“ผมว่า...พี่เทพบุตรกลับไปถามใจตัวเองอีกครั้งดีกว่านะครับ...ว่าแท้ที่จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้า...เลือกใครให้มาคู่กับพี่กันแน่”
เสียงของเด็กหนุ่มที่ส่งยิ้มติดเศร้านั้นมาให้กับร่างสูงของชายผมทองอีกคนที่ยืนเบิกตาโพลงกับคำพูดของเด็กหนุ่มนั้นบ่งบอกได้ถึงความรู้สึกอึดอัดที่เขาต้องทนมาหลายต่อหลายเดือนแล้ว
เด็กหนุ่มได้แต่แสร้งยิ้มก่อนที่จะเดินขึ้นห้องของตัวเองไปปล่อยให้ใครอีกคนล้มลงไปกับพื้นด้วยความสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง
เมื่อหลายเดือนก่อน
“นายคือ...สมบัติล้ำค่าของฉัน” ชายคนหนึ่งที่จู่ๆก็เดินเข้ามาจับมือของผมพูดขึ้น
“ครับ?” ผมตอบกลับไปด้วยความสงสัย เขาคือใคร?แล้วที่พูดนั่นหมายความว่าอะไรกันแน่?
“มาทำงานกับฉันเถอะ อย่างน้อยๆถ้านายไปทำงานกับฉัน...นายก็ไม่ได้เป็นแค่เด็กชงกาแฟอย่างเดียวเหมือนที่เคย์เฮาส์นี่”
เขาบอกพลางยิ้มอย่างมั่นใจ
คำพูดนั้นของเขามันเหมือนกับมีดที่มากรีดหัวใจของผม
ผมรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นจบ
ใช่แล้ว..ผมน่ะ...สำหรับที่เคย์เฮาส์ก็เป็นได้เพียงแค่....เด็กชงกาแฟเท่านั้น
ไม่ได้มีทักษะเลิศเลอเหมือนใครเขาเลย
“นี่เบอร์โทรฉัน โทรมาได้ทุกเมื่อเลยนะ
ฉันจะรอรับสายของนาย บาย” เขากล่าวแล้วเดินออกไปทิ้งบรรยากาศอันเงียบงันเอาใว้ให้ผมและพี่ชีอู
ผมหันไปเหลือบมองเขาเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะให้ผมไปทำงานจดชื่อคู่ค้าของเราต่อ
..........................................................................................................................................................................................................”คุณจาง....งั้นเหรอ?
ดีไซเนอร์ชื่อดังที่ขนาดคุณเคย์ยังอยากจะได้ตัวเข้ามาในเคย์เฮาส์
แล้วทำไมคนดังขนาดนั้น....ถึงต้องการให้ผมไปทำงานด้วยล่ะ
คนที่ไม่มีพรสวรรค์อย่างผม...ไม่มีความรู้เรื่องเสื้อผ้าอย่างผม...เนี่ยนะ”
ผมพูดพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะนั่งกอดเข่า
จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับที่นี่เลย
ที่คุณเคย์ให้ผมเข้ามาที่นี่ก็เพราะคิดว่าผมเป็นเกย์....ไม่ได้เห็นความสามารถของผม...ที่มันไม่มีดีอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ
“หรือว่าเรา...จะติดต่อไปดีนะ?”
......................................................
“ฮัลโหลครับ”
“เอ่อ..สวัสดีครับ...ผม...นา ด็อกซูนะครั-“
“ไง!!เธอสนใจที่จะมาทำงานกับฉันแล้วใช่มั้ยนา
ด็อกซู!!!!” เสียงอันตื่นเต้นนั้นของเขาทำให้ผมตกใจเล็กน้อย
ผมสำคัญกับคุณขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ? ดีไซเนอร์ห่วยๆแบบผมเนี่ยนะ?
“ครับ...คงงั้น”
“งั้นคืนนี้นายเก็บของออกมาจากที่นั่นเลยนะ
พรุ่งนี้ฉันจะไปรับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน!!!”
ตู๊ดๆๆๆ
“เฮ้อ....เราคงจะ.ทำถูกแล้วใช่มั้ย?” ผมพูดขึ้นเบาๆก่อนที่จะเดินลงมจากดาดผ้าแล้วเข้าห้องของตัวเองไป
ผมหยิบกระเป๋าเดินทางใบเดิมที่ผมแบกมันมาตั้งแต่บนเกาะจนได้มาอยู่ที่นี่..และออกจากที่นี่
เช้าวันต่อมาผมตื่นขึ้นมาพลางมองหน้าของตัวเองในกระจกที่โทรมเพราะว่าเมื่อคืนผมนอนไม่หลับ
ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือความรู้สึกแคร์อะไรบางอย่างที่นี่หรือเปล่า
แต่ก็ช่างมันเถอะ...คนไร้ค่าอย่างผมอยู่ไปก็ไม่ได้ทำให้ที่นี่ดูดีขึ้นมาหรอก
ผมเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างหน้าแล้วแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้าไปในห้องแล้วหยิบกระเป๋าเดินทางของผมออกมา
ตอนที่ผมเดินลงบันไดมาพร้อมกระเป๋าเดินทางใบนั้น
สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียวและเป็นชีอันที่เข้ามาถามผมเป็นคนแรก
“นายจะไปไหนน่ะด็อกซู?” เธอถามพลางมองหน้าของผมด้วยใบหน้าสงสัย
ผมยิ้มอ่อนส่งกลับไปก่อนที่จะเอากระเป๋าไปวางข้างๆตัวเอง
“ผมตัดสินใจแล้วว่าผม...จะไปทำงานกับคุณจางครับ”
ผมพูดขึ้น ทุกคนเกิดอาการเดทแอร์ขึ้นมาก่อนที่พี่ชีอูจะพูดขึ้น
“ขอให้โชคดีแล้วกัน” เขาบอกแล้วเดินผ่านร่างของผมไปทันที
นี่ผมคิดอะไรอยู่?...คิดว่าพี่ชีอูจะบอกว่าอย่าไปนะ..ที่นี่ต้องการนายงั้นเหรอ?...ผมคงจะบ้าไปแล้วจริงๆ...ผมมันก็เป็นแค่เด็กชงกาแฟแท้ๆ
“พี่ครับ...” ซูแจพูดพลางเดินมาจับไหล่ของผมเบาๆ
ผมยิ้มตอบก่อนที่จะเดินไปที่หน้าประตู
“นายคิดดีแล้วจริงๆใช่มั้ยด็อกซู?” เสียงของพี่เทพบุตรบอก
ผมหยุดเดินก่อนที่จะหันกลับมา
“ถึงผมไม่อยู่ที่นี่...พวกพี่ก็เปล่งประกายกันอยู่แล้วนี่ครับ
ไปก่อนนะครับ” ผมบอกแล้วเปิดประตูแล้วเดินออกไปพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่นั้น
รถลีมูซีนสีดำเงานั้นมาจอดเทียบท่าทันทีที่ผมเดินออกมา
คุณจางเดินออกมาจากรถพลางเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้ม
“ไปกันเถอะด็อกซู” เขาบอกก่อนที่จะให้คนใส่ชุดสูทร่างใหญ่คนหนึ่งมาถือกระเป๋าขึ้นรถให้ผม
ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีผมก็มาถึงที่ทำงานใหม่
มันดูใหญ่โตมากกว่าเคย์เฮาส์เป็นไหนๆ แต่ทำไมกันนะ?...ทำไมผมถึงไม่ตื่นเต้นหรือดีใจที่ได้มาทำงานที่นี่เลย
“เข้ามาสิด็อกซู เดี๋ยวฉันจะพานายไปดูห้องทำงานของนาย”
เขาบอกพลางเดินเข้าไปในบริษัทนั้น ผมเดินตามเขาไป
ภายในบริษัทนั้นเต็มไปด้วยพนักงานทั้งชายและหญิงที่ก้มหัวให้กับคุณจางที่เดินผ่าน
สิ่งตกแต่งภายในก็ดูเหมือนว่าจะเป็นของมีราคาแพงทั้งนั้น
ชุดของพนักงานแต่ละคนก็มีสไตล์แบบที่ผมไม่เคยคิดที่จะทำแบบนั้น
เอาแต่ทำเสื้อผ้าตามแบบของตัวเองจนสร้างเรื่องน่าอายใส่ตัวเข้าจนได้
“ถึงแล้วล่ะด็อกซู” เขาบอกพลางผายมือไปที่ห้องใหญ่ห้องหนึ่ง
ข้างในมันกว้างมาก กว้างกว่าที่เคย์เฮาส์มากมายเลยทีเดียว
ในนั้นมีผ้าเกือบจะทุกชนิดเลยด้วยซ้ำ เครื่องมือที่เอาไว้ตัดผ้า ทำชุดก็ครบครัน
แถมยังมีพวกนิตยสารแฟชั่นอีกต่างหาก ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นรูปปกคุณจางเองก็เถอะ
“ชอบมั้ย?” เขาหันมาถามพลางยิ้ม
ผมพยักหน้าตอบกลับไป
“งั้นเดี๋ยวนายเริ่มงานที่นี่ได้เลยนะ
ฉันขอตัวก่อนพอดีว่ามีสัมภาษย์รายการนิดหน่อยน่ะ ก็คนมันดังนี่เนอะ?” เขาบอกพลางยิ้มกว้างแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป
ผมยืนตระหง่านอยู่กลางห้องใหญ่นั้น
ผมมองไปรอบๆพลางเดินไปจับผ้าชนิดต่างๆนั้นแล้วหันมามองพวกเครื่องมือต่างๆ
“ไม่คิดเลยว่าคนอย่างเรา...จะได้มาทำงานในห้องใหญ่ๆแบบนี้...ทั้งๆที่ห้องแบบนี้..น่าจะเหมาะกับพวกเขามากกว่า”
ผมพูดพลางยิ้มออกมาแล้วไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่สอดอยู่กับโต๊ะเขียนหนังสือตัวหนึ่ง
ผมนั่งแล้วหยิบดินสอขึ้นมาเพื่อจะร่างแบบเสื้อผ้าของตัวเอง
เสื้อผ้าของตัวเอง...งั้นเหรอ? แบบเสื้อผ้าห่วยๆพวกนั้นน่ะเหรอ?
“เฮ้อ....” ผมถอนหายใจก่อนที่จะร่างแบบเสื้อผ้าลงไป
พอร่างเสร็จผมก็ไปจัดการเลือกเนื้อผ้าแล้วเย็บให้มันออกมาเป็นรูปเป็นร่างทันที
พอผมทำเสร็จก็นั่งมองมันด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยสบายใจนัก
“มันเหมือน...ขาดอะไรไป...อย่างนั้นแหละ”
ผมพูดพลางเอามือไปลูบชุดของผมบนหุ่นนั้นเบาๆ
ปึง!!!
“เป็นไงบ้างด็อกซู งานไปถึงไหนแล้ว?” คุณจางที่เปิดประตูเข้ามาเสียงดังพูดขึ้นพลางเดินเข้ามาในห้อง
เขามองมาที่ผมก่อนที่จะสบเข้ากับชุดบนหุ่น
เขามองมันพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนที่เขาจะหันหน้ามามองผมอีกครั้ง
“ทำไมไม่ทำเสื้อผ้าแนวเดิมของเธอล่ะด็อกซู?”
เขาถามพลางมองหน้าของผม ผมหลบสายตาพลางก้มหน้าลง
“ขอโทษครับ
แต่ถ้าผมออกแบบเสื้อผ้าห่วยๆแบบนั้น..มันจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของคุณได้”
ผมพูดพลางกำหมัดของตัวเอง
“ก็จริงอยู่ที่ว่าเสื้อผ้าของนายแต่ละชิ้นมันออกจะแปลกไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาสักเท่าไหร่แต่ว่า....ฉันสามารถดัดแปลงมันได้
ฉันจะขัดเกลานายเองด็อกซู ให้กลายเป็นดีไซเนอร์อันดับสอง
เพราะว่าฉันเป็นอันดับหนึ่ง ฮ่ะๆๆๆ” เขาพูดพลางหัวเราะลั่นผมได้แต่มองหน้าของเขาแล้วยิ้มเจื่อนก่อนที่เขาจะพาผมไปที่พักของผม
มันเป็นคอนโดที่ห้องนั้นใหญ่มาก
ใหญ่กว่าบ้านของผมอีก...และ...ใหญ่กว่าห้องเดิมที่เคย์เฮาส์ของผมอีก
หลังจากที่เขาส่งผมเสร็จเขาก็กลับไป
ผมเดินเล่นในห้องก่อนที่จะนั่งลงไปบนโซฟาแสนนุ่มที่ผมเพิ่งจะรู้ว่าโซฟามันนุ่มได้มากขนาดนี้
ผมลูบโซฟาเบาๆก่อนที่จะเดินไปมา ในห้องนี้มีระเบียงด้วย
ผมเดินไปเปิดประตูที่กั้นระหว่างห้องภายในกับระเบียงออกแล้วเดินออกมา อากาศอันแสนบริสุทธิ์ยามค่ำคืน...ถ้าได้กินขนมกับทุกคนด้วย..มันคงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆเลย
“เฮ้อ....มาคิดถึงเอาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ”
ผมพูดก่อนที่จะมองทอดยาวออกไปจนสุดขอบฟ้าที่สว่างพอสมควรเพราะว่าคืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย
แสงจันทร์ที่ส่องสว่างนั้นเลยทำให้มันไม่ได้มืดอย่างที่ควร
“ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด” เสียงโทรศัพท์มือถือของผมที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น
ผมหยิบมันขึ้นมาดูชื่อของคนที่โทรมาก่อนที่จะกดรับสายไป
“ครับ?”
“เป็นไงบ้าง?” เสียงทุ้มนั้นตอบกลับมาด้วยเสียงเป็นห่วงเป็นใยที่ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย
“...เหงานิดหน่อยครับ แล้วพี่ล่ะ?”
“ฉันเองก็..เหงาเหมือนกันที่นายไม่อยู่ที่นี่
ด็อกซู” คำตอบที่เขาตอบกลับมาทำให้ผมยิ้มกว้างและรู้สึกดีใจสุดๆ
“อย่าพูดอะไรที่มันทำให้ยิ่งคิดถึงกว่าเดิมแบบนี้สิครับ...พี่เทพบุตร”
..........................................................................................................................................................................................................
“เอาล่ะวันนี้เราก็ต้องสู้ตาย!” ผมพูดพลางเดินเข้าไปในบริษัท
ทุกคนในนั้นหันมามองผมก่อนที่จะก้มหัวเคารพกันแล้วทำงานของตัวเองต่อ ผมไม่ใช่คุณจางนะครับ
จะทำท่าเคารพผมทำไม?
“อรุณสวัสดิ์ด็อกซู เดินทางมาปลอดภัยดีนะ
ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปรับเพราะว่าฉันติดงานนิดหน่อยน่ะ” คุณจางที่เดินสวนมาบอกพลางยิ้มเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับ งั้นผม...ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
หมับ!!
“เดี๋ยวก่อนด็อกซู” เขาบอกพลางจับแขนของผมแน่น
ผมหันไปพลางมองเขาด้วยความสงสัย
“ครับ?”
“ใส่สไตล์ของนายลงไปในงานนะ
ไม่ต้องเครียดหรือว่าคิดว่างานของตัวเองมันไม่ดีหรอกนะ งั้น...ฉันไปก่อนนะ”
เขาบอกพลางปล่อยแขนของผมแล้วเดินจากไป
“..สไตล์...ของผมงั้นเหรอ?” ผมพึมพำก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องทำงานของผมแล้วเริ่มทำงาน
วันนี้ผมอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะว่าเมื่อคืนได้รับกำลังใจมาค่อนข้างที่จะเต็มเปี่ยม
วันนี้ผลงานจะต้องออกมาดีกว่าเมื่อวานแน่นอน!!!
“ว้าว!!!สุดยอดไปเลยด็อกซู
นี่ล่ะ..งานที่ฉันต้องการจากนาย ฮ่าๆๆ” เขาบอกพลางหัวเราะลั่นกับผลงานเสื้อผ้าของผมที่วันนี้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปพอสมควร
“งั้นนายกลับไปได้แล้วล่ะ
เดี๋ยวชุดนี่ฉันจัดการเอง” เขาบอกพลางให้คนของเขายกหุ่นที่มีเสื้อผ้าของผมอยู่ออกไปข้างนอก
“งั้นผมขอตั-“
“ฉันมาคิดดูอีกทีแล้วว่าเรามาฉลองที่นายทำสำเร็จกันดีกว่านะด็อกซู
อืม...เอาเป็นอาหารค่ำแล้วกัน เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” เขาบอกพลางหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมา
“ครับ?แต่ว่าเมื่อกี๊คุณบอกว่า-“
“ไปกันเถอะ” เขาบอกแล้วเดินออกไปนอดห้องทันที
ร้านที่เขาพาผมมากินดินเนอร์คือภัตตาคารใหญ่และมีชื่อเสียงของที่นี่
อาหารแต่ละอย่างที่เขาสั่งก็หรูๆทั้งนั้น หรูเสียจนผมแทบจะไม่กล้ากินเลยทีเดียว
ระหว่างที่กินไปนั้นเขาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมเลยต้องนั่งที่โต๊ะนี้คนเดียว
แต่ผ่านไปไม่นานก็มีใครคนหนึ่งมานั่งตรงหน้าของผม
“กลับมาแล้วเหรอครั-.....พี่เทพบุตร?” ผมพูดขึ้นก่อนที่จะเงยหน้าแล้วพบกับใบหน้าของพี่เทพบุตรที่ไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่
“มาทำอะไรที่นี่..ไม่สิ...มาทำอะไรกับมันแค่สองคน?”
เขาถามพลางจ้องหน้าของผม ผมมองตาของเขาก่อนที่จะเริ่มอธิบาย
“ก็แค่มากินข้าวเย็นกันเท่านั้นเองครับพี่
ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก แล้วนี่พี่มาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอครับ?”
“ชอบมันแล้วงั้นสิ?งั้นเลิกกันมั้ย?”
เขาพูดพลางลุกขึ้นยืน
“ค..ครับ?พี่หมายความว่าไง?ผมก็บอกพี่แล้วไงว่ามันไม่มีอะ-“
“เราเลิกกันเถอะด็อกซู
นายก็ไปตามทางของนายฉันก็ไปตามทางของฉัน เราจบกันแค่นี้เถอะ” เขาพูดแล้วเดินออกจากโต๊ะไปทันที
ทั้งๆที่เมื่อวานก่อนยังพูดคำหวานขนาดนั้นเลยแท้ๆ..แล้วทำไมวันนี้...ถึงได้ทำตัวงี่เง่าแบบนี้
ไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย ไม่ฟังเลยว่าเราอธิบายว่าอะไร? ทำไมล่ะ?...ปกติก็เป็นคนที่มีเหตุผลกว่านี้นิ
เขา...ไม่ใช่คนที่จะบอกเลิกใครก่อนด้วยซ้ำ...เขาเคยสัญญาแล้วนี่..ว่าเขา..จะดูแลเราเป็นอย่างดี...จะดูแลคนที่พระผู้เป็นเจ้าส่งมาอย่างเราเป็นอย่างดี..แล้วนี่ทำไม..ถึงเป็นแบบนี้ไปได้
“กินของเผ็ดมากแล้วเป็นแบบนี้ทุกทีสิน่าฉัน
เป็นไงด็อกซูอาหารอร่อยมั้ย?” คุณจางที่เพิ่งจะกลับมาจากห้องน้ำถามพลางนั่งลงตรงเก้าอี้ด้านหน้าของผม
ผมก้มหน้าก่อนที่จะพูดขึ้น
“ผมอิ่มแล้วครับ ขอตัวก่อนนะครับ” ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืน
“เอ๊ะ?เป็นอะไรไปเหรอครับ?อาหารไม่ถูกปากเหรอ?”
เขาถามพลางลุกขึ้นตาม
“เปล่าหรอกครับ...ผมแค่...รู้สึกไม่ค่อยดีนะครับ
ขอตัวนะครับ” ผมพูดแล้ววิ่งหนีออกมาทันที
ไม่ไหว...ถ้าอยู่ต่อคุณจางได้เห็นน้ำตาของเราแน่ ผมเดินออกมาจากภัตตาคารแล้วเดินไปที่คอนโดของตัวเองด้วยจิตใจว้าวุ่น...ทำไมนะ?...ทำไมพี่เทพบุตรถึงเป็นแบบนั้นกัน?...เขาเครียดเรื่องอะไรหรือเปล่า.ถึงได้..เป็นแบบนั้น
“โฮ่ย...ชีอู ทำไมแกเมาเละแบบนี้กันฮะ? ก็บอกแล้วว่าอย่าดื่มเยอะไง
เอิ๊ก เอิ๊ก” เสียงของพี่เทพบุตร อยู่แถวนี้งั้นเหรอ?
ผมเดินตามเสียงไปก่อนที่จะเห็นร่างของพี่เทพบุตรและพี่ชีอูนั่งอยู่บนม้านั่งที่สวนสาธารณะ
ทั้งคู่ดูเหมือนว่าจะดื่มกันมาหนักพอสมควรเพราะว่าหน้าของทั้งสองคนมันแดงแจ๋อย่างเห็นได้ชัด
“นี่...ชีอู....แกรู้มั้ย...ว่าฉันน่ะ...ฉันน่ะ...ชอบแก
ชอบ...มาตั้งนานแล้วด้วย..ฉันน่ะ...ไม่รังเกียจเลยนะ
ที่ถูกจับมาเป็นคู่จิ้นของแก..กลับกัน..ฉันชอบมาก...และฉัน..อยากจะให้มันเป็นเรื่องจริง”
พี่เทพบุตรพูดพลางหันไปจ้องหน้าของพี่ชีอูก่อนที่จะประกบปากของเขาเข้ากับปากของพี่ชีอูที่เมาเละเสียจนไม่มีสติ
ผมเอามือขึ้นมาปิดปากก่อนที่น้ำตามันจะไหลอาบแก้มออกมา
ผมกำลังจะวิ่งหนีไปแต่ก็ต้องหยุดชะงัก
ผมรู้มาว่าพี่เทพบุตรน่ะหลงรักพี่ชีอูมาตั้งนานแล้ว
เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อพี่ชีอู...การที่เขามาคบกับผมก็คงจะเพื่อพี่ชีอู...เพราะว่าชีอันตกหลุมรักผม...พี่เทพบุตรเลยมาคบกับผมเพื่อกำจัดศัตรูหัวใจให้กับพี่ชีอู
...ที่ผ่านมาทั้งหมด...เขาไม่ได้รักผม...แต่เขาทำเพื่อพี่ชีอู
ผมหันหลังกลับไปแล้วเดินไปหาเขาทั้งคู่
พี่เทพบุตรเงยหน้าขึ้นมาพลางยิ้มเพราะว่าเขาเมาเต็มที่แล้ว
“อ้าววววววว...เด็กเกาะนี่เอง งายยยยย
อยากดื่มม้ายยยยย ฮ่าๆๆๆ” เขาพูดพลางยิ้มแล้วหัวเราะไปมาเพราะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะทั้งหมด
“เพี๊ยะ!!!” ผมตบหน้าของเขาอย่างแรงจนร่างของเขาลงไปนอนกับพื้นก่อนที่ผมจะพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างพรั่งพรู
“นี่ใช่มั้ย...คือคนที่พี่รักจนยอมมาคบกับผมเพื่อทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้!”
ผมพูดก่อนที่จะวิ่งหนีไป ทิ้งให้เขากับพี่ชีอูที่ไร้ซึ่งสตินั้นนอนอยู่บนม้านั่ง
ผมวิ่งเข้าไปในห้องพลางปิดประตูแล้วล็อคห้องให้สนิท
ผมมองห้องอันใหญ่โตนี้ก่อนที่จะนั่งลงไปกอดเข่าแล้วร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“ฮือ....ฮื่อ....ฮื่อ...พี่...ไม่เคย...รักผมเลยใช่มั้ย?...ฮึก...ฮื่อ!!!”
ผมตะโกนเสียงดังพลางร้องไห้ออกมา ทุกอย่างมันแย่ไปหมด
ผมไม่น่ามาที่นี่เลย ไม่น่ามาเลย
มาแล้วก็ต้องเจอกับอะไรแบบนี้...ผมไม่อยากมาเลย...ผมอยากกลับบ้าน...อยากกลับเกาะ..อยากกลับบ้าน.ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว.....
..........................................................................................................................................................................................................
“นายจะลาออกงั้นเหรอ?ทำไมล่ะ?”
คุณจางถามพลางมองหน้าของผมด้วยความตกใจ
“....ผมแค่อยาก..กลับไปพักผ่อนน่ะครับ อยากพักสมอง...อยากพักอะไรหลายๆอย่างน่ะครับ”
ผมพูดพลางหรุบตาต่ำ
เขาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะยื่นซองลาออกที่ผมเอามาให้เขาส่งคืนให้ผม
“ฉันจะให้นายไปพัก หายดีเมื่อไหร่ก็กลับมา โอเค๊?”
เขาพูดพลางยิ้มกว้าง
ผมพยักหน้าก่อนที่จะหยิบซองลาออกนั้นแล้วเดินออกมาจากบริษัท ผมกำลังจะได้กลับบ้าน...ได้ไปหา..ครอบครัวของผม
ได้ไปพัก...จิตใจที่ชอกช้ำของตัวเอง
“ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด” เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นผมเลยหยิบมันขึ้นมาจากในกระเป๋ากางเกง
มันโชว์เบอร์ว่า “พี่เทพบุตร” ผมกดตัดสายทิ้งก่อนที่จะปิดเครื่องแล้วเดินต่อไป
ไม่นานฝนก็ตกลงมา ตกมาอย่างหนักเหมือนกับพายุเข้า
ผมรีบวิ่งไปหลบที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งก่อนที่ผมจะได้พบกับใครคนหนึ่งที่มายืนหลบฝนด้วยเช่นกัน
“ด็อกซู?” เสียงใสนั้นของเธอทำให้ผมสะดุ้งก่อนที่จะหันกลับไปมอง
หญิงสาวรักแรกพบของผมที่เป็นที่รักของพี่ชีอู...ที่พี่เทพบุตรรักมากกว่าใคร
“ชีอัน....ไง...สวัสดี” ผมบอกพลางส่งยิ้มเจื่อนไปให้เล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้ากลับมาที่เดิม
“จะไปไหนเหรอ?เอากระเป๋าเดินทางมาด้วยนี่”
เธอถามพลางมองกระเป๋าเดินทางของผม
“...กลับบ้านน่ะ” ผมบอกพลางยิ้ม
“กลับบ้าน?ทำไมล่ะ?คุณจางเขา...ทำอะไรไม่ดีกับนายงั้นเหรอ?”
ชีอันถามด้วยความเป็นห่วงมาก ผมส่ายหน้าพลางบอก
“เปล่าหรอก
ช่วงนี้เครียดนิดหน่อยน่ะ...ก็เลยอยากจะกลับไปพักผ่อนเสียหน่อย
แล้ว...จะกลับมาทำงานเหมือนเดิม” ผมบอกพลางยิ้มอีกครั้ง
ชีอันทำสีหน้าเป็นห่วงผมมาก
ก็นะ...ถ้าเป็นตอนที่ผมชอบเธออยู่ล่ะก็...ผมคงปลื้มและดีใจมากกว่านี้แน่เลย
“ปิ๊นๆ!!” เสียงแตรของรถสีดำคันหนึ่งดังขึ้นทำให้ผมกับชีอันสะดุ้งก่อนที่เจ้าของรถจะเลื่อนกระจกรถเผยให้เห็นใบหน้าของเขา
“พี่!!” ชีอันพูดพลางมองหน้าของชายคนนั้น
พี่ชีอูยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะหันมามองผม
“ขึ้นรถสิ” เขาพูด
ชีอันเลยหันหน้ามาทางผม
“ไปพักที่เคย์เฮาส์กันก่อนมั้ย?ดูเหมือนฝนจะตกหนักอย่างนี้อีกนานเลยนะ”
ชีอันบอกพลางมองผม ผมมองไปรอบๆก่อนที่จะส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร ฉันรออยู่ที่นี่ดีกว่า” ผมพูดแล้วส่งยิ้มไปให้กับชีอันที่ทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“ขึ้นมาเถอะ เดี๋ยวถ้าฝนหยุดตกแล้วจะมาส่ง”
พี่ชีอูบอก ผมยืนนิ่งก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นรถไปด้วย
เคย์เฮาส์งั้นเหรอ?...ที่แห่งความทรงจำ..ทั้งดี...และไม่ดี
เขาจะอยู่ที่นั่นมั้ยนะ?...แล้วผม...จะทำใจได้หรือเปล่า?
“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงของชีอันพูดขึ้นก่อนที่เธอจะเดินเปิดประตูเข้าไป
ผมยืนมองก่อนที่จะถูกพี่ชีอูทักขึ้น
“จะกลับบ้านเหรอ?” เขาถามพลางมองหน้าของผม
“ครับ” ผมตอบสั้นๆก่อนที่จะเดินเข้าไป
ข้างในนี้มันเล็กกว่าที่นั่นมากเลยก็จริง...แต่รู้สึก...อบอุ่นมากกว่ายังไงก็ไม่รู้สิ
“กลับมากันแล้ว- พี่!!!!!” ซูแจที่เดินลงมาจากชั้นบนตะโกนขึ้นหลังจากที่เห็นผมเดินเข้ามา
เขาวิ่งมาพลางจับมือของผม
“พี่มาได้ไงเนี่ย?” เขาถามพลางทำท่าทางดีใจ
“กินข้าวกันมาหรือยังฉันเตรียม.....ด็อกซู”
ร่างสูงโปร่งของชายผมสีทองใบหน้าหล่อที่เดินออกมาจากในครัวพูดก่อนที่จะงะชักไปเมื่อมองเห็นผม
ผมมองเขาก่อนที่จะเบือนหน้าหนีแล้วกำลังจะเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเอง
“ทำไมไม่รับสาย?” เขาถามพลางเดินมาหยุดที่ด้านหลังของผมในขณะที่ผมกำลังเดินขึ้นบันได
“.......................”
“ฉันถามว่าทำไมนายถึงไม่รับสายฉัน?นี่นาย...อยากเลิกกับฉันจริงๆใช่มั้ย?...นี่นาย..หลงรักไอ้จางอะไรนั่นแล้วใช่มั้ย?”
เขาถามพลางเอื้อมมือมาคว้าแขนของผมไป เขามองหน้าของผมด้วยสีหน้าโกรธ
ผมมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนที่จะพูดขึ้น
“พี่รักและเชื่อในพระผู้เป็นเจ้ามากใช่มั้ยครับ...พี่เทพบุตร?”
ผมถาม เขาชะงักก่อนที่จะตอบ
“ใช่ แล้วมันทำไม?”
“แล้วพี่ก็เคยบอกกับผมตอนที่คบกันใหม่ๆใช่มั้ย...ว่าที่พี่คบกับผม...เพราะพระผู้เจ้าเป็นคนส่งมาให้”
ผมถามพลางมองหน้าของเขา เขาเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย
ผมสะบัดร่างหนีก่อนที่จะพูดขึ้น
“ ผมว่ามันไม่ใช่หรอก”
ผมบอกพลางมองหน้าของเขาด้วยใบหน้าที่ปวดร้าว
“ด็อกซู..นายหมายความว่าไ-“
“ผมว่า...พี่เทพบุตรกลับไปถามใจตัวเองอีกครั้งดีกว่านะครับ...ว่าแท้ที่จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้า...เลือกใครให้มาคู่กับพี่กันแน่”
ผมพูดพลางเดินขึ้นห้องไปโดยไม่หันหลังมามองเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ด็อกซู!!!!!!”
..........................................................................................................................................................................................................
“ฝนหยุดตกแล้ว ไปกันเลยมั้ย?” พี่ชีอูถามพลางเดินไปที่ประตู
ผมมองหน้าของเขาก่อนที่จะลากกระเป๋าไปอยู่ตรงหน้าประตู
“ครั-“
“ด็อกซู!!!!!” เสียงของพี่เทพบุตรที่เรียกชื่อของผมนั้นทำให้ผมสะดุ้ง
ผมหันไปมองก่อนที่จะถูกเขาที่วิ่งมาด้วยความเร็วกอดจนผมเซเกือบจะล้มถ้าพี่ชีอูไม่ดันร่างของผมเอาไว้
“...จะทำอะไร?” ผมพูดพลางผลักอกของเขาออก
เขากอดรัดร่างของผมแน่นขึ้นพลางจูบที่ซอกคอและหัวของผมทั้งหมด
“ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ...ฉันรู้ว่าฉันทำผิดไว้กับนายมาก....ฉันรู้ว่าฉันทำให้นายต้องเสียใจ
ฉันขอโทษ..ฉันขอโทษ...อย่าไปเลยนะ อย่าไปไหนเลยนะ ฉันผิดเอง...ฉันผิดเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
ผมนิ่งไปก่อนที่จะพูดขึ้น
“พี่พูดแบบนี้ต่อหน้าพี่ชีอูได้ยังไง?...เขาน่ะ...เป็นรักแรกของพี่นะครับ
การโกหกหัวใจของตัวเอง...มันไม่ดีไม่ใช่เหรอครับ?” ผมพูดพลางผลักอกของเขา
“ชีอู...เขาเป็นรักแรกของฉันก็จริง...แต่ว่าตอนนี้...ความรักของฉันคือนาย...นายเพียงคนเดียวเท่านั้น”
เขาพูดพลางรัดร่างของผมแน่นขึ้นกว่าเดิม
“อึก..ผม..หายใจ..ไม่ออก” ผมบอกพลางทุบอกของเขา
เขาผละออกทันควันพลางจับไหล่ของผมแล้วส่งสายตาเป็นห่วง
“ขอโทษด็อกซู นายไม่เป็นไรนะ ฉันขอโทษ” เขาบอกพลางมองผมด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเขา
“ผมบอกพี่แล้วไง...ว่าให้ถามหัวใจของตัวเอง...ว่าคนที่พระผู้เป็นเจ้าของพี่ส่งมา...คือใครกันแน่....ผมบอกพี่แล้วไง..ฮึกๆ...ฮึก”
ผมพูดพลางทุบอกของเขา พี่เขานิ่งไปก่อนที่จะกอดรัดร่างของผมอีกครั้ง
เขาลูบหัวของผมพพลางพูด
“หัวใจของฉัน...บอกว่าคือนาย...คือนายไงด็อกซู”
“ผมไม่เชื่อ...ฮึก...ถ้าเป็นผม...แล้วพี่บอกเลิกผมทำไม...ฮึก...แล้วพี่จูบพี่ชีอูทำไม...ฮึก...แล้วพี่มาคบผมทำไม?ฮื่อ...”
ผมพูดพลางร้องไห้ออกมาเสียงดัง
เขาใช้มือของเขามาเช็ดน้ำตาของผมก่อนที่เขาจะจับแก้มของผมทั้งสองข้าง
“ที่ฉันบอกว่าเลิกกับนายก็เพราะ...ฉันหึงนายไง...ฉันหึง..ที่นายไปทำอะไรต่อมิอะไรกับเจ้าจางนั่นแค่สองคน....ฉันยังเป็นห่วงด้วยซ้ำ..ว่ามันจะจับนายกดตอนไหน
แล้วอีกอย่างก็คงจะเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าด้วยที่ทำให้ฉันพูดอะไรบ้าๆแบบนั้นออกมา”
เขาบอกพลางยิ้มอ่อน
“ฮึก...ผมไม่มีทาง...ทำแบบนั้นอยู่แล้ว...ฮึก...ผมไม่ทำ....ฮึก”
ผมพูดพลางร้องไห้ออกมาอีก
“แล้วเรื่องที่ฉันจูบกับชีอูฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่านายไปเห็นได้ยังไงแต่ว่า...ที่ฉันทำไปก็เพราะฤทธิ์เหล้า...แล้วก็...อยากที่จะบอกลารักแรกของฉันเท่านั้นเอง”
“.....ฮึก...ฮึก...คนโกหก”
“ไม่ได้โกหกจริงๆนะ...เชื่อฉันสิ ฉันพูดจริงๆนะ
แล้วเรื่องที่ฉันคบกับนาย...ก็อาจจะมีส่วนหนึ่งที่ฉันทำเพื่อชีอูแต่ว่า...นั่นมันตอนแรก..แต่ตอนนี้...หัวใจของฉันทั้งหมด...มีแต่นาย
มีแค่นายเท่านั้น” เขาพูดพลางจูบที่หน้าผากของผม
“คน...คนเห็นแก่ตัว...ฮึก...คนบ้า...ฮึก...คน-อุบ!!”
จู๊บ!!!
“อื้อ!!!”
“ฉันรักนายด็อกซู ได้โปรด...อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกเลยนะ”
เขาพูดหลังจากที่จูบปากของผมอย่างดูดดื่ม
ผมเบือนหน้าหนีแต่เขาก็จับหน้าของผมมาจ้องหน้าของเขาอีก
“ว่าไง?นายจะไปอีกมั้ย?”
“...ผมไม่อยู่..ฮึก...กับคนเห็นแก่ตัว-อื้อ!!!!”
ผมพูดยังไม่ทันจบเขาก็จูบปากของผมอีกแถมยังเอามือล้วงเข้าไปในก้นของผมอีกด้วย
“ถ้ายังไม่ยอมพูดว่าจะไม่ไป..ฉันก็จะจูบปากนายแบบนี้แหละ
เผลอๆอาจจะมากกว่าจูบด้วย” เขาพูดก่อนที่จะจูบปากของผมอีกเรื่อยๆ
“อื้อ!!! พอแล้ว!!ไม่ไปแล้ว!!!” ผมบอกพลางหลับตาปี๋
เขาจับมือของผมพลางจูบที่ต้นแขนของผมเบาๆ
“...อย่างนั้นล่ะ...อยู่กับฉันที่นี่นะ
ด็อกซู...อยู่ด้วยกัน...ตลอดไปเลย” เขาบอกแล้วมาจูบที่หน้าผากของผม
ผมกอดเขากลับ ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ที่ทำอยู่นี่มันคือทางที่ดีที่สุดหรือเปล่า
แต่ผมรู้แค่ว่า....เวลาที่ผมอยู่คนเดียวโดยไม่มีพี่เทพบุตรหรือว่าคนที่นี่...มันทำให้ผม....เหงา
และรู้สึกไม่ดีเลย
กลับกัน..การที่ผมได้กอดกับพี่เทพบุตรและได้อยู่กับทุกคน...มันกลับทำให้ผม...รู้สึกมีความสุขมากๆเลย
“งั้นฉันปิดประตูล่ะนะ” พี่ชีอูบอกพลางปิดประตูแล้วเดินเข้ามา
พี่เทพบุตรยิ้มก่อนที่จะหอมแก้มของผมเบาๆ เขาพาผมไปนั่งบนโซฟาแต่กลับไม่ให้ผมนั่งบนโซฟา(?)
เขาอุ้มผมไปนั่งบนตักแล้วเอาคางมาวางบนไหล่ของผม
“ไปอยู่ที่นั่นคงเหงามากเลยสินะ” เขาพูดพลางพ่นลมหายใจใส่ต้นคอของผมจนขนลุกไปหมด
“อื้ม...ก็...นิดหน่อย” ผมพูดพลางเบี่ยงหน้าหนี
“ยังงอนอยู่เหรอ?” เขาถามพลางจูบที่ซอกคอของผมเบาๆแต่มันจักจี้นะ!
“อื้อ!!...อย่าจูบสิ มันจักจี้” ผมหันมาบอกก่อนที่จะทำหน้ามุ่ย
“ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ?แล้วนี่โกรธเรื่องที่ฉันบอกเลิกนายหรือว่าเรื่องที่ฉันจูบกับชีอูล่ะ?”
เขาถามพลางเอามือของเขาล้วงเข้ามาในเสื้อของผม
“พี่ไม่ต้องใส่ใจหรอก ถ้าผมโกรธ ผมก็จะเอาคืน”
ผมบอกพลางหันไปมองหน้าของเขา
“เอาคืน?ยังไงล่ะ?จะบอกเลิกฉัน?จะจูบกับชีอูหรือไง?”
เขาถามพลางเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อ
“ผมจะไปเอากับคุณจาง” ผมพูดแล้วกำลังจะลุกขึ้นแต่ก็โดนพี่เทพบุตรจับกดเสียก่อน
“อื้อ!!...ทำอะไร-“
“ฉันไม่ยอมให้ใครได้เอานายทั้งนั้น ช่องทางรักสวาสของนายต้องเป็นของฉันเท่านั้น!!!”
เขาบอกก่อนที่จะไซร้คอของผมลามไปถึงจูบเม้มที่คอของผมจนมันเป็นรอยช้ำไปหมด
“เอ่อ....พวกเขาลืมไปหรือเปล่าว่ายังมีเราอยู่ตรงนี้น่ะ”
ชีอันถามขึ้นพลางหันมามองพี่ชีอู
“...ปล่อยไปเถอะ
ฉันเองก็เหมือนจะมีส่วนผิดอยู่ด้วยเหมือนกัน” พี่ชีอูบอกก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเองพร้อมกับคนอื่นๆที่ทนดูฉากเลิฟซีนระหว่างผมและพี่เทพบุตรไม่ไหว
..........................................................................................................................................................................................................
“นายเคลียร์เรื่องย้ายกลับเข้ามาที่เคย์เฮาส์กับเจ้าจางอะไรนั่นยังอ่ะ?”
พี่เทพบุตรถามพลางกอดร่างของผมแน่น
เขาเอาคางมาเกยที่ซอกคอของผมก่อนที่จะจูบเบาๆ
“อือ...ฝากคุณเคย์ไปขอโทษเรียบร้อยแล้วล่ะครับ แล้วก็ส่งสัญญาอะไรต่อมิอะไรเรียบร้อยแล้วด้วย”
ผมบอกพลางหันไปหอมแก้มของพี่เทพบุตรเบาๆ
ทันใดนั้นเขาก็จับร่างของผมกดลงกับเตียงพลางแลบลิ้นอย่างหิวกระหาย
“งั้นมาต่อกันอีกสักยกดีกว่า
ฉันยังไม่สาแก่ใจเลย” เขาพูดพลางมองหน้าของผมที่อยู่ด้านล่าง
“...ผมก็เหมือนกัน” ผมบอกพลางยกตัวไปหอมแก้มเขา
เขาหน้าแดงก่อนที่จะพูดขึ้น
“ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย!!!???พ่อจะซอยให้ครางถี่ๆเลย!!!”
“พี่เทพบุ-อ๊า!!!!!!!!!”