆ ยังไม่รู้สำนึก แถมยังคิดจะเงินฟาดหัว ช่างเป็นคนดีจริงๆ “ อดที่รื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมาเหน็บไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ยังเกลียดชายคนนี้อยู่ดี หน้าตาผิวพรรณรึก็ดี แต่นัยน์ตาสีครามนั้นช่างดูไม่น่าไว้ใจเอาเลย เมื่อก่อนเธอเคยชื่นชอบผู้ชายตาสีนี้ เพราะมันดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล หากแต่ทว่าตอนนี้มองแล้วมันขัดลุกนัยน์ตาเธอยิ่งนัก ยามเมื่อมองมาแทบอยากจะอดใจที่จะควักมันออกมาไม่ได้โดยเฉพาะเรียวปากสีเข้มมันจุดประกายเย้ยหยันอยู่ในที

    “ นี่เธอว่าฉันเหรอ “ คนนั่งข้างๆ เอ่ยถามพลันขึงตามอง

    “ คิดเอาเองสิ “ ส่งยิ้มพร้อมยักคิ้วแบบยียวน

    “ ยัย...”

    “ จุ๊ๆ เงียบหน่อยสิ รู้จักเกรงใจคนอื่นบ้าง บนเครื่องนี้ไม่ได้มีนายคนเดียว อย่าเอานิสัยเสียๆ ออกมาใช้ได้ไหมขอร้อง “ เธอจงใจพูดเสียงเพื่อให้เขาได้อับอาย จนคนที่นั่งใกล้ๆ มองหน้าด้วยสายตาตำหนิ ชายหนุ่มจำต้องกลืนคำพูดลงคอไปอย่างเจ็บใจ หันไปทางอื่นเพื่อผ่อนอารมณ์ เย็นไว้ๆ พยายามข่มใจที่จะไม่ต่อปากต่อคำ แม้ตอนนี้อยากจะเอานิตยสารยัดปากแม่เจ้าประคุณเหลือเกิน

    เมื่อนกยักษ์มาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ดีที่ทั้งคู่เลือกที่จะเก็บปากเก็บคำมาตลอดทาง พอเท้าเล็กแตะลงพื้นอย่างมั่นคงค่อยหายใจทั่วท้องอยู่ แต่ก็ยังอยู่ในอาการพะอืดพะอม คลื่นเหียนอยากอาเจียนเพราะอาการเมาเครื่องบิน เดินแข้งขาอ่อนออกไปยืนรอรับสัมภาระ ก่อนจะมุ่งหน้าออกไปยังทางออก ระหว่างทางเดินไปยังหน้าอาคาร จู่ๆ ก็เกิดอาการหน้ามืดจนเท้าเล็กต้องหยุดชะงัก แต่แล้วก็ต้องเซเพราะโดนชนอย่างแรง

    “ โอย...อยากจะบ้า จะหยุดเดินทำไมไม่ดูก่อนฮึ เธอนี่เสร่อได้ใจจริงๆ เพิ่งออกมาจากหลังเขารึไง “ เขายังบ่นว่าแบบไม่ไว้หน้าต่อไป โดยที่เธอไม่ได้ตอบโต้เลยแม้แต่คำเดียว เพราะตอนนี้สมองมันมึน และดวงตาก็พร่า อยู่ๆ หญิงสาวก็ทรุดฮวบลงไปแบบกะทันหัน ทำเอามิคาเอลเกือบรับไปไม่ทัน มองร่างสาวที่อ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมแขน “ เป็นอะไรอีกวะเนี่ย ด่าแค่นี้ถึงกับเป็นลมเลยรึ “ มือหนารวบร่างอ่อนระโหยโรยแรงที่ไร้สติสัมปะชัญญะไปยังมุมนั่งพักที่อยู่ใกล้ๆ ตบแก้มเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติ “ เธอ..เธอ!

    เรียกอยู่สองทีเจ้าตัวก็ยังนอนนิ่ง ก้มลงโดยเอาหน้าแนบไปกับอกเพื่อฟังเสียงหัวใจ และมันก็ยังเต้นอยู่ เพียงแต่ร่างบางนั้นไม่ตอบสนอง เหมือนว่าเธอจะหายใจติดขัด ก็แน่ล่ะ เจ้าหล่อนเล่นติดกระดุมเสียสูงจนไปถึงคอ แบบนี้มีหวังขาดอากาศหายใจตายแน่ ด้วยความหวังดี เขาจึงแกะกระดุมออกให้ เพียงแค่เม็ดแรกเธอก็ดันลืมตาขึ้นมาเสียก่อน ขณะที่มือเขายังค้างอยู่ที่คอเสื้อ ดวงตากลมใสเบิกกว้าง เท่านั้นแหล่ะเขาก็รู้ได้ทันทีว่าความวยมาเยือนแล้ว เธอตะเบ็งเสียงด้วยพลังเสียงสิบแปดหลอดจนคนรอบข้างหันมามองหน้า ก่อนที่เธอจะพ่นคำด่าออกมาเขาจึงเอามืออุดปากเธอไว้

    “ อ่อยอั้นอะไอ้อ้า เอาอือแอออกไอ “ เสียงอู้อี้ขู่ฟ่อ มือเรียวก็ตะกุยตะกายแบบไม่ลืมหูลืมตา จนเขาต้องเบี่ยงหน้าหลบพัลวัน

    “ เธอก็หุบปากก่อนสิแล้วฉันจะปล่อย “ พูดได้แค่นั้นเขาก็ต้องร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เมื่อคมเขี้ยวแหลมๆ ของเธอฝั่งบนนิ้วมือ “ โอ๊ย! ยัยหมาบ้า “ พูดพลางสูดปากดังซูดพร้อมสะบัดมือ เห็นรอยจ้ำเลือดปรากฏขึ้นมาทันควัน

    “ ไอ้หน้าหื่น แกคิดจะทำอะไรฉัน ไอ้โรคจิต นี่ขนาดสนามบินยังไม่เว้น ไอ้..” กำลังจะพ่นคำด่าออกมาอีกระลอก เขาก็มืออุดปากเธออีกครั้งไม่งั้นอาจจะโดนข้อลวนลามโดยไม่รู้ตัวเมื่อมีหลายคนมอง

    “ เงียบนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอ ฉันแค่เห็นเธอเป็นลมเลยหวังดีจะช่วย “ พยายามแก้ต่าง เธอปัดมือเขาจนหลุด

    “ หวังดีจะช่วยโดยการถอดเสื้อฉันเนี่ยนะ เชื่อตายเลยคน อย่างนายคิดเรื่องดีๆ เป็นกับเขาด้วยเหรอ ไม่มีทางซะล่ะที่ฉันจะเชื่อ หนอยทำมาเป็นเป็นฟอร์ม ไอ้ตัณหากลับ ไอ้เศรษฐีหน้ามืด ไอ้..” คำสุดท้ายไม่สามารถเล็ดรอดออกมาจากปากเธอได้ เพราะหญิงสาวถูกปิดปากอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่มือเขา แต่มันดันเป็นปากที่แสนจะน่าขยะแขยงของเขา เกลินส่งเสียงดังอื้อๆ อยู่ในลำคอ มือทั้งสองข้างเขานั้นล็อกใบหน้าเธอไว้แน่น ช่วยไม่ได้นี่นาก็เธออยากหลับหูหลับตาด่าโดยไม่ฟังเสียงใคร รอจนเธอสงบจึยอมผละออก แต่ทว่าเขากลับโดนเธอบรรจงเล็บเรียวยาวทั้งห้านิ้วข่วนลงบนใบหน้าากเป็นรอยพยาบาท จนเขาต้องร้องโอดโอย ก่อนที่หญิงสาวจะกระทืบเท้าเดินจากไปด้วยความอับอาย พร้อมมือนั้นก็เช็ดปากอย่างรังเกียจสุดๆ

    “ โอ๊ย! นี่มันวันวยรึไงนะ ทำดีไม่ขึ้นจริงๆ “ สบถเสียงห้าวอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะหันไปมองกระจกข้างฝา ไม่เพียงอารมณ์เท่านั้นที่เสีย ดวงหน้าอันหล่อเหลาต้องมาเสียโฉมเพราะยัยหมาบ้ากัดไม่เลือกนั่นเลยทีเดียว

    เมื่อเกลินออกมานอกตัวอาคารอย่างคนโมโหสุดๆ ใช้หลังมือขยี้ปากอย่างแรงจนมันเห่อแดง มืออีกข้างนั้นลากกระเป๋าไปตามทาง แค่เหยียบที่นี่วันแรกก็โดนไอ้บ้านั่นเอาปากสกปรกมาแตะให้แปดเปื้อน นี่จะต้องเอาน้ำมาล้างสักกี่รอบมันถึงจะหายเจ็บใจ คิดพลางก็กระแทกเท้าจนเผลอร้องกรี๊ดเบาๆ อย่างลืมตัวจนคนที่เดินตามหลังมาผงะ มองเธอราวกับเป็นคนบ้า พลันสายตามองไปเห็นผู้เป็นแม่ลงจากรถมา หญิงสาวจึงรีบร้อนเดินไปหา

    “ แม่! ทำไมมาช้าจังค่ะ “ เอ่ยทักเสียงขุ่น ก่อนจะเหลือบไปเห็นชายสูงวัยแต่ยังหล่อล่ำแบบคนมีอายุเดินตามมา

    “ พอดีรถติดน่ะ แหม..ช้านิดช้าหน่อยถึงกับอารมณ์เสียขนาดนี้เลยเหรอ “ เอ่ยเย้าบุตรสาวพร้อมสยายยิ้มอย่างเอ็นดู “ อ้อ..นี่คุณเบอนาร์ด ...นี่เกล ลูกสาวฉันค่ะ “ แนะนำแบบเป็นกันเองเพื่อให้ทั้งคุ้นชิน เกลินจึงประนมมือไหว้อย่างอ่อนน้อมตามธรรมเนียมของคนไทย ซึ่งชายสูงวัยก็ไม่ได้ประหลาดใจสักเท่าไหร่

    “ หนูไม่ได้อารมณ์เสียเพราะแม่มาช้า แต่เป็นเพราะว่าโดนคนโรคจิตลวนลามต่างหาก “ บอกพลางยู่หน้า

    “ จริงหรือ มันเป็นใครกัน “ รมย์นลินเอ่ยถามทันควัน

    “ หนูไม่รู้หรอกมันเป็นใคร ลูกเต้าเหล่าใคร ชื่ออะไร แต่ไอ้หมอนี่แหล่ะแม่ที่มันทำหนูตกงาน แถมยังวยมาเจออีก หนูนะต้องทนนั่งมองหน้ามาตลอดทาง มิหนำซ้ำยังถือโอกาสตอนหนูเป็นลมแอบถอดเสื้อหนูด้วย พูดยังเจ็บใจอยู่เลย แค่วันแรกก็โดนเสียแล้ว “

    “ งั้นเชียว ไอ้หมอนี่มันช่างกล้า ทำเสียชื่อหมด หนูเกลไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะสั่งคนไปขอภาพจากกล้องวงจรกับทางสนามบิน ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันหน้าตาเป็นยังไง แบบนี้ต้องเอาให้เข็ดคนพวกนี้จริงๆ เลย ทำเสียภาพพจน์หมด “ เบอนาร์ดเป็นเดือดแทน เมื่อนึกบุคคลที่ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสื่อมเสีย

    “ เอาเถอะๆ แม่ว่าเรากลับไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่านะ เดินทางมาก็เหนื่อย แล้วยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีก ไม่น่าเลย “ รมย์นลินว่าอย่างเห็นใจ พลางตบหลังบุตรสาว

    “ งั้นผมขอโทรฯหามิคาเอลก่อนนะ เห็นว่าน่าจะมาไฟล์ทนี้ “

    “ โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราไปรอที่รถนะค่ะ มาเถอะยัยเกล “ เมื่อบอกเช่นนั้นรมย์นลินจึงจูงมือเกลินกลับที่รถ โดยที่เบอนาร์ดจัดการโทรฯหาลูกชายทันที รออยู่นานมากกว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะรับสาย

    “ แกอยุ่ไหน มาถึงรึยัง “ ประโยคที่เอ่ยถาม น้ำเสียงฟังดูสบายๆ เพียงแต่อีกฝ่ายตอบมามันทำเขาต้องนิ่วหน้า

    “ ถึงแล้วครับ ผมกำลังจะกลับคอนโด “

    “ อ้าวทำไมแกไม่โทรฯหาฉัน แล้วทำไมไม่ไปพักที่บ้าน งานแต่งฉันล่ะ แกจะมาไหม “ ยิงคำถามเสียยาวเยียดแบบคนหงุดหงิดที่ไม่ได้ดั่งใจ เขาอยากให้มิคาเองกลับไปพักที่บ้าน เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกับสองสาว “ ฉันไม่เข้าใจแกเลยมิกกี้ บ้านช่องก็มีหลังเบ่อเริ่มเทิ่ม แกจะไปอยู่ทำไหมวะคอนโดเท่ารูหนู “

    “ ผมมีความสุขของผมก็แล้วกันน่า “ เจ้าของเสียงจากปลายสายตอบแบบขอไปที

    “ เออนี่ ลูกสาวของรมย์นลินมาถึงแล้วนะ แกไม่อยากเห็นหน่อยเหรอ สวยเชียวนา “ พูดยั่วแบบมีความหวังนิดๆ ว่าเขาจะเปลี่ยนใจ

    “ ต่อให้สวยหยาดฟ้า ปานนางในวรรณคดีแค่ไหน ผมก็ไม่ชายตาแลให้มันอุจาดลูกกะตาหรอก

    แกจะตั้งแง่รังเกียจเขาทำไมกันฮึ แกเองก็มีแม่เป็นคนไทยนี่ “ พูดอย่างเอือมระอากับความหัวรั้นของบุตรชาย

    “ อย่าเอาแม่ของผมไปเปรียบยัยสองแม่ลูกมหาภัยนั่นนะ พ่ออยากหลงก็หลงไปคนเดียวเถอะ ผมไม่เอาด้วยหรอก ไว้เจอกันงานวันแต่งทีเดียวเลยแล้วกัน “

    ครั้นเมื่อวางสายแล้ว เบอนาร์ดได้แต่ถอนใจ เขาไม่อยากให้มิคาเอลรังเกียจรังงอนสองสาวนี่เลย อยากให้อยู่อย่างสงบแบบครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ จะมีวันนั้นไหมหนอ



    .................................................................................................................................
    สองคนนี้เจอทีไรมีเรื่องทุกที ตามดูกันต่อเนื้อ ช่
    วงแรกๆ ไปแบบเรื่อยๆ เนาะ อย่างเพิ่งเบื่อกันนะจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×