ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังสรุปมหากาพย์ข้อสอบTU : by. BiwTigerPisces

    ลำดับตอนที่ #35 : [Finalเทอม2] เอาใจเด็กวิทย์ วิชา เคมี by.เพื่อนน้ำใจงาม

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 57


    สรุปด่วน เคมี เอาชีวิตรอดจากไฟนอล
    cr.เพื่อนน้ำใจงาม

    บอกไว้ก่อนนะคะว่าอิฉันไม่ใช่คนทำสรุปเคมีนี้แน่นอนร้อยเปอร์ มีคนInbox มาให้น่ะค่ะ
    ขอขอบคุณอีกครั้ง ที่ส่งมาให้เราแชร์นะคะ //ปรบมือให้นางด้วยค่ะ


    แก๊ส
    สมบัติทั่วไป
    แก๊ส เป็นสถานะหนึ่งของสาร ที่โมเลกุลลอยละล่องไปมา แทบไม่มีแรงยึดเหนี่ยวกับโมเลกุลข้างเคียง  
    สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับแก๊ส
    - แก๊ส มีปริมาตรไม่คงที่ ขึ้นกับภาชนะที่บรรจุ  
    - แก๊ส มีรูปร่างไม่คงที่ ขึ้นกับภาชนะที่บรรจุ

    สรุปสูตร
    1. บอยล์ ใช้เมื่ออุณหภูมิและโมลคงที่ 
               P1V1 = P2V2
    2.ชาร์ล ใช้เมื่อความดันและโมลคงที่

                    V1  = V2
               T1     T2
    3.กฏรวมของแก๊ส ใช้เมื่อโมลคงที่
                P1V1 =  P2V2
                  T1          T2  
    4.สมการแก๊สอุดมคติ  *ใช้แทนสามตัวบนได้
                      PV=nRT
    หรือถ้ามีสองสภาวะ สำหรับคนที่ชอบจำไปเลย
                 P1V1 =  P2V2
                 T1n1     T2n2
    5.กฏการแพร่ของเกรแฮมม์
                     Ra   =    sqrt(Mb)
                     Rb         sqrt(Ma)
    6.กฏความดันย่อยของแก๊ส
      ความดันรวมของระบบ = ผลรวมความดันย่อย

                  Pรวม = ผลรวม P ย่อย

    แก๊สจริงและแก๊สอุดมคติ
    __________________________________________________________________
    |                                        |             แก๊สจริง            |         แก๊สอุดมคติ             |
    |_______________________|____________________|____________________|
    | ขนาด(ปริมาตร)โมเลกุล           |                มี                 |     ไม่มี (เป็นเสมือนจุด )    |
    |_______________________|____________________|____________________|
    | แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล     |                มี                 |               ไม่มี               |
    |_______________________|____________________|____________________|
    เน้นพิเศษเก็งข้อสอบ(อ.บอกออกเกือบทุกปี)
    Q:ทำอย่างไร แก๊สจริงจึงจะประพฤติตัวเข้าใกล้แก๊สอุดมคติ
    A:   ให้ลดความดัน   พิ่มอุณหภูมิ  
    Q:แก๊สชนิดใดประพฤติตัวคล้ายแก๊สอุดมคติ
    A: แก๊สเฉื่อย (มีแรงระหว่างโมเลกุลต่ำมาก)
    ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
    หลักสำคัญๆ คือ
    1.ในทฤษฎีจลน์ของแก๊ส อนุภาคแก๊สเป็นอนุภาคแก๊สอุดมคติ
    2.โมเลกุลแก๊สเคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรงด้วยความเร็วคงที่
    ถ้ามีการชน จะเป็นแบบยืดหยุ่นสมบูรณ์ (อนุภาคกระเด้งออกด้วยอัตราเร็วเท่าเดิม)
    3.ที่อุณหภูมิเดียวกัน แก๊สทุกชนิดมีพลังงานจลน์เฉลี่ยเท่ากัน
    เมื่ออนุภาคชนผนังก็จะเกิดแรงดล ทำให้ผนังภาชนะมีความดัน

    โดยความดัน  P แปรผันตาม  F x f   (ความถี่คูณความแรง)

    F คือแรงดล    คือ การดล/เวลา =  mv/t
    ดังนั้นปัจจัยที่มีผลต่อ ความแรงในการชน คือ มวล และ ความเร็ว

    f คือความถี่ของการชน
    ดังนั้นปัจจัยที่มีผลต่อความถี่ในการชน คือ ความเร็ว จำนวนโมล และ ปริมาตร
    อุณหภูมิจะส่งผลโดยตรงต่อพลังงานจลน์ ดังนั้น ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็ว

    ปริมาตร   -  ส่งผลต่อ ความถี่                      
    โดย ปริมาตร  แปรผกผันกับกับความถี่
    จำนวนโมล  -  ส่งผลต่อ ความถี่  
    โดย จำนวนโมล (คือจำนวนอนุภาค) แปรผันตรงกับความถี่

    อุณหภูมิ  - ส่งผลต่อความถี่  และ ความแรง
    โดย อุณหภูมิ แปรผันตรงกับ ความถี่ และ ความแรง

    เรื่องที่ควรรู้ก่อนทำโจทย์
    1. Pย่อย จะเป็นอัตราส่วนตามอัตราส่วนโมลของแก๊สในระบบ
    2. ลูกโป่งจะหยุดพอง เมื่อ ความดันภายในลูกโป่ง = ความดันบรรยากาศ
    3. การทดลองหลอดของตอริเชลลี่เกิดความคลาดเคลื่อนเป็นผลมาจาก ความดันไอน้ำในอากาศ
    (เคยมีผู้ต่อท่อทำการทดลองเลียนแบบที่ตึก 55 ปีของเรา)
    4. เรากำจัดไอน้ำในอากาศได้โดยเอาอากาศใส่หลอดทดลองไปแช่ถังน้ำแข็ง (ไอน้ำจะกลั่นตัวลงมา)
    5. วัดความดันใช้ บารอมิเตอร์/มานอร์มิเตอร์
    6. สมการแก๊สจริงคือ  (P+ n^2.a)(V-n.b) = nRT
                                            V^2       
    โดย a และ b เป็นค่าคงตัวแวนเดอร์วาลล์ เป็นค่าประจำแก๊สแต่ละตัว โจทย์ต้องกำหนดมา 
    *หมายเหตุ ไม่ต้องท่องนะ แค่เห็นไว้คุ้นๆตาเผื่อมันถาม
    7. การเก็บแก๊ส คือเก็บโดยวิธีแทนที่น้ำ
    8. วัดปริมาตรแก๊ส ใช้หลอดฉีดยา (จะได้ปริมาตรที่ความดันบรรยากาศ)
    9. ความหนาแน่นแก๊สแปรผันตรงกับ มวลโมเลกุล ความดัน และแปรผกผันกับ อุณหภูมิ

    10. เวลาทำการทดลองกฏของเกย์ลูสแซ็ก ถ้าใช้น้ำเป็นตัวเลื่อนแทนลูกสูบ แล้วให้ความร้อนให้แก๊สขยายตัว
    ต้องดึงให้ระดับน้ำเสมอกับนอกหลอดก่อนอ่านค่า  (มิฉะนั้นจะคลาดเคลื่อนจากความดันน้ำ)

    คำแนะนำ
    1. สำหรับโจทย์ซับซ้อน เช่น แก๊สแพร่เข้าสู่ภาชนะอื่นและทำปฏิกิริยากับแก๊สในนั้นไปพร้อมๆกัน 
    ผู้ทำมีสิทธิ์แยกคิดออกเป็นสองขั้นตอน คือคิดความดันที่เปลี่ยนไปจากการแพร่ แล้วหาความดันที่เปลี่ยนไปจากการทำปฏิกิริยา  หรือจะทำอีกอันก่อนก็ได้(ยังไม่เจอในแบบฝึกด้านหลัง แต่เจออ.ยกตัวอย่างในห้อง)
    2.  ระวังหน่วยดีๆ เรื่องแก๊สไม่ยาก แต่มักจะหลอกด้วยหน่อย หรือปริมาตรภาชนะ อ่านดีๆ ว่าต่อเข้าด้วยกัน หรือถ่ายไปภาชนะที่สองอย่างเดียว
    3
    . ระวังเรื่องการคำนวนปริมาณสารสัมพันธ์ทั่วไปจากเทอม1 อาจต้องใช้บ้าง 


     

    ของเหลว

    คุณสมบัติเบื้องต้นของของเหลว
    - ปริมาตรคงตัว รูปร่างไม่คงตัว
    - แพร่ได้
    - ความดันส่วนมากมาจากมวลกดทับ ไม่ใช่การชนของอนุภาค
    การระเหย
            เกิดจากการที่โมเลกุลของของเหลวมาชนโมเลกุลที่อยู่บริเวณผิวหน้า
    ทำให้โมเลกุลบริเวณผิวหน้ามีพลังงาน(จลน์)มากพอจะสลายพันธะระหว่างโมเลกุล แล้ว
    วิ่งหลุดออกไป
            เนื่องจากโมเลกุลที่หลุดมันเอาพลังงานไปด้วย การระเหยจึงเป็นการดูดความร้อน ทำให้สิ่งแวดล้อมเย็นขึ้น
    ปัจจัยที่มีผล
    - พื้นที่ผิวหน้า     เยอะ
    ->มีที่ระเหยมาก->ระเหยดี
    - อุณหภูมิ           สูง
    ->พลังงานจลน์ยิ่งมาก->ระเหยดี
    - ความชื้น/ความดัน   สูง
    ->กดผิวหน้าไว้->ระเหยแย่
    - สมบัติเฉพาะตัว (แรงยึดเหนี่ยว)       สูง
    ->ระเหยยาก
    - ความดันไอ        สูง
    ->ระเหยดี
    การเดือด
        คือการที่ของเหลวทั้งก้อนเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส ต่างกับการระเหยตรงที่
    - การเดือดเกิดทุกจุด   การระเหยเกิดแค่ผิวหน้า
    - การเดือดเกิดที่อุณหภูมิเดียว การระเหยเกิดได้ทุกอุณหภูมิ
    ความดันไอ
                คือความดันของไอของเหลวในภาชนะปิด เมื่อทำการทดลองพบว่า
    ที่อุณหภูมิที่ปกติของเหลวจะเดือด ความดันไอจะมีค่าเท่ากับความดันบรรยากาศ

     

    แรงในของเหลว
    1. แรงตึงผิว
    - ยิ่งของเหลวมีแรงตึงผิวมาก หยดจะยิ่งกลม
    - แรงตึงผิวสัมพันธ์กับ
    cohesion
    2. แรงเชื่อมแน่น(cohesion)
    คือแรงระหว่างโมเลกุลของเหลวด้วยกันเอง
    3. แรงยึดติด(
    adhesion)
    คือแรงระหว่างโมเลกุลของเหลวกับพื้นผิวอื่น
    ถ้า
    cohesion>adhesion
    หยดจะกลม ถ้าเป็นในหลอดทดลอง จะเว้านูนขึ้น (เช่นปรอท)
    ถ้า
    adhesion>cohesion
    หยดจะแบนๆ ถ้าเป็นในหลอดทดลอง จะเว้าลง (เช่นน้ำ)
    ข้อควรรู้เกี่ยวกับของเหลว
    - ถ้าต้มของเหลวในภาชนะปิด ของเหลวจะไม่เดือด
    - ความดันไอเพิ่มตามอุณหภูมิ และเป็นสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละสาร

    ของแข็ง

                เป็นสถานนะของสสาร ที่ รูปร่างคงที่ ปริมาตรคงที่ หน่วยย่อยเรียงชิดติดกัน(packed)
    ทำให้หน่วยย่อยเคลื่อนที่ไม่ได้     

    แบ่งเป็น ของแข็งที่มีรูปผลึก
                   ของแข็งอสัณฐาน(ของแข็งที่ไม่มีรูปผลึก )
    ของแข็งที่มีรูปผลึก
    เกิดจากหน่วยย่อยๆมาแพ็ครวมกัน    ซึ่งหน่วยย่อยๆอาจเป็น อะตอม หรือ โมเลกุล
    ของแข็งที่ควรรู้จัก

    คาร์บอน
    มีหน่วยย่อยเป็น อะตอม
    - เพชร
    เกิดจากอะตอมสร้างแขนออกไปสี่พันธะมุม 109.5 องศา
    เกิดเป็น โครงผลึกร่างตาข่าย  หน้าตาแบบนี้
                                                     - จุดเดือดจุดหลอมเหลว  สูงมาก
                                                     - มีความแข็งมาก (10 ตาม สเกลของโมส์)


    - กราไฟต์
    เกิดจากอะตอมสร้างออกไปเพียงสามพันธะ 3 แขนเท่านั้น ต่อๆกันเป็นแผ่นรูปหกเหลี่ยม

    ทำให้แต่ละอะตอมมีอิเล็คตรอนอิสระ (จะไม่เห็นในรูป)
                                                             - แต่ละแผ่นยึดกันด้วยแรงลอนดอน หรืออีกชื่อ                                 
    ชื่อ
    หนึ่งคือแรงแผ่กระจาย ซึ่งมีค่ามากขึ้นตาม ขนาดโมเลกุล (ม.ปลายอนุโลมเป็นมวลโมเลกุล)
     
    แต่แรงลอนดอนก็ไม่แข็งแรง แกรไฟต์จึงหลุดเป็นแผ่นได้
    จึงใช้ทำไส้ดินสอ สารหล่อลื่น
                                                              - เพราะมีอิเล็คตรอนอิสระ แกรไฟต์จึงนำไฟฟ้าได้                                                    แต่กราไฟต์นำไฟฟ้าได้ในแนวแผ่นเท่านั้น(แนวสีเดียวกันในรูป)
    กำมะถัน                                                                     
     
    มีหน่วยย่อยเป็น โมเลกุล  
    S8 หน้าตาแบบนี้

     



    และโมเลกุลจะมารวมตัวกันเป็นผลึก ได้หน้าตาออกมาสองแบบคือ
      Rhombic sulfur และ Monoclinic Sulfur แบบนี้


    กำมะถันรูปเหลี่ยม (Rhombic)
    - จุดหลอมเหลวประมาณ 113 องศาเซลเซียส
    - เสถียรที่อุณหภูมิห้อง

    กำมะถันรูปเข็ม (Monoclinic)
    - จุดหลอมเหลวประมาณ 119 องศาเซลเซียส
    - มีสีเหลือง
    - เสถียรที่อุณหภูมิ 70 องศาขึ้นไป

     



    ฟอสฟอรัส

    มีหน่วยย่อย เป็นโมเลกุล P4 หน้าตาแบบนี้ (ยกเว้นฟอสฟอรัสดำ)



    มีรูปแบบที่ต้องรู้จักอยู่สามรูปแบบ คือ
      1. ฟอสฟอรัสขาว
    เป็นโมเลกุลแบบในรูปหน่วยย่อยข้างบนมาอยู่ด้วยกันเฉยๆ
    - มีความว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยามาก (วางทิ้งไว้ติดไฟขึ้นเองได้)
      2. ฟอสฟอรัสแดง
    คือเราเอาหน่วยย่อยของฟอสฟอรัสขาวมาวางต่อกัน


    แบบนี้ ฟอสฟอรัสแดงจะว่องไวน้อยกว่าฟอสฟอรัสขาว เราจึงใช้ทำไม้ขีดไฟ
       3. ฟอสฟอรัสดำ
    เป็นอัญรูปที่เสถียรที่สุดของฟอสฟอรัส จะเรียงตัวเป็นแผ่นบิดๆ แล้วซ้อนกันคล้ายๆกราไฟต์
    ในแผ่นเป็นโครงร่างตาข่าย




    สรุปลักษณะผลึกของแข็ง

    1.            ผลึกโมเลกุล มีขั้ว

    2.            ผลึกโมเลกุล ไม่มีขั้ว -> ส่วนมากระเหิดได้

    3.            ผลึกโครงร่างตาข่าย -> จุดเดือดจุดหลอมเหลวสูง

    การระเหิดของของแข็ง
    การระเหิดของของแข็ง เกิดจากพลังงานความร้อนที่ได้รับสลายพันธะโดยตรง ไม่ได้เกิดเฉพาะที่ผิวหน้าแบบของเหลว (เกิดทุกจุดเหมือนการเดือด)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×