คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : จำนวนนับที่สิบ/หนึ่ง 'Endless'
จำนวนนับที่สิบ/หนึ่ง ‘Endless’
“ I miss someone who doesn't miss me ”
‘ จำไว้นะดีโอ ป่าบนภูเขาหลังบ้านเป็นป่าขนาดใหญ่ ไม่ค่อยมีใครเข้าไปเพราะมีตำนานเล่าว่าผีดุและมีปีศาจชั่วร้ายอาศัยอยู่ ห้ามเข้าไปใกล้เด็ดขาด เข้าใจมั้ย....’
นั่นคือสิ่งที่ผู้ใหญ่เล่ากันต่อ ๆ มา
และดีโอคนที่ว่านี่กำลังซวย
หลงป่าจ้า
“นี่มันที่ไหนเนี่ย...” เด็กหนุ่มผิวขาว ร่างเล็กวัย 20 ปีกำลังบ่นกับตัวเอง ดวงตากลมมองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าไปเรื่อย ๆ แต่เขาอยู่ที่เดิมมาเป็นชั่วโมงได้ ต้นเหตุเรื่องราวทั้งหมดนี้มาจากการที่เขาวิ่งตามเจ้าแมวดำของคนข้างบ้านมา พอรู้สึกตัวอีกทีแมวดำนั่นก็หายไป กลายเป็นเขาเองที่ต้องวิ่งหาทางออก
แล้วไงล่ะ ไหนทางออก
สองเท้าเล็กออกเดินอีกครั้งแม้จะไม่มีหวัง ทั้งตัวมีแค่เสื้อยืดลายกัปตันอเมริกากับเกงขาสามส่วนที่เขาเอามาใส่ตอนจัดสวนที่บ้าน
“มาทางนี้...”
“เอ๊ะ” ดีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงไม่คุ้นหูลอยตามลมผ่านกิ่งไม้นับพันในป่ามา เสียงนั้นเย็นเฉียบแถมยังสำเนียงแปลก ๆ ราวกับพวกยุคโบราณ
คิดไปเองมั้ง
ว่าแล้วสองเท้าก็ออกเดินต่อ
“ข้าบอกให้มาทางนี้...”
“!!!” ดีโอหันมองซ้ายมองขวา แต่สิ่งที่เห็นก็มีแค่ต้นไม้ที่รูปร่างเหมือนกันเต็มไปหมดสุดลูกหูลูกตา มันเป็นเสียงที่เย็นยะเยือกและแน่นอนว่าไม่ใช่เสียงมนุษย์ เขามั่นใจ...
คนหลงป่ากัดฟันแน่นแล้วพยายามเดินกลับทางเดิมเท่าที่เขาจำได้ด้วยความไว ตอนนี้เขากลัวเจ้าของเสียงนั่นมากกว่ากลัวหลงป่าเสียอีก
“ข้าบอกว่าทางนี้”
เฮือก
ดีโอหยุดเดินอีกครั้งเมื่อเสียงนั้นอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ดวงตากลมมองปลายเท้าตัวเองกับปลายเท้าของใครอีกคนข้างหน้า ราวกับเวลาหยุดเดิน ร่างเล็กหายใจไม่ทั่วท้อง ค่อย ๆ กวาดสายตาไล่ขึ้นไปทีละนิด ชุดโบราณสีขาวสะอาดตัดกับผิวสีเข้ม รูปร่างสูงใหญ่กว่าเขาพอตัว แถมยังดวงตาคมสีเงินข้างนึง และ สีแดงสดอีกข้างนึง แล้วก็...
มีหูกับหางเหมือนจิ้งจอก !!
“ว้ากกก !!” ภายในพริบตานั้นเพราะความตกใจหรืออะไรไม่ทราบ ร่างเล็ก ๆ ของเขาก็ลื่นไถลไปตามลาดเขาเกือบนาทีได้ ก่อนจะติดอยู่กับต้นไม้ต้นใหญ่ บาดแผลตามขาและแขนมีเลือดไหลออกมาเปรอะใบไม้เป็นทางยาว ดวงตาของเขาสั่นระริกและพร่ามัวลงไปทุกที
ใครก็ได้...ช่วยด้วย
แซ่ก แซ่ก
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่อยู่ใกล้หูของเด็กหนุ่มเป็นเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน
ก่อนทุกอย่างจะดับมืดไป....
“ I miss someone who doesn't miss me ”
“....เจอตัวแล้วงั้นรึขอรับ”
เสียงใคร ?
“อืม...แต่คราวนี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ชาย”
เสียงนี้...ของคนที่เราเจอในป่า
“อย่าทำอะไรเกินตัวนะขอรับ ท่านจงอิน”
“....ข้ารู้ดี”
บทสนทนาที่ได้ยินมันช่างพิลึก ทั้งสำเนียง การพูดจา แถมยังจับใจความไม่ได้ แต่ที่แน่ ๆคือเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่บนอากาศ และความรู้สึกเจ็บตามร่างกายก็ค่อย ๆ หายไปทีละนิด
“รู้สึกตัวแล้วรึ”
“...หะ” คนบาดเจ็บลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินคำถามนั้น ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะลุกขึ้นและเขยิบไปชิดติดกำแพงไม้โดยอัตโนมัติ ตรงหน้าเขาคือชายผิวเข้มในชุดผ้าโบราณสีขาว หูกับหางที่กำลังกระดิกไปมานั่นทำให้เขาต้องอ้าปากค้าง สองมือกำผ้าห่มแน่น ดูเหมือนเขาจะอยู่ในบ้านไม้หลังใหญ่ที่มีอายุมากพอสมควร มีกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนลอยไปทั่ว
แต่นี่ไม่ใช่เวลาเคลิบเคลิ้มกับกลิ่น
ปีศาจจิ้งจอก !!!
ตัวจริงด้วย !!!
ควรทำอะไรก่อนระหว่างกรี๊ดกับถ่ายรูป ตอบที
“หน้าเจ้าเหมือนกำลังคิดเรื่องไม่ดีกับข้าอยู่ ขอแนะนำให้หยุดซะ”
“แก..เป็นใคร”
“ข้าชื่อคิมจงอิน เป็นปีศาจจิ้งจอก” คนแปลกหน้าตอบพร้อมกับกระดิกหูไปด้วย “แล้วเจ้าล่ะ”
“ฉัน ? ฉันชื่อ...” เด็กหนุ่มอ้าปากจะตอบแต่ก็ต้องหยุดชะงักไป ไม่มีเสียงใดออกมาจากลำคอขาว มีเพียงความสับสนในหัว
เอ๊ะ
เขาเป็นใคร ?
มือเล็กกำผ้าห่มแน่นกว่าเดิมหลายเท่า อยู่ ๆ ทุกอย่างในหัวก็ว่างเปล่า ก่อนหน้านี้เหมือนจะจำได้แต่ตอนนี้เขาจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อตัวเอง
“ฉัน..จำไม่ได้”
“....” ปีศาจจิ้งจอกไม่เอ่ยอะไรก่อนจะหันไปเปิดประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่น “ตามข้ามา”
ร่างเล็กลุกขึ้นแล้วเดินตามอีกคนไปโดยไม่พูดจา ในหัวของเขาว่างเปล่า มองชุดเสื้อยืดลายประหลาด ๆ ของตัวเองก็ยังนึกอะไรไม่ออก สองเท้าเดินมาตามทางยาว บ้านหลังใหญ่ที่ทำจากไม้และไม่มีหน้าต่าง ราวกับเป็นศาลเจ้าอะไรสักอย่าง ทุกอย่างดูไม่น่าเชื่อไปเสียหมด เขาเดินตามอีกคนมาเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ มือหนาที่มีเล็บแหลมของจิ้งจอกก็ได้เปิดประตูนั้นออก
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก !!
“อะไรเนี่ย !!” เจ้าตัวแหกปากลั่นเมื่อมีจิ้งจอกสีส้มตัวเล็ก ๆ ไม่ต่ำกว่าร้อยตัว วิ่งกรูมาทางเขา สองมือเกาะชายเสื้ออีกคนแน่น ก่อนร่างทั้งร่างจะลอยขึ้นเพราะโดนอีกคนอุ้มขึ้นมาในท่าเจ้าหญิง
“อย่ายุ่งกับคนของข้า กลับไปนั่งที่ซะ” เพียงเสียงเข้มนั้นเอ่ยปาก จิ้งจอกตัวน้อยทุกตัวก็วิ่งกลับไปประจำที่ หากลองมองดูดี ๆ ที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับโรงอาหาร โต๊ะไม้ยาวเหยียด โคมไฟสีแดงสดบนเพดาน ไม่มีหน้าต่างแต่กลับรู้สึกเหมือนมีลมเย็นพัดไปมาตลอดเวลา
ว่าแต่ทำไมต้องอุ้มด้วย...
“ท่านจงอินมาแล้วหรือขอรับ” จิ้งจอกตัวเล็กตัวหนึ่งที่มีขนสีเงินไม่เหมือนตัวอื่นวิ่งมาทางเขาทั้งคู่
“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าข้าไม่กินเต้าหู้ =_=” คนที่กำลังอุ้มเขาอยู่พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิเมื่อเห็นจานอาหารบนโต๊ะ อีกคนที่โดนอุ้มอยู่ไม่รู้จะทำตัวยังไงก็ได้แต่ยอมให้เขาอุ้ม พลางมองดวงตาคมเข้มสองสีที่เหมือนจะดูดทุกอย่างให้เข้าไป
เป็นดวงตาที่สวยงามมาก...
แถมยังรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...
“ขะ..ขออภัยขอรับ ว่าแต่คุณหนูคนนั้นเจ็บขารึ”
“...” จิ้งจอกหนุ่มสะดุ้งแล้วก้มลงมองหน้าคนในอ้อมแขน ซึ่งอีกคนเองก็กำลังมองหน้าเขาอยู่เช่นกัน
“เอ่อ..ปล่อยฉันก่อนก็ได้ ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“...” คุณปีศาจจิ้งจอกไม่ตอบแต่กลับกระชับวงแขนมากขึ้น ราวกับไม่อยากปล่อยให้ร่างเล็ก ๆ นี้ห่างเขาไปแม้แต่วินาทีเดียว “วันนี้ข้าจะกินข้าวข้างนอก ห้ามใครรบกวน”
สิ้นคำสั่งนั้นคิมจงอินก็หายตัวไปพร้อมกับถาดอาหารอีกสองถาด ทิ้งความเงียบงันไว้ที่โรงอาหาร
มหัศจรรย์มาก
อยู่ ๆดีเขาก็หายตัวจากห้องโรงอาหารใหญ่ ๆ นั่นมาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ มีต้นไม้สีเขียวสด สายลม และเสียงนกร้อง
“ต่อจากนี้ที่นี่เป็นบ้านของเจ้า”
“เอ๊ะ..” ร่างเล็กทำหน้าตาสงสัยเมื่ออีกคนปล่อยเขาลงกับพื้น ทันทีที่เท้าเปล่าของเขาสัมผัสกับต้นหญ้าก็เหมือนต้นไม้ทุกต้นกำลังร้องเพลงต้อนรับเขาอย่างปิติ
“ที่นี่เป็นป่าในเขตปกครองของข้าและเจ้าก็หลงทางเข้ามาจนประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตาย”
“หะ”
“...ดวงวิญญาณน่ะ เจ้าเป็นดวงวิญญาณ เป็นธรรมดาที่จะจำอะไรไม่ได้ แต่เดี๋ยวอีกสามวันก็จะจำได้เอง กินข้าวเถอะ”
“...ดะ..เดี๋ยว” ว่าที่วิญญาณหน้าใหม่ส่ายมือเป็นพัลวัน “งั้นนี่ก็เป็นโลกหลังความตายอะไรแบบนี้เหรอ”
“ก็ทำนองนั้น” คุณปีศาจตอบพร้อมกับโบกมือไปมาตรงหน้า เพียงตวัดมือเดียวก็มีทั้งโต๊ะ และถาดอาหารปรากฏขึ้นก่อนจะลงไปนั่งกับพื้นแล้วตักเต้าหู้ในถาดตัวเองให้อีกคน “เจ้าชอบเต้าหู้ กินสิ”
เป็นปีศาจนี่รู้แม้กระทั่งว่าคนตายชอบกินอะไรเลยเหรอ
ร่างเล็กไม่พูดอะไรแต่ก็นั่งลงกินอาหารโดยดี เขาตกใจที่รู้ว่าตนเองตายก็จริงแต่กลับไม่มีน้ำตาหรือความเสียใจ อาจเป็นเพราะเขาจำเรื่องราวของตัวเองไม่ได้จึงไม่มีอะไรให้เศร้า
“เอ่อ..แล้วไม่มีการเกิดใหม่ ตกนรก ขึ้นสวรรค์อะไรแบบนี้เหรอ”
“ก็มี แต่เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องรู้หรอก”
เอ้า ก็คนเขาถามดี ๆ T_T
ร่างเล็กทำหน้าบึ้งกับการตอบคำถามของปีศาจตรงหน้าแล้วลงมือกินข้าวเงียบ ๆ หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องเขาด้วยสีหน้าโหยหาแค่ไหน
“ต่อจากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าคยองซู ส่วนเจ้าก็เรียกข้าว่าจงอินได้ตามสบาย”
“คยองซู ?” คนที่เพิ่งถูกตั้งชื่อให้พูดทวนอีกครั้ง “เป็นชื่อจริง ๆ ของฉันเหรอ”
“เปล่า เป็นชื่อของที่ข้ารู้จักน่ะ”
“แล้วเอามาตั้งให้ฉันทำไม” ให้ตายเถอะ คยองซู 2 แบบนี้น่ะเหรอ
“ก็..พวกเจ้าหน้าตาคล้ายกัน” ว่าจบดวงตาคมสีเงินและสีแดงสดก็มองตรงไปที่หน้าขาว ๆ ของอีกฝ่าย “มันเป็นชื่อของมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เขาคงไม่โกรธหรอกถ้าเจ้าจะใช้ชื่อนั้นด้วย”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน ?”
“...ตายไปแล้ว”
บทสนทนาระหว่างการรับประทานอาหารถูกหยุดอยู่เพียงแค่นั้นพร้อมกับดวงตาสองสีของปีศาจจิ้งจอกที่กำลังสั่นไหว แม้เขาอยากจะโวยวายใส่ที่อีกคนเอาชื่อคนตายมาตั้งให้เขาแค่ไหน แต่พอได้เห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วก็พลอยหดหู่ไปด้วย
แม้จะกินเสร็จแล้วเขาก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากอะไรออกไปก่อนอยู่ดี
“ตามข้ามา” จงอินลุกขึ้นก่อนแล้วเดินเข้าไปในป่าโดยมีอีกคนเดินตามมาโดยไม่อิดออด “เจ้าโกรธข้าเหรอที่เอาชื่อคนตายมาตั้งให้” และก็เป็นคุณปีศาจที่เริ่มบทสนทนา
“ก็..นิดหน่อย”
“ทำไมมนุษย์ชอบคิดอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาฆ่าตัวตายในป่าข้าบ่อย ๆ”
แต่ฉันอุบัติเหตุนะ ไม่ได้ฆ่าตัวตาย ._.
“ทำไมต้องก้มหน้าก้มตาแบบนั้นด้วย กลัวข้างั้นรึ” คุณปีศาจหยุดเดินแล้วใช้มือข้างนึงเชยคางอีกคนให้มองหน้ากับเขาตรง ๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่มือของจงอินแอบสั่นเล็กน้อย ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เพราะกลัวเล็บของตัวเองจะบาดหน้าของตัวเล็กเป็นรอย
“ฉันแค่..แบบว่า ทำอะไรไม่ถูก คนเพิ่งตายนี่ ใจเย็น ๆดิ”
“ดิ ?” คุณจิ้งจอกขมวดคิ้วกับคำพูดคำจาของคนสมัยนี้ ดิ..มาจากดิฉันอะไรแบบนี้รึ =_=
ช่างเถอะ
มือหนาละออกจากคางอีกคน ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย “วางใจเถอะ ชื่อนี้เหมาะกับเจ้ามาก”
เป็นการยกยิ้มเล็กน้อยที่ดูอ่อนโยนจนดวงตากลมโตของคยองซูไม่กล้ากระพริบตาแม้เพียงเสี้ยววินาที
ชื่อคยองซูก็คยองซูวะ
“เอ่อ..ฉันคิดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” คยองซูมองหน้าอีกคนด้วยท่าทางกลัว ๆ แล้วตัดสินใจพูดความในใจออกไป “ขอลองจับหางหน่อยได้ไหม”
“หะ =_=”
“ไม่ !! แบบว่าหางนายมันปุกปุย คือ..แบบว่าถ้าไม่รังเกียจ ._.” คยองซูแทบมุดลงดิน ตั้งแต่ลืมตาตื่นมาที่ห้องนอนนั่นเขาก็เอาแต่มองหางกับหูอีกคนมาตลอด ตอนเป็นมนุษย์เขาอาจจะเป็นพวกบ้าแมวก็ได้
“ก็..ไม่ได้รังเกียจ เชิญตามสบาย” คุณปีศาจพูดทั้ง ๆ ที่หน้าตาไม่ได้ ‘ตามสบาย’ ตามที่ตนพูดเลยสักนิด
คยองซูทำตาโตปริบ ๆ แล้วค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสความนุ่มนิ่มนั่นทีละนิด ขนสีขาวสวยที่มีประกายสีเงินยามต้องแสงแดด ทุกอย่างของปีศาจจิ้งจอก ‘คิมจงอิน’ ตัวนี้มันดูงดงามราวกับถูกสวรรค์บรรจงสร้างขึ้นมา
“ชอบมาก..เลยเหรอ” คนโดนจับหางถามด้วยความสงสัยเมื่อร่างเล็ก ๆ ข้างหน้าเขาทำหน้าตามีความสุขเสียเหลือเกิน
“ใช่ ชอบมากเลย นายทำอะไรได้อีกไหม” คยองซูหันหน้ามาตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง นี่เป็นการยิ้มครั้งแรกของวิญญาณตัวน้อยหลังจากมาที่นี่
“ก็ทำได้หลายอย่าง” จงอินตอบพร้อมทำมือตวัดไปมา แต่ถึงอย่างงั้นมันกลับงดงามเหมือนมีกำลังบรรเลงเพลงอยู่ ทันทีที่มือของเขาเคลื่อนไหว สายลม ต้นไม้ ใบหญ้าก็เคลื่อนไหวตาม แม้ต้นไม้ที่ตายไปก็กลับมามีชีวิตใหม่ได้ ช่างวิเศษนัก
“แล้วปล่อยไฟได้ไหม”
“เอ๊ะ”
“ถึงฉันจะจำชื่อกับอดีตตัวเองไม่ได้ก็เหอะ แต่จำได้ว่าที่โลกมนุษย์มีอะไรบ้างนะ ปกติในการ์ตูนปีศาจจิ้งจอกต้องปล่อยไฟได้”
จำชื่อกับอดีตตนไม่ได้แต่จำเรื่องแบบนั้นได้เนี่ยนะ =_=
“มันก็ได้หรอก แต่ข้าไม่ชอบเท่าไหร่..” ปีศาจเอ่ยก่อนจะโชว์ไฟสีฟ้าขึ้นมาจากมือข้างซ้ายแล้วดับลงภายในพริบตา “ไฟนี่..เคยทำให้หลายคนต้องตาย”
“...”
“ถึงยังไงข้าก็เป็นปีศาจ เมื่อก่อนทำเรื่องไว้เยอะเลยต้องมาชดใช้โดยการปกป้องป่าแห่งนี้น่ะ” อีกคนพูดพร้อมยกยิ้มให้ แต่มันไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้
มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าจนน้ำตาฉันแทบจะไหลออกมาแทน
“แต่ตอนนี้นายก็ไม่ได้ทำแล้วนี่ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก” คยองซูพยายามจะปลอบใจอีกคนถึงแม้เขาจะไม่รู้รายละเอียดมากนักก็เถอะ
“...มนุษย์ผู้หญิงคนนั้น”
“คุณคยองซูน่ะเหรอ ?”
“ใช่”
“...”
“นางเองก็ตายเพราะไฟของข้า”
เป็นอีกครั้งที่บทสทนาหยุดกลางคัน
คยองซูคนสองกำลังนั่งถอนหายใจอยู่ในห้องนอนห้องเดิมที่ตื่นมา จงอินพาเขากลับมาที่นี่หลังจากพูดประโยคนั้นจบ ให้ตายเถอะ ลำบากใจซะจริง
“เอ่อ...คุณคยองซูขอรับ” เสียงเล็ก ๆ มาพร้อมกับร่างจิ้งจอกสีเงินตัวเดียวกับที่เจอกันก่อนหน้านี้ สองมือถือแก้วน้ำชาก่อนจะวางลงตรงหน้าแขกอย่างเบามือ
“ขะ..ขอบใจนะ” สองมือหยิบแก้วชาขึ้นมาแล้วยกจิบช้า ๆ พลางมองจิ้งจอกสีเงินพูดได้ตรงหน้า
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ////_////)
“มองข้าทำไมรึขอรับ” จิ้งจอกน้อยถามด้วยความกังวลเมื่อแขกคนนี้กำลังจ้องเขาไม่วางตา
“อ่อ ก็นายน่ารักดี โทษที ฉันจ้องเกินไปสินะ”
“พูดอะไรเช่นนั้น คุณคยองซูเองก็น่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลยขอรับ”
“เมื่อก่อน ?” คนโดนชมขมวดคิ้วถาม “เมื่อก่อนเราเคยรู้จักกันเหรอ”
“เอ๊ะ..เอ่อ” จิ้งจอกเงินตัวน้อยทำท่าทางแตกตื่นก่อนเสียงเข้มของคนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่จะช่วยชีวิตเอาไว้
“พูดมากไปแล้ว กลับไปทำงานเจ้าซะ” จงอินที่มาในสภาพผมเปียกและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดตัวมาสั่ง เมื่อจิ้งจอกเงินตัวน้อยเดินออกไป เขาก็เข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามอีกคนแทนที่
“นายไปทำอะไรมา ทำไมเปียกแบบนั้น” คยองซูถาม ดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมประโยคคำพูดแปลก ๆ ของจิ้งจอกเงินตัวนั้นไปเสียแล้ว
“อาบน้ำน่ะ ข้ามีเวลาอาบน้ำตายตัว จะสายไม่ได้”
ปีศาจก็มีกฎด้วยแหะ....
“แล้วฉันล่ะ ทำไมไม่บอก ฉันอยากอาบบ้าง”
“เป็นวิญญาณจะอาบน้ำทำไม เจ้าหิวเป็นอย่างเดียวแต่ไม่ง่วงหรือสกปรกหรอกนะ”
“ชีวิตน่าเบื่อตายเลยแบบนั้น” อีกคนบ่นเสียงเบาก่อนดวงตากลมจะเผลอสังเกตคนตรงหน้าไปทั่ว กลิ่นหอมที่เตะจมูกกับใบหน้าเข้มที่เปรอะน้ำ ดวงตาคมที่จ้องมาทางเขาไม่วางตาก็ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เป็นอะไรไป หน้าเจ้าแดงเชียว”
“อะ..ไม่ ๆ !! ฉันแค่กินชาแล้วมันร้อน >////////<”
“งั้นรึ...” คุณปีศาจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก่อนจะหันไปจัดการกับผ้านวมหมอนเสื่อตรงพื้น “ถึงวิญญาณจะไม่ง่วงแต่ข้าง่วงได้ เพราะงั้นคืนนี้เจ้าต้องนอนกับข้า”
“หะ”
“ศาลเจ้าห้องไม่พอน่ะ เจ้าต้องนอนกับข้า” อีกคนพูดเหมือนไม่คดอะไรแล้วใช้มือตีผ้าปูที่พื้นเบา ๆ “มาสิ”
คุณพระ
ตอนนี้ภาพชายผิวเข้ม ตัวเปียกนิด ๆ หลังอาบน้ำเสร็จกับดวงตาคู่สวยกำลังทำคยองซูหายใจลำบาก ไม่ไหว ๆ ใครจะไปนอนด้วยได้อย่างสงบกัน T/////T
ตัดภาพมาที่ไม่กี่นาทีต่อมา
คยองซูกำลังจะเป็นลม
ตอนนี้ร่างเล็กถูกดึงมานอนใต้ผ้าเดียวกัน เพราะความสูงที่แตกต่างใบหน้าขาว ๆ ของเขาตอนนี้เลยแทบจะซุกอกคุณจิ้งจอกหนุ่มอยู่แล้ว จะขยับหนีก็ไม่กล้า จะนอนก็ไม่ง่วงเลยสักนิด นี่เขาต้องถ่างตาแบบนี้กี่ชั่วโมงกัน
“...อึดอัดรึ” เสียงเข้มของคนที่เขานึกว่าหลับไปแล้วเอ่ยถาม
“เปล่า แค่ไม่ชิน” คยองซูตอบแต่ก็ไม่ยอมเงยหน้าไปสบตากับฝ่ายถาม บางทีฉันอาจจะหัวใจวายตายอีกรอบก็ได้ถ้าหันไปมองตอนนี้
“ข้านอนไม่หลับ..เพราะงั้นเจ้าช่วยคุยเป็นเพื่อนข้าจนกว่าจะหลับได้ไหม”
“..ได้สิ ไม่มีปัญหา” คยองซูตอบพร้อมพยักหน้างึกงักอยู่ตรงอกอีกคน จนคุณจิ้งจอกรู้สึกจั๊กจี๊ขึ้นมาเวลาผมของตัวเล็กมาโดนตัวเขา
“เจ้าจำได้ไหมที่ข้าบอกว่ามนุษย์ผู้หญิงนางนั้นตายเพราะไฟของข้า”
“อืม..จำได้” ร่างเล็กตอบเสียงเบา เขาไม่ชอบเลยเวลาจงอินพูดถึงเรื่องผู้หญิงคนนี้
เพราะเวลาที่เขาพูดถึง น้ำเสียงมันฟังดูเหมือนเขากำลังร้องไห้
“นางเป็นคนที่ข้ารัก โดคยองซู หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาที่ชอบเข้ามาหลงทางในป่านี้บ่อย ๆ” พอพูดถึงตรงนี้จงอินก็ยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข “ข้าเคยคิดนะว่านางโง่รึเปล่าที่หลงทางได้บ่อยขนาดนั้น แต่ทุกครั้งก็ได้ข้าช่วยไว้อย่างลับ ๆ”
“ทำไมต้องลับ ๆด้วยล่ะ”
“ขืนให้เห็นข้าก็โดนฆ่าพอดีสิ สมัยนั้นตามล่าปีศาจอย่างข้าอย่างกับอะไรดี” คยองซูคนสองไม่พูดอะไรตอบรอให้อีกคนเล่าต่อ เหมือนตัวเองกำลังฟังนิทานก่อนนอนดี ๆ นี่เอง “แล้ววันนึงข้าก็พลาด นางบังเอิญเห็นข้า แต่ช่างแปลก นางไม่ได้กลัวหรือตกใจวิ่งหนีข้าเลย แถมยังเดินมาขอบคุณข้าเสียอีก มนุษย์พิลึก”
“....”
“หลังจากนั้นนางก็นำอาหารมาให้ข้าในป่าทุก ๆ วัน นางมาเล่นกับพวกจิ้งจอกของข้าจนเป็นกิจวัตร และข้าก็ตกหลุมรักนาง”
พอจงอินพูดมาถึงตรงนี้ก็เหมือนใจของอีกคนหล่นวูบ มือเล็กเอื้อมขึ้นมาแปะที่อกตนเองอย่างไม่เข้าใจ เหมือนมีอะไรบางอย่างค้างคาแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“แต่ทุกอย่างเกิดแล้วก็ต้องมีดับ วันหนึ่งนางโดนคนในหมู่บ้านจับตัวไปหวังจะเอาไปขาย เนื่องจากเป็นคนหน้าตาผิวพรรณดี” ปีศาจจิ้งจอกพูดไปพลางคิดภาพเหตุการณ์นั้นในหัว แม้จะผ่านไปเป็นร้อย ๆ ปีแต่มันยังคงแจ่มชัดในใจของเขา “ข้าออกตามหานางแทบพลิกแผ่นดินอยู่สามวัน ก่อนจะรู้ว่าคนในหมู่บ้านจับนางไป ด้วยความโกรธของข้า หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็โดนเผาราบเป็นหน้ากลอง”
“แล้วนางเป็นยังไงบ้าง” คยองซูที่เงียบฟังอยู่นานถามขึ้น
“นางหนีมาได้ก่อนที่จะถูกคนพวกนั้นลากขึ้นเรือไปแล้วหนีกลับมาหู่บ้านตอนที่กำลังเสียสติอาละวาดอยู่พอดี”
“....”
“พอข้าได้สติ นางก็กลายเป็นร่างไหม้เกรียมอยู่ตรงหน้าข้า เพราะเหตุการณ์นั้นข้าเลยถูงขังไว้ในป่านี่ ไม่มีวันตาย ไม่มีวันเจ็บป่วย”
“....”
“เจ้าคงกลัวข้าแล้วสินะ” จงอินถามปนหัวเราะเชิงสมเพชตัวเอง
“ไม่..ฉันไม่ได้กลัว แค่รู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้น”
เจ้าจะสงสารตัวเองทำไมเล่า....
“ถ้าเจ้าเป็นนาง เจ้าจะโกรธข้ารึเปล่า” ปีศาจหนุ่มถาม
“..ฉันไม่ใช่นางคนนั้นฉันไม่รู้หรอก แต่ถ้าเป็นฉัน คงโกรธตัวเองที่ทำให้นายต้องโดนลงโทษแบบนี้”
“....”
“นางต้องรู้สึกขอบคุณเจ้าแน่ ๆ เชื่อฉันเถอะ”
เจ้านี่...ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ก็ไม่เปลี่ยนไปเลย
“ขอบใจ” จงอินเอ่ยสั้น ๆ แล้วหลับตาลง สองมือคว้าตัวอีกคนกอดไว้หลวม ๆ ใจจริงอยากกอดเอาไว้ให้แน่นที่สุดแต่ก็กลัวอีกคนจะหายใจไม่ออก
มนุษย์ช่างบอบบาง
“ขอบใจจริง ๆ” เสียงเข้มเอ่ยครั้งสุดท้ายก่อนจะเงียบไปเพราะฝืนความง่วงไม่ไหว ทิ้งคยองซูอยู่กับความสับสน อ้อมกอดของจิ้งจอกคนนี้ช่างอบอุ่นจนเขาเผลอเอื้อมมือไปกอดอีกคนตอบ
แต่ที่น่าแปลกใจคือเสียงของใครสักคนที่เขาได้ยินตลอดทั้งคืน
เสียงของคนร้องไห้ที่ลอยมาตามจังหวะลม
‘คยองซู !! คยองซู !! ลืมตาสิ….ได้โปรด’
‘ข้าขอโทษ..’
‘อย่าทิ้งข้าไป’
คืนนั้นทั้งคืนคยองซูได้ยินแต่เสียงร้องไห้ที่แสนโหยหวนจากที่ ๆ ไกลแสนไกล
To be continued…..
C O M E B A C K ! ! !
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
กลับมาแล้ววว แง อัพฟิคในรอบปี 555555555555555555555
เค้าขอโทษษษ T_T กลับม๊า !! ไปไหนกันหมด !! ฝีมือตกแน่เลย ฮือ
ไรท์จบมอหกแล้วน้า จะกลับมาอัพเหมือนเดิมแล้ว ทุกเรื่องด้วย เรายังคงในไคซู
แท็ก #ไคโด้จำนวนนับ เหมือนเดิมนะ อิ
ฟิคตอนนี้มีสองตอนนะคะ ตอนแรกว่าจะตอนเดียวจบ แต่รายละเอียดเยอะมาก
เอาจริง ๆ ชอบพล็อตตอนนี้นะ อยากให้เป็นเรื่องยาว 55555555555555555555555
คลั่งหนุ่มจิ้งจอก แฮ่ก ๆ ////_////
ความคิดเห็น