คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #226 : ก.ศ.ร.กุหลาบ ปราชญ์ในสมัยรัชกาลที่ 5
ส่วนสำหรับประวัติ ก.ศ.ร.กุหลาบนั้น มีผู้เขียนเล่าประวัติของท่านไว้หลายสำนวนด้วยกัน เพราะ ก.ศ.ร.กุหลาบได้ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์ในสมัยรัชกาลที่ ๕
เรื่องของ ก.ศ.ร.กุหลาบเมื่อได้ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์แล้วนั้นยืดยาว ทั้งมีผู้วิพากษ์วิจารณ์กันมาก โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่เป็น ‘ปราชญ์’ ด้วยกันในชั้นหลังๆ
ก.ศ.ร.กุหลาบเขียนหนังสือไว้มากมายหลายประเภท แต่ที่มีผู้ชอบอ่านกันมาก เห็นจะเป็นเรื่องพงศาวดาร และเรื่องในพระราชสำนัก
เรื่องราวต่างๆในพระราชสำนักรัชกาลที่ ๓ นั้น ปรากฏว่า ก.ศ.ร.กุหลาบรู้เรื่องมาก เรื่องที่รู้มักเป็นทำนอง ‘ท่านเล่ามาว่า’
แต่ส่วนมากเรื่องที่ ก.ศ.ร.กุหลาบรู้นั้นมักเป็นความจริง หากบางเรื่องที่จับกันได้ว่าเสริมแต่งแปลงขึ้นก็เป็นเพราะเรื่องนั้นๆ คัดมาจากหอพระสมุดวชิรญาณ ซึ่งเวลานั้นหนังสือในหอพระสมุดวชิรญาณเป็นของหวงห้าม ยังไม่อนุญาตให้คัดลอกหรือพิมพ์ออกมาเผยแพร่
ก.ศ.ร.กุหลาบชื่อจริงว่า นายกุหลาบ ส่วนคำว่า ก.ศ.ร. เป็นคำย่อของฉายานามเมื่อบวชเป็นพระภิกษุ คือ ‘เกศะโร’ นายกุหลาบจึงนำอักษรฉายานามมานำหน้าชื่อ เป็น ‘ก.ศ.ร.กุหลาบ’
ในที่นี้มิได้ตั้งใจจะเล่าเรื่องของ ก.ศ.ร.กุหลาบ ทว่าจะเล่าถึงผู้ทรงอุปการะเลี้ยงดู ก.ศ.ร.กุหลาบมาแต่ยังเป็นเด็กเล็ก คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๓ พระองค์เจ้าหญิงกินรี ซึ่งว่ากันว่าที่ ก.ศ.ร.กุหลาบรู้เรื่องเกี่ยวกับพระราชสำนัก โดยเฉพาะพระราชสำนักในรัชกาลที่ ๓ มากนั้น คงเป็นเพราะรับฟังมาจาก ‘ท่านเล่ามาว่า’ จากตำหนักพระองค์เจ้ากินรีนั่นเอง
ตามประวัติของ ก.ศ.ร.กุหลาบ โดยสรุปมีว่าบิดามารดาของ ก.ศ.ร.กุหลาบนั้น เป็นเชื้อสายขุนนางมีไร่นาสาโท เมื่อมารดากำลังท้องแก่ บังเอิญคุมบ่าวไพร่ไปทำนา ได้คลอดบุตรชายที่โรงนา ขณะพาบุตรชายกลับบ้านมาในเรือชะล่า พร้อมบ่าวไพร่ บุตรชายนอนอยู่กลางลำเรือ ส่วนมารดานอนมาทางท้ายเรือ เกิดมีนกแร้งตัวหนึ่งโผลงมาจับกราบเรือกลางลำ แต่หาทำอันตรายเด็กไม่ เพียงแต่ดมๆ แล้วก็บินหนีไป
เป็นเหตุให้มีผู้ทำนายว่า เด็กนี้บิดามารดาเลี้ยงไว้ไม่ได้ แต่เป็นผู้มีบุญวาสนา ต้องยกให้ท่านผู้มีวาสนาสูงมีบรรดาศักดิ์สูงจึงจะเลี้ยงได้
เด็กหรือ ก.ศ.ร.กุหลาบผู้นี้ เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๓๗๗ ในรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เสด็จครองราชย์ได้ ๑๐ ปีเต็ม
เจ้านายที่กำลังทรงมีบุญวาสนา ขณะนั้นก็คือบรรดาพระราชโอรสธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ มารดาของ ก.ศ.ร.กุหลาบ จึงถวายบุตรชายให้พระองค์เจ้ากินรี พระองค์ท่านก็ทรงรับไว้เป็นบุตรบุญธรรม เวลานั้นเจ้านายฝ่ายในซึ่งทรงมีฐานะร่ำรวย โดยทรงมีเจ้าจอมมารดาเป็นธิดาขุนนางเจ๊สัวมั่งคั่งบ้าง หรือเป็นที่โปรดปรานในสมเด็จพระบรมชนกนาถ จึงมีผู้เข้าประจบประแจงถวายลาภสักการะต่างๆนานาบ้าง มักทรงนิยมอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายเพื่อไว้บวชถวายกุศล เนื่องจากพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ นั้นทรงใฝ่ในการกุศลเป็นอย่างยิ่ง
พระองค์เจ้ากินรี โปรดให้ข้าหลวงและพี่เลี้ยงช่วยกันเลี้ยงดู ก.ศ.ร.กุหลาบ อยู่ที่ตำหนักจนกระทั่งอายุ ๑๑ ถึงกำหนดโกนจุก ก็ทรงจัดพิธีโกนจุกให้ แล้วพาไปถวายตัวเป็นมหาดเล็ก อยู่ทางฝ่ายหน้า เมื่อถึงเวลาบวชก็ทรงบวชให้ ทรงเมตตาประทานความช่วยเหลือทุกอย่าง แม้เมื่อแต่งงานและมีบุตรคนแรกก็ได้ ประทานพี่เลี้ยงมาเลี้ยงลูก ประทานทองคำทำขวัญ เรียกว่า ทรงอุปการะจนถึงที่สุด
อันพระเจ้าบรมวงศ์ชั้น ๓ พระองค์เจ้ากินรีนี้ประสูติ พ.ศ.๒๓๖๒ ก่อนสมเด็จพระบรมชนกนาถ เสด็จขึ้นครองราชย์ ๕ ปี ทรงมีพระกนิษฐาส่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกัน ๑ พระองค์ คือ พระองค์เจ้าฉวีวรรณ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๓ พระองค์เจ้ากินรี คงจะฉายใน สมัยต้นรัชกาลที่ ๕ เครื่องยศ ยังคงเป็นหีบหมาก (กล่องพระศรี) แต่พระภูษา ทรงอย่างในรัชกาลที่ ๓ คือ นุ่งจีบ ไม่นุ่งโจง (รัชกาลที่ ๑ - ๒ - ๓ นุ่งจีบ ถึงรัชกาลที่ ๔ นุ่งโจง ครั้นขึ้น รัชกาลที่ ๕ ต้นๆรัชกาล เปลี่ยนเป็นนุ่งจีบอีกครั้งหนึ่ง) |
เจ้านายฝ่ายในที่ประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อรัชกาลที่ ๓ นั้น มีทั้งพระราชธิดาในรัชกาลที่ ๑ ซึ่งทรงศักดิ์เป็น ‘อา’ ในรัชกาลที่ ๓ พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๒ ซึ่งทรงศักดิ์เป็น ‘น้อง’ ในรัชกาลที่ ๓ และพระราชธิดา - พระเจ้าลูกเธอ ในรัชกาลที่ ๓
ความสนิทสนมในกลุ่มของแต่ละพระองค์ มักอยู่ที่พระชันษาไล่เลี่ยกัน มากกว่าตามศักดิ์อาหรือหลาน
ดังเช่นพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๒ พระองค์เจ้าแม้นเขียน และพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๓ พระองค์เจ้ากินรี พระองค์เจ้าแม้นเขียนนั้นท่านทรงศักดิ์เป็น ‘อา’ ของพระองค์เจ้ากินรี
แต่ด้วยพระชันษาไล่เลี่ยกัน พระองค์เจ้ากินรีทรงศักดิ์หลาน สูงพระชันษากว่าพระองค์เจ้าแม้นเขียน ทรงศักดิ์อา ๔ ปี เพราะพระองค์เจ้าแม้นเขียนประสูติ พ.ศ.๒๓๖๖ ประสูติได้ปีเดียว พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ก็เสด็จสวรรคต
พระองค์เจ้าทั้งสองพระองค์จึงทรงสนิทสนมชอบพอกันมาก เล่ากันมาว่า มักเสด็จไหนๆ (ภายในพระบรมมหาราชวัง) ด้วยกันเสมอ
ถึงรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ตรัสเรียกเจ้านาย แต่รัชกาลต้นๆด้วยพระนามว่าองค์โน้นองค์นี้หรือ พระองค์โน้น พระองค์นี้ หากทรงกรมก็จะออกพระนามกรม
แต่สำหรับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศฯ โปรดให้รับสั่งเรียก ‘นับญาติ’
โปรดให้เรียกพระองค์เจ้าแม้นเขียนและพระองค์เจ้ากินรี ว่า ‘เสด็จยาย’ เหมือนกัน
ว่าที่จริงแล้ว หากนับญาติกันอย่างสามัญชน พระองค์เจ้าแม้นเขียนท่านเท่ากับเป็น ‘ย่าน้อย’ ของสมเด็จพระบรมฯ
และพระองค์เจ้ากินรีนั้นเป็น ‘ป้า’ เพราะทรงเป็นลูกผู้พี่ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง
แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง โปรดให้สมเด็จพระบรมฯ ‘นับญาติ’ พระองค์เจ้าแม้นเขียนทางฝ่ายสมเด็จพระราชมารดา (พระบรมราชเทวี) เสด็จย่า จึงเป็น เสด็จยาย
ส่วนพระองค์เจ้ากินรีนั้น ท่านเป็นน้องของพระองค์เจ้าศิริวงศ์ (สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยยิกาเธอ) พระองค์เจ้าศิริวงศ์ เป็น พระชนกของสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนีพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงจึงทรงมีรับสั่งเสมอว่า บรรดาเจ้านายชั้นพระเจ้าราชวงศ์เธอ (เวลานั้นบรรดาพระราชโอรสธิดาในรัชกาลที่ ๓ มีคำนำพระนามว่า พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ) นั้น พระองค์ท่านทรงนับว่า เป็นชั้นตาและยายของพระองค์ท่าน
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมฯ ตรัสเรียกพระองค์เจ้ากินรีว่า ‘เสด็จยายกินรี’
ดังในจดหมายเหตุ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๒๖ ที่สมเด็จพระบรมฯ ทรงบันทึกเมื่อพระชนมายุเพียง ๕ พรรษากว่าๆว่า
“...เสด็จยายแม้นเขียน เสด็จยายกินรี มาเยี่ยมเรา...”
พระองค์เจ้ากินรีนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง คงจะทรงสนิท และมีพระเมตตาล้อท่านเล่นบ่อยๆ ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระบรมฯ จึงทรงบันทึกถึงเมื่อเชิญเสด็จมา ‘กินโต๊ะฝรั่ง’ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ แต่ครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศ พระอัครราชเวทีว่า
“...เจ้านายแก่ๆดูคร่ำครึเต็มที เสวยมีดซ่อมไม่เป็น ทูลกระหม่อมบน (พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง - จุลลดาฯ) ทรงสอนเสด็จยายกินรีเอง หัวร่อกันใหญ่...”
ความคิดเห็น