คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : [Final] ม.4เทอม1 ไทย(หลัก) Part2/2 : วรรณคดี
[Final] ไทย(หลัก) Part2/2 : วรรณคดี
By.BiwTigerPisces
วรรณคดีสุโขทัย
ชื่อเรื่อง |
ปีแต่ง (พ.ศ.) |
ผู้แต่ง |
ลักษณะการแต่ง |
เน้นเรื่อง... |
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง |
(คาดว่า) 1826 |
พ่อขุนรามคำแหง |
ร้อยแก้ว |
ชีวประวัติ + เหตุการณ์บ้านเมือง + ยอพระเกียรติกษัตริย์ |
สุภาษิตพระร่วง / บัญญัติพระร่วง |
- |
(อาจเป็นพ่อขุนรามคำแหง / นักปราชญ์ในวัง) |
ร่ายสุภาพ |
สอนสั่งมารยาทการปฏิบัติให้อยู่ร่วมในสังคมได้อย่างปกติชน |
ไตรภูมิพระร่วง / |
1896 |
พระยาลิไท |
ร้อยแก้ว |
สอนเรื่องบาปบุญคุณโทษ ภูมิทั้งสามจากการกระทำของมนุษย์ |
ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ / นางนพมาศ / |
- |
ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ |
ร้อยแก้ว + |
การปฏิบัติตนตามวิถีสตรี + |
จุดพิเศษอื่นๆ ของแต่ละเรื่อง |
2.
2. สุภาษิตพระร่วง
มีอิทธิพลต่อวรรณคดีอื่น
- ร่ายยาวมหาเวสสันดร กัณฑ์ชูชก
- เพลงยาวถวายโอวาท
- ขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม
- สุภาษิตพระร่วงคำโคลง (พระราชนิพนธ์ใน ร.6)
3. ไตรภูมิพระร่วง
มีอิทธิพลต่อวรรณคดีอื่น
- ลิลิตโองการแช่งน้ำ
- มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ทานกัณฑ์
- รามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1 และ 2
- กากีคำกลอน
- ขุนช้างขุนแผน
4.ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์
ประวัติผู้แต่ง : ชื่อเดิมคือ นางนพมาศ เป็นธิดาของ ท้าวศรีมโหสถ กับ นางเรวดี ได้รับการอบรมเป็นนางในแต่เด็ก เมื่อเจริญวัยได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีงามและได้ตำแหน่งเป็นสนมเอกตำแหน่ง ท้าวศรีจุฬาลักษณ์
อิทธิพลต่อวรรณคดีอื่น : พระราชพิธีสิบสองเดือน (พระราชนิพนธ์ใน ร.5)
*มีการกล่าวถึง โคมลอย
นิทานเวตาล
ประวัติไทม์ไลน์ของเรื่อง
เวอร์ชั่น#1 |
เวอร์ชั่น#2 |
ประเทศ : อินเดีย
ผู้แต่ง : ศิวทาส
ชื่อเรื่อง : เวตาลปัญจวิงศติ
จำนวนบท : 25
ภาษา : สันสกฤต |
ประเทศ : อินเดีย
ผู้รวบรวม : โสมเทวะ
ชื่อเรื่อง : เวตาลปัญจวิงศติ ในหนังสือ กถาสริตสาคร
จำนวนบท : 25 (ตอนที่ 75 - 99)
ภาษา : สันสกฤต – ฮินดี |
เวอร์ชั่น#3 |
เวอร์ชั่น#4 |
ประเทศ : อังกฤษ
ผู้แต่ง : เซอร์ ริชาร์ด เอฟ เบอร์ตัน
ชื่อเรื่อง : Vikarm and the Vampire or Tales of Hindu Devilry
จำนวนบท : 25
ภาษา : อังกฤษ |
ประเทศ : ไทย
ผู้แต่ง : น.ม.ส. (พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ)
ปี : พ.ศ.2461
ชื่อเรื่อง : นิทานเวตาล
จำนวนบท : 10
ภาษา : ไทย (ที่แปลมาจากฉบับอังกฤษ) |
**นิทานเรื่องที่ 10 ปัญหาเกิดจากการ ขาดสติ (ไม่คิดให้ดีก่อนว่าไซส์Teenไม่ได้เกี่ยวกับอายุ)
ว่าด้วย Character พระวิกรมาทิตย์
จุดแข็ง |
จุดอ่อน |
- ฉลาดหลักแหลม
- ไม่ละความเพียร
- อดทนต่อความยากลำบาก |
- ถือว่าตนเป็นพระมหากษัตริย์
- หยิ่งทะนงในสติปัญญา
- แต่ไม่ทนเมื่อมีคนมาดูถูกดูแคลน(ซะงั้น) |
ข้อคิดที่ได้รับ
การใช้สติและปัญญาควบคู่กันไปจะนำสู่ความสำเร็จ
*Tips ครูเฉลยมา จำไปเถอะ
1.) นิทาน 10 เรื่อง ตัวละครมักเป็น วรรณะกษัตริย์(นักรบ) กับ วรรณแพศย์(พ่อค้า)
2.) มูลเทวะบัณฑิต ได้กล่าววลีเด็ดที่เอามาอ้างอิงในเนื้อเรื่องไว้ว่า
2.1 “ชายผู้ไม่ใช่คนโง่ไม่ยอมคืนสู่เรือนซึ่งไม่มีนางที่รักผู้มีรูปงามคอยรับรองในขณะที่กลับถึงเรือนนั้น”
2.2 “ความสุขแห่งพ่อบ้านซึ่งอยู่เดี่ยวโดดนั้นมีไม่ได้ในบ้าน แลมีไม่ได้นอกบ้านเพราะไม่มีหวังจะได้ความสุขเมื่อกลับมาสู่เรือนแห่งตน”
3.) เวตาล กล่าววลีเด็ดไว้ว่า
3.1 “ลิ้นคนนั้นตัดคอคนเสียมากต่อมากแล้ว” พูดกับพระวิกรมาทิตย์
3.2 “ปราชญ์ผู้มีความรู้ย่อมใช้เวลาของตนในเรื่องหนังสือ” พูดกับพระวิกรมาทิตย์
3.3 “ข้าพเจ้าให้เกิดกระเหม่นตาซ้าย หัวใจเต้นแรง แลก็มืดมัวเป็นลางไม่ดีเสียแล้ว” บ่นคนเดียว สะท้อนเรื่องการถือเรื่องลางสังหรณ์
3.4 “รับสั่งตอบปัญหาแล้วไม่ใช่หรือ” = ตอบกรูมาสิ เป็นถ้อยคำประเภทยั่วยุ
ทุกข์ของชาวนาในบทกวี
ผู้รวบรวมและแปล : สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
รวมในหนังสือ : มณีร้อยพลอยแสง
หมู่ : ชวนคิดพิจิตรภาษา
ความหมายที่สื่อมากที่สุดของบทนี้คือ วิถีชีวิตของชาวนาที่ไม่ได้รับการดูแล
ต้นฉบับ ที่ใช้ในการเรียบเรียงทำเป็นเรื่อง ทุกข์ของชาวนา มาจาก2ที่
1.จิตร ภูมิศักดิ์
- รูปแบบเป็นการบรรยายความทุกข์ของชาวนาให้ผู้อ่านฟัง
- ฉันทลักษณ์ : กาพย์ยานี 11
บทกวีของ จิตร ภูมิศักดิ์
เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจินต์
เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้นะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว
จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน
สีแดง = วรรคที่สะท้อนถึงความเหนื่อยยากลำบากของชาวนา
สีเขียว = วรรคที่มีความหมายเกี่ยวกับ ข้าว
2.หลี่เชิน
- มีชื่อบทประพันธ์อีกอย่างว่า “ประเพณีดั้งเดิม”
- รูปแบบเป็นการบรรยายภาพเหมือนจิตรกรวาดภาพให้คนชม
บทกวีของ หลี่เชิน
หว่านข้าวในฤดูใบไม้ผลิ ข้าวเมล็ดหนึ่ง
จะกลายเป็นหมื่นเมล็ดในฤดูใบไม้ร่วง
รอบข้างไม่มีนาที่ไหนทิ้งว่าง
แต่ชาวนาก็ยังอดตาย
อาทิตย์เที่ยงวัน ชาวนายังพรวนดิน
เหงื่อหยดบนดินภายใต้ต้นข้าว
ใครจะรู้บ้างว่าในจานใบนั้น
ข้าวแต่ละเม็ดคือความยากแค้นแสนสาหัส
สีแดง = วรรคที่สะท้อนถึงความเหนื่อยยากลำบากของชาวนา
สีเขียว = วรรคที่มีความหมายเกี่ยวกับ ข้าว
ข้อคิดที่ได้รับ
1. ทำให้เข้าใจความรู้สึกของชาวนาที่ต้องประสบปัญหาต่างๆ
2. ทำให้ได้รู้ถึงความทุกข์ยากความลำบากของชาวนาในการปลูกข้าว
3. ทำให้ได้เห็นถึงคุณค่าของข้าวที่ได้รับประทานเป็นอาหารหลักในการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์
ความคิดเห็น