คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10 อยู่กับผมนะคืนนี้
บริเวณเคาน์เตอร์เครื่องสำอางภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สองสาวเพื่อนซี้กำลังยืนเลือกสินค้าที่พนักงานขายนำขึ้นมาให้เลือก โดยวันนี้ทั้งคู่ไม่มีงานจึงชวนกันออกมาช๊อปปิ๊งตามประสาสาวๆ ผ่อนคลายหลังจากที่ทำงานหนักมาหลายวัน เอริยาหยิบเอาลิบสติกเฉดสีใหม่ล่าสุดขึ้นมาดู ปากก็พล่ามถึงแม่เลี้ยงผู้ใจร้ายไปต่างๆ นาๆ
“จริงๆ นะฉันไม่เคยเกลียดใครมากเท่านี้มาก่อนเลย แต่ยัยนี่ได้อภิสิทธิ์แบบเกลียดตลอดชาติ” เอริยาว่าพลางย่นหน้าให้ผู้ที่เธอไม่เคยถูกชะตาแต่แรกพบจวบเท่าทุกวันนี้
“แต่แม่เลี้ยงเธอคนนี้ก็ช่างด้านเสียจริง ยังมีหน้ามาบอกให้ลืม ลืมได้ก็แปลก ทำกันเสียขนาดนี้” ลูอาน่าเห็นด้วยอีกแรง แม้ตนจะไม่เคยพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อฟังจากที่เอริยาเล่าเลยไม่ชอบขี้หน้าไปด้วยอีกคน
“ฉันก็ว่าจะลืมๆ มันไปแล้วนะ ไม่อยากข้องแวะอะไรด้วย แต่ยัยนั่นก็ดันจะมาทำงานกับเจ้านายฉันนี่สิ หากว่าฉันต้องทนมองหน้ายัยอีกแค่นาทีเดียวฉันคงอกแตกตาย” แม้ปากจะบ่น แต่ใจก็แอบคิดถึงคำพูดของเดมียน เขาว่าจะช่วยเอาของๆ เธอคืน หวังว่าคงไม่ไปขอกันกันคืนถึงบนเตียงหรอกนะ จะว่าไปแล้วเธอจะสนทำไมแค่เขาเอาคืนมาให้เธอได้ก็น่าจะพอใจแล้ว
“เอาน่า ยังไงก็คงไม่ได้เจอกันบ่อยหรอก ยืมมือหน่อยสิ”
“ยืมไปทำไม” เอริยานิ่วหน้าเมื่อเพื่อนเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
“จะลองน้ำหอม มือฉันลองจนกลิ่นมันตีกันมั่วหมดแล้ว” ลูอาน่าว่าขณะที่หันไปหาเคาน์เตอร์ข้างๆ เอริยาจึงยื่นมือไปให้มืออีกข้างจะวางลิบสติกลงที่เดิมแต่มันดันร่วงลงพื้นกลิ้งหลุนๆ เธอจะรีบคว้าเลยไม่ทันมองชนเข้ากับร่างสูงที่เดินมาพอดีจนชายคนนั้นเซเล็กน้อย
“ขอโทษคะ” หญิงสาวรีบก้มหัวประหลกๆ อย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร” ชายคนดังกล่าวก้มลงเก็บลิบสติกแท่งนั้นคืนให้กับเธอ
“ขอบคุณค่ะ” รีบรับไปสำรวจดูความเสียหายสงสัยลิบสติกแท่งนี้เธอคงจะต้องซื้อแล้วกระมัง เมื่อถอนสายตาจากมันจึงเพิ่งนึกออก “ขอโทษอีกครั้งค่ะ ฉันไม่ทันมองคุณเป็นอะไรไหมคะ” ไต่ถามตามมารยาทเพราะตนซุ่มซ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือชนเขาก่อน เขาเพียงคลี่ยิ้มนิดเท่านั้น
“ผมไม่เป็นไร” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ นัยน์ตาคู่ใสปรายมองชายตรงหน้าอย่างพยายามเก็บอาการไว้กลัวจะเสียมารยาทหากมองเขาตรงๆ การแต่งกายดูภูมิฐาน วงหน้าคมประดับด้วยไรหนวดสีน้ำตาลทองสวมแว่นตาดำมาดเข้มเสียจนน่าเกรงขาม แถมเขายังมีผู้ติดตามคอยประกบเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก็ประเมินเธอเช่นกัน เขากำลังคิดว่าเคยเห็นเธอบนปกนิตยสารฉบับหนึ่ง “ผมคุ้นคุณจัง คุณใช่นางแบบที่ขึ้นปกนิตยสารอินฟินิตี้รึเปล่า”
“ค่ะ ไม่นึกว่าจะมีคนจำได้ด้วย อันที่จริงไม่คิดว่าคุณจะอ่านมัน มันเป็นนิตยสารสำหรับผู้หญิง”
“ผมทำงานเกี่ยวกับพวกนี้น่ะ” เขาว่าขณะที่ดวงตายังสำรวจหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างถูกใจ รูปร่างกำลังดีพอเหมาะเชียว
“เอ่อคุณ...” เอริยาเมียงมองอย่างนึกคุ้น
“อ่อ...ขอโทษทีผมนี่แย่จัง ผมโลแกน ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เมื่อเขาแนะนำตัว เอริยาจึงหันไปมองหน้าลูอาน่าทันทีอย่างรู้กัน สิ่งที่สองสาวสนใจคือชายคนนี้คือ โลแกน เคสเลอร์ เจ้าของแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดังที่นางแบบหลายคนต่างก็อยากจะร่วมงานกับบริษัทนี้กันทั้งนั้น เขามีอิทธิพลเป็นอย่างมาก แบรนด์นี้มีชื่อเสียงมานาน เปิดตัวออกมาแต่ล่ะทีเป็นที่ฮือฮาจนส่งผลให้นางแบบในสังกัดเขาดังเปรี้ยงปร้างมาหลายรายแล้ว
“ว้าวคุณเคสเลอร์ ยินดีเป็นอย่างมากที่ได้พบคุณ” เอริยารีบบอกอย่างตื่นเต้น
“เราสองคนได้ยินชื่อบริษัทคุณมานาน ไม่นึกว่าจะได้พบคุณแบบนี้” ลูอาน่ารีบแย่งพูดอย่างตื่นเต้นพอกัน
“เช่นกันครับ ผมอยากคุยกับคุณสองคนต่อนะ แต่เผอิญผมมีธุระ” เขาล้วงเขาไปในเสื้อสูทก่อนจะดึงเอานามบัตรออกมาให้สองสาว “เร็วๆ นี้ผมจะมีงานชิ้นใหม่ กำลังมองหานางแบบอยู่หวังว่าผมได้เห็นคุณสองคน”
“ยินดีมากค่ะ” ลูอาน่ารีบรับปากทันควันโดยเอริยาไม่ทันพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ เขาหมุนกายจากมาก่อนจะเอ่ยถามลูกน้องที่ตามหลังมาติดๆ
“เอเจนซี่ส่งรายชื่อนางแบบมารึยัง”
“ยังครับ”
“อย่าลืมเพิ่มสองคนนี้เข้าไปด้วยนะ” โลแกนสั่งกำชับ ชายคนดังกล่าวจึงพยักหน้ารับคำสั่งนี้อย่างรู้งาน ลำพังตัวเอริยาไม่ได้ทำให้เขาสนใจเท่ากับที่เธอเป็นข่าวเดเมียน เขาก็แค่อยากจะเล่นของดู อีกฝ่ายเล่นปาดหน้าแย่งดีไซเนอร์ของเขาไป ตนเองก็ไม่ได้มั่นใจว่าแค่นางแบบคนเดียวจะทำให้อีกฝ่ายสะท้านสะเทือนได้เท่าไหร่ กระนั้นตนก็ยังเจ็บใจกับการกระทำที่ไม่ไว้หน้านี้ อย่างไรเสียเดเมียนก็ควรให้เกียรติฐานะที่เขาอยู่ในวงการนี้มาก่อน ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแบบนี้ปล่อยไว้ต่อไปใครจะนับถือเขา
สองสาวเดินออกมารอแท็กซี่ด้านหน้าอาคาร ลูอาน่านั้นยังพล่ามเรื่องโลแกนไม่หยุดปากดูท่าจะเป็นปลื้มเอามากๆ ที่เจ้าของบริษัทใหญ่ยักษ์ถึงกับออกปากชวนไปร่วมงาน
“ตัวจริงเขาไม่เหย่อหยิ่งเลยสักนิด ดูเป็นกันเองเอามากๆ แถมยังหล่ออีกต่างหาก ผู้ชายคนนี้เลิศสุดๆ”
“ฉันก็ว่า เขาไม่เคยมีข่าวกับสาวๆ ในสังกัดดีกว่าใครบางคนตั้งเยอะ” พูดแล้วก็อดเปรียบไม่ได้ เมื่อนึกถึงวงหน้าคมคายของอีกฝ่าย นางแบบของเขาแต่ล่ะคนมีใครบ้างที่ไม่โดนเขารวบเข้าฮาเร็ม หากว่าเดเมียนเป็นเหมือนโลแกนก็คงจะดี เธอคงไม่คิดมากแบบนี้หรอก เท่าทุกวันนี้ก็เหมือนถูกมัดมือชก ทำได้แค่เอาตัวรอดไปวันๆ นี่ยังมียัยสุรีนาเพิ่มเข้ามาอีกคน เมื่อไหร่คนอย่างเดเมียนถึงจะรู้จักหยุดนะ เธอคิดไม่ทันขาดคำเจ้าตัวที่เหมือนจะรู้ว่าเธอแอบนินทาในใจโทรฯเข้ามาถูกจังหวะเสียจริง
“นี่โทรศัพท์เธอดังแน่ะ ทำไมไม่รับ” ลูอาน่าสะกิดเพราะคิดว่าเธออาจจะไม่ได้ยิน เอริยามองหน้าเพื่อนอย่างเบื่อหน่ายกับอีกคนที่มักโทรฯนัดเธอนอกเวลางานเป็นประจำ เอางานมาอ้างพอไปจริงกลับมีแต่เรื่องไร้สาระ
“ค่ะ คุณเจ้านาย”
“ว่างรึเปล่า มาหาผมหน่อย”
“ไม่ว่าง วันนี้ฉัน”
“เจอกันที่บ้านผมอีกครึ่งชั่วโมง” บอกจบก็ตัดสายไปเฉย เอริยาอยากปาโทรศัพท์ทิ้งเสียเหลือเกิน คนบ้าอะไรไม่ฟังเธอเลย “ตาบ้าเอ๊ย” เธอด่าโทรศัพท์อย่างลืมเก็บอาการจนลูอาน่ามองหน้า
“ใคร คุณเดเมียนเหรอ” เพราะเดาจากอาการแบบนี้มีคนเดียวที่ทำเอริยาหงุดหงิดอารมณ์เสียได้ขนาดนี้ “ไม่รู้จะอิจฉาหรือเห็นใจดีที่เธอต้องไปทำงานกับคนที่เขี้ยวลากดินขนาดนั้น” บีบไหล่เพื่อนที่ลู่ลงอย่างเห็นใจในความโชคร้ายที่ไม่จบไม่สิ้น
เอริยาถูกพาขึ้นมายังห้องรับรองภายในชั้นสอง ซึ่งไฟในห้องมันถูกหรี่ลงมีเพียงแสงสลัวจากเปลวเทียน ทำอะไรอีกเนี่ย เธอเดินไปยังริมหน้าต่างมุมนั้นมีพื้นยกสูงโต๊ะขนาดเล็กกับขวดแชมเปญเมื่อย่อตัวลงนั่งจึงได้ยินเสียงเคลื่อนไหว พอมองยังอีกมุมหนึ่งจึงเห็นเงาลางๆ ของร่างสูงใหญ่ เสียงเพลงจากเครื่องเสียงแบบโบราณรุ่นคลาสสิกดังคลอเบาๆ เสียงดนตรีเข้ากับบรรยากาศชวนใจเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก
“เพลงโปรดของผม ฟังเพลงนี้ทีไรสู้สึกผ่อนคลาย “ กายสูงขยับมาหา ยื่นมือนั้นมาพร้อมประกายแววตาวูบไหวภายใต้แสงเทียน “เต้นรำกับผมหน่อยสิ” เมื่อเธอไม่ตอบรับเขาจึงดึงเธอให้ลุกขึ้นเสียเองจนเอริยาค้อนขวับเข้าให้
“ทำอะไรของคุณอีกคะเนี่ย ฉันบอกคุณแล้วไงว่าถ้าไม่ใช่เรื่องงานฉันจะไม่มา” ไม่พอใจนิดที่ถูกบังคับให้ยักย้ายไปตามจังหวะเสียงดนตรี
“วันนี้วันเกิดผม เว้นเรื่องงานสักวันได้ไหม”
“อ้าวเหรอคะ ทำไมคุณไม่บอกฉัน ฉันไม่มีของขวัญ...แต่อย่างคุณที่มีพร้อมทุกอย่างแล้วคงไม่ต้องการอะไรหรอก เพราะคุณไม่เคยขาดแคลนอะไรเลย” โดยเฉพาะผู้หญิง
“ใครว่าผมไม่ต้องการอะไร คุณรู้อยู่ว่าผมอยากได้อะไร” เดเมียนบอกพลางหมุนร่างอ่อนจนพลิ้วไหวก่อนที่เขาจะสอดแขนโอบรอบเอวคอดโยกตัวช้าๆ วางคางสากลงระหว่างซอกคอกรุ่นไอร้อนรวยรดต้นคอที่เอียงนิด
“เสียใจ สิ่งที่คุณต้องการฉันให้ไม่ได้” เธอตอบปฏิเสธความต้องการของเขาอย่างไม่อ้อมค้อม สองมือสอดประสานที่ยังคงรวบรัด เธอรู้สึกอกแกร่งนั้นพองขึ้นก่อนผ่อนลมออกช้าๆ อย่างเบื่อหน่าย
“ทำไมต้องปฏิเสธผม” หญิงสาวหมุนตัวกลับมาเพื่อที่จะได้มองหน้าเขาชัดขึ้น ให้ได้เห็นเขาจนเต็มตา
“เพราะฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นของคุณ ฉันไม่ต้องการที่จะเป็นเพียงไม้ประดับ คุณดูสิ อณาจักรของคุณเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีเยอะแยะไปหมดจนล่ะลานตา แต่คุณเคยคิดไหมว่าดอกไม้พวกนั้นต้องการอะไร” เอริยาผายมือออกกว้างราวกับต้องการจะให้เขาเห็นภาพความยิ่งใหญ่ของเขา
“ผมดูแลดอกไม้พวกนั้นเป็นอย่างดี”
“ด้วยอะไร เงิน ลาภยศ ชื่อเสียง เท่านั้นจะพอจริงๆ นะหรือ”
“แต่ผมก็ไม่เคยเห็นใครปฏิเสธมัน มีแต่จะกระโจนใส่ เพราะมันมีอำนาจที่ใครๆ ต่างก็พยายามไขว่คว้า ชื่อเสียงที่ผมบันดาลให้ใครบ้างที่จะไม่อยากได้”
“ฉันไง ชื่อเสียงที่คุณหยิบยื่นมันจอมปลอม ฉันอยากได้มันก็จริง แต่ต้องมาจากความสามารถของฉันจริงๆ ไม่ใช่ได้มาด้วยความช่วยเหลือจากคนอื่น ซึ่งมันไม่คงทนฉันถึงบอกไงว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้น สิ่งที่คุณขอจากฉันมันมากเกินไป ฉันไม่สามารถให้คุณได้ แม้คุณจะปล้นบางอย่างไปจากฉัน แต่สิ่งที่เหลืออยู่ฉันก็อยากเก็บมันเอาไว้ให้คนที่รักฉัน คนที่จะเป็นสามี คนที่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อฉัน คนที่จะร่วมแชร์ทุกอย่างกับฉัน ซึ่งคนๆ นั้นไม่ใช่คุณ”
ไม่ใช่เขางั้นหรือ ทำไมเขารู้สึกว่าคำๆ นี้มันแสลงใจเขาเหลือเกิน เหมือนกินของผิดสำแดงแล้วจุกเสียดอยู่ที่อก ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นอีกไม่ว่ากับใครเพราะมันอาจตามมาด้วยความเจ็บปวดซึ่งเขาไม่อยากเผชิญกับมันอีก
“คนแบบนั้นไม่มีหรอก หากคุณคิดว่าจะมีใครรักคุณจริง แบบนั้นมันมีแต่ในนิยาย ดูรอบกายคุณสิมีใครบ้างที่จะไม่หวังผล ชั่วชีวิตของคุณเคยเจอคนแบบนั้นด้วยหรือ ถ้าเขาไม่หวังในตัว คิดจะอยู่บนโลกใบนี้อย่าคาดหวังในสิ่งที่ไม่มีจริง” เดเมียนแย้งด้วยความคิดของตน เพราะผ่านช่วงเวลาที่คิดว่ามันสวยงามมาแล้วหากแต่ตอนจบมันก็ลงเอยด้วยความปวดร้าว คำสัญญาเป็นเพียงแค่มวลอากาศที่รับรู้ว่ามีแต่ไม่อาจมองเห็น หรือจับต้อง สำหรับเขาแค่ครั้งเดียวก็เกินพอที่จะรู้ว่ามันไม่มีทางอยู่ยั้งยืนยงได้ ตราบเท่าที่ความโลภของคนเราไม่มีวันสิ้นสุด
“นั่นคุณคิดไปเองต่างหาก คุณจะให้คนอื่นมารักคุณได้ยังไงในเมื่อคุณเองก็ยังไม่เคยรักใคร ทำไมคุณถึงไม่อยากให้คนมารัก ทำไมคุณถึงไม่อยากรักใคร”
“มันเป็นเหตุผลส่วนตัวของผม”
“แต่ฉันอยากรู้ คุณบอกฉันหน่อยได้ไหม เผื่อบางทีฉันอาจจะเข้าใจคุณมากกว่านี้” เธอเหมือนเห็นความเจ็บปวดอยู่หลังแววตาคู่คมนั้น เขาอาจมีความทรงจำบางอย่างที่ไม่ดีกับเรื่องนี้และเธอรู้ว่าเขายังรู้สึกอ่อนไหวกับมันอยู่ เธออยากรู้เหลือเกินว่าผู้หญิงที่เคยสร้างรอยแผลในใจเขาเป็นใคร และอยากรู้ว่าคนๆ นั้นยังอยู่ในนั้นไหม
เดเมียนเดินไปนั่งลงบนเบาะรองนั่ง หันหน้ามองออกไปนอกหน้า คืนนี้จันทร์ครึ่งเสี้ยวลอยเด่นอยู่เหนือฟากฟ้า ชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนปรายตามองร่างบางมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ ฉวยเอามือนิ่มรั้งร่างเธอลงนั่งข้างๆ เธอยังมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ มือหนารวบผมนุ่มป้ายไปด้านข้างก่อนที่เขาจะเอียงหน้าอิงไหล่บางนั้นราวกับจะหาที่พักพิง
“เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ ฉันอยากฟังเรื่องของคุณ”
“มัน...ผมไม่รู้จะเล่ายังไง เรื่องมันก็นานมาแล้วไม่อยากพูดหรือคิดถึงมันอีก คืนนี้ผมแค่อยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนผมได้ไหม” เขาบอกอ้อมๆ เลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามเธอตรงๆ เพราะเรื่องบางเรื่องเขาก็อยากเยียบมันไม่อยากให้มันมาสะกิดแผลเก่า เอริยายังมีความลังเลจนฝ่ามือร้อนหนานั้นยื่นมาประคองเสี้ยวหน้าเอาไว้ “นะครับ”
“ที่จริงคุณจะหาใครมาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้ ไม่เห็นต้องเป็นฉัน”
“ไม่อยากอยู่กับใครนอกจากคุณ ผมรู้สึกดีกับคุณมากกว่าคนอื่น ผมไม่เคยฉลองวันเกิดกับใคร ไม่เคยต้องตามง้อใครเหมือนคุณมาก่อนเลย คุณพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่น” เขายังหยอดต่อไปเรื่อยๆ และคิดว่าเธอคงจะเริ่มโอนอ่อนตามเขา เพราะแววตาคู่นั้นมันกำลังวูบไหว หากเดเมียนสะดุดเล็กน้อยเมื่อเธอถามต่อว่า
“แต่ก็ไม่มากพอที่คุณจะรักได้ใช่ไหม”
“ใช่ เราไม่จำเป็นต้องรักกันก็อยู่ด้วยกันได้ ผมรักใครไม่ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าผมไม่ต้องการคุณ อยากให้คุณอยู่กับผมตรงนี้ แค่คุณคนเดียวเท่านั้นที่ผมต้องการ”
“ฉัน...” ไม่รู้ทำไมเธอถึงอ่อนไหวกับสายตาคู่นี้ รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ได้มีความหมายอะไรแต่ก็ยังหลงมองอยู่ร่ำไป สิ่งที่เขาอยากได้เพียงแค่รูปกายภายนอกเท่านั้น อาจเป็นได้ว่าเธอกำลังหลงมัวเมากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไปแล้ว รูปรส กลิ่นกายหนุ่มที่ใครหลายคนหลงละเมอ คงมีคนอยากมานั่งอยู่ตรงนี้มากมาย แต่แค่นี้เธอควรจะภูมิใจหรือเมื่อสิ่งที่เธออยากได้ไม่ใช่แค่ตัวเขา เธอเริ่มรู้สึกเหมือนคนโลภมากขึ้นไปทุกที เดเมียนเอื้อมมือไปรินแชมเปญใส่แก้วพรายฟองผุดจากก้นแก้วขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยกขึ้นดื่ม เพียงแต่ยังไม่กลืนมันยังอมไว้ในปากแล้วป้อนให้เธอ เมื่อได้รับรสหวานซ่าลิ้นที่เขาส่งมาให้ แชมเปญขวดนี้รสนุ่มเหลือเกินจนเธอเผลอกลืนมันจนเต็มคำ
“อยู่กับผมนะคืนนี้” เสียงกระซิบราวกับร่ายมนต์อยู่ข้างหูจนเหมือนกายบางนั้นระทวยอ่อน ท่ามกลางแสงเทียนเธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขา
“ไม่ได้ค่ะ” คำตอบนี้เธอต้องกลั้นใจพูดมันออกมา คนมองจึงมีแววตาขัดเคืองกระนั้นเขากลับกดแผ่นหลังเธอแน่นขึ้นอีกแล้วบดจูบเหมือนว่าตอนนี้เขาไม่อาจข่มความต้องการของตนลงได้ มันกำลังลุกโหมกระหน่ำจนตัวเขาเองอยากจะระบายมันออกมาผ่านกายหนาที่อัดแน่นจนเต็มที่ หลงวนอยู่ในรสสวาทของเธอตั้งแต่วันนั้นอย่างลืมไม่ลง เพราะเขาเห็นบางอย่างอยู่ในดวงตาของเธอ เธอพูดไม่ตรงกับใจตัวเองเลยและเขาไม่สามารถปล่อยมันผ่านเลยไปได้อีกแล้ว
“คุณเดเมียน” เธอพยายามขืนตัวออกจากวังวนที่กำลังสร้างความปั่นป่วน ดันตัวดิ้นหนีจนมือปัดเชิงเทียนที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะล้มลงและดับสนิท ห้องทั้งห้องจึงมืดสลัว มีเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาพอได้เห็นแววตาที่เต็มด้วยความต้องการอย่างแรงกล้า
.................................................................................
ช่
ความคิดเห็น