ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังสรุปมหากาพย์ข้อสอบTU : by. BiwTigerPisces

    ลำดับตอนที่ #37 : [ม.5 For1] สรุปหนังสือนอกเวลา 'หลายชีวิต'

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 68.04K
      306
      15 ธ.ค. 59

    สรุปหนังสือนอกเวลา เรื่อง หลายชีวิต

    ประวัติเบื้องต้น

    ผู้แต่ง : ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช

    แรงบันดาลใจในการแต่ง : ม.ร.ว. แอนด์เดอะแก๊งนักเขียนนั่งรถไปเที่ยวแถวชลบุรี ระหว่างนั่งอยู่เห็นข้างทางมีอุบัติเหตุ รถโดยสารคว่ำเสียชีวิตเกือบทั้งคัน เลยเสวนากันว่า ต่างคนก็ต่างที่มากัน ทำไมต้องมาตายพร้อมกัน เลยมีคนเสนอขึ้นมาว่า งี้ดิ เรามาแต่งเรื่องย้อนไปดูเวรกรรมดูประวัติของคนที่ตาย แล้วเอามาต่อกันเป็นซีรี่ส์ดีมั้ยพรรคพวก แล้วทุกคนก็ say yes

    ...ถึงเวลาจริง ม.ร.ว. เขียนเรื่อง เจ้าลอย เสร็จ แต่คนอื่น ไม่เขียนเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว งานก็ดันเอาลงหนังสือพิมพ์ไปแล้ว ยังไงก็ต้องมีตอนต่อ ม.ร.ว. จึง Solo แต่งตอนต่อไปด้วยตัวคนเดียว Single Writer ตามเสต็ป เย้

    “อิบุปผา ไหนว่าจะช่วยกันแต่ง” ม.ร.ว. ไม่ได้กล่าวไว้ (มั้ง)
     

     

    บทนำ

    เรือยนต์จากบ้านแพนกำลัง มุ่งไปสู่กรุงเทพฯ ซึ่งออกเรือในรอบดึก ในคืนที่ฝนสาดซัดกระหน่ำน้ำไหลเชี่ยวกราด ไม่ต้องเดาค่ะ พอน้ำสาดมา อิเรือไททานิคก็คว่ำโครมมมมม.. ตายHaเกือบทั้งลำ

    เช้าวันรุ่งขึ้น ก็มีการงมศพขึ้นมาวางเรียงรายต่อกันเพื่อรอติดต่อหาญาติของผู้เสียชีวิต

    เป็นจุดเริ่มต้นของการย้อนประวัติคนตายกัน ว่าแต่ละคน ต่างบุญต่างกรรม มาจากคนละที่ แต่ทำไมเล่า จึงต้องมาตายพร้อมกัน..

     

    Story 1 : เจ้าลอย “โจรซ่า มหาจังไร”

    ค่ะ ดิชั้นจั่วฉายาให้ไม่ผิดหรอกค่ะ อิเนี่ย ชาวนากับ งูเห่า โดยแท้จริง

    ลอย มีจุดเริ่มต้นจากการโดนพ่อแม่ที่แท้จริงจับใส่หม้อลอยทิ้งไปตามน้ำ แต่เคราะห์ดี มียายแก่คนหนึ่งนั่นคือ ยายพริ้ม ไปเห็นเข้า และรับมาเลี้ยงให้เป็นน้องเป็นเพื่อนกับ เถิก หลานของตัวเอง

    ตอนแรกทุกคนคงคาดว่า อิลอยคงจะมีชะตากรรมแบบพจมานในบ้านทรายทอง โดนเถิกกดหัวสารพัด แต่ผิดกัน บ้านยายพริ้มนั้นอบอุ่น เถิกก็เป็นพี่ที่ดี ดีเกินไป ดีจนโดนฝ่ายน้องข่มซะอย่างนั้น ชีวิตทั้งสามดำเนินเรื่อยมาด้วยความผาสุก ไม่มีใครคาดว่าลอยจะโตมาได้ในทางที่ไม่ดีเลยซักคน

    For the First time in forever ที่ทำให้ลอยใจแตกแบบสมบูรณ์เป็นครั้งแรก คือตอนที่เห็นขุ่นพี่เถิกกับแฟนสาว Featuring เบเบ้กันกลางทุ่งนา นั่นทำให้ตอนที่ลอยโตเป็นหนุ่มหล่อเฟี้ยว (ในหนังสือบรรยายว่ามันหล่อมาก หล่อสุดๆ) กลายเป็นเสือผู้หญิง โดยรายแรกที่ลอยเก็บสกอร์ได้ เป็นเจ๊ทองคำ คุณแม่ยังสาว(เพราะท้องมีลูกแต่สาว) มีลูกชื่อ นางสวน ..ในคราวแรก ลอยมันจะเก็บสกอร์กับนางสวนก่อน ทว่า..

    ..ลอย เอาน้ำมันนวดมาถูหลังชั้นสิ เจ๊ทองคำน่าจะกล่าวประมาณนี้

    ก็ทำให้ทั้งสอง___กันเรียบร้อย ซึ่งมันเกิดเหตุสัมพันธ์สวาทแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง และเจ๊แกก็น่าจะท้อง ไม่ก็กลัวจะท้อง จึงต้องฝากลอยไปซื้อยาขับเลือดมากินเป็นระยะ ฝ่ายลอยเองเอาจริงทีแรกก็ไม่รู้ว่ายาที่เจ๊สั่งให้ไปซื้อมาให้บ่อยๆ มันใช้รักษาอะไร ก็เลยซื้อมาให้เรื่อยๆ ตามที่เจ๊แกสั่ง ครั้นพอรู้ว่ามันคือยาอะไร ก็ยิ่งซื้อมาให้แบบประเคนให้เลยเอ้า ส่วนเจ๊ทองคำนั้นพอกินยาขับเลือดเพื่อทำแท้งมากๆ เข้า สะสมมากๆ นานวันไปร่างกายก็รับไม่ไหว ตายไปในที่สุด *แก้ไขแล้ว ขอบคุณมากนะคะ* และพอเจ๊แกตาย นอกจากลอยจะเอาสมบัติของเจ๊ไป ยังไป____กับลูกของเจ๊แกก่อนไป สุดท้าย นางสวนก็ทำใจไม่ได้ ผูกคอตายตามแม่ไป

    อิHereลอยยยยยยยยยยยยย

    ชีวิตลอยเริ่มหนักขึ้น มันไปเข้าพวกคบค้าสมาคมกับแก๊งโจร เสือเปรื่อง หลังจากนั้นได้ซักพักที่ยายพริ้มจัดการแบ่งมรดกเรียบร้อย ลอยก็ชักศึกเข้าบ้าน เข้าปล้นบ้านตัวเอง ฆ่ายายและพี่ของตัวเองอย่างเลือดเย็นเพื่อฮุบมรดกทั้งหมดเป็นของตัวเอง พอเช้ามาก็ทำทีร้องห่มร้องไห้รางวัลออสการ์อยู่ไม่ไกล ทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นไม่สงสัยอะไร แถมพากันสงสารมันด้วยซ้ำ

    ตอแหลสัส

    ลอยอัพเลเวลขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเสือเปรื่องตาย มันก็ขึ้นเป็นแกนนำเป็น เสือเปรื่องเบอร์2 และพอเวลากลางวันก็สวมร่างไอ้ลอยตามปกติ มันกำลังคิดว่า ทำชั่วต่อไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร กำลังลำพองใจสุดๆ กระทั่งตอนที่มันกำลังจะไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ ให้สบายอุรา มันก็ได้มานั่งในเรือยนต์อาถรรพ์กับเขาด้วย..

    และแล้ว ลอยก็จบชีวิตลงด้วยกระแสน้ำ เรียกว่า เกิดมากับน้ำ ก็ตายไปกับน้ำนั่นแหละ

    ดี สม

     

    Story2 : หลวงพ่อเสม “อรหันต์อยู่หนใด?”

    เมื่ออ่านแล้วคุณจะรู้สึกว่าได้เรียนพุทธประวัติเข้าเจ้าชายสิทธัตถะผสมพระเยซูเบาๆ.. ก็ตามนี้นะ..

    เสม เกิดมาในครอบครัวมั่งคั่ง แต่แทนที่จะอีโก้สูง กลับแบ่งปันของสารพัดแก่เด็กที่ยากจนกว่า เรียนดี ปัญญาเลิศ เป็นผู้มีธรรมะธรรโมในจิตใจ ไม่ใฝ่ในทรัพย์นอกกาย แต่ก็มีครั้งหนึ่งที่เสมตบะแตกนิดๆ เมื่อสาวข้างบ้านนามว่า นางพิณ เข้ามานั่งอยู่ในหัวใจของเสมเป็นที่เรียบร้อย ทว่า เมื่อนางพิณรู้ว่าพ่อของเสมตายลง แล้วสมบัติไม่ได้ตกอยู่ที่เสมผู้เดียว ต้องแชร์กับญาติๆ เยอะเกินไป นางพิณก็สะบัดตูดหนีไปหาผู้ชายที่รวยกว่า เสมแค้นใจ เสมอาฆาต ทว่าธรรมะในจิตใจเสมมีมากกว่าสุดๆ จึงปล่อยวาง และประจวบเหมาะกับตอนอายุครบบวชพอดี จึงหันหน้าเข้าทางพระพุทธศาสนา

    พระเสมนั้น แรกบวชก็ยังติดอารมณ์ฆารวาสมาก กิเลสสารพัดรุมโจมตี แต่พระเสมก็กัดฟันผ่านไปได้ และยิ่งพอใจในพระพุทธศาสนา ท่านว่าเหมือนได้อาบน้ำ อาบสะอาดถึงจิตใจ กระทั่งถึงพิธีสึกก็มีพระเสมรูปเดียวที่ไม่คิดจะสึกไปไหน ยังใฝ่ใจในพระธรรมต่อไป กลับกัน ฝ่ายขุ่นแม่ก็จะอกแตกตาย ที่ลูกชายจะไม่กลับมาเป็นลูกธรรมดาแบบชาวบ้านเหมือนเดิม แต่จะทำยังไงได้ พระเสมท่านเข้าทางนี้จริงจังไปแล้วนะจ๊ะ

    กิจวัตรสงฆ์ของพระเสมเริ่มแอดวานซ์ขึ้นเรื่อยๆ แรกๆ ก็ทำสมาธิปกติแบบพระทั่วไป แต่พระเสมเห็นว่าก็จะได้อยู่แค่ระดับคนมีธรรมะเฉยๆ ไม่ได้อะไรขึ้นมา ความต้องการที่จะสัมผัสกับคำว่า อรหันต์ / นิพพาน นั้นทำให้คอร์สอัพเลเวลทางธรรมของพระเสมจึงเริ่มขึ้น

    ขั้นที่หนึ่ง : ลองผันตัวเปลี่ยนคลาสเป็นสาววิซาร์ด ตำราฮอกวอร์ด ฝึกคาถาอาคมกระจุยกระจาย กระทั่งมีลุงคนนึงที่เป็นคนอาศัยวัดทักว่า จะฝึกคาถาล่องหน เหาะเหินไปทำไม ในเมื่อที่ที่อยู่ก็มีแค่วัดจะเหาะไปไหน ล่องหนมีทำไม ในเมื่อเป็นพระก็ไม่มีใครจะตามตบประทุษร้าย?  พระเสมก็เปลี่ยนวิธี...

    ขั้นที่สอง : พระเสมเลือกบำเพ็ญทุกรกิริยา เลือกฉันแต่กล้วยคลุกเกลือซึ่งรสชาติน่าจะสุนัขไม่อยากร่วมวงรับประทาน เอาหัวกะโหลกมาตั้งข้างที่จำวัด นั่งสมาธิหนักหน่วง non-stop ไม่หยุดพัก กระทั่งอีลุงคนเดิมมาทักว่า ทำไปทำไม.. รู้ป้ะว่ายิ่งจะเอาแต่เมนู กล้วยคลุกเกลือๆๆๆๆๆ นั่นหมายความว่าท่านนั้นเรื่องมากกว่าเดิม ติสต์แตกกว่าเดิม มันเข้ากับคำว่าเรียบง่ายที่ควรเกิดแก่สงฆ์ตรงไหนมิทราบ แล้วไอ้หัวกะโหลกนั่น ท่านเอามาตั้งทำไม...หา? ตั้งไว้กันลืมว่าคนเราต้องตาย โถ โถ ท่านจะลืมได้เลยเรอะว่าคนเราต้องตาย ไม่มีประโยชน์น่า ...พระเสมจึงเปลี่ยนวิธี

    ขั้นที่สาม : พระเสมลองวิธีวิปัสสนา เพ่งสมาธิไปที่จุดจุดหนึ่งเรื่อยๆ กระทั่งเริ่มได้สกิล ตาทิพย์มาไว้ในครอบครอง เห็นสวรรค์นรกสิ่งลี้ลับสารพัด แต่พระเสมก็ตระหนักได้ว่านั่นแค่ภาพมายา

    สุดท้าย สามขั้นในการอะแด็ปวิธีอัพเลเวลทางธรรม ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่า อรหันต์มรรคผล/นิพพาน เลยแม้แต่นิด

    แต่อยู่ๆ วันหนึ่งที่สวดบทบูชาพระศาสดา ก็ตระหนักได้ว่า ความสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นจาก สมาธิที่หมดกิเลส

    เนื้อเรื่องยังดำเนินต่อไปแบบปกติมาก พระเสมได้โด่งดังขึ้นจากการไปช่วยแก้ปัญหาเด็กที่ถูกผีอำให้กลับมาเป็นปกติ ลูกศิษย์ลูกหาล้นกุฏิ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพวกนางจะเอาแต่ของอาคมจากท่าน ซึ่งหลวงพ่อเสม(ฉายาใหม่)ก็ไม่ว่าอะไร ถ้าเอาไปแล้วเป็นกุศโลบายให้ตั้งมั่นในความดี ขยันทำมาค้าขาย ก็ถือว่าเกิดประโยชน์ ชีวิตทางสงฆ์ยังดำเนินเรื่อยมา วันหนึ่ง หลวงพ่อเสมเกิดอาพาธเหมือนเป็นมะเร็งตรงคางอะไรสักอย่าง จนลูกศิษย์ลูกหาทนไม่ไหวต้องนิมนต์ให้ท่านไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ

    แล้วไปยังไง

    อิเรือไททานิค รอบดึกนั่นแหละ...

    สุดท้ายแล้ว พระเสมก็มรณภาพลงในท่านั่งสมาธิ แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อเสมน่าจะบรรลุถึงพระอรหันต์ก่อนวายชนม์แล้วล่ะ

     

     

    Story3 : พรรณี “สินค้าชั้นดี ช็อกการีชื่อดัง”

    พรรณีมีชื่อเดิมว่า รื่น ชีวิตของรื่นสามารถเอาไปออกสกู๊ปชีวิตของช่อง7สีได้สบาย เกิดมาจน ไม่มีอะไรเลย มีแค่แม่คนนึงรับจ้างประทังชีพไปวันๆ กระทั่งวันหนึ่ง รื่นก็ถูกขายให้คุณนาย ในฐานะคนรับใช้คนใหม่ซะอย่างนั้น

    ชีวิตรื่นช่างเหี่ยวแห้ง โดนใช้งานสารพัดกดหัวจนรื่นชินชาไป แต่ว่า ในบ้านจะมีเด็กอีกสองที่เป็นหลานของคุณนายคือ คุณพงศ์ และคุณพิไลพรรณ ซึ่งอีคุณพงศ์นั่นแหละเป็นชนวนเกิดเหตุของเรื่องโดยไม่ทันตั้งตัว

    วันหนึ่งที่เหล่าแก๊งแม่บ้านเม้าท์กันว่า ใครได้คุณพงศ์เป็นสวามีคงสบายไปชั่วชีวี ความคิดจะ จับ คุณพงศ์ก็ไดอารี่ลงในสมองของรื่น รื่นให้ท่าทุกประการ จนคุณพงศ์ในวัยสิบห้าปีใจแตก แอบลงมาหารื่นในคืนดึกสงัดคืนหนึ่ง แล้วก็แค่เล่นจ้ำจี้กับรื่น

    ย้ำ แค่เล่นจ้ำจี้ แล้วมันก็หยุดแค่ราวกับแผ่นสะดุด วิ่งกลับห้องตัวเองไปด้วยความอินโนเซ้นท์...

    อดแดรกค่ะอีรื่น

    นอกจากจะอดแดรกแล้ว ที่พิเศษกว่านั้นคือคุณพิไลพรรณเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดราวกับนางร้ายในละครค่า แล้วทำไงคะ ฟ้องคุณนาย แล้วคุณนายทำไง ตบถีบยำคอมโบยิ่งกว่านักเตะสาวไทยที่เพิ่งเข้ารอบฟุตบอลได้ ใส่อิรื่นแบบกระหน่ำ ครั้นจะไล่ก็เสียดายเงินที่ซื้อตัวอิรื่นมา นับแต่วันนั้น รื่นโดนปฏิบัติราวกับเป็นลูกฟุตบอลใต้Teen รื่นเก็บกดมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งวันหนึ่งที่ได้เม้าท์มอยกับป้าขายกล้วยปิ้งที่นางมักจะหาบมาขายบ่อยๆ ป้าแกก็ชวนหนี บอกว่าจะพาไปฝากให้อยู่กับญาติ

    เดาไม่ผิดค่ะ อิป้าหลอกรื่นมาขายให้ซ่องในราคา 300 บาท

    แต่เพราะเป็นการโดนขายเป็นครั้งที่สอง รื่นจึงชินชา ไม่คร่ำครวญอะไร แถมได้เปลี่ยนชื่อเป็น พรรณี ในที่สุด

    พรรณีเป็นสินค้า Best seller ในซ่องอย่างภาคภูมิ ขนาดซ่องโดนทลาย  พรรณียังติดใจในอาชีพนี้ และเข้าไปหารายได้ต่อในกรุงเทพฯ (ขึ้นรถไฟไปนะเออ ยังไม่ใช่อิเรือไททานิค) ปักหลัดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วบริการต่อไป แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น นางป่องท้องขึ้นมา พรรณีจึงหาทางกลับบ้านแม่ตัวเอง แล้วคลอดที่นั่น ฝากลูกไว้ให้แม่เลี้ยง ก่อนจะตัดสินใจกลับมาหาเงินอย่างหนักหน่วงที่กรุงเทพฯ เพื่อเลี้ยงทั้งแม่และลูกต่อ

    นี่แหละ ข้อดีของนาง

    พรรณีปักหลักที่ใหม่ที่โรงเต้นรำ เต้นโชว์ไปด้วย เกี้ยวฝรั่งไปด้วย แล้วถ้าฝรั่งเซย์เยส เราก็ไปเอนจอยกันต่อ ซึ่งรายได้ดีมาก กลับมาหาแม่และลูกเมื่อไหร่ก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แม้จะตระหนักได้ว่า ซักวันนางก็คงเหี่ยว และไม่ขึ้นหิ้ง Best seller อย่างนี้ แล้วตอนแก่ตัวลงจะทำยังไงหนอ แต่คำถามก็มีคำตอบ.. เมื่อวันหนึ่ง เธอได้โคจรมาเจอกับคุณพงศ์อีกครั้งในสภาพหนุ่มหล่อการศึกษาดีมีอนาคต ที่สำคัญ คุณนายเด๊ดสะมอเร่ไปแล้ว นังน้องสาวก็น่าจะอยู่เมืองนอกยาว คราวนี้แหละ ถ้าจับได้ ก็สบายทั้งชาติ ไม่ต้องเต้นกินรำกินอย่างนี้แน่ๆ

    แล้วพรรณีก็จับคุณพงศ์ได้ราวกับจับโปเกม่อน... ด้วยมารยาที่บอกว่า หนูแค่มาเต้นโชว์ ไม่ได้ไปให้ใครเอาไม้แหย่รูนะคร้า

    เอ่อ แล้วลูกของหล่อนล่ะ...พรรณีก็ตอบว่า อ๋อ..นั่นลูกของสามีเก่าค่ะ สามีตายไปแล้วนะคะ

    คุณพงศ์คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?

    พอเหยื่ออยู่หมัดซะขนาดนี้ พรรณีก็กลับมาบ้านพร้อมเงินเป็นกระบุง และพอตั้งท่าว่าคราวนี้จะกลับไปแต่งงานกับคุณพงศ์เป็นเรื่องเป็นราว แม่ของพรรณีเหมือนจะเห็นอนาคต ก็เตือนว่าเอาเงินเขามาพอแค่นี้แหละ แล้วก็ทำงานหากินที่ต่างจังหวัดนี้ก็ได้

    พรรณีไม่ยอม อุตส่าห์ลงทุนราวกับไปหามาสเตอร์บอลมาใช้จับคุณพงศ์ได้ถึงขนาดนี้แล้ว จะยอมทิ้งอนาคตอันฟู่ฟ่านั่นไปได้ยังไง!

    พรรณีกลับกรุงเทพฯ ไปหาคุณพงศ์ พร้อมจะเป็นเจ้าสาวเต็มที่...

    ....ด้วยเรือไททานิค

    แล้วก็จบชีวิตช็อกการีมีมาตรฐานนามว่า พรรณี แต่เพียงเท่านี้

     

    Story4 : ท่านชายเล็ก คุณชายอับเฉา ผู้เป็นเงาแห่งฐานันดร”

    ท่านชายเล็กเกิดมาในตระกูลชาววัง แต่ดันเป็นยุคที่เจ้าคุณพ่อเสียไปพอดี พร้อมทิ้งหนี้ที่กู้ยืมมารักษาหน้าตาพระราชวังกองโต ท่านชายเล็กกับหม่อมแม่จึงต้องระเห็จกลับไปอยู่บ้านยายคนธรรมดาอย่างแร้นแค้นยิ่งนัก

    ชีวิตชายเล็กไม่มีอะไรที่โอเคเลย ด้วยความที่ฐานันดรอยู่ สูง เกินไป สังคมชาวบ้านจึงไม่ใช่ที่ที่เหมาะแก่ชายเล็กเลย บ้านก็ดันยากจนอีก พอชายเล็กโตพอจะช่วยทำมาหากินได้ แม่กับยายก็ห้ามว่า ฐานันดรของชายเล็กไม่สมควรที่จะไปค้าขายรับจ้างแบบสามัญชนแบบนั้น

    แม่ของชายเล็กยังเสียสละได้มากกว่านี้ คือครั้งหนึ่ง มีหนุ่มใหญ่ ชื่อบุญสม ซึ่งชายเล็กจะเรียกว่าลุงบุญสม เข้ามาคอยเทคแคร์ดูแลชีวิตของคนในบ้านนี้อย่างดี แต่แม่ก็เลือกจะปฏิเสธ เพราะลูกติดของหล่อนมียศชั้นเจ้า จะมีแม่ที่ได้ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงเปลี่ยนสามีไม่ได้ แม้การกระทำนั้น จะสวนทางกับหัวใจของแม่ก็ตามที

    กระทั่งแม่ชายเล็กที่หักโหมตลอดมา ตายลงด้วยโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงยายที่ตายตามไปด้วยอายุขัย ชายเล็กยังได้รับการอุปการะจากลุงบุญสม

    ชีวิตของชายเล็กดำเนินไปตามกรอบที่วางไว้ เมื่อเติบใหญ่วัยทำงานก็ได้งานเป็นข้าราชการชั้นเสมียน ชีวิตอันแสนจืดชืดของชายเล็กแปรเปลี่ยนไปเมื่อชายเล็กได้รู้จักกับสาวเจ้าที่ร้านขายของชำ คือ นางถวิล พอจะเริ่มจีบ ก็ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู แต่ชายเล็กก็เลือกจะบอกว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาชื่อ เล็ก ไปก่อนเพื่อความปลอดภัย นั่นทำให้ชายเล็กไปคุ้นเคยกับครอบครัวพ่อแม่ลูกของนางถวิลที่เป็นกันเอง มีเสียงหัวเราะครื้นเคร้ง ไม่มีเรื่องฐานันดรมาเป็นเงาตามตัวให้รำคาญใจต่อไป

    จุดไคลแม็กส์มาถึง เมื่อตอนที่ชายเล็กกับถวิลตัดสินใจจะแต่งงานกัน ก่อนจะขอแต่งงาน ชายเล็กสารภาพว่าความจริงตนเป็นเชื้อเจ้า เจ้าจะยังรักพี่อยู่มั้ย

    ถวิลหวีดร้อง สาวสามัญชนผู้ไม่อยากเข้าถวายตัวในวัง อยากได้สามีแค่คนธรรมดา ก็เลือกจะปฏิเสธทันที...

    นับแต่วันนั้น ครอบครัวนางถวิลก็ปฏิบัติต่อชายเล็กด้วยความนอบน้อมสุภาพ ไม่ใช่แค่อดได้เป็นสามีภรรยากัน แค่ความเป็นมิตรที่มีต่อครอบครัวนี้ก็ห่างเหินออกไป...

    ส่วนเรื่องหน้าที่การงาน ใครว่าเป็นเจ้าที่เข้ามาด้วยตัวคนเดียวจะได้อัพคลาสง่ายๆ? เพราะช่องทางที่จะอัพคลาสในราชการสำหรับคนที่ไม่มีแบ็คอัพแต่แรก นั่นคือการไปประจบประแจงผู้ใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งไม่มีเจ้าคนไหนควรจะกระทำ(เพราะยังไงก็มีท่านบิดาของตัวเองหนุนหลังแล้ว) ชายเล็กจึงยังคงตำแหน่งเสมียนธรรมดาต่อไปอย่างจืดชืด...

    จุดเปลี่ยนของชายเล็กมาอีกครั้ง เมื่อชายเล็กตัดสินใจไปรับนาที่เป็นมรดกจากลุงบุญสม ไปเริ่มชีวิตใหม่เป็นชาวนาชาวไร่ ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับสังคมที่รู้ว่าตัวเองเป็น ท่านชาย อีกต่อไป แล้วชีวิตชายเล็กก็ดีขึ้นมาก สิบกว่าปีนี้ชายเล็กได้รู้จักชาวบ้าน ช่วยกันทำมาหากิน ก้าวหน้าในการงานขั้นได้ตำแหน่ง ผู้ใหญ่บ้าน

    ชายเล็กมีความสุขกับชีวิตนี้มาก กระทั่งมาถึงวันที่จะมีผู้ช่วยปลัดกระทรวงมาดูงานที่นี่ แน่นอนว่าอิผู้ช่วยฯ นั่นรู้จักยศถาท่านชายเล็กอย่างดี พอเจอชายเล็กก็ทักชายเล็กด้วยราชาศัพท์เต็มสูบ อันเป็นการแฉต่อหน้าปวงชนว่า ผู้ใหญ่เล็ก จริงๆ เป็นถึงเชื้อเจ้า...

    ชาวบ้านทุกคนปฏิบัติเช่นเดียวกับนางถวิลทันที

    ชายเล็กละทิ้งซึ่งทุกอย่าง เดินทางกลับกรุงเทพฯ อย่างไร้จุดหมาย ด้วยเรือไททานิคนั่น และจบชีวิตที่มีแต่เงาฐานันดรคอยตามความรังควานไว้ที่แม่น้ำไหลเชี่ยวกราดนั่นเอง...

    ชายเล็กผิดอะไรรรรรรรรรรร....

     

    Story5 : ผล พระเอก “พระเอกซุปตาร์ ชีวิตข้าคือลิเก”

    ผล เด็กบ้านลาดปลาดุก เด็กชาวไร่ชาวนาผู้มีความฝันอยู่เต็มกระบุงว่าวันหนึ่งชีวิตจะต้องอยู่ในแสงสีตระการตาให้จงได้

    ผลค้นพบความฝันตัวเอง เมื่อตอนที่แม่กับผลตัดสินใจแวะไปดูลิเกคณะหนึ่งที่กำลังเปิดวิกยาวหลายวัน ผลให้คำตอบกับตัวเองทันทีว่า นี่แหละ ใช่เลย!!’ ในวันสุดท้ายของวิกลิเกนี้ ผลตัดสินใจเข้าไปหาคณะลิเก และแอบลงเรือติดตามไป

    นายทับทิม พระเอกลิเกประจำวิก ซึ่งก็คือลีดเดอร์ประจำลิเกก็รับไอ้ผลมาอยู่ช่วยงานอย่างเสียมิได้ แรกเริ่มผลก็ช่วยงานหลังโรง คอยนั่งดูอยู่หลังเวที แอบท่องบทตามอยู่ประจำ พอวันหนึ่งที่นายทับทิมเกิดใจดี เริ่มสอนวิชาต่างๆ ให้ และให้เดบิวต์งานเป็นตัวประกอบ และด้วยแววลิเกอันแรงกล้าของผล ทำให้มันไต่เต้าระดับขึ้นมาเป็นตัวเด่นทัดเทียมกับนายทับทิมพระเอกคนเดิมได้ด้วยความว่องไว

    สัจธรรมวงการมายาก็เข้ามาถึงคณะลิเกนี้ คลื่นลูกใหม่สาดซัดคลื่นลูกเก่ากระเด็นชิดซ้าย

    ไอ้ผลเริ่มเหิมเกริม ออกฤทธิ์ออกลาย ใส่ลีลาการแสดงของตนให้อัลติเมทขึ้นกว่าเดิม และจงใจขัดขากันในโชว์ ถ้านายทับทิมส่งบทเศร้ามา ไอ้นี่จะต่อบทให้กลายเป็นบทฮา ให้นายทับทิมเงิบกระบวนเสีย แน่นอนว่าคนได้หน้าต่อคนดูก็จะเป็นมันอยู่แล้ว ซึ่งคนในคณะที่เหลือก็เห็นดีเห็นชอบกับมัน ทั้งตาปลอดมือระนาด หรือลูกสาวของแก ใครๆ ก็รักใคร่ชอบพอผลทั้งนั้น

    นายทับทิมทนไม่ได้อีกต่อไป เซย์กู้ดบายกับคณะลิเกนี้ ทำให้ผลก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกอย่างสมภาคภูมิ เป็นซุปเปอร์ซตาร์โด่งดังไปทั่ว มีแม่ยกหนุ่มสาวติดใจตั้งเป็นสมาพันธ์แฟนคลับพ่อผล รอติ่งรอฟินกันทั่วประเทศไปนานหลายสิบปี

    แต่อย่างที่ว่า สัจธรรมเดิม คลื่นลูกเก่ามี คลื่นลูกใหม่มา

    มีเด็กหนุ่มชื่อถมยาเข้ามาฝากตัว และทำการแบบเดียวกับผลในสมัยก่อนเด๊ะๆ ไม่มีผิดกัน

    จุดจบของซุปตาร์ผลเป็นเช่นเดียวกับที่เคยทำไว้กับนายทับทิม ถมยาขึ้นมาเบียดพ่อผลที่เริ่มจะแก่ตามสังขารลงจากแท่นอย่างไร้ความปรานี ผลจึงออกจากคณะลิเก กลับบ้านลาดปลาดุกในสภาพคอตก เฝ้าแต่หวังว่าจะมีหนทางคัมแบ็คสเตจสู่วงการในฐานะนัมเบอร์วัน ในซักวัน...ซักวัน...

    แล้ววันนั้นก็มาถึง อยู่ๆ ก็มีข่าวมาว่า ทุกท่านขรับ! จะมีประกวดลิเกทางวิทยุที่กรุงเทพฯ ขรับ!

    ผลนึกได้ทันทีว่า ถ้าเอาแค่เสียง ประดุจรายการ The V**ce ไม่คัดหน้าตา รูปร่าง ฝีมือแอ็คติ้ง ยังไงพระเอกเบอร์เก่าอย่างผลคนนี้ก็ต้องเข้าประชันได้แน่ล่ะเว้ย!

    พ่อผลบรรจุความฝันของตัวเองใหม่ แล้วรีบลงเรือไททานิคลำนั้นไป

    ...ปิดม่านลิเกของ ผล พระเอก อย่างฟินนาเร่จ้ะ...

     

    Story6 : ละม่อม “ชีวิตพังเพราะหม่ามี้”

    ละม่อมเป็นลูกของคุณหลวงยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง แต่ตอนที่ละม่อมเกิด คุณหลวงผู้เป็นพ่อก็เสียไปพอดี แม่ที่ดูจะเป็นคุณนายสบายใจก็ต้องตกอับ และโทษว่าละม่อมก็ต้นเหตุ เป็นตัวพาความตายมาให้เสาหลักของครอบครัว ตลอดชีวิตของละม่อม แม่ผู้น่ารักจะคอยย้ำ repeat เป็นเทปวิดีโอว่า การที่ละม่อมเกิดมาเป็นภาระอันหนักหน่วงของแม่ ทำให้แม่ต้องลำบาก ทำงานหาเลี้ยงดูลูกแทบตาย แกต้องสำนึกบุญคุณของชั้นนนนนนนนนนนน...

    ชีวิตลูกครึ่งคนใช้ครึ่งละม่อมดำเนินไปอย่างทุเรศทุรัง ด้วยการคอยกดหัว คอยบ่นด่าของแม่มาตลอด พอแม่ของนางเริ่มแก่ตัว นางก็ไม่ทำอะไร ให้ลูกสาวคอยบริการรับใช้ แต่แม้ละม่อมจะปรนนิบัติรับใช้แม่ดีเท่าไหร่ อิแม่ก็จะคอยด่าคอยบ่นคอยว่า ทวงบุญคุณเสมอ พอไม่ได้ดั่งใจก็จะแกล้งเป็นลมร้องไห้ดราม่าควีน ให้ลูกสาวอ่อนใจต้องยอมทำตามแม่ทุกหนไป

    ละม่อมเก็บกด...ละม่อมเศร้าใจ...

    ครั้นภาวะเศรษฐกิจเริ่มรัดตัว ละม่อมเลือกจะเปิดร้านรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้า หารู้ไม่ว่านั่นเป็นสะพานพามาซึ่งรักแรกพบและรักเดียวของนางเป็นชายหนุ่มหน้าตาบ้านๆ นามว่า สนิท นิสัยที่เด่นที่สุดคือความขี้อาย การจีบกันสองคนนี้จืดสนิทยิ่งกว่าเต้าหู้ทอดน้ำจิ้มหาย โปรตีนเกษตรลืมใส่ซีอิ๊ว สนิทจะเอาผ้ามาให้ละม่อมปะซ่อมแซมเป็นระยะๆ ทั้งสองแทบจะไม่พูดจาอะไรกันนอกจากเรื่องกิจธุระตรงหน้า... แต่เพราะทำแบบนี้บ่อยครั้ง มันก็ต้องมีโอกาสให้ทั้งสองได้พูดคุยกันบ่อยๆ

    ถึงจะเป็นแค่เรื่องดินฟ้าอากาศ สัพเพเหระ ไร้คำหวาน แต่ทุกครั้งละม่อมก็สัมผัสได้ถึงความสุข...จนก่อเกิดซึ่งความรัก

    จนถึงวันหนึ่ง สนิทมาบอกข่าวว่าจะไปทำงานที่กรุงเทพฯ อาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก สนิททำท่าว่าจะสารภาพรักกับละม่อมก่อนไป แต่สุดท้าย ความขี้อายมาวิน ทั้งสองแยกจากกันโดยไม่มีฝ่ายใดพูดอะไรขึ้นมาก่อนเลยแม้แต่นิด..

    ละม่อมยังพอจะมีความหวัง เฝ้ารอจดหมายจ่าหน้าของสนิทมาถึง เวลาผ่านไปสามปี ไม่มีวี่แววอะไรเลย ละม่อมต้องทนวนเวียนอยู่กับชีวิตที่มีแม่ดราม่าควีนต่อไป

    กระทั่งวันหนึ่ง ที่ละม่อมได้มีโอกาสเข้าไปทำความสะอาดห้องของแม่ หล่อนก็พบจดหมายที่จ่าหน้ามาถึงหล่อน แต่ดันโดนคนที่ทุกคนก็รู้ว่าใคร ชิงปาดหน้าเค้ก เอาไปเปิดอ่านก่อน และซ่อนไว้ให้พ้นหูพ้นตาหล่อนเป็นอย่างดี และมันก็คือ

    จดหมายสารภาพรักของสนิท ส่งมาเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว...แถมเป็นจดหมายรอคำสารภาพรักตอบจากละม่อมด้วย

    สัสเอ๊ย ละม่อมควรอุทานออกมาอย่างนี้

    พอหม่ามี้ผู้เก็บไอเทมแห่งความลับกลับมาพบว่าความแตก แทนที่จะสำนึกผิด ดันด่าว่าสารพัด พอเห็นลูกเถียงกลับบ้าง ก็แกล้งเป็นลมแบบคราวก่อน เพราะยังไง ลูกสาวคนดีก็ต้องยอมให้ตนแน่ๆ

    แต่คราวนี้ไม่..

    มรึง ตาย ละม่อมน่าจะพูดแบบนี้ แล้วคว้าหมอนมากดหน้าเหยื่อตรงหน้าจนขาดออกซิเจนตายHaไปภายในไม่กี่นาที

    ละม่อมไม่มีความรู้สึกผิดต่อการกระทำที่น่าจะเรียกว่า บาป เลยแม้แต่นิด เพราะเอาตามจริง บาปที่แม่ทำให้ตนมาตลอดชีวิต ก็น่าจะมากพอ และสมควรแล้วที่จะต้องโดนชดใช้กรรมด้วยสภาพการณ์นี้

    เสร็จสิ้นการเผาผีส่งเรียบร้อย นางก็หวังจะไปหาสนิทผู้เป็นที่รัก แม้หวั่นเกรงอยู่เต็มอกว่า จดหมายนานขนาดนี้ สนิทคงจะตัดใจจากเธอ ไปเจอคนใหม่แล้ว ทว่า ละม่อมผู้เหลือหลักยึดทางจิตใจเป็นสนิทผู้เดียว ก็เลือกจะทิ้งความลังเลนั่น รีบมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ทันที

    ....ด้วยเรือไททานิค

    //อ่านเรื่องนี้จบแล้ว ทุกคนน่าจะรู้สึกว่า แม่ของเรานั้นน่ารักขึ้นมาทันทีทันใด

     

    Story7 : โนรี “เหล้ายา ขามโน”

    เป็นบทที่เวิ่นเว้อที่สุดในสามโลกค่ะ ดีเทลย่อยในบทนี้อ่านแล้วจะหลับยิ่งกว่าบทหลวงพ่อเสมหลายเท่า ดิชั้นจึงอยากย่อให้บทนี้มีแต่เนื้อมากที่สุดเลยนะคะ

    โนรีเกิดมาในครอบครัวที่พอจะมีกิน ไม่ได้เดือดร้อนทางทรัพย์ แต่บ้านของโนรีเกือบจะแตกอยู่หลายหนเพราะมีพ่อขี้เหล้า เมายา ทุบตีแม่สารพัด แม่ต้องขยันทำมาหากินอยู่เพียงผู้เดียว แล้วคอยบ่นพร่ำกับลูกทุกคนนักหนาว่า อย่าเอาความขี้เหล้าเป็นเยี่ยงเป็นอย่างเด็ดขาด ถึงขั้นที่ว่าตอนโนรีจะเข้ากรุงเทพฯ ให้สาบานกับพระกับเจ้าว่าจะไม่แตะเหล้ายาของมึนเมาพวกนี้เป็นอันขาด

    แต่แม้จะขี้เหล้าขนาดไหน พ่อโนรีก็เป็นหนังสือ โนรีคลุกคลีอยู่กับพ่อตอนที่พ่อบันเทิงอยู่กับหนังสือเป็นหลัก ด้วยความเป็นเด็กฉลาดและใฝ่ในด้านนี้ สกิลที่โนรีติดตัวมาแต่เกิด แต่ยังไม่เคยใช้ซักที คือสกิลการสร้างมโนภาพของเฮียแกค่ะ เฮียแกเห็นอะไรที่ไหนก็สามารถมโนได้ล้ำลึกสุดติ่งเกินกว่าคนปกติจะเข้าใจได้ภายในพริบตา

    พอโนรีโตขึ้น ก็ไปอาศัยอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ เข้าทำงานเป็นเสมียน แต่นั่นไม่ใช่แก่นหลัก แก่นหลักคือโนรีได้อาศัยอยู่กับท่านผู้ใหญ่ศักดิ์ถึงพระยา มีลูกสาวคือคุณเล็ก (ไม่ใช่ชายเล็กนะครัช.. เนื้อเรื่องยังไม่จิ้นวายขนาดนั้น) ทั้งสองมีจุดร่วมกันคือใฝ่ในหนังสือ ชื่นชอบตัวอักษร ก็คุยกันถูกคอ จนเกิดเป็นความรักแก่ฝ่ายโนรี และคุณเล็กนี่เองที่ผลักดันให้โนรีลองเขียนนวนิยายเป็นครั้งแรก

    โนรีใช้พลังแห่งความรักเขียนเนื้อเรื่องออกมา และตอนที่เอาไปส่งสำนักพิมพ์ โนรีได้พบกับนายจวง นักเขียนชั้นครู และก็ถูกชะตากัน ติดที่ว่านายจวงจะมีไอเทมติดตัวคือเหล้า ยังดีที่โนรีนึกถึงคำสาบานที่ให้ไว้ จึงยังปฏิเสธได้เรื่อยๆ และสร้างผลงานไต่เต้าในวงการนักเขียนเรื่อยมา

    จุดเปลี่ยนมาถึง เมื่อโนรีได้ยินข่าวว่าคุณเล็กแต่งงานออกเรือนไปกับชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์กว่าตนหลายเท่า โนรีเฮิร์ท โนรีเจ็บปวดจนต้องโร่ไปปรับทุกข์กับนายจวงผู้เป็นเหมือนครูประจำตน และครั้งนี้ โนรีก็เผลอดื่มเหล้าเข้าไปเต็มฤทธิ์ ต่อจากนั้นมา เมื่อโนรีจะเขียนงานเมื่อใด ก็ต้องดื่มเหล้าก่อนไอเดียจึงจะบรรเจิด เปิดสกิลสร้างมโนภาพประจำตัวได้สุดๆ เป็นเช่นนี้มาเรื่อยๆ จนผลงานโด่งดังสุดๆ ทว่า เมื่อสังขารเริ่มถามหา คอไม่แข็งเหมือนแต่ก่อน พอดื่มเหล้าไปไอเดียบรรเจิด แต่ตากับพร่าลงตามอายุที่มากขึ้น ลงเอยว่า จะยังไงก็ไม่มีทางเขียนงานออกมาได้อยู่ดี

    แถวบ้านเรียกว่า มันทำตัวมันเอง..

    ลงเอยที่ว่า โนรีเสพติดเหล้าขนาดหนักยิ่งกว่าพ่อของตัวเอง ชนิดว่าต้องดื่มทั้งวันจึงจะไม่ลงแดง ชนิดว่านายจวงที่ว่าติดเหล้าเหมือนกันห้ามก็ไม่ฟัง ญาติทางกรุงเทพฯ ตัดสินใจส่งตัวโนรีกลับบ้าน พอแม่เห็นสภาพลูกชายตัวเองก็ไม่คิดจะต่อว่าอะไร คอยพยาบาล บำรุง จนโนรีเริ่มหย่าจากเหล้าได้เป็นที่เรียบร้อย แม่ของโนรีจึงเคลียร์กับลูกว่า กลับมาอยู่บ้านเรา ทำมาค้าขายตามปกติไปเถอะนะ ไม่ต้องกลับไปในชีวิตโลดแล่นทางนักเขียนที่ต้องใช้สุราเป็นตัวช่วยสำหรับลูกอีกเลย

    โนรีไม่ฟัง... กระโดดลงเรือไททานิคไป

    แถมควักเหล้าขึ้นมาดื่มอย่างไม่เกรงฟ้ากลัวดิน เป็นการประกาศตนอีกรอบ ว่าข้าจะคัมแบ็ควงการนักเขียนอีกครั้ง ให้วงการสะเทือนเลยคอยดู

    แล้วเรือก็สะเทือน...ก่อนจะคว่ำลง ดับมโนภาพของโนรีจอมโนได้โดยสมบูรณ์

     

    Story8 : ลินจง “ทำดีแต่ดันไม่ได้ดี??”

    เป็นบทที่ขัดใจคนอ่านมากที่สุด และน่าจะขัดกับหลักกรรมทางศาสนามากที่สุดแล้วล่ะ

    ..ลินจง เกิดมาในครอบครัวที่ดี ทุกอย่างดี ชีวิตดี นางเป็นแบบเดียวกับหลวงพ่อเสม แต่อัพเลเวลกว่าตรงที่นางประพฤติตนครบทุกศีล ไม่หลุดจากกรอบเลยแม้แต่น้อย เนื้อสัตว์อะไรพวกนี้ถ้าไม่กินได้ก็จะไม่กินเลยด้วยซ้ำ ลินจงมีชีวิตที่ดีมาก โตขึ้นเป็นสาวแส้ก็ยังตั้งตัวเป็นคนดีโลกตะลึง มีชายหนุ่มมาจีบเป็นกองทัพ แต่ลินจงก็ตกลงปลงใจกับนายสังเวียนหนุ่มข้างบ้าน เป็นผู้ชายที่ดี ขยันทำมาหากินเช่นกัน

    ชีวิตคู่ก็ราบรื่นดี สามีภรรยาช่วยกันทำมาหากิน ประกอบแต่กรรมดี อยู่ในศีลธรรม แต่เรื่องมันเกิดตรงที่ อยู่กันมาตั้งหลายปี พยานรักก็ยังไม่อุแว้ๆ มาให้ชื่นใจซะงั้น

    สองสามีภรรยาสุดยอดจะคนดีขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่สม่ำเสมอให้มีลูกมีเต้ากับเขาบ้าง แล้วในที่สุด ลินจงก็ตั้งครรภ์ ทั้งสองมั่นใจว่าชีวิตต่อจากนี้จนแก่เฒ่าต้องเป็นชีวิตที่ดีที่สุดกว่าใครเป็นที่ไหนๆ

    ช่วงลินจงท้องแก่ ควรจะบำรุงเยอะๆ นายสังเวียนผู้เป็นสามีเลยจะออกไปหาปลาหาเนื้อมาให้ภรรยาตนทานบำรุงเพิ่ม แต่เคราะห์กรรมที่มาจากไหนก็ไม่รู้ก็ทำให้นายสังเวียนจมน้ำตายก่อนจะได้เห็นหน้าลูก จังหวะเดียวกัน ลินจงก็คลอดลูกพอดิบพอดี ลินจงต้องทำใจที่จะเป็นซิงเกิ้ลมัม รวมถึงดูแลลูกคนนี้ที่หวังจะเป็นที่พึ่งของชีวิตให้ดีที่สุด

    ...ลูกชายของลินจง เป็นเด็กเอ๋อ

    แม้จะโตขนาด10กว่าขวบ แต่พัฒนาการกลับหยุดอยู่ที่เด็กอายุ3ขวบแค่นั้น จนไม่สามารถเข้าสังคมกับใครได้ เป็นที่น่าอดสูยิ่งนัก ลินจงพยายามหาทางรักษามากมาย จนเงินทองในบ้านเริ่มร่อยหรอ ชีวิตแร้นแค้นขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก กระทั่งวันหนึ่ง ลินจงได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงพ่อผู้หนึ่งที่อยู่ในย่านกรุงเทพฯ ว่ามีอภินิหาร น่าจะรักษาลูกของตนได้ ก็หอบลูกลงเรือไททานิคลำนั้นไป

    จุดสะเทือนใจยังสะเทือนได้เรื่อยๆ ในฉากที่เรือคว่ำ ความจริงลินจงอยู่ในตำแหน่งที่สามารถว่ายน้ำขึ้นฝั่งเอาชีวิตรอดได้ แต่ลูกชายตัวดี ดันกอดคอถ่วงแม่ไว้แน่น จนทั้งคู่จมน้ำตายไปด้วยกัน สภาพศพออกมาน่าสังเวชใจเป็นที่สุด ถึงกับมีคนกล่าวว่า ไปทำเคราะห์กรรมอะไรมา ถึงได้ตายทั้งแม่ลูกแบบนี้

    ....บทนี้นี่มันอะไรกันฟะ!!!?

     

    Story9 : จั่น “ทหารพันธุ์ดี สปีชี่วัวลืมตีน”

    จั่นเกิดมาอยู่ในครอบครัวที่แอนตี้ทหารมาก กระทั่งถึงวัยที่ต้องเข้าเกณฑ์ทหาร ผู้เป็นแม่ก็พยายามเล่นเส้นทุกวิถีทาง แต่สุดท้าย ใบสีแดง ก็เป็นคำตอบว่ายังไงชะตากรรมของจั่นก็ต้องผูกติดกับระบบทหารนี้อยู่ดี การที่จั่นเข้าไปนั้น จั่นมีเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อ เลี่ยม เพื่อนแนวเอาฮาเรื่อยๆ กับชีวิต และนั่งนับวันรอว่าเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านเป็นหลัก แต่ในทางกลับกัน เมื่อเริ่มการฝึกทหารอย่างจริงจัง จั่นเห็นว่ามันเป็นระเบียบที่ดี เป็นสิ่งที่มีเกียรติต่อชาติบ้านเมือง สองปีให้หลัง ในวันปลดระวาง จั่นตัดสินใจขอเข้าเป็นทหารต่ออย่างเป็นงานเป็นการ (แน่นอนว่าขุ่นแม่ของจั่น ก็มีหัวอกเดียวกับขุ่นแม่ของพระเสม)

    จั่นก้าวหน้าในชีวิตทหารเป็นอย่างมาก ได้เลื่อนเป็นร้อยตรีสุรวุฒิ และหากใครถามว่าพื้นเพเป็นใคร สุรวุฒิจะตอบอย่างภาคภูมิว่า เขาคือ จั่น เด็กบ้านนอกที่ไต่เต้าตัวเองจากทหารเกณฑ์มาจนถึงขนาดนี้

    แต่พอยศ พ.ท.สุรวุฒิมาถึง ความคิดในบรรทัดก่อนหน้าก็เปลี่ยน...

    พ.ท.สุรวุฒิเริ่มลืมไปว่าตัวเองเคยเป็นจั่น และไม่อยากจะนึกถึงตัวตนในแบบจั่นอีกเลย ขนาดที่ว่าทางบ้านอยากให้สุรวุฒิกลับไปเจอคนในบ้านบ้าง สุรวุฒิก็บ่ายเบี่ยง มุ่งแต่กับงาน ทิ้งชีวิตจั่นให้พ้นตัวไปโดยสิ้นเชิง

    พ.ท.สุรวุฒิ แต่งงาน มีลูก เป็นที่เรียบร้อย แต่ชีวิตก็เริ่มจะลำบากขึ้นในวิกฤติการณ์สงคราม เงินเดือนราชการแทบจะไม่พอยาไส้ ครั้นจะให้ไปทำมาหากินอย่างอื่นมันก็จะเป็นการเสียเกียรติทหาร สุรวุฒิจึงกัดฟันใช้ชีวิตที่แบกไว้ซึ่งเกียรติต่อไป

    พอเห็นว่าการทำแบบนี้ไม่น่าจะทำให้มีชีวิตรอดต่อไป สุรวุฒิจึงเริ่มหางานอย่างอื่น แต่ดันเลือกจะเอาแต่งานสูงๆ เหมือนยศที่ตนเป็นอยู่ซะอย่างนั้น ไปๆ มาๆ สุรวุฒิจึงบอกว่าของานอะไรก็ได้ หนักเอาเบาสู้ แต่ที่แน่ๆ ก็ไม่มีใครกล้ารับไป คิดดู มีพันโทมาขอเป็นลูกจ้าง วันดีคืนดีเราไปด่ามัน มันไปควักปืนมายิงทิ้งรึไง... พ.ท.สุรวุฒิจึงต้องประสบกับภาวะทางเศรษฐกิจต่อไป

    กระทั่งภรรเมียของสุรวุฒิเด๊ดสะมอเร่ สิ่งที่เรียกว่า ยศ ศักดิ์ศรี เกียรติทหาร ซึ่งไม่น่าจะแดรกได้ กลายเป็นดาบสองคมทำลายตัวสุรวุฒิเอง สุรวุฒิต้องขายบ้านขายช่องทิ้ง และพาลูกกลับบ้านที่ควรจะกลับไปตั้งแต่พ่อแม่ร้องขอเมื่อนานมาแล้ว

    สุรวุฒิยังพอจะนึกเรื่องดีๆ ออก ถ้าหากว่าเขากลับไป ใครๆ ในบ้านนอกแห่งนั้นก็ต้องพากันนับหน้าถือตา เรียกเขาว่า พ.ท.สุรวุฒิ คิดแค่นี้ก็ฟินแล้ว

    ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่

    พี่น้องในบ้านของสุรวุฒิต้อนรับเขาและลูกอย่างดี และเรียกสุรวุฒิอย่างภาคภูมิว่า พี่จั่น เต็มปาก

    พี่จั่น!?

    ไม่มีทาง! พ.ท.สุรวุฒิรับไม่ได้ พ.ท.สุรวุฒิไม่ยอม

    อีโก้ของสุรวุฒิยังไหลซู่ไปทั่วร่างกาย ปล่อยวางไม่ลง ทำให้สุรวุฒิเลือกจะพาตัวเองไปที่ที่น่าจะมอบอีโก้ให้กับเขาได้ นั่นคือบ้านกำนัน

    พวกกำนันพวกนี้อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระบบราชการ รู้ศักดิ์สูงต่ำ ต้องยอมนับหน้าถือตาเรียกเขาว่า พ.ม.สุรวุฒิ ไม่ดักดานเหมือนพวกชาวบ้านพวกนั้นแน่ๆ!

    อ้าว ไอ้จั่นเองเรอะ ใช่แล้ว อิกำนันนี่ มันคือเจ้าเลี่ยม เพื่อนเกลอที่แยกไปตั้งแต่ตอนปลดระวางทหารเกณฑ์นั่นเอง

    จากนั้น กำนันเลี่ยม ก็ชวนสุรวุฒิคุยอย่างสนุกสนาน แต่ทุกครั้ง สรรพนามที่ใช้ก็คือ ไอ้จั่น ไร้ผู้ทำความเคารพให้ ไร้ผู้เชิดชู ไร้ผู้ยำเกรงต่อเกียรติยศอันนี้เลยสักคน

    สุรวุฒิตัดสินใจฝากลูกไว้กับทางบ้าน แล้วกระโดดลงเรือไททานิค หวังจะกลับไปสู่กรุงเทพฯ แม้หนทางจะยากลำบาก แต่ก็ขอให้เขาได้สู้เพื่อทวงเกียรติยศตัวเองกลับคืนมา

    เพื่อเกียรติของข้าผู้นี้ ไอ้จั่... เอ้ย พ.ท.สุรวุฒิ....!!

    ซ่า ซ่า... ซูม...

    เสียงเรือคว่ำดังโครม เหมือนเกียรติที่แบกอยู่จะหนักเกินไป จนทำให้ทหารยศสูงสังขารเริ่มเข้าชราต่อสู้กับกระแสน้ำเชี่ยวกราดไม่ไหว จบชีวิตลงไปพร้อมกับเกียรติยศอันแสนภาคภูมินั้นไปแต่โดยดี

     

    Story10 : ทองโปรย “ได้ ได้ ได้ ได้ ได้ ได้ ได้ ชีวิตดิชั้นมีแต่ได้”

    เป็นบทที่เวิ่นเว้อพอๆ กับโนรี แต่มันมีจิตวิทยาให้คนอ่านรู้สึกถึงคำว่า เบื่อ ตามนางได้จริงๆ นะตัว

    ทองโปรยเกิดมาในตระกูลที่แสนจะมั่งคั่ง ไม่ต้องทำHereอะไร ทองโปรยก็จะได้ทุกอย่างมาโดยต้องการ ต้องการขนม ของกิน ของเล่น อะไรทองโปรยก็จะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการเพียงแค่ปากขยับบอกเท่านั้น ทองโปรยใช้ชีวิตอย่างนี้เรื่อยมา และดูท่าว่าไม่ต้องทำอะไร ฐานะทางบ้านก็ยังร่ำรวยใช้ไปได้อีกสิบชาติ พอโตเป็นสาว ทองโปรยก็ได้ผู้ชายมาเป็นสามีตามที่ต้องการ และสามีที่ว่าชื่อสันต์ สันต์อาการหนักยิ่งกว่าพ่อแม่และคนในบ้านของทองโปรยตรงที่ตามใจทองโปรยทุกอย่าง

    ทองโปรยอยากได้อะไร สันต์จัดให้ได้ยิ่งกว่าพ่อแม่อีก

    ทองโปรยเริ่มรู้สึกถึงชีวิตที่ ได้มากเกินไป เข้าใจคำนี้มั้ย ถ้าไม่มีความทุกข์ ก็จะไม่รู้จักความสุข... ซึ่งทองโปรยเป็นอย่างนั้น

    ทุกอย่างช่างน่าเบื่อ สามีก็ดีดี๊ดี บ้านก็รวย ตัวเองก็สวย อาการการกินดีเริ่ด ไม่ต้องดิ้นรนอะไรด้วย แล้วชีวิตจะมีอะไรบ้างล่ะเนี่ยยย

    ระหว่างที่ทองโปรยกำลังหาทางทำให้ตัวเองได้พบกับความสุขที่แปลกใหม่ ทองโปรยก็เห็นผัวเมียคู่หนึ่งที่มักจะพายเรือมาขายของด้วยกัน ซึ่งก็มีปากเสียงกันเป็นระยะๆ แต่ทั้งคู่ก็ดูจะมีความสุขกับชีวิตคู่ดี

    ทองโปรยนึกออกแล้ว... ชีวิตคู่ที่มันจืดชืด เพราะว่าไม่มีการทะเลาะอันแสนแซ่บสะท้านทรวงอะไรเลยไงล่ะ

    ทองโปรยทำตัวให้หมั่นTeenขึ้น เพราะหวังว่าสันต์จะด่าตัวเองบ้าง กลับกัน สันต์ยอมเป็นฝ่ายง้อทุกวินาที ไม่เคยโกรธอะไรทองโปรยเลย ทุกอย่างยังเป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทองโปรยจึงได้แต่เซ็งต่อไป

    พอสันต์เห็นภรรเมียตัวเองทำท่าเบื่อโลก ก็กะว่าจะพาไปเปิดหูเปิดตาให้ทองโปรยรู้สึกเอนจอยกับชีวิตบ้าง แทนที่จะขับรถไป เลยเปิดประสบการณ์ใหม่ไปลองนั่งเรือยนต์ยามดึกดู น่าจะโรแมนติกดีนะที่รัก

    เรือไททานิคไงล่ะแม่ทองโรสยอดยาหยี!

    ...ไททานิคเวอร์ชั่นนี้ แจ็คดอสันต์รอดตาย แต่ทองโรสไม่รอดแทน

    ความตายทำให้ทองโรส เอ้ย ทองโปรยหลุดพ้นจากความเบื่อได้ จึงนับว่าของขวัญได้ถูกใจทองโปรยเป็นที่สุดเท่าที่ทองโปรยเคยได้รับ

    ขอบคุณนะ แจ็คดอสันต์!

     

    Story11 : หมอแสง “คุณหมอชั้นดีมีแต่โบราณ”

    บทหมอแสงเป็นบทสุดท้ายของหนังสือ หลายชีวิต เล่มนี้นะคะคุณ ราวกับปูเรื่องมาให้เป็นภาคต่อกับหนังสือ เกิดเป็นหมอ เลยนะคะ ขอบอกว่าหมอแสงดีกรีความน่าสงสารพอๆ กับลินจง และท่านชายเล็กพอตัว เป็นยังไงไปดูกันค่ะ

    หมอแสง ลูกหมอสุด ที่ติดตามพ่อของตนผู้เป็นแพทย์แผนโบราณไปรักษาคนไข้ในตำบลทุกครั้ง ก็มีความฝันตั้งแต่เด็กว่าโตขึ้นจะเป็นหมอที่ช่วยเหลือผู้คนจากความตายได้บ้าง เมื่อหมอแสงโตพอจะเริ่มรักษาเองได้ วิชาความรู้ก็มีจากพ่ออยู่มาก หมอแสงก็เป็นหมอที่ดี คอยรักษาชาวบ้านชาวช่องละแวกนั้นพร้อมกับพ่อไปเรื่อยๆ

    อาชีพแพทย์แผนโบราณไม่ใช่อาชีพที่ร่ำรวยอะไรนัก แต่ก็มีคนนับหน้าถือตา คอยช่วยเหลือค้ำจุนอยู่เสมอ ทำให้หมอแสงยิ่งเห็นว่าอาชีพนี้แหละดีที่สุดสำหรับตน

    และการที่คลุกคลีอยู่กับการรักษาอาการเจ็บไข้อันเป็นสัญญาณแห่งความตาย ทำให้หมอแสงเริ่มเห็นว่าความตายเป็นศัตรูที่ต้องเอาชนะ ถ้าไม่สามารถยื้อชีวิตคนไข้ได้ นั่นเท่ากับหมอเป็นผู้แพ้

    ความตายนั้นมาเซย์ฮัลโหลกับหมอสุดผู้เป็นพ่อบ้าง หมอแสงก็รักษาอย่างเต็มที่ หากสังขารนั้นไม่เที่ยง หมอสุดทนไม่ไหวจากไปโดยสงบ ถ้าเป็นคนทั่วไป ก็น่าจะปลงได้ว่าการเจ็บการตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าสู้ถึงที่สุดแล้วช่วยไมได้ก็ต้องปล่อยไป แต่หมอแสงไม่ใช่อย่างนั้น หมอแสงยิ่งย้ำความคิดเดิมให้หนักขึ้นว่า ต้องรักษาผู้คน เอาชนะความตายให้ได้ทุกครั้ง อย่าให้พลาดแม้แต่ครั้งเดียว

     แต่ยังไงก็ตาม หมอแสงก็พลาด เจอเคสที่ไม่สามารถช่วยชีวิตคนไข้ได้ หมอแสงยิ่งอาการหนักกว่าเดิม เริ่มหายาที่เรียกว่า ยาอายุวัฒนะ อย่างบ้าคลั่ง เรียกได้ว่า คนผลิตถั่วเซียนในดราก้อนบอลอาจจะเป็นหมอแสงก็เป็นได้ (อันนี้ไม่เกี่ยว)

    ซึ่งการที่ทำแบบนั้น ก็ทำให้หมอแสงต้องลงทุนมากขึ้น และออกรอบตรวจคนไข้น้อยลง ชื่อหมอแสงไม่ได้ลือไปทั่วเหมือนหมอสุดอย่างแต่ก่อน ฐานะทางบ้านหมอแสงก็เริ่มมีปัญหา อนึ่ง หมอแสงมีภรรยาชื่อ นางปลั่ง และเมื่อภรรเมียเห็นว่าอาชีพหมอไม่พอยาไส้ครอบครัว ก็เริ่มมีปากเสียงกันอยู่เรื่อยๆ ถึงขั้นที่ว่า จะไปดักอยู่หน้าบ้านตรงใต้ถุน ถ้าคนไข้มาหา ก็จะเก็บค่ารักษาอย่างขูดเลือด เพราะนางเห็นสมควรว่าอาชีพหมอเหนื่อยขนาดนี้ค่าจ้างก็ต้องเยอะขึ้นสิ

    แต่กลายเป็นว่า คนยิ่งหันหลังให้หมอแสง เพราะค่ารักษาก็แสนแพง ทุกอย่างแย่ลงไปอีก เมื่อยาตะวันตกพวกแคปซูลเริ่มเข้ามาในไทย ชาวบ้านสามารถซื้อกินเองได้ไม่ต้องพึ่งแพทย์แผนโบราณอีกต่อไป ผู้ที่หวังพึ่งหมอแสงก็ลดน้อยลงจนเหลือแต่คนเฒ่าคนแก่ที่เคยชินกับยาแผนโบราณเท่านั้น

    หมอแสงผู้ยึดติดกับการค้นหายาอายุวัฒนะเริ่มเห็นถึงสังขารตัวเอง หมอแสงเริ่มมีอาการเป็นโรคเรื้อน ที่ยาในตำรับแผนโบราณไม่สามารถรักษาได้ ยิ่งเป็นแบบนี้ เรื่องจะออกไปรักษาคนไข้ก็ไม่ต้องพูดถึง หนักกว่านั้น คนรอบข้างตัวหมอแม้แต่ภรรเมียสุดที่เลิฟก็พากันรังเกียจที่หมอแสงเป็นโรคเรื้อน

    หมอแสงเข้าข่ายประมาณลินจง ขนาดรักษาคนมามากมาย ทุ่มเทมาตลอดชีวิตเพื่อช่วยเหลือคน ยามบั้นปลายกลับมีชะตากรรมแบบนี้

    ทำไมกันนนนนนน

    สุดท้าย หมอแสงที่ทนสายตารังเกียจของคนรอบข้างไม่ไหว ก็เก็บผ้าผ่อนลงเรือยนต์ไททานิคไปอย่างไร้จุดหมาย ในหัวคิดแค่ว่าขอไปอยู่ในที่ที่ใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักก็เป็นที่เพียงพอ

    หมอแสงระลึกได้ก่อนจะถึงจุดพีคของเรื่องว่า อะไรที่ควรปล่อยก็ต้องปล่อย อย่างในเคสคนไข้ที่ป่วยหนักจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีทางจะรักษาได้จริงๆ การรั้งไว้มีแต่ทำให้เขาทรมานล่ะนะ...

    ความตายมาเซย์ฮัลโหลกับหมอแสง

    และหมอแสงก็เลิกเป็นศัตรูกับความตาย พร้อมรับมันด้วยความยินดี

     

    ....เดี๋ยวสิ จบงี้เลยเหรอ

    เอ่อ จบก็ได้ หวังว่าทุกท่านจะประหยัดเวลาในการอ่าน หลายชีวิตไปไม่มากก็น้อย เจอกันต่อในส่วนนี้กับ เกิดเป็นหมอ ของเทอมหน้า สวัสดีค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×