“แต่งงาน?!!!”
ผมส่งเสียงดังเมื่อได้ยินข่าวจากปากของมิโนริซังที่ทำหน้าตาดีใจเมื่อได้ยินข่าวนี้
“ใช่แล้วล่ะ
ฉันล่ะนะเป็นปลื้มเลยที่ได้รู้ว่านายจะได้แต่งงานกับการิวส์ซังน่ะ
ฝันฉันเป็นจริงแล้ว” เธอทำท่าดีใจพลางอมยิ้มไปมาซึ่งผิดกับผมที่ตกใจกับข่าวนี้และไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรใดๆเลย
แต่งงานก็ว่าแย่แล้วแต่นี่ต้องมาแต่งงานกับการิวส์ซังเนี่ยนะ? บ้าไปแล้ว...โลกนี้มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว
ผมเป็นโอตาคุเพื่อมาเป็นทูตทางวัฒนธรรมของประเทศนี้เท่านั้นนะครับไม่ได้มาเป็นเครื่องบรรณาการ
โธ่...แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?
“แล้วทำไมผมต้องแต่งงานกับการิวส์ซังเขาด้วยล่ะครับ?มันไม่เห็นจะมีเหตุผลอะไรเลย”
ผมถามพลางทำหน้างงหนักมาก ถ้าแต่งกับผู้หญิงของประเทศนี้ก็ไปอย่าง
หรืออย่างเช่นให้แต่งกับมิวเซลก็ยังดี
แต่นี่ให้มาแต่งกับผู้ชายด้วยกัน...ประเทศนี้คำว่า bl มันเข้าถึงแล้วงั้นเหรอ?
ไม่เห็นจะรู้เรื่องมาก่อนเลย
“อือ...เรื่องนั้นน่ะนะ
เห็นทางกระทรวงเขาบอกมาว่าเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นก็เลยให้นายที่เป็นทูตทางวัฒนธรรมเนี่ยแต่งงานกับเขาเสียเลยน่ะสิ”
มิโดริซังตอบพลางยิ้มไปมา คุณจะมีความสุขเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะครับ!
“ถ้าเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ทำไมไม่ให้ผมแต่งกับเพทราก้าไปเลยล่ะครับ”
ผมประชดพลางทำหน้ามุ่ย เธอมองหน้าของผมครู่หนึ่งก่อนที่จะมานั่งข้างๆ
“เรื่องนั้นน่ะไม่ได้หรอก
ก็ราชินีน่ะอายุยังไม่ถึงที่จะอภิเษกกับใคร ดังนั้นหวยเลยมาออกที่การิวส์ซังแทน
เพราะว่ายังไงเขาก็เป็นคนที่มีอิทธิพลคนหนึ่งของประเทศนี้เหมือนกัน
ดีใจด้วยนะชินอิจิคุง ฉันจะเป็นคนออกแบบธีมงานให้เองนะ ส่วนเรื่องเข้าหอ
เดี๋ยวฉันให้ยืมมังงะ bl-
“ไม่เอาด้วยหรอกครับ!!!”
ผมบอกแล้วรีบวิ่งหนีออกมาจากห้องนั้นทันที
นี่มันไม่ได้ต่างจากการคลุมถุงชนเลยนี่ แล้วทำไมต้องเป็นเราด้วยน้า
ให้มิโดริซังแต่งเองเสียก็สิ้นเรื่อง..นั่นก็เชื่อมความสัมพันธ์ได้เหมือนกันนั่นแหละ
ผมน่ะ..ยังอยากเป็นแค่โอตาคุที่ใช้ชีวิตอย่างนี้ไปเรื่อยๆ...ไม่อยากไปผูกติดกับใครแล้วอีกอย่าง...ผมทำอย่างว่ากับผู้ชายไม่เป็นหรอกนะ
ถึงจะเคยเห็นผ่านๆตามเว็บก็เถอะแต่ว่า...ก็คนมันไม่เคยอ่ะ...ถ้าเป็นผู้หญิงยังจะพอตื่นเต้นอยู่บ้าง..แต่นี่มัน...ผู้ชาย
แถมไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา...แต่เป็นถึงลูกพี่ลูกน้องราชินีของเมืองนี้เลยนะ
ถ้าคืนวันเข้าหอฉันทำพลาดอะไรไปมีหวังได้ตายก่อนแก่แน่นอน เฮ้อ......
พลั่ก!!
“อ๊ะ...โอย....”
ผมร้องอุทานขึ้นมาพลางจับหัวของตัวเองที่ไปชนเข้ากับใครบางคนเข้า
ไม่น่าคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้มากเลยเรา สร้างปัญหาให้คนอื่นอีกจนได้สิน่า
“เป็นอะไรหรือเปล่าชินอิจิ?”
เสียงทุ้มนั้นทำให้ผมตาโตก่อนที่จะเงยหน้ามอง การิวส์ซัง?
“การิวส์ซัง...อ่า...ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ
แล้วคุณล่ะครับ?” ผมถามพลางลุกขึ้นยืน เขาส่ายหน้าก่อนที่จะมองหน้าของผมแล้วจู่ๆเขาก็ยิ้มมุมปากขึ้นมา
ผมสงสัยกับรอยยิ้มนั้นก็เลยเผลอถามออกไป
“ยิ้มอะไรเหรอครับ?”
ผมถามพลางมองหน้าของเขา
เขายังยิ้มเหมือนเดิมก่อนที่จะเดินเข้ามาหาผมใกล้ๆแล้วก้มตัวลงให้หน้าของเขาและผมตรงกันพอดี
“ก็ดีใจที่เราสองคนกำลังจะได้แต่งงานกันยังไงล่ะ...ชินอิจิ”
เขาบอกแล้วยิ้มกว้างก่อนที่จะเดินจากไป ดะ-ดีใจ?ดีใจที่จะได้แต่งงานกับผมเนี่ยนะ?
การิวส์ซังต้องโดนมิโดริซังล้างสมองจนทำให้เขาคิดว่าผู้ชายกับผู้ชายสามารถคบกันได้โดยไม่มีข้อกังขาใดๆแต่มันไม่ใช่นะครับ
ที่ประเทศผมน่ะยังปิดกั้นเรื่องนี้อยู่เลยนะครับ ผมเองก็ด้วย!!
“แหมๆยังไม่ทันไรก็มาส่งความคิดถึงให้กันซะล่ะ
อิจฉาจัง” มิโดริซังที่ยืนมองพวกเราสองคนอยู่ทางด้านหลังพูดขึ้นก่อนที่จะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเดินผ่านไป
ทำหน้าอย่างนั้นคือแอบถ่ายรูปไปแล้วใช่มั้ยครับ?!! เฮ้อ.....แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะทีนี้..มิวเซลจะรู้เรื่องนี้หรือยังนะ?
“อ๊ะ?นายท่านกลับมาแล้วเหรอคะ?”
เสียงของมิวเซลที่เยียวยาจิตใจของผมถามขึ้น
ท่าทางของเธอยามที่หันมาพร้อมกับความสดใสนั้นมันช่างทำให้ผมมีความสุขเหลือเกิน
“อื้อ
คือว่า...มิวเซล...เรื่องแต่งงานน่ะ...เธอรู้-“
“อ๋อ
ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ดิฉันขอยินดีด้วยนะคะ ที่นายท่านจะได้แต่งงาน” เธอบอกพลางยิ้มแย้มแต่กลับกันกับผมที่หน้าซีดเผือด
“เอ๊!!!????
ทำไมล่ะ? คือ...เธอ...รู้เหรอว่าฉันจะแต่งงานกับ-“
“ท่านการิวส์ใช่มั้ยล่ะคะ
ยินดีอีกครั้งนะคะ” เธอบอกพลางฮัมเพลงไปด้วย หา???อะไร?ทำไมเธอถึงทำท่าทางเหมือนมิโดริซังแบบนั้นล่ะ
เธอไม่หึงอะไรฉันเลยงั้นเหรอ?แบบ...หึงอ่ะ? ไม่เลยเหรอ?
ทำไมอ่ะ???
“เธอ...โอเคจริงหรือเปล่า..ไม่ใช่ว่าฝืน-“
“ยิ่งกว่าโอเคอีกนะคะ
ดิฉันน่ะรู้สึกมีความสุขมากเลยล่ะค่ะที่นายท่านจะได้แต่งงานกับท่านการิวส์
ดิฉันเลยอาสาจะทำเค้กวันแต่งงานให้ทั้งสองคนเองเลยล่ะค่ะ” เธอบอกพลางยิ้มอย่างชื่นบานส่วนผมนั้นขอตัวไปตายก่อนแล้วกันนะครับ
ขนาดมิวเซลที่ไม่ว่าผมจะไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนๆก็เอาแต่หึงแต่พอเป็นการิวส์ซังกลับเชียร์กันขนาดนี้
หรือว่า...โรคสาววายมันระบาดที่นี่แล้วงั้นเหรอเนี่ย??
“จะรับชามั้ยคะ?”
เธอถามขึ้นมาพลางมองหน้าของผมด้วยใบหน้าอันใสซื่อของเธอเช่นเดิม
ถ้าไอ้การแต่งงานนั่นเป็นฉันกับเธอมันคงจะดีกว่านี้เยอะเลยล่ะ
“ไม่เป็นไร
งั้นฉันขอตัวไปนอนก่อนแล้วกันนะ” ผมบอกแล้วกำลังจะเดินเข้าไปในห้อง
“เอ๊ะ?นี่ท่านโคกานุวะไม่ได้บอกนายท่านเหรอคะว่าคนที่จะอภิเษกกับเชื้อพระวงศ์จะต้องย้ายไปอยู่ที่ปราสาทตั้งแต่วันที่รู้ว่าตัวเองจะได้แต่งงาน”
เธอบอกพลางมองหน้าของผมอย่างใสซื่อ
“เอ๊ะ?ไม่เห็นจะบอกเลยนี่.....”
ผมบอกพลางเกาหัวก่อนที่จะมองหน้าของมิวเซล
“งั้นเดี๋ยวดิฉันจะพานายท่านไปปราสาทเองนะคะ
ข้าวของดิฉันได้จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ ไปกันเลยมั้ยคะ?” เธอถามพลางเดินไปหยิบกระเป๋าใบใหญ่สองใบที่ทำให้ผมขนลุกขึ้นมา
นี่ผมต้องไปอยู่ที่ปราสาทนั่นนานขนาดที่ต้องใช้ของเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?
นี่เอาจริงดิ?...เรื่องงานแต่งน่ะ
แล้วมิวเซลก็พาผมเดินทางไปที่ปราสาทโดยรถม้าที่มิโดริซังส่งมาให้แบบทนเวลาพอดี
คงอยากเห็นหน้าโง่ๆของผมตอนที่รู้เรื่องนี้ก็เลยไม่บอกผมงั้นสินะมิโดริซัง....ให้ตาย...
หลังจากที่มาถึงปราสาทมิโดริซังก็มายืนยิ้มหน้าบานและพาผมลงจากรถม้าอย่างไวโดยที่ผมยังไม่ทันได้บอกลามิวเซลสักคำ
เธอพาผมไปที่ห้องโถงเพื่อมารายงานตัวให้กับเพทราก้าได้รับฟังว่าคู่อภิเษกสมรสญาติของเธอจะย้ายมาอยู่ที่นี่...เป็นเวลาเท่าไหร่นี่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะว่ามิโดริซังไม่ได้บอกผมเลยจะไปถามเพทราก้าแต่เธอก็ไม่ยอมตอบแถมไม่มองหน้าผมอีกต่างหาก
ตอนที่ผมมารายงานตัวเธอก็เอาแต่ทำเสียง หึๆๆๆ จนผมนี่ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง
แต่ก็ช่างมันเถอะเพราะว่าตอนนี้น่ะ...ผมมาอยู่ในห้องของการิวส์ซังแล้ว
อ้าวเห้ย!ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา ไหนบอกว่าย้ายมาอยู่ที่ปราสาทแต่ไม่เห็นบอกเลยว่าให้มานอนห้องเดียวกับการิวส์ซัง
แบบนี้...มันก็เหมือนคืนวันส่งตัวเลยนี่หว่า
พอพูดถึงวันส่งตัว...ไอ้เรื่องอย่างว่าก็เข้ามาในหัวทันทีเลยเว้ย!!
“ไม่นะ!!!”
ผมตะโกนก่อนที่จะกระโดดลงไปบนเตียงแล้วดิ้นไปดิ้นมาก่อนที่เสียงประตูจะดังขึ้นและมีคนเดินเข้ามาในห้องที่มีผมนอนอยู่บนเตียง
“ชินอิจิ
มาถึงแล้วงั้นเหรอ?” เขาถามเสียงนุ่มก่อนที่จะเดินมาที่เตียง
เดี๋ยวๆๆๆนี่ผมไม่ได้ให้ท่านะ
แต่กำลังคิดอะไรอยู่ก็เลยมาอยู่บนเตียง...ผมไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นเลยนะ!!!
หมับ
“ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบากนะชินอิจิ”
เขาบอกพลางจับไหล่ของผมเบาๆ เขามองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มติดเศร้า
ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ? เมื่อตอนเช้ายังยิ้มอยู่เลยแท้ๆ
ผมมองหน้าของเขาที่ยังยิ้มติดเศร้าแบบนั้นก่อนที่ผมจะตัดสินใจเอามือไปลูบที่ไหล่ของเขาเบาๆเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรนะการิวส์ซัง
คุณเอง...ก็โดนบังคับเหมือนกับผมงั้นสินะครับ” ผมบอกพลางมองหน้าของเขาและยิ้ม
เขาเบิกตากว้างก่อนที่จะจับมือข้างที่ผมจับไหล่ของเขาเอาไว้
เขาส่ายหน้าก่อนที่จะใช้มือของเขามาเชยคางของผม
“เปล่าหรอก
ฉันไม่ได้โดนบังคับ...แต่ฉัน...เป็นคนขอร้องเพทราก้าให้เราสองคนได้แต่งงานกันเอง”
เขาบอกแล้วจับร่างของผมกดลงกับเตียง เอาแล้วๆๆๆๆๆ โดนแน่ๆ
ท่านี้มันใช่แน่ๆ ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองอยู่บนแต่ตอนนี้...มันไม่ใช่แล้วครับท่าน
ล่างชัดๆ ผมอยู่ล่างนี่หว่า!!
“ก-การิวส์-“
“ไม่ต้องกลัวไปนะชินอิจิ
ฉันจะไม่สามารถทำอะไรเธอได้จนกว่าจะถึงวันเข้าหอเพื่อเป็นการพิสูจน์ความอดทนของตัวเองตามกฎ
ดังนั้นนายไม่ต้องกลัวไปนะ ฉันจะยังไม่ทำอะไรนายหรอก ฉันสัญญา” เขาบอกพลางลูบมือของผมไปมา
ให้ตาย...พอมามองหน้าเขาใกล้ๆแล้ว...เขาหล่อชะมัดเลย ขนตาก็ยาว ผิวก็สวย
แถมสีตาก็....สวยอีกต่างหาก เห้ยๆๆๆนี่ฉันเคลิ้มไปกับหน้าตาของเขางั้นเหรอเนี่ย?
บ้าๆๆๆๆชินอิจิแกต้องตื่นจากภวังค์เดี๋ยวนี้....แกไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย
แกน่ะนิยมชมชอบผู้หญิงที่อกตู้มๆ...ไม่ใช่..ผู้ชายที่ทำให้หัวใจอ่อนไหวแบบนี้....
“แต่ยิ่งมองหน้าของชินอิจิทีไร...ของๆฉันมันก็แข็งขึ้นมาทุกทีเลย
งั้นฉันขอตัวก่อนแล้วกันนะ นายนอนก่อนได้เลย” เขาบอกพลางผละออกไปจากร่างของผมแล้วเดินออกไปข้างนอก
เขาไม่ได้โกหก...เขาแข็งจริงๆ ผมสัมผัสได้!!!
“อ๊าก!!!แล้วทำไมหัวใจของฉันมันต้องเต้นแรงแบบนี้ด้วยเล่า!!หยุดนะ!”
ผมตะโกนพลางเอาหน้าไปซุกกับหมอนแล้วตะโกนออกมาจนเหนื่อยและผล็อยหลับไปในที่สุด
“งืม...งืม...อือ...หลับสบายจัง..อือ..”
ผมพึมพำก่อนที่จะค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วก็ต้องผงะกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า
การิวส์ซัง!!! การิวส์ซังที่กำลังนอนกอดผมอยู่แถมยังเปลือยท่อนบนอีกด้วย
เชื้อพระวงศ์ของที่นี่เขาไม่มีชุดนอนใส่กันหรือไง?!!! ผมคิดพลางค่อยๆถอยห่างออกมาแต่มือของเขาที่โอบไหล่ผมเอาไว้ก็ดันกระชับแน่นขึ้นจนตอนนี้หน้าของผมเข้าไปแนบชิดกับแผงอกของเขาเรียบร้อยแล้ว
ใครก็ได้ช่วยด้วยครับ!!!! เอ๊ะ?...เดี๋ยวก่อนนะ
จะว่าไป...อกของการิวส์ซังเองก็แน่นดีเหมือนกันนะเนี่ย...แน่นกว่าที่คิดไว้เยอะเลย
แล้วมีซิกส์แพ็คหรือเปล่านะ ถ้าอกแน่นแบบนี้อาจจะมีก็ได้ล่ะมั้ง....ขอดูหน่อยนะ
ผมคิดแล้วค่อยๆลอดมองไปที่ท้องของเขา โอ้โห!!!มาเป็นลอน อะไร?ทำไมโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมเลย
ผมไม่เห็นจะมีเลยสักลอน อกก็ไม่แน่นอีกต่างหาก ขี้โกงอ่ะ
ผมคิดแล้วเลื่อนสายตากลับมาก่อนที่จะสบเข้ากับดวงตาของการิวส์ซังที่กำลังมองหน้าของผมอย่างเอ็นดู
“เย้ย!!!
ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” ผมถามแล้วลุกพรวดพราดขึ้นมาทันที
เขายิ้มแล้วลุกขึ้นตามผมมาก่อนที่เขาจะใช้มือของเขามาลูบแก้มของผมเบาๆ
“อรุณสวัสดิ์ชินอิจิ”
เขาบอกแล้วยิ้มกว้างจนทำให้หัวใจของผมมันเต้นแรงอีกครั้ง
แถมหน้ายังแดงมากๆอีกต่างหาก นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย? นี่เราอ่อนไหวกับผู้ชายคนนี้งั้นเหรอ?
บ้าๆๆๆๆบ้าไปแล้ว!!!!
“อะ-อรุณสวัสดิ์ครับ..การิวส์ซัง”
ผมบอกพลางก้มหน้าก้มตาปิดบังใบหน้าแดงๆของผมเอาไว้
“งั้นเดี๋ยวนายไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกันนะ
แล้วเดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง” เขาบอกพลางยิ้ม ผมรีบวิ่งออกมาจากในห้องนั้นทันทีแล้วพุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ
ผมเข้าไปแล้วหอบเสียงดังก่อนที่จะมองตัวเองในกระจก หน้าแดงมาก
ไม่เคยหน้าแดงแบบนี้มาก่อนเลย บ้าไปแล้ว แกมันบ้าไปแล้วชินอิจิ นั่นผู้ชายนะ
...แถมเป็นผู้ชายที่หล่อมากด้วย อ๊าก!!!พระเจ้าครับช่วยผมด้วย!! ผมอยู่ในห้องน้ำนานพอสมควรก่อนที่จะทำธุระส่วนตัวแล้วเดินออกมา
การิวส์ซังเดินสวนมาพอดีเขายิ้มให้ก่อนที่จะเข้าไปในห้องน้ำ
หัวใจเต้นแรงอีกแล้ว....ตายแน่ ตายแน่ๆครับผม!!
“หวังว่าเมื่อคืนจะไม่ได้เกินเลยอะไรกันไปไกลใช่มั้ยจ๊ะชินอิจิคุง?”
เสียงนั้นทำให้ผมต้องหันไปมอง มิโดริซังนี่นา มาแต่เช้าเลยนะครับ
จะมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นงั้นสิ มีความสุขออกหน้าออกตาเกินไปมั้ยล่ะครับนั่น
“มิโดริซังคือว่าผม...มีเรื่องจะปรึกษาหน่อยน่ะครับ”
ผมพูดพลางมองหน้าของเธอ
เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะลากผมไปคุยให้ห่างจากการิวส์ซัง
“แล้วเรื่องที่จะปรึกษานี่คืออะไรงั้นเหรอ?หรือว่าจะเป็น...ไม่รู้ว่าควรจะเสียบเข้าไปยังไงใช่มั้ยล่ะ?”
เธอถามพลางทำหน้ามีความสุข
“.....ผมไม่เคยคิดจะถามแบบนั้นเลยนะครับแล้วอีกอย่าง....ผมไม่ได้อยู่บนเหมือนที่คุณคิดนะครับ”
ผมบอกแล้วมองหน้าของเธอนิ่ง เธอนิ่งไปสักพักก่อนที่จะเบิกตาโพลง
“ชินอิจิคุงอยู่ล่างงั้นเหรอ?!!!”
เธอถามพลางสีหน้าตกใจ มันจะอะไรขนาดนั้นล่ะครับ?...ถึงแม้ว่าตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองอยู่ล่างจะตกใจแบบนั้นก็ตามเถอะ
“ครับ”
ผมตอบกลับพลางมองหน้าของเธอ เธอเก็บอาการก่อนที่จะจ้องหน้าของผม
“แล้วเรื่องที่จะปรึกษานี่คือ...แบบ..ประมาณว่า...มันเจ็บ...จะลดความเจ็บจากของการิวส์ซังยังไ-“
“ไม่ใช่ครับ!!!
ผมจะถามว่าไอ้การที่หัวใจของผมมันเต้นแรงเวลาที่อยู่กับการิวส์ซังนี่มันแปลว่าอะไรครับ?!!!”
ผมถามเสียงลั่นจนมิโดริซังอึ้งไปนาน
และแล้วร่างของการิวส์ซังที่ได้ยินผมพูดก็เดินผ่านมาพอดี คราวนี้เป็นผมที่อึ้งแทน
ได้ยินแน่เลย...ได้ยินทั้งหมดแน่เลย เสียงดังขนาดนั้น
“มันแปลว่านายตกหลุมรักฉันยังไงล่ะชินอิจิ”
เขาบอกพลางยิ้มที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงอีกครั้ง
ผมเอามือมาปิดหน้าเพื่อบังใบหน้าที่แดงก่ำ
การิวส์ซังเดินเข้ามาพลางจับมือของผมให้ลดลงจนเขาเห็นใบหน้าแดงๆของผมอย่างชัดเจน
“อื้อ!...อย่าดูนะ!”
ผมบอกแล้วเบือนหน้าหนี
การิวส์ซังค่อยๆใช้มือของเขามาลูบใบหน้าของผมพลางส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“หึๆ
ทำไมเจ้าสาวของฉันถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ?” เขาบอกพลางลูบแก้มของผมไปมา
คุณรู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมาน่ะการิวส์ซัง? เจ้าสาวงั้นเหรอ? พูดมาได้ยังไงน่ะ?..แค่นี้ผมก็เขินแย่แล้วนะ!!
“โอย...ขอถุงเลือดเพิ่มหน่อยค่ะ
เลือดไหลจะหมดตัวแล้ว” มิโดริซังพูดพลางเอามืดอุดจมูกของตัวเองที่มีเลือดกำเดาไหลออกมา
“อีกไม่กี่วันเราก็จะได้ทำพิธีกันแล้วนะชินอิจิ
ฉันอดใจรอไม่ไหวแล้ว” เขาบอกพลางยิ้มอีกครั้งแล้วเดินจากไป อะไร?ท่าทางดีใจที่ทำให้คนอื่นยิ้มตามนั่นมันอะไร?...มิโดริซังช่วยอธิบายให้ผมฟังที!!
“การิวส์ซังเป็นรุกมันก็ดีเหมือนกันเนอะชินอิจิคุง!”
เธอบอกพลางชูนิ้วโป้งให้ มันใช่เวลามั้ยครับมิโดริซัง?! หลังจากวันนั้น การิวส์ซังก็เอาแต่หว่านเสน่ห์ใส่ผมอย่างหนักหน่วงเหมือนกับคนที่กำลังเล่นเกมจีบสาวอยู่อย่างงั้นแหละ
ส่วนผมน่ะเหรอ....ก็เอาแต่เขินอายแล้วก็หน้าแดงน่ะสิจะทำอะไรได้
จนนี่ผ่านมาจนครบวันที่กำหนดและถึงพิธีแต่งงานของผมและการิวส์ซัง
พิธีดำเนินไปอย่างราบรื่นติดอย่างเดียวคือชุดของผมที่เป็นสูทสีขาวที่มีกระโปรงพลิ้วสั้นๆตรงขอบกางเกงจนผมเขินไปหมด
ผมถือดอกไม้ของที่นี่เป็นดอกไม้ในงานแต่งงาน ชื่ออะไรนี่ผมจำไม่ได้แล้ว
พิธีดำเนินไปอย่างราบรื่นทั้งสวมแหวนและอะไรต่างๆจนมาถึงคำสัตย์สาบานที่มันทำให้ผมเขินตัวม้วนไปอีกรอบ
“ท่านการิว
เอน โกบอล ท่านจะยอมรับชินอิจิเป็นภรรยาหรือไม่?” บาทหลวงถาม
การิวส์ซังมองหน้าของผมพลางยิ้มแล้วพูดขึ้น
“แน่นอน
ข้าจะดูแลภรรยาตัวน้อยของข้าคนนี้เป็นอย่างดีเลย” เขาบอกแล้วยิ้มทำให้หน้าผมนี่แดงไปหมด
พูดออกมาได้ไง?ไม่เขินบ้างเหรอ?!
“แล้วท่านชินอิจิจะรับท่านการิวส์เป็นสามีหรือไม่?”
บาทหลวงถาม ผมนิ่งไปสักพักก่อนที่จะเงยหน้ามองการิวส์
ผมยิ้มแล้วตอบออกไป
“รับครับ”
ผมบอกก่อนที่ทุกคนจะร้องเฮแล้วก็ฉลองพิธีกัน
ฉลองกันได้ไม่นานก็ถึงเวลาเข้าหอ เวลาที่ผมกลัวที่สุด ผมและ การิวส์ซังถูกส่งตัวเข้าห้องหอ
ผมและเขานั่งกันนิ่งไปสักพักใหญ่ๆก่อนที่เขาจะลูบแก้มของผมเบาๆ
“พร้อมหรือยังชินอิจิ?”
เขาถามพลางยิ้ม
มาถึงขั้นนี้แล้วถ้าตอบว่าไม่พร้อมคุณจะปล่อยผมมั้ยล่ะครับ?
“...อื้ม...”
ผมพยักหน้า
การิวส์ซังเลยค่อยๆวางตัวผมลงกับเตียงและจูบที่ซอกคอของผม.....ส่วนหลังจากนั้น....ผมจำอะไรไม่ได้เลยครับ
ไม่รู้ทำไมแต่พอตื่นมาเช้าของอีกวันกลับจำได้แค่ว่าเขาจูบที่ซอกคอผมเท่านั้นแต่แน่นอนว่าเมื่อคืนไม่ได้จบแค่จูบที่ซอกคอแน่นอนเพราะว่าผมได้เดินไปดูตัวเองในกระจกมาแล้ว
และบอกเลยว่า...รอยแดงมันเต็มตัวไปหมด!! ทั้งแขนขา ตัว
อกและที่สำคัญ...ที่ก้นของผมมันมีแต่รอยฟันรอยกัด
นี่ผมไม่รู้สึกได้ยังไงว่าเขาทำอะไรไปบ้าง
หรือเพราะว่าไม่เคยเลยตื่นเต้นเกินไปจนจำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ? ผมคิดก่อนที่จะกลับไปนั่งที่เตียงเหมือนเดิมแล้วแอบเหลือบมองร่างที่ยังหลับสนิทของการิวส์ซัง
ตัวเขาเองก็มีแต่รอยฟันของผมที่ไหล่เต็มไปหมด นี่เรากัดเขาเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยจริงๆ
ผมค่อยๆเอามือไปลูบที่ขนตาของเขาก่อนที่จะลามมาถึงแก้มแล้วก็ปิดด้วยการบิดจมูกของเขาเบาๆ
ผมแอบยิ้มแล้วกำลังจะเดินออกไปจากห้องแต่การิวส์ซังที่ผมไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่ตอนไหนก็ดันจับมือของผมแล้วดึงเข้าหาตัวเขาเสียก่อน
หมับ!!
“เห้ย!”
“จะไปไหนงั้นเหรอเมียข้า”
เขาบอกพลางจูบที่ไหล่ของผม มะ-เมีย? เมื่อวานยังเรียกว่าชินอิจิอยู่เลย
วันนี้เมียเลยเรอะ?
“จะไป...เข้าห้องน้ำครับ”
ผมบอกพลางมองหน้าของเขาแล้วเบือนหน้าหนี
จะมองได้ยังไง...เมื่อคืนโดนทำอะไรไปบ้างก็ไม่รู้
“ห้องน้ำในห้องนี้ก็มีนะแล้วอีกอย่าง...คู่แต่งงานใหม่แบบเราเนี่ย...กฎคือห้ามออกจากห้องหอเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์...รู้มั้ยชินอิจิว่าเพื่ออะไร?”
เขาถามพลางยิ้มมุมปากแล้วมองผมที่ทำหน้าเหมือนคนโง่
อยู่ในห้องกันแค่สองต่อสองตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์...จะให้ทำอะไรนอกจาก....อย่างว่านั่นล่ะ
“รู้ครับ”
ผมพูดก่อนที่จะทำหน้าแปลกๆเพราะว่ารู้สึกถึงก้นของผมที่มันเหมือนมีอะไรอยู่ข้างใน
ผมเขยิบนิดหน่อยแล้วกำลังจะเอี้ยวตัวดูว่าในก้นมันมีอะไร
นี่เรา...เผลออึแตกงั้นเหรอ?....ถ่ายท้องเหรอ?...ก็เปล่านี่หว่า
“เมื่อคืนนี้ขอโทษด้วยนะชินอิจิที่ปล่อยไปซะเยอะเลย
คงรำคาญตัวแย่เลยสินะ” เขาบอกพลางเอามือมาลูบที่ก้นของผม ห๊ะ?!!
ปะ-ปะ-ปล่อย? ปล่อยอะไรนะ? คงไม่ได้หมายถึงไอ้นั่นใช่มั้ย?
งั้นไอ้ที่ผมรู้สึกอึดอัดในก้นนี่คือ...ของ...ของๆคุณงั้นเหรอ?!!
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ-“
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...มาทำกันอีกสักรอบมั้ยล่ะ?เพราะว่าดูเหมือนเมื่อคืนนี้ชินอิจิจะจำอะไรไม่ค่อยได้...งั้นเช้านี้...เรามาสร้างความทรงจำดีๆกันดีกว่าเนอะ”
เขาบอกแล้วจับผมกดทันที เดี๋ยวก๊อน!!!! ผมยังไม่พร้อม
ยังรู้สึกระบมไปทั้งตัวอยู่เลยครับ!!! นี่แค่วันที่สองแต่มากระหน่ำกันแต่เช้าแบบนี้...แล้วไอ้วันที่เหลือ...ผมจะมีแรงลุกจากเตียงมั้ยเนี่ย?!!!!
พักบ้างเถอะครับการิวส์ซัง!!