คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : พระราชบันทึกของรัชกาลที่ 6 หลังกรณีปฏิวัติ ร.ศ.130
เมื่อ ๘๙ ปีมาแล้วนั้น
หลังจากกรณีปฏิวัติ ร.ศ.๑๓๐ แล้วเพียงเดือนเดียว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชบันทึก ในจดหมายเหตุรายวัน ด้วยลายพระราชหัตถ์ เมื่อเดือนมีนาคม แสดงคุณและโทษแห่งลักษณะการปกครองโดยมี “คอนสติตูชั่น” คุณแห่งลักษณะปกครองนั้น ทรงพระราชบันทึกไว้ว่า ถ้าแม้ต่างว่ามีคนอยู่จำพวก ๑ ซึ่งตั้งใจดีจริง มีความมุ่งดีต่อชาติจริง จะมาร้องฎีกาขึ้นโดยตรงๆ ขอให้มีคอนสติตูชั่น เราเองจะไม่มีความแค้นเคืองเลย ตรงกันข้ามเราจะยอมพิจารณาดูว่า จะสมควรยอมตามคำขอร้องของคนนั้นฤาไม่ ถ้ายิ่งมีคอนสติตูชั่นได้จะยิ่งดี เพราะเรารู้สึกอยู่แล้วเหมือนกัน ว่าการที่มอบการปกครองไว้ในมือเจ้าแผ่นดินคนเดียวผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาดนั้น ดูเปนการเสี่ยงบุญเสี่ยงกรรมอยู่ ถ้าเจ้าแผ่นดินเปนผู้ที่มีสติปัญญาสามารถและมีความตั้งใจมั่นอยู่ว่า จะทำการให้บังเกิดผลอันดีที่สุดแก่ชาติบ้านเมืองฉนี้แล้ว ก็จะเป็นการดีที่สุด จะหาลักษณะปกครองอย่างใดมาเปรียบปานได้โดยยาก แต่ถ้าแม้เจ้าแผ่นดินเปนผู้ที่โฉดเขลาเบาปัญญา ขาดความสามารถ ขาดความพยายาม เพลิดเพลินไปแต่ในในความศุขส่วนตัว ไม่เอาใจใส่ในน่าที่ของตนฉนี้ก็ดี ฤาเปนผู้ที่มีน้ำใจพาลสันดาลหยาบดุร้ายและไม่ตั้งอยู่ในราชธรรม เห็นแก่พวกพ้องและบริวารอันสอพลอและประจบ ฉนี้ก็ดี ประชาชนก็อาจได้รับความเดือดร้อน ปราศจากความศุข ไม่มีโอกาสที่จะเจริญได้ ดังนี้จึงเห็นว่าเปนการเสี่ยงบุญเสี่ยงกรรมอยู่ ส่วนการที่ “คอนสติตุชั่น” เปนอันตัดความไม่แน่นอนไปได้มาก เพราะอำนาจมิได้อยู่ในมือคนๆ เดียว ซึ่งถึงแม้ว่าจะดีฤาชั่วปานใดก็เปลี่ยนไม่ได้ ประชาชนได้มีเสียงในการปกครองชาติบ้านเมืองของตนเอง เสนาบดีผู้รับตำแหน่งน่าที่ปกครองก็รับผิดรับชอบต่อประชาชน จำเปนต้องทำการให้เปนไปอย่างดีที่สุดที่จะเปนไปได้ เพราะถ้าแม้ว่าทำการในน่าที่บกพร่องประชาชนไม่เป็นที่ไว้วางใจต่อไป ก็อาจจะร้องขึ้นด้วยกันมากๆ จนเสนาบดีต้องลาออกจากตำแหน่ง คนที่ประชาชนไว้วางใจก็จะได้มีโอกาสรับตำแหน่งน่าที่ฯลฯถ้าแม้จะกล่าวไปแต่โดยทางเปนแบบแผนดีฤาไม่ คงไม่มีใครเถียงเลย คงต้องยอมรับว่าดีทั้งนั้น แต่แบบอย่างใดๆ ถึงแม้ว่าจะที่สุดเมื่อเขียนอยู่ในกระดาษ เมื่อใช้จริงเข้าแล้วบางทีก็มีที่เสียหายปรากฏ ดังปรากฏอยู่แก่ผู้ที่ได้ศึกษาและรู้เหตุการณ์ที่เปนไปในนานาประเทศ เพราะเหตุหลายประการ” อักษรและตัวสะกดในพระราชบันทึก คงไว้ตามเดิม “ขาด” จึงเป็น “ขาด” และ “เป็น” ไม่มีไม้ไต่คู้ ทรงพระราชบันทึกแสดง “โทษ” อันอาจจะมีมาได้ แม้เมื่อใช้ลักษณะการปกครองแบบมี “คอนสติตูชั่น” ขอคัดมาเพียงบางตอนที่สำคัญๆ และซึ่งเกิดตั้งแต่ ๘๙ ปีก่อนโน้น “ผู้ที่หยิบยกตัวบุคคลมาให้ราษฎรเลือกนั้น คือคณะฤาปาร์ตี้ ซึ่งมีแบ่งกันอยู่ตั้งแต่ ๒ ขึ้นไป การที่ต้องมีปาร์ตี้นั้นเพราะฯลฯจึงต้องใช้วิธีจัดรวมเปนคณะ คือผู้ที่มีความเห็นพ้องกันในปัญหาสำคัญๆ รวมกันเข้าเป็นคณะฤาปาร์ตี้ เพื่อจะได้ช่วยกันลงความเห็นเหมือนๆ กันมากๆ ในเมื่อเข้าประชุมสภา ดังนี้ เป็นที่ตั้ง ครั้นเมื่อเวลาจะมีการเลือกสมาชิกเข้ามาใหม่ ต่างคณะก็ย่อมจะต้องมีความประสงค์ที่จะให้ผู้มีความเห็นพ้องกับคณะตนได้รับเลือก ต่างคณะจึ่งต่างจัดหาบุคคลอันพึงประสงค์ไปให้รับเลือก และต่างคณะจึ่งต่างคิด ดำเนินการให้คนของตนได้รับเลือก วิธีดำเนินอันถูกต้องตามกฎหมายนั้น คือแต่งสมาชิกแห่งคณะไปเที่ยวพูดจาเกลี้ยกล่อมราษฎรให้และเห็นผลอันดีที่จะพึงมีมา โดยทางที่ให้คณะได้มีโอกาสทำการโดยสะดวกถ้าความจริงเปนไปเพียงแต่เพียงเท่านี้ ก็เปนอันไม่มีที่ติ แต่ความจริงมิได้หมดอยู่เพียงแค่นี้ คือ การเกลี้ยกล่อมมิได้ใช้แต่เฉพาะทางเที่ยวพูดจา ไม่ได้ใช้ฬ่อใจราษฎรแต่ด้วยถ้อยคำเท่านั้น ยังมีฬ่อใจโดยทางอื่นๆ อีก ตั้งแต่ทางเลี้ยงดู จัดยานพาหนะให้ไปมาโดยสะดวกและไม่ต้องเสียทุนทรัพย์ จนถึงติดสินบนตรงๆ เปนที่สุด คณะใดมีทุนมากจึ่งได้เปรียบมากอยู่ ตกลงรวบรวมใจความว่า ราษฎรไม่ได้เลือก ผู้แทนของตนเพราะรู้แน่ว่าเปนคนดี สมควรจะเปนผู้แทนตนด้วยประการทั้งปวง ฉนี้เลย ตามจริงเลือกบุคคลผู้นั้นผู้นี้เพราะมีผู้บอกให้เลือกฤาติดสินบนให้เลือดเท่านั้น เมื่อเปนเช่นนี้แล้ว ก็นับว่าผิดความมุ่งหมายเดิมของคอนสตูชั่นแล้ว คือ อำนาจไม่ได้อยู่ในมือ ประชาชนจริงๆ แต่ไปอยู่ในมือแห่งคนส่วน ๑ ซึ่งเปนส่วนน้อยแห่งชาติเท่านั้น แต่ถ้าคนเหล่านี้มีความตั้งใจดีอยู่ และเปนผู้ที่มีความรักชาติบ้านเมืองของตน ก็คงจะอุตส่าห์พยายามกระทำการงานไปตามน่าที่อันได้รับมอบไว้นั้นโดยสุจริต แต่ผู้ที่มีความคิดซึ่งตรงต่อชาติฝ่ายเดียว ไม่คิดถึงตนเองฤาผลประโยชน์ของตนเองมีอยู่บ้างฤา เข้าใจว่าถึงจะมีก็จะไม่มากปานใด คนโดยมากถึงว่าจะรักชาติบ้านเมือง ก็มักจะคิดถึงประโยชน์ส่วนตัวเจือปนอยู่เป็นอันมาก คงจะมีความต้องการอำนาจและต้องการผลอันจะพึงมีมาแต่การเปนผู้มีอำนาจ ต้องการโอกาศที่จะได้อนุเคราะห์แก่ญาติพี่น้องฤาคนชอบพอกันบ้างเปนธรรมดาอยู่” โทษอีกอย่างหนึ่ง ที่ทรงพระราชวิจารณ์ไว้ คือการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยๆ ทรงพระราชบันทึกเอาไว้ว่า “ในขณะเมื่อปาร์ตี้ใดได้รับน่าที่ปกครอง ฤาพูดตามศัพท์อังกฤษว่า “ถืออำนาจ (อินเปาเวอร์)” ปาร์ตี้นั้นก็เลือกเอาแต่คนที่มีความเห็นพ้องกับตนไปตั้งแต่ไว้ในตำแหน่งน่าที่ในรัฐบาล เปนทางรางวัลพวกพ้อง และที่ได้ช่วยเหลือปาร์ตี้ในเมื่อกำลังพยายามจะหาอำนาจอยู่นั้น พอเปลี่ยนปาร์ตี้ใหม่ได้เข้าถืออำนาจ เจ้าน่าที่ต่างๆ ก็เปลี่ยนไปด้วยทั้งชุด ตั้งแต่ตัวเสนาบดีลงไป การเปลี่ยนเจ้าน่าที่ทำการงานของรัฐบาลทึงชุดเช่นนี้ ถ้ายิ่งเปลี่ยนบ่อยเท่าใดก็ยิงชอกช้ำมากเท่านั้น การงานก็อาจที่จะเสียหายไปได้มากๆ เพราะบางทีคนพวก ๑ ได้เริ่มคิดไว้แล้ว แต่ยังมิทันจะได้กระทำไปให้สำเร็จก็มีคนอื่นเข้ามารับน่าที่เสียแล้ว งานการก็เท่ากับต้องเริ่มริไปใหม่” นอกจากพระราชบันทึกเกี่ยวกับ “คอนสติตูชั่น” แล้ว ยังมีเรื่องราวต่างๆ อีกหลายต่อหลายเรื่อง ที่แสดงพระปัญญารอบรู้ในการบ้านเมือง และเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก เมื่อครั้งเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑ ในยุโรปได้มีผู้แสดงความไม่เหน็ดด้วยในการที่ทรงตัดสินใจเข้าข้างพันธมิตร ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเมืองไทย คนไทย ต่างเป็นมิตรกับชาติเยอรมัน คนเยอรมัน แม้พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงก็ทรงสนิทสนมกับพระเจ้าแผ่นดินและเจ้านายเยอรมันเป็นอันมาก ระหว่างสงครามโลกกำลังดำเนินอยู่ ทรงพระราชบันทึก มีใจความโดยสรุปว่า เหตุการณ์ภายในกรุงสยามเรียบร้อย เพราะมหาสงครามโลกทำให้คนไทยทุกชั้นทุกจำพวกสามัคคีกัน ซึ่งเป็นวิถีทางเดียวที่จะทำให้สยามสามารถรักษาตัวอยู่ได้ “แม้นักพูดผู้เคยอวดดีพูดการเมือง ในเวลานี้ก็สงบเสียงไป เพราะคนจำพวกนี้ก็ดีแต่เก็บขี้ปากคนอื่นเขาพูดเท่านั้น” คนอื่นในพระราชบันทึก คือ “ครู” ฝรั่ง ซึ่งทรงกล่าวว่า “ในเวลานี้ “ครู” ต่างคนต่างมัวกัดกันเสียแล้ว ไม่มีเวลาจะอวดดีพูดการเมือง พวกผู้มีปัญญาของเราก็เลยพลอยต้องสงบไปด้วย | ||
ความคิดเห็น