“สัญญาคือสัญญา ต่อให้จะผ่านไปอีกกี่สักหมื่นปี..สัญญาของสองเรา..จะยังคงอยู่ตลอดไป”
เสียงอันสั่นเครือของชายผมยาวสีดำคลับที่ใบหน้าถูกแต่งแต้มไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าโศก
เขาเงยหน้ามองชายคนสำคัญของเขาหายไปอย่างกับเถ้าธุลีต่อหน้าต่อตาด้วยดวงใจที่ปวดร้าวเหลือจะเอื้อนเอ่ย
ชายคนนั้นเป็นคนเดียวที่เข้าใจถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา
ชายคนนั้นคือเพื่อนคนแรกของเขาที่เขาเปิดใจให้อย่างหมดเปลือก
ในขณะนั้นเองที่เขากำลังคร่ำครวญถึงชายที่จากไปร่างของใครอีกคนที่มีลักษณะใบหน้าและส่วนสูงเหมือนกับเขาทุกประการก็เดินมาที่ด้านหลังของเขาก่อนที่จะแสยะยิ้มทั้งน้ำตาออกมา
“ข้าเป็นน้องของพี่แท้ๆแต่พี่กลับไม่เคยเสียน้ำตาให้ข้าเยี่ยงนี้มาก่อน
แต่กับชายคนนั้น...ท่านกลับคร่ำครวญเสียใจได้ถึงเพียงนี้
สมควรแล้ว..ที่ท่านจะโดนข้าฆ่าทิ้งเสีย!!!”
น้องชายฝาแฝดของเขากล่าวด้วยดวงหน้าที่เหมือนกับเขาตอนโกรธก็ไม่ผิด เสิ่นเว่ยหลับตาลงพร้อมรับชะตากรรมที่เขากำลังจะได้เผชิญ
แม้นชาตินี้จะไม่ได้เจอกับชายคนนั้นอีกก็ไม่เป็นไร
ขอเพียงแค่ชาติหน้าให้เขาและชายคนนั้นได้เกิดมาร่วมชีวิตกันอีกครั้งก็เป็นพอ
“ตายเสียเถอะ!!!!”
“หมับ!!”
ทันใดนั้นเองมือหนาของใครคนหนึ่งก็มาจับมือของเย่จุนเอาไว้ เย่จุนหันไปมองก่อนที่จะเบิกตากว้างแล้วรีบถอยห่างออกมา
เสิ่นเว่ยรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงได้ลืมตาขึ้นมามอง
เขาเห็นชายคนนั้นที่หายไปต่อหน้าต่อตาของเขา เขากลับมาแล้ว
ชายคนที่เขายอมเปิดใจให้ ชายคนที่เขาอยากจะสารภาพอะไรบางอย่างในใจให้เขาได้รับรู้
“คุนหลุน?เจ้า..กลับมาแล้ว”
เสิ่นเว่ยกล่าวพลางมองชายคนนั้น เขาหันกลับมาพลางยิ้มกว้าง
ท่าทางของเขาเหมือนกับตอนแรกที่เสิ่นเว่ยเจอ
เขาไว้ผมสั้นซ้ำยังแต่งตัวไม่เหมือนกับชนเผ่าใดๆที่เสิ่นเว่ยเคยเจอมา
เขายื่นมือมาพยุงตัวของเสิ่นเว่ยให้ลุกขึ้นก่อนที่จะมองตาของเสิ่นเว่ยแล้วยิ้มอ่อน
“ใช่ ผมกลับมาแล้ว
กลับมา...เพื่ออยู่กับคุณที่นี่ตลอดไป” เขากล่าวพลางกอดร่างของเสิ่นเว่ยเอาไว้แน่น
เสิ่นเว่ยอธิบายความรู้สึกดีใจที่จะหาอะไรมาเปรียบนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เขาได้แต่ทำหน้าตาตกตะลึงก่อนที่จะกอดร่างของชายคนนี้กลับ
“แต่...ผมมีเรื่องบางอย่างที่จะบอกให้คุณได้รู้เอาไว้นะเสี่ยวเว่ย”
ชายคนนั้นกล่าวพลางผละออกจากกอด
เสิ่นเว่ยทำสีหน้าไม่ค่อยดีนักก่อนที่จะมองไปทางด้านหลังที่มีน้องชายฝาแฝดของเขาจ้องมองมาที่ทั้งสองด้วยความอิจฉาริษยา
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน
เจ้ารีบไปหลบซ่อนเถิด ข้าจะจัดการกับเย่จุนเอง”
เสิ่นเว่ยบอกพลางหยิบอาวุธประจำกายของเขาขึ้นมา
“ไม่
ผมเองก็อยากจะช่วยอะไรคุณบ้างเหมือนกัน”
เขากล่าวพลางยืนกรานที่จะอยู่ร่วมต่อสู้กับเสิ่นเว่ยต่อไป
เสิ่นเว่ยมองเขาก่อนที่จะยิ้มออกมาเบาๆ
“ก็ได้
หากเจ้าต้องการ” เสิ่นเว่ยกล่าว เย่จุนมองมาที่ทั้งสองด้วยดวงตาแห่งความอิจฉาริษยา
เขาอยากจะฆ่าพี่ชายของเขาที่ทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังเด็กและให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับพวกโจรภูเขาแสนน่ารังเกลียดพวกนั้นนานหลายปี
พอกลับมาเจอกันอีกครั้งพี่ชายของเขากลับมีใจให้ชายอื่นไปเสียแล้ว
น้องชายฝาแฝดอย่างเขามันไม่เคยมีค่าอะไรในสายตาของพี่ชายคนนี้เลยใช่มั้ย?
“ตายๆกันไปเสียให้หมดเถอะ!!!!”
เย่จุนกล่าวพลางใช้พลังของตัวเองพุ่งโจมตีไปที่คนทั้งสอง
อวิ๋นหลานวิ่งหนีไปหลบที่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ก่อนที่จะกระหน่ำยิงไปที่เย่จุน
เสิ่นเว่ยเองก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหาเย่จุนเพื่อต่อสู้ในระยะประชิด
เย่จุนมองพี่ชายของตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้น
“พี่มันเป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่อง
เลว!!เห็นคนอื่นดีกว่าน้องตัวเอง!!!ข้าเกลียดพี่!!!”
เย่จุนตะโกนเสียงดังก่อนที่เขาจะปลดปล่อยพลังด้านมืดของเขาทั้งหมดออกมาและมันสร้างความบาดเจ็บให้กับเสิ่นเว่ยไม่น้อยเลยทีเดียว
“อึก...เย่จุน..เจ้าฟังพี่ก่อน
เจ้าเข้าใจเรื่องทั้งหมดผิด” เสิ่นเว่ยกล่าวพลางกระอักเลือดออกมา
อวิ๋นหลานเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาจากหลังก้อนหินยักษ์นั่นแล้วมายืนบังร่างของเสิ่นเว่ยเอาไว้
“ข้าไม่ฟัง!!ท่านเห็นเขาดีกว่าข้า
ท่านไม่เห็นหัวข้า...ข้าเป็นน้องของท่านแท้ๆ
แต่ท่านกลับหาได้สนใจข้าไม่...งั้นพี่ก็ไปตายเสียเถอะ ถือเสียว่าเป็นการชดใช้ที่พี่ทำให้ข้าต้องมาเป็นเยี่ยงนี้!!!!” เขากล่าวแล้วใช้มือของเขาเล็งมาที่ร่างของเสิ่นเว่ยกับอวิ๋นหลานเพื่อจะปลดปล่อยพลังใส่เพื่อฆ่าทั้งสองคน
“คุนหลุน
รีบหนีไปเร็ว เร็ว!”
เสิ่นเว่ยบอกพลางผลักอกของอวิ๋นหลานที่กอดเขาเอาไว้ออก แต่อวิ๋นหลานกลับนิ่งเอาแต่มองหน้าของเสิ่นเว่ยก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอันแสนสดใส
“ผมจะไม่ยอมทิ้งคุณไปไหนอีกแล้ว
เสี่ยวเว่ย” อวิ๋นหลานกล่าว
เสิ่นเว่ยได้แต่มองหน้าของอีกคนก่อนที่จะใช้แขนของเขากอดร่างของอวิ๋นหลานกลับพลางกระซิบที่ข้างใบหู
“ขอบคุณนะ”
.
.
“ข้าขอตัดสินโทษให้เย่จุนถูกประหารชีวิต
ไม่มีการลดหย่อนผ่อนโทษอะไรใดๆ พานักโทษไปรับโทษได้!!!”
เสียงประกาศอันดังสนั่นที่ออกมาจากปากของพระราชาแห่งเมืองใต้พิภพนั้นสร้างความดีอกดีใจของเหล่าชาวใต้พิภพไม่น้อย
แต่กลับกันเย่จุนที่เป็นฝ่ายที่ต้องโดนประหารนั้นกลับทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่ยอมแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองแววตาของใครคนใด
สาเหตุหาได้มาจากการถูกตัดสินโทษให้โดนประหารไม่
แต่เป็นเพราะว่าเขารู้สึกผิดที่ฆ่าพี่ชายและคนรักของพี่ชายไปด้วยความเข้าใจผิดของตน
ก่อนที่เย่จุนจะถูกพาตัวมาขึ้นศาลนั้นได้มีชาวใต้พิภพคนหนึ่งที่พบเห็นเหตุการณ์ตอนเด็กของเย่จุนกับเสิ่นเว่ยเข้า
เขาบอกว่าโจรภูเขาคนนั้นเป็นคนที่โยนพี่ชายของเขาลงมาจากหน้าผาแล้วแสร้างโกหกว่าพี่ชายของเขาได้ละทิ้งเขาไป
แต่แท้จริงแล้วพี่ชายของเขาโดนโยนลงไปอยู่ด้านล่างของหน้าผาแล้วต่างหาก
ซ้ำร้ายเมื่อพี่ชายของเขาได้สติเขาก็รีบหาตัวน้องชายของเขาแต่กลับหาเจอไม่
เย่จุนในตอนนั้นที่ได้รู้ความจริงทั้งหมดร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด
เขารู้สึกเหมือนเขาได้ทำลายหัวใจของตัวเองไปจนย่อยยับไม่มีชิ้นดี
หากเขาใช้เหตุผลในการตัดสินคนอื่นมากกว่านี้เรื่องเลวร้ายแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
“พระราชาขอรับ
กระหม่อมได้ไปจัดการเรื่องโรงศพแก้วเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ”
ชายคนหนึ่งกล่าวกับพระราชา
พระราชาพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปที่ห้องใต้ดินของพระราชวัง
ในห้องนั้นมีโรงศพแก้วใบใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่
ภายในนั้นมีร่างของคนทั้งสองนอนอย่างเงียบสงบอยู่
ชายคนหนึ่งเป็นถึงวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าเกรงขามกับอีกคนหนึ่งที่เป็นสหายที่รบกี่ครั้งก็ชนะทุกสงคราม
พระราชามองทั้งสองร่างด้วยความสงสารก่อนที่เขาจะนำมือไปสัมผัสที่โรงแก้วนั้นพลางกระซิบคำเบาๆ
“ข้าจะถือว่านี่เป็นค่าตอบแทนที่ท่านทั้งสองทำเพื่อเรา
ขอให้โชคดี”
.
.
“เฮือก!!!”
เสียงหายใจดังนั้นเรียกความสนใจของเหล่าคนมากมายเป็นอย่างดี
คนเหล่านั้นรีบวิ่งมาดูร่างหัวหน้าของเขาที่นอนกลับเป็นตายมาได้สามสี่วันแล้ว
“หัวหน้า
หัวหน้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
จู้หงกล่าวพลางเขย่าร่างของอวิ๋นหลานไปมาจนอีกคนแทบอยากจะอ้วกออกมาตรงนี้เลย
“เขาจะเป็นก็ตอนที่เธอไปเขย่าเขานี่แหละ”
ต้าชิ่งพูดพลางแกะมือของจู้หงออกจากไหล่ของอวิ๋นหลาน
อวิ๋นหลานมองหน้าของทุกคนด้วยความงุนงงก่อนที่จะเอามือของเขามากุมขมับของตัวเอง
“นี่ฉันเป็นอะไรไป?”
เขาถามเพราะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดที่เขาเหมือนจะลืมมันไปเสียหมดสิ้นแล้ว
“คุณลื่นตกบันไดของหน่วยแล้วก็นอนสลบไปสี่วันแล้วน่ะสิ
ฉันคิดว่าคุณจะตายไปแล้วเสียอีก” จู้หงกล่าวพลางทำท่าทางเป็นห่วง
อวิ๋นหลานพยักหน้ารับเบาๆก่อนที่จะทำสีหน้าเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
“เป็นอะไรไปเหรอ?นายคิดอะไรอยู่?”
ต้าชิ่งถามพลางลงไปนั่งบนโซฟาข้างๆตัวของอวิ๋นหลาน
“ฉันแค่รู้สึกเหมือนกับว่าฉันลืมเรื่องอะไรที่มันสำคัญมากๆไปเรื่องหนึ่งน่ะสิ”
เขาพูดพลางเอามือขึ้นมานวดขมับของตัวเอง
“ใช่เรื่องที่นายไม่ได้ให้ขนมฉันกินหรือเปล่า?”
ต้าชิ่งถามก่อนที่จะโดนอวิ๋นหลานตีหัวไปเบาๆ
“ไม่ใช่เวลา” อวิ๋นหลานกล่าวพลางทำสีหน้าครุ่นคิดอีกครั้ง
เขาลืมเรื่องอะไรไปกันนะ?เหมือนจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเสียด้วยสิ
แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก ทำไมกันนะ?
“เออนี่ ไม่ใช่ว่าวันนี้นายมีนัดกินข้าวกับเสี่ยวเว่ยของนายหรอกเหรอ?”
ต้าชิ่งพูดขึ้นมาพลางเอื้อมมือไปหยิบปลาแห้งที่ลุงหลี่เป็นคนทำเอาไว้ให้
“ฮะ?...อ่า..วันนี้วันอะไรนะ?”
อวิ๋นหลานกล่าวพลางมองไปที่ต้าชิ่ง ต้าชิ่งยักไหล่ก่อนที่จะพูดขึ้น
“วันที่14กุมภา
วันวาเลนไทน์ที่นายรอมานานแสนนานแล้วไง” ต้าชิ่งกล่าว อวิ๋นหลานเบิกตากว้างก่อนที่จะรีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้ววิ่งไปหยิบเสื้อแจ็คเก็ตตัวโปรดของเขาออกจากหน่วยไปทันที
ที่ม.หลงเฉิง
“ศาสตราจารย์คะ
ศาสตราจารย์เสิ่นคะ!!”
เสียงเล็กแหลมของนักศึกษาหญิงคนหนึ่งทำให้เสิ่นเว่ยที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่ไม่ได้เกี่ยวกับการสอนหลุดออกจากภวังค์
เขาหันไปมองทางต้นเสียงก่อนที่จะยิ้มเจื่อน
“มีอะไรงั้นเหรอครับนักศึกษา?”
เสิ่นเว่ยถามพลางมองหน้าของเด็กสาวคนนั้น
“นี่มันหมดคาบมาจะสิบนาทีแล้วนะคะ
ศาสตราจารย์ปล่อยได้หรือยังคะ? พอดีว่าหนูมีงานต้องไปเคลียร์น่ะค่ะ” เธอกล่าว
เสิ่นเว่ยทำหน้าตาแตกตื่นก่อนที่จะหัวเราะแห้งๆออกมาพลางเก็บหนังสือการสอนของตัวเองอย่างสุ่มๆ
“งั้นวันนี้พอแค่นี้แล้วกันนะครับ
ขอโทษที่ทำให้เสียเวลากันด้วยนะครับ”
เขากล่าวก่อนที่นักศึกษาทุกคนจะพากันเดินออกจากห้องไป
เสิ่นเว่ยนั่งลงไปที่โต๊ะของตัวเองก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“เราลืมเรื่องอะไรไปนะ?”
เขาถามตัวเองพลางทำสีหน้าเคร่งเครียดเสียยิ่งกว่าตอนสอนหนังสือเสียอีก
ก่อนที่เสียงเคาะประตูหน้าห้องจะทำให้เขาต้องหลุดจากภวังค์
“ก๊อกๆ
ขอคนหล่อเข้าไปได้มั้ยครับ?”
เสียงอันคุ้นเคยนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้เสิ่นเว่ยหลุดออกจากภวังค์เท่านั้นแต่กลับทำให้เขาหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“วันนี้มาเร็วจังเลยนะครับ”
เสิ่นเว่ยกล่าวพลางหันมายิ้ม อวิ๋นหลานยิ้มกว้างก่อนที่จะเดินมาหาเสิ่นเว่ย
“ก็วันนี้เรามีนัดกินข้าวกันนี่นา
จะมาช้าได้ยังไงกันเล่า” อวิ๋นหลานกล่าวพลางยิ้มติดทะเล้นเล็กน้อยตามแบบของเขา
“งั้นเดี๋ยวผมเก็บของก่อนแล้วค่อยไปกันนะครับ”
เสิ่นเว่ยพูด
อวิ๋นหลานพยักหน้าเบาๆพลางอาสาเอาพวกอุปกรณ์ในการสอนของเสิ่นเว่ยไปเก็บให้อีกคนด้วย
ภาพคู่รักแสนหวานของทั้งสองสร้างรอยยิ้มดีใจไม่น้อยให้กับชายคนหนึ่งที่กำลังเฝ้ามองทั้งสองด้วยความห่วงใย
“แม้ชะตาจะพรากให้ท่านทั้งสองพลัดพรากออกจากกันไปได้แล้วครั้งหนึ่ง
แต่เห็นทีครั้งนี้คงจะยากเสียหน่อย...เพราะว่าคำสัญญามันมีพลังมากกว่าชะตาลิขิตฟ้าเป็นไหนๆ”
พระราชากล่าวพลางยิ้มอ่อนก่อนที่เขาจะกลับไปที่โลกใต้พิภพแล้วคอยเฝ้าดูแลเหล่าประชาชนของเขาด้วยจิตใจแห่งความยุติธรรมเฉกเช่นที่เคยเป็นมาสืบไป