“...ยังไม่กลับมาอีก
นี่จะเที่ยงคืนแล้วนะ”
เสียงบ่นเบาๆของชายหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาพลางมองนาฬิกาที่ข้อมือของเขาไปมาอย่างวิตกกังวล
“อย่าให้รู้นะว่าแอบไปดื่มมาอีก
จะตีให้ตายเลย” เขาพูดพลางทำใบหน้าเซ็งก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไปในที่สุด
เช้าวันถัดมา
“อืม...หืม?เช้าแล้วเหรอเนี่ย?”
เสิ่นเว่ยที่ตื่นขึ้นมาเพราะแสงอะไรบางอย่างเข้าตาพูดพึมพำขึ้นมาก่อนที่จะมองไปรอบๆ
เขามองไม่เห็นเงาของคนรักของเขาเลยแม้แต่น้อย
“นี่ยังไม่กลับมาอีกเหรอเนี่ย?”
เขาพูดขึ้นด้วยอารมณ์โกรธก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาเพื่อจะออกจากบ้านไปหาคนรักของเขาที่หน่วยสืบสวนพิเศษ
ที่หน่วยสืบสวนพิเศษ
“หายตัวไป?ได้ยังไง?”
เสิ่นเว่ยถามด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“ทางเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
มีแค่ต้าชิ่งคนเดียวเท่านั้นที่อยู่กับเขาเป็นคนสุดท้าย...แต่ตอนนี้เขายังไม่ฟื้นเลย
เหมือนว่าจะโดนทำร้ายมา”
จู้หงกล่าวพลางมองร่างนิ่งของต้าชิ่งที่นอนหลับสนิทอยู่ตรงโซฟา
“โดนทำร้าย?”
เสิ่นเว่ยถามพลางไปตามเนื้อตัวของต้าชิ่งที่มีรอยช้ำและแผลถลอกมากมาย
“วังเจิงบอกว่าทั้งสองคนนัดกันไปสืบคดีที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่....พอมาอีกวัน...จ้าว
อวิ๋นหลานก็หายตัวไปแล้ว...ส่วนต้าชิ่ง...ก็เป็นแบบนี้”
จู้หงกล่าวพลางทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“งั้นเดี๋ยวผมจะไปที่โลกใต้พิภพเพื่อลองหาตัวจ้าว
อวิ๋นหลานดูแล้วกัน” เสิ่นเว่ยบอกแล้วกำลังจะกลายเป็นทูตชุดดำ
“เดี๋ยวก่อน!”
จู้หงห้ามเขาเอาไว้ก่อนที่จะหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากในกระเป๋ากางเกงของเธอ
สิ่งนั้นคือกล่องเล็กๆสีแดงกล่องหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับเสิ่นเว่ยไม่น้อยเลยทีเดียว
“นี่มัน...อะไรเหรอครับ?”
เสิ่นเว่ยถามก่อนที่จะเปิดกล่องเล็กๆนั้นออกมา
ด้านในนั้นมีแหวนวงหนึ่งที่ดูไม่ได้มีราคาอะไรมากมายแต่ในสายตาของเสิ่นเว่ยมันกลับส่องประกายราวกับใช้ดวงดาวบนฟ้ามาเป็นส่วนประกอบหลัก
“แหวนแต่งงาน จ้าว
อวิ๋นหลาน...ตั้งใจจะเอามาให้คุณ แต่....เขากลับหายตัวไปเสียก่อน”
จู้หงพูดพลางมองหน้าของเสิ่นเว่ยด้วยแววตาแสนเศร้า
“....ผมจะ...ตามหาเขาให้เจอให้ได้
ขอตัว” เสิ่นเว่ยพูดก่อนที่จะกลายเป็นทูตชุดดำ
เขาเก็บกล่องแหวนไว้ในเสื้อคลุมของเขาก่อนที่จะหายตัวไป
“....ขอให้สวรรค์...อย่าได้พรากคุณทั้งสองให้ออกจากกันอีกเลย”
จู้หงพูดพลางทำหน้าเศร้าก่อนที่จะเอามือไปลูบหัวของต้าชิ่งที่หลับสนิทไปเพราะเจ็บแผลที่โดนทำร้ายมา
“อึก...อย่า...อย่าทำอะไรนะ...อย่า”
เสียงละเมอที่หวาดกลัวของต้าชิ่งทำให้จู้หงเบิกตาโพลง เธอพยายามปลุกต้าชิ่งให้ตื่น
ต้าชิ่งตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้ากลัวสุดขีด เขามองซ้ายมองขวาก่อนที่จะเห็นจู้หง
เขารีบเข้าไปกอดร่างของจู้หงพลางตัวสั่น
เขาไม่พูดอะไรทั้งนั้นนั่นยิ่งทำให้จู้หงเป็นห่วงอวิ๋นหลานเข้าไปอีก
“ศาสตราจารย์เสิ่น...พาตัวเขากลับมาให้ได้นะ”
.
.
“นี่พวกเจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
เสิ่นเว่ยในชุดทูตชุดดำถามด้วยน้ำเสียงเข้ม
เขามองไปที่เหล่าชายสี่ห้าคนที่ในมือของพวกเขาเต็มไปด้วยอาวุธและของมีคมมากมาย
แต่นั่นยังไม่หมด...เพราะว่าคนพวกนั้นกำลังเอาของมีคมพวกนั้นจ่อไปที่ร่างของชายคนหนึ่ง...ที่เสิ่นเว่ยกำลังตามหา
“มาจนได้สินะท่านทูตชุดดำผู้ยิ่งใหญ่”
ชายคนหนึ่งกล่าวก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากความมืด
ชายผมยาวสีแดงที่มีผ้าคาดตาปิดตาข้างขวาไว้ข้างหนึ่ง
เขาคนนั้นยิ้มเยาะพลางมองหน้าของเสิ่นเว่ยสลับกับอวิ๋นหลานที่กำลังสลบอยู่
และสภาพของเขาในตอนนี้หนักกว่าต้าชิ่งหลายเท่าเลยทีเดียว
“....เจ้าเป็นใคร?ทำอย่างนี้ทำไม?รู้ไหมว่าการทำแบบนี้กับมนุษย์มันมีโทษหนักขนาดไหน?”
เสิ่นเว่ยพูดพลางมองหน้าของชายคนนั้น
ชายคนนั้นหุบยิ้มก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ๆกับร่างของอวิ๋นหลานที่ถูกมัดขึงเอาไว้อยู่
“ข้ารู้ว่าการทำแบบนี้มันได้รับโทษหนัก
แต่มันก็คุ้มค่าพอสำหรับข้า” เขากล่าวพลางจับหัวของอวิ๋นหลาน
เสิ่นเว่ยแทบจะวิ่งเข้าไปหาร่างของอวิ๋นหลานทันทีที่มีคนมาสัมผัสเขาด้วยท่าทางแบบนั้น
ชายคนนั้นมองมาที่เสิ่นเว่ยก่อนที่จะปล่อยหัวของอวิ๋นหลาน
“จำข้าไม่ได้...เพราะว่ามันงั้นสินะ?”
เขากล่าวพลางมองไปที่เสิ่นเว่ย เสิ่นเว่ยชะงักไปก่อนที่จะหันไปมองหน้าของชายคนนั้นแล้วทันใดภาพในความทรงจำอันแสนยาวนานของเขาก่อนที่จะได้เจอกับคุนหลุนนั้นมันก็หวนคืนมา
เขายืนนิ่งไปก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“เทียนหง?” เขากล่าว
ชายคนนั้นมองหน้าของเสิ่นเว่ยก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมาเบาๆ
“นึกออกจนได้สินะ
เสี่ยวเว๋ยของข้า” ชายคนนั้นพูดก่อนที่จะเอาผ้าคาดตาของเขาออก
ตาข้างขวานั้นของเขากลายเป็นสีขาวโพลนบ่งบอกได้ว่าตาข้างนั้นไม่สามารถที่จะมองเห็นอะไรได้อีกแล้ว
ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ร่างของเสิ่นเว่ยเรื่อยๆก่อนที่เขาจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเสิ่นเว่ย
“เจ้า...ไปทำอะไรมา?”
เสิ่นเว่ยถามพลางมองดวงตาข้างขวานั้นของเขา
“ข้าแลกมันกับพลังของชาวใต้พิภพคนหนึ่ง
เพื่อเจ้า” เขาพูดพลางเอื้อมมือมาจับมือของเสิ่นเว่ย
“เพื่อข้า?ทำไม?เพื่ออะไร?”
เสิ่นเว่ยถามพลางสะบัดมือออก
“เจ้าก็รู้
ว่าข้ารักเจ้ามานานเท่าไหร่แล้ว ทำไมเจ้าต้องทำท่าทางรังเกลียดข้าแบบนั้นด้วย”
เขาพูดพลางเดินเข้ามาหาเสิ่นเว่ยใกล้ๆ
“ข้าคิดกับเจ้าเป็นเพียงพี่น้องคนหนึ่งที่ร่วมสงครามด้วยกันเท่านั้น
มิเคยคิดเกินเลยกว่านั้นเลยแม้แต่น้อย”
เสิ่นเว่ยบอกด้วยสายตาติดเศร้าที่ทำให้เขาคนนี้เข้าใจผิดมาโดยตลอด
“นี่เจ้าจะบอกว่า...ตลอดมาที่ข้ารอคอยเจ้า...ตลอดมาที่ข้าเฝ้าหาเพียงเจ้า
และเสียดวงตาข้างนี้ไปเพื่อพลังที่จะเอามาเพื่อตามหาเจ้า...มันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเจ้าเลยใช่มั้ย?!!!” ชายคนนั้นตะโกนก่อนที่จะบีบคอของเสิ่นเว่ย
เสิ่นเว่ยไม่ต่อสู้หรือขัดขืนอะไรใดๆเพราะเขารู้ดีว่าเรื่องนี้เขาเป็นฝ่ายผิดเพียงคนเดียว
เขาคือคนที่ทำให้ชายคนนี้เข้าใจผิดมาโดยตลอด เสิ่นเว่ยหลับตาลงพร้อมที่จะรับการลงโทษจากสวรรค์แต่แล้วเสียงๆหนึ่งก็ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมา
“เสิ่นเว่ย!!”
เสียงของอวิ๋นหลานที่ถูกมัดอยู่นั้นตะโกน เสิ่นเว่ยเหลือบไปมอง อวิ๋นหลานที่ถูกทำร้ายอย่างหนักนั้นพยายามที่จะดิ้นออกมาให้หลุดจากพันธนาการเพื่อมาช่วยเขา
เสิ่นเว่ยดังนั้นก็รีบใช้พลังของตัวเองช่วยเขาให้หลุดออกมาจากพันธนาการนั้นแล้วรีบวิ่งไปพยุงร่างของเขาทันที
“หมับ!”
“อวิ๋นหลาน
ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” เสิ่นเว่ยถามพลางลูบไหล่ของอวิ๋นหลานไปมา
“ฉันไม่เป็นไร
นายต่างหากเป็นอะไรหรือเปล่า?เมื่อกี๊นี้นายถูกบีบคอนี่..ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
อวิ๋นหลานถามพลางมองหน้าของเสิ่นเว่ย
“ฉันไม่เป็นไร”
เสิ่นเว่ยบอกพลางยิ้มอ่อนออกมา
อวิ๋นหลานยิ้มตอบก่อนที่จะจับหน้าของเสิ่นเว่ยมาชนกับหน้าผากของเขาเบาๆ
“ทีกับข้าเจ้าบอกว่าเป็นพี่น้องร่วมสงคราม
แต่กับมัน...เจ้ากลับยอมรับได้งั้นสิ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดในวันนี้เนี่ยแหละ!!”
ชายคนนั้นตะโกนพลางใช้พลังของเขา
พลังของเขาคือการบังคับอาวุธทุกชนิดที่อยู่ในรัศมีไม่เกินสองเมตรมาทำร้ายศัตรูได้
เสิ่นเว่ยกำลังจะใช้พลังเพื่อส่งให้อวิ๋นหลานกลับไปโลกมนุษย์แต่เพราะว่าอาการของอวิ๋นหลานหนักมากเขาเลยไม่สามารถเคลื่อนย้ายอวิ๋นหลานด้วยพลังของเขาได้
เสิ่นเว่ยมองหน้าของชายคนนั้นก่อนที่จะเอามือของเขามาบังร่างของอวิ๋นหลานไว้
“ถ้าจะฆ่า...ก็ฆ่าข้าแค่คนเดียว
เขาไม่เกี่ยว” เสิ่นเว่ยพูด
อวิ๋นหลานรีบดึงแขนของเสิ่นเว่ยทันทีก่อนที่จะมองตาของเสิ่นเว่ย
“เลิกเอาชีวิตของตัวเองมาปกป้องฉันได้แล้วเสิ่นเว่ย
ชีวิตนายมีค่ากับฉันมากขนาดไหนนายรู้มั้ย?”
อวิ๋นหลานพูดพลางจับแขนของเสิ่นเว่ยแน่น
เสิ่นเว่ยมองตาของอีกคนก่อนที่จะหัวไปซบที่ไหล่ของอวิ๋นหลาน
“ขอโทษ” เสิ่นเว่ยพูด
อวิ๋นหลานยิ้มออกมาก่อนที่จะลูบหัวของเขาเบาๆ
“รักกันเข้าไป...งั้นก็ไปรักกันต่อในนรกเสียเถอะ!!!”
ชายคนนั้นตะโกนแล้วใช้พลังนั้นพาเหล่าอาวุธพุ่งมาหาร่างของทั้งสองทันที
เสิ่นเว่ยและอวิ๋นหลานมองหน้ากันก่อนที่จะยิ้มอ่อนออกมาแล้วกอดกันดั่งว่าไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะพรากเขาทั้งสองออกจากกันไปได้อีกแล้ว
“หยุดเดี๋ยวนี้เทียนหง!!”
เสียงเล็กแหลมนั้นทำให้ทุกอย่างชะงักไปทันที
เทียนหงชะงักไปพลางมองมือของตัวเองแล้วพยายามใช้พลังของงตัวเองแต่กลับไม่เป็นผลเขาจึงหันไปมองทางต้นเสียงก่อนที่จะต้องนั่งคุกเข่าขอขมา
“เฮือก!!...ท่านหลินเฟย?”
เขากล่าวพลางเอาหัวก้มลงกับพื้น
หญิงสาวคนนั้นที่ชายคนนี้กลัวนักกลัวหนาเหลือบไปมองร่างของชายทั้งสองคนก่อนที่จะหันมามองชายตรงหน้าอีกครั้ง
“โทษครั้งนี้ของเจ้า...สาหัสพอสมควรเลยนะเทียนหง
และเห็นทีว่าข้า...จะมิสามารถลดโทษให้กับเจ้าได้แล้วด้วย จับตัวเขาไป”
เธอกล่าวพลางทำหน้านิ่ง ชายคนนั้นถูกเหล่าทหารของเธอจับไปได้อย่างง่ายดาย
เธอเดินมาหาร่างของทั้งสองก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ตรวจตราเรื่องนักโทษแหกคุกคนนี้จนไปสร้างความวุ่นวายให้กับโลกมนุษย์และยังทำให้ท่านทูตชุดดำต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้ด้วย”
เธอกล่าวพลางทำท่าทางขอโทษจากใจ
“เจ้าคือ...”
เสิ่นเว่ยถามพลางมองหน้าของเธอคนนี้
“ข้าชื่อหลินเฟยเป็นราชินีแห่งท้องนภา
ข้าเพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งเมื่อไม่นานมานี้ ตั้งแต่เมืองใต้พิภพมีท้องฟ้าก็เกิดปัญหามากมาย
ข้าเลยมาจัดการเรื่องนี้ให้กับชาวใต้พิภพทุกคน”
เธอพูดก่อนที่จะหันไปมองอวิ๋นหลานที่ยังทำท่าทางงงๆ
“ท่านบาดเจ็บหนัก
เดี๋ยวข้าจะรักษาให้ไม่ต้องห่วง”
เธอกล่าวพลางใช้พลังของตัวเองรักษาอวิ๋นหลานจนหายดี
“ได้ข่าวมาว่าเทียนหงยังไปทำร้ายคนที่มากับท่านด้วย
ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? เธอถามพลางมองหน้าของอวิ๋นหลาน
“ต้าชิ่ง...เสิ่นเว่ย..ตอนนี้ต้าชิ่ง-“
“เขานอนพักอยู่ที่หน่วย
เดี๋ยวข้าจะนำทางไปเอง” เสิ่นเว่ยกล่าวแล้วลุกขึ้นยืน
หลินเฟยพยักหน้าก่อนที่ทั้งสามจะหายตัวไปแล้วมาโผล่อีกทีก็ที่สำนักงาน
หลินเฟยรักษาอาการเจ็บหนักให้กับต้าชิ่งก่อนที่จะขอตัวลาไปจัดการกับเทียนหง
“จะว่าไป...ไอ้หมอนั่นดูสนิทสนมกับนายจังนะ”
อวิ๋นหลานถามขึ้นมาพลางมองหน้าของเสิ่นเว่ย
เสิ่นเว่ยมองตาของอวิ๋นหลานก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ...เขา...เป็นเพื่อนร่วมสงครามกับฉันมาตั้งแต่ฉันจำความได้
ฉันใช้เวลาครึ่งหนึ่งของชีวิตตอนนั้นอยู่กับเขา...ทำให้เขาคิดว่าฉันกับเขา...มีความสัมพันธ์แบบคู่รัก”
เสิ่นเว่ยบอกพลางหรุบตามองต่ำเพราะยังคงรู้สึกผิดอยู่
“นี่ไม่ใช่ความผิดของนายเสียหน่อย
อย่าโทษตัวเองเข้าใจมั้ย?” อวิ๋นหลานบอกพลางลูบหัวของเสิ่นเว่ยเบาๆ
“..ขอบคุณนะ...”
เสิ่นเว่ยบอกพลางยิ้มอ่อน
“เอ่อ...ใช่ๆ
เดี๋ยวฉันมานะ มีเรื่องต้องคุยกับจู้หงแปบนึง”
อวิ๋นหลานพูดก่อนที่จะรีบวิ่งไปหาจู้หง
“แหวนล่ะ?นี่ล่ะโอกาสดีที่ฉันจะขอเข้าแต่งงาน”
อวิ๋นหลานกระซิบถามจู้หงพลางเหลือบไปมองเสิ่นเว่ยเล็กน้อย
“ฉันให้เขาไปแล้ว”
จู้หงกล่าวพลางมองหน้าของอวิ๋นหลาน
“ฮะ?ให้ไปทำไม?แล้วฉันจะขอเขาแต่งงานยังไงในเมื่อแหวนมันอยู่ที่เขาเล่า?”
อวิ๋นหลานพูดพลางทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“หึๆไม่ต้องมากพิธีหรอกอวิ๋นหลาน”
เสิ่นเว่ยบอกพลางหยิบกล่องแหวนออกมา
อวิ๋นหลานมองหน้าของเสิ่นเว่ยก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ...นายนี่ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาเสียเลยนะ”
อวิ๋นหลานบอกพลางยิ้มก่อนที่จะหยิบกล่องแหวนกล่องนั้นมาแล้วสวมแหวนให้กับเสิ่นเว่ยแล้วก็ให้เสิ่นเว่ยสวมแหวนให้กับเขาเช่นกัน
“ห้ามถอดล่ะ
แล้วก็ใส่ใจมันให้เหมือนกับที่ใส่ใจสร้อยคอที่นายห้อยไว้ตลอดด้วยล่ะ” อวิ๋นหลานบอกพลางยิ้มมุมปากก่อนที่จะกอดร่างของเสิ่นเว่ยเอาไว้แน่น
“อืม...ฉันสัญญา...ว่าจะเก็บรักษาแหวนแต่งงานวงนี้จากนายให้เป็นอย่างดีเลย”
เสิ่นเว่ยบอกพลางเอาหัวไปซบที่อกของอวิ๋นหลานเบาๆ