ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวียงวัง

    ลำดับตอนที่ #303 : เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 461
      0
      20 เม.ย. 53

     -เคยได้ฟังผู้ใหญ่รุ่นปู่ย่า ตายายพูดกันบ่อยๆว่า กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจมŽ หมายความว่าอย่างไร พูดกันเปรยๆ หรือจำมาจากคำกลอนเรื่องอะไร-
               มาจากตอนหนึ่งของ เพลงยาวพยากรณ์ กรุงศรีอยุธยา
               กลอนที่ถูกนั้นว่า
               กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจมŽ
               ที่ว่ากระเบื้องคงเป็นกระเบื้องมุงหลังคานั่นเองส่วมน้ำเต้า น่าจะเป็นน้ำเต้าแห้งกลวงข้างในที่ใช้บรรจุน้ำดื่มมากกว่าหมายถึงผลน้ำเต้าสด
               เพลงยาวพยากรณ์นี้ เป็นบทกลอนเก่าทำนายชะตากรุงศรีอยุธยา ในบันทึกเก่ากำกับบทกลอนว่า พระนารายน์เป็นเจ้านพบุรีทำนายกรุงŽ
               พระนารายน์เป็นเจ้าž นั้นก็ว่า คือ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช นั่นเอง นพบุรีก็คือ ลพบุรีž หมายความว่า หากเป็นพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระองค์ก็คงจะทรงพระราชนิพนธ์ ระหว่างเสด็จประทับอยู่เมืองลพบุรี
              ซึ่งท่านผู้สนใจค้นคว้าเรื่องนี้ ท่านว่าสมเด็จพระนารายณ์ฯ ท่านคงจะทรงพระราชนิพนธ์โดยทรงยืมพุทธทำนายคำกลอน ที่มีผู้แต่งเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว

              สำหรับพุทธทำนายคำกลอน ดังกล่าวไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้แต่ง แต่ก็สันนิษฐานกันว่าแต่งในสมัยต้นๆกรุงศรีอยุธยา โดยเอาเค้ามาจากเรื่องมหาสุบินชาดก
              ซึ่งมหาสุบินชาดก นั้น เรื่องมีอยู่ว่า
              ครั้นหนึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าประทัยอยู่ ณ เขตวันมหาวิหาร ในกรุงสาวัตดี แคว้นโกศล
              ท้าวปเสนทิทรงครองกรุงสาวัตถีอยู่ เกิดทรงพระสุบินแปลกประหลาด ๑๖ ประการ เมื่อทรงเล่าสุบินให้พวกปุโรหิตาจารย์ฟัง พวกปุโรหิตทำนายว่าฝันร้ายนัก ต้องทำพิธีบูชายัญสะเดาะพระเคราะห์ คือ ฆ่าสัตว์บูชาพระเป็นเจ้า แต่พระมเหสี คือ พระนางมัลลิกาเทวี ทรงแนะนำให้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าขอให้ทรงทำนาย บางทีสมเด็จพระพุทธองค์ อาจทรงแนะนำวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ โดยไม่ต้องฆ่าสัตว์เผาผู้คนบูชายัญอันเป็นวิธีโหดร้าย พระเจ้าปเสนทิ จึงเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ตามคำทรงแนะนำของพระอัครมเหสี ขอพระพุทธเมตตาให้ทรงทำนายพระสุบินแปลกประหลาดทั้ง ๑๖ ประการนั้น
              ในชาดกมีว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทำนายว่า อันอันตรายทั้งหลายนั้น มิได้มีแก่พระราชา หากแต่จะเกิดขึ้นกับ พระศาสนา และราษฎรทั้งหลาย แล้วทรงมีพุทธทำนายบรรยายถึงวิปริตอันตรายนั้นอย่างละเอียด
              ผู้นำเค้าเรื่องสุบินชาดกมาแต่ง ขึ้นต้นคำกลอนพุทธทำนายว่า
              ปางพระองค์ชินวงศ์จอมไตร ทรงอาศัยสาวัตตีบุรีสถาน
    ภิกษุสงฆ์สองหมื่นเป็นบริวาร ทรงสำราญพระหทัยในเชตุพน
    กรุงกษัตริย์ปัตเถวนไปทูลถาม ด้วยข้อความนิมิตรคิดฉงน
    อภิวาทเบื้องบาทพระยุคล แล้วทูลฝันแต่ต้นไปจนปลายŽ
             พระสุบินนิมิตทั้ง ๑๖ ประการ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงทำนาย อันปรากฏอยู่ในคำกลอนดังกล่าวนี้
             จะขอยกมาให้อ่านแต่เพียงสัก ๖ ข้อ คือสุบินประการที่ ๑
             หนึ่งฝันว่าโคทั้งสี่มีกำลัง แล่นประดังโดยทิศนิมิตรเห็น
    จะชนกันแล้วหันห่างกระเด็น ต่างหลีกรี้หนีเร้นไปลับตัว
             อภิปรายทายว่าฤดูฝน เมฆมนมืดมิดทุกทิศทั่ว
    ดั่งจะปรายสายพิรุณขุ่นเขียวมัว วายุพัดกลัดกลั้วละลายไป
    จะลำบากยากใจแก่ไพร่พล ด้วยฝนไม่ตกมาในนาไร่
    ต้นข้าวเต้าแตงเหี่ยวแห้งไป ผลไม้ม่วงปรางจะบางเบา
    ข้าวจะยากหมากจะแพงทุกแหล่งหล้า ฝูงประชาแค้นคับอับเฉา
    ด้วยมนตรีโมหาปัญญาเยาว์ ลำเอียงเอาอามิสไม่คิดธรรม์Ž
             และ สุบินประการที่ ๓
    หนึ่งฝันว่าแม่โคคาวิน วอนขอนมลูกกินน่าบัดสี
    อภิปรายทายว่านิมิตรนี้ ไปภายหน้าจะมีเป็นแน่นอน
    พ่อแม่แก่ชรามาหาบุตร ด้วยสิ้นสุดข้าวปลาและผ้าผ่อน
    ต้องมายอมปลอบขอเฝ้าง้องอน มันขอดข้อนสำทับให้อับอาย
    หยาบช้าต่อบิดาชนนี พาทีให้เคืองช้ำทำใจฉลาย
    มิได้มีหิริโอตัปปะอาย หยาบคาบขมขี่ด้วยลมพาลŽ
             สุบินประการที่ ๕
    หนึ่งฝันว่าม้านั้นสองปาก เห็นหญ้าอยากปากอ้าน้ำลายไหล
    บุรุษสองปองป้อนจนอ่อนใจ หยิบหญ้ายื่นส่งให้ไม่เว้นวาย
    มีพระพุทธฏีกาพยากรณ์ ผู้ตัดรอนความราษฎร์สิ้นทั้งหลาย
    จะรวบรวมกันกินทั้งสองฝ่าย แนะนำให้ท้ายโจทย์จำเลย
    กินพลางทางข่มด้วยลมลวง เหนี่ยวหน่วงตามทึ้งแล้วนิ่งเฉย
    บ้างอาศัยใช้การจนนานเลย ความก็เกยแห้งร้างอยู่ค้างปีŽ
             สุบินประการที่ ๖
    หนึ่งฝันว่าสุวรรณภาชน์ทอง สุนัขปองขึ้นนั่งน่าบัดสี
    เอื้อนพระโอษฐ์โปรดพุทธวาที ว่าพาลาจะได้ที่เสนานาย
    จะหยิ่งยศมาสำทับไม่นับปราชญ์ เสพสังวาสคบพาลสมานหมาย
    เหมือนขมิ้นขยำน้ำปูนละลาย ทั้งไพร่นาย คนองลำพองพาลŽ
             สุบินประการที่ ๑๒ คือข้อที่ฝันเห็นกระเบื้องลอยน้ำ แต่ น้ำเต้ากลับจมน้ำ
    หนึ่ง ฝันว่าน้ำเต้านั้นจมชล ดูวิกลไม่เคยพบปะสบเห็น
    พุทธบรรหารว่านานไปจะเป็น ที่ข้อเข็ญของสัตว์วิบัติมี
    นักปราชญ์ผู้รู้ธรรมจะต่ำต้อย พาลาลอยเฟื่องฟูชูศักดิ์ศรี
    ผู้พงศาตระกูลประยูรมี จะลับลี้เสื่อมสูญประยูรยศ
    คนพาลจะราญเริงบรรเทิงหน้า เจรจาผิดธรรมไปจนหมด
    ใครปลอกปลิ้นลมเป็นคมคด รู้โป้ปดกลอกกลับจึงนับกันŽ
             สุบินประการที่ ๑๓
    หนึ่ง ฝันว่าคีรีนั้นลอยน้ำ ประหลาดล้ำหลากใจที่ในฝัน
    พระทรงญาณบรรหารให้เห็นพลัน ภายหน้านั้นผู้มีศักดิ์จะรักพาล
    จะยกย่องหมู่ชาติอันต่ำช้า เป็นเอกอัครเสนาในสถาน
    ให้ยศศักดิ์สืบสายเป็นนายการ ได้ทีพวกพาลสำราญใจŽ
             แล้วคำกลอนพุทธทำนาย ก็จบลงด้วยบทสุดท้ายว่า
             ซึ่งบพิตรนิมิตรสิบหกประการ ไม่มีเหตุเพทพาลแก่พระองค์
    จะได้แก่โลกทั้งหลายในภายหน้า จำไว้พิจารณาอย่าลืมหลง
    จะเสื่อมสูญเมธีกวีวงศ์ และฝูงหงส์พงศ์ประยูรตระกูลพราหมณ์
    จะเฟื่องฟูเชยชมนิยมหยาบ แบกแต่บาปหาบนรกยกขึ้นหาม
    กองกรรมจะนำสนองตาม จดลงหนังสุนัขถามเมื่อยามตาย
    พระไตรรัตน์จะวิบัติหม่นมัวหมอง ไม่ผุดผ่องแผ้วผาดสะอาดฉาย
    ศักราชคำรบนั้นสองพันปลาย จะต้องพุทธทำนายไว้แน่เอยฯŽ
             ทีนี้ เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาที่บันทึกไว้ว่า พระนารายณ์เป็นเจ้านพบุรีทำนายถึงกรุงศรีอยุธยาเอาไว้นั้น
             ขึ้นต้นว่า (สะกดการันต์ตามหนังสือเก่า)
             จะกล่าวถึงกรุงศรีอยุธยา เป็นกรุงรัตนราชพระศาสนามหาดิเรกอันเลิศล้น เป็นที่ปรากฏรจนา สรรเสริญอยุธยาทุกแห่งหน ทุกบุรีสีมามณฑล จบสกลลูกค้าวานิชทุกประเทศสิบสองภาษา ย่อมมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาเป็นอัคคะนิจ ฝ่ายองศ์พระบรมราชา ครองขันทสีมาเป็นศุข ด้วยพระกฤษฎีกาทำนุก จึงอยู่เย็นเป็นศุขสวัสดี...
                                                       ....ฯลฯ....ฯลฯ....
             จนคำรบศักราชได้สองพัน คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศพิธราชธรรม จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์สิบหกประการ...ฯลฯ...Ž
             ความวิปริตต่างๆให้เกิดความยามเข็ญนั้นว่า ๑๖ ประการเช่นเดียวกับที่พระเจ้าปเสนทิทรงสุบินและที่พระพุทธเจ้าทรงทำนาย
            ...ฯลฯ...เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล สัปรุษย์จะแพ้แก่ทรชน มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์ ลูกศิษย์จะสู้ครูพัก จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า เพราะจัณฑาลมันเข้ามาสู่สม ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอารมณ์ เพราะสมัครสมาคมด้วยมารยา...ฯลฯ...Ž
             เวียงวังž ตอนนี้ ออกนอกกรุงรัตนโกสินทร์ ย้อนกลับไปกรุงศรีอยุธยา ทว่าเมื่อยังเป็นเรื่องเวียงๆวังๆอยู่ ถามมาก็เล่าไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×