คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter5 เหตุเกิดในตู้โทรศัพท์ [แก้]
Chapter5
วันที่สองของการมาเรียน
บริเวณล็อคเกอร์เป็นจุดรวมตัวของนักเรียนส่วนใหญ่ และจนถึงตอนนี้คุณก็ยังเป็นจุดสนใจอยู่ เฮ้หายใจเข้าลึกๆสิ-- โอเค อย่างนั้น... คุณทำเป็นไม่สนใจไอ้หน้าโง่ตัวไหนก็ตามที่กำลังมองมา สนแค่ว่าจะนำข้าวของไปเก็บในล็อคเกอร์และเดินจากไปอย่างสงบ คุณเดินผ่านคู่รักสองคนที่กำลังกอดจูบกันนัวเนีย ถ้าเป็นที่เมืองไทยล่ะก็ สองคนนี้คงดึงความสนใจจากคุณได้แน่ แต่นี่มันเรื่องธรรมดาสุดๆของคนที่นี่ เพราะฉะนั้นการมองยัยสาวเอเชียปริศนาที่มักทำอะไรให้ทึ่งมันน่าสนใจกว่าเยอะเลย
ปึก!
คุณปิดล็อคเกอร์ตัวเองและร้องเสียงหลงเบาๆเมื่อเห็นใครมายืนอยู่ข้างๆ แฮร์รี่นั่นเอง-- คุณตั้งใจจะไม่พูดกับเขาแล้วล่ะ ทำไมน่ะหรอ หนึ่งคือเขาเคยพูดดูถูกคุณไว้เมื่อวันก่อน สองคือเขาชอบมาทำม่อใส่ และสาม ไม่ใช่เขาหรอกที่อันตราย (หรอ) แต่ผู้หญิงที่ชอบเขารอบๆบริเวณนี้ต่างหากล่ะ ทำท่าอย่างกับจะกินหัวคุณให้ได้อย่างนั้นแหละ
คุณเดินหนีเขาเหมือนเคย แปลกดีที่แฮร์รี่ไม่มีท่าทีจะรั้งไว้ แต่นั่นมันก็ดีสำหรับคุณล่ะนะ
โอเค...นี่น่าจะเป็นสนามกีฬา นี่คุณเดินมั่วจนทะลุมาถึงนี่เลยหรอ-- คุณถามตัวเองในใจ กำลังจะหันหลังกลับแล้วก็ต้องสะดุ้งหวีดร้องเสียงดังเมื่อเห็นแฮร์รี่อยู่ข้างหลัง
“เฮ้ เธอ” เขาทำหน้างงๆ “ฉันไม่ใช่ผี”
“แต่นายมันยิ่งกว่าผีซะอีก”
แฮร์รี่ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงคุณ “รู้อะไรไหม ฉันว่าเธอไม่จำเป็นต้องเดินหนีหรือหลบหน้าฉันทุกครั้งที่เราเจอกันก็ได้นะ”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” คุณเพยิดหน้าไปอีกทางเป็นนัยน์ว่าให้เขาหลีกทางไปพ้นๆ แต่แฮร์รี่ไม่คิดแม้แต่จะขยับตัว เยี่ยม-- คุณถอยหายใจเฮือกใหญ่ “ต้องการอะไร”
“ถามตรงประเด็นดี” เขายิ้ม “ความจริงแล้ว ฉันแค่อยากรู้อะไรสักสองสามเรื่อง”
“นายมีเวลาสองนาที”
“ฉันแค่ข้องใจเรื่องจัสติน หมอนั่นจีบเธออยู่หรอ”
คุณสะอึก แฮร์รี่เอาเศษสมองส่วนไหนมาคิดนะว่าคนอย่างจัสตินจะมาชอบคุณ เขาไม่ได้พูดดีกับคุณ ตะคอกแถมยังทำหน้าอารมณ์เสียเวลาอยู่กับคุณตลอด เขาไม่ได้ทำโรแมนติกใส่คุณ (ซึ่งก็เป็นเรื่องดีแล้ว) ไม่ได้ทำอะไรเข่าข่ายกับคำว่า จีบ ซักนิด ยิ่งกับคนที่เพิ่งรู้จักกันด้วยแล้ว... คุณส่ายหัวเบาๆ “นายบ้าหรือเปล่า”
“โอเค งั้นคำถามข้อต่อไป” “เธอชอบมันหรือเปล่า”
“เปล่า” คุณเลิกคิ้ว “ทำไมถึงได้ถามอะไรเพี้ยนๆแบบนั้นล่ะ--”
แฮร์รี่ยิ้มมุมปาก สายตายังคงโฟกัสไปที่รองเท้าหนังของตัวเอง “คำถามสุดท้าย...” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับคุณ “ถ้าฉันจีบเธอ เธอจะโอเคหรือเปล่า”
“ห้ะ” คุณหลุดเสียงร้อง มองหน้าแฮร์รี่งงๆปนตกใจ อะไรกันเนี่ย คุณมาโรงเรียนไม่กี่วันก็มีหนุ่มมาขอจีบกันง่ายๆแบบนี้เลยหรอ ฮอตจริงๆ-- แถมหนุ่มที่ว่า...ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหนุ่มหล่อสุดฮอตที่ขึ้นชื่อว่าเพลย์บอยที่สุดในโรงเรียน ถ้าเป็นปกติ...คุณคงจะตอบตกลงโดยไม่คิด ก็แหม แฮร์รี่หล่อเข้าขั้นเทพบุตรอย่างนี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะปฏิเสธ แต่เมื่อมาคิดดูอีกที คนอย่างแฮร์รี่ สไตลส์ คงจะพูดเรื่องแบบนี้กับผู้หญิงเป็นกิจวัติประจำวันอยู่แล้ว เขาควงสาวไม่ซ้ำหน้าเลยนี่นา...แถมแฮร์รี่ยังเป็นบุคคลอันดับต้นๆที่คุณไม่อยากอยู่ใกล้อีก เพราะงั้น... “ฉันไม่โอเค เลิกยุ่งกับฉันแล้วจะไปหลีสาวที่ไหนก็ไปเถอะ บาย”
“เฮ้ เดี๋ยวสิ” เขาขว้าข้อมือคุณไว้
“อะไรอีก”
“ความจริงแล้ว เธอจะโอเคหรือไม่โอเค มันก็เรื่องของเธอล่ะนะ...” “...แต่ฉันชอบเธอ ฉันคงไม่ต้องรอคำอนุญาตจากเธอหรอก”
หมอนี่ต้องประสาทกลับ หรือไม่ก็เป็นคนพูดพล่อยๆแน่ๆ คุณไม่สามารถเชื่อเขาอย่างสนิทใจได้หรอก “แน่ใจแล้วหรอ” คุณถาม
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่ว่านาย ชอบฉัน”
“ฉันแน่ใจ”
“ฉันเคยตบหน้านายนะ ทำนายขายหน้าต่อคนอื่นด้วย”
“ช่างมันเหอะน่า เอาเป็นว่า...” แฮร์รี่เว้นววรค “ฉันแค่คิดว่าเธอน่ารักดี”
“นายกำลังทำให้ฉันอยากจะอ้วก” คุณบอก “นายยังไม่รู้จักฉันดีด้วยซ้ำ”
“หรอ แต่ฉันว่าฉันรู้ดีแล้วล่ะ J” จะบอกให้ถูกก็คือ ไม่ใช่แค่เพราะเขาคิดว่าคุณน่ารักหรอก แต่บนโลกใบนี้มันจะมีผู้หญิงซักกี่คนกันที่เดินหนีคนอย่างแฮร์รี่ สไตลส์ อาจเพราะความแตกต่างของคุณที่ดึงดูดความสนใจของเขาก็ได้
คุณกลอกตา “หมดเวลาของนายแล้ว ฉันจะเข้าเรียน”
แฮร์รี่ยังคงขวางทางคุณ “ฉันจะไปส่ง”
“ไม่ต้องล่ะ ขอบคุณ”
“ฉันไม่ได้ขออนุญาติจากเธอสักหน่อย ถ้าฟังให้ดีแล้วเมื่อกี้มันเป็นประโยคบอกเล่า”
เป็นครั้งแรกที่คุณอยากจะกัดลิ้นตายคาที่ซะตรงนั้น-- ขืนพูดอะไรอีกมันมีแต่ต่อความยาวสาวความยืด คุณเดินกระแทกไหล่ร่างสูงอย่างจงใจ ยิ่งเดินข้างแฮร์รี่แล้วยิ่งเรียกความสนใจเพิ่มคูณล้านเท่า นั่นเป็นเหตุที่ทำให้คุณปล่อยให้แฮร์รี่พล่ามอยู่คนเดียวตลอดทาง คุณเดินเข้าห้องกระแทกประตูใส่หน้าแฮร์รี่โดยไม่บอกลา เดินลงไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง หยิบไอโฟนคู่ใจออกมาเช็คอะไรเล่นไปพลางๆ
บอกแล้วไง...ความสุขไม่ใช่เพื่อนสนิทของคุณ ความซวยต่างหาก
“เทย์คงจะหัวเสียน่าดูกับโมล์ เขามันประสาทเป็นบ้า”
“ฉันบอกหล่อนแล้วแท้ๆ ว่าหมอนี่รวยก็จริง แต่ไม่เต็มเต็ง”
“น่าเสียดายความหล่อ”
“เพราะความหล่อมั้ง ยัยนั่นถึงคิดควงประชดแฮร์รี่ คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง” นั่นคือเสียงของแอชลีย์ และเจ้าของเสียงอีกคนคือเซเลน่า สองสาวนั่งลงที่โต๊ะเยื้องห่างไปจากคุณนิดหน่อย เหมือนพวกนั้นยังไม่สังเกตเห็นคุณเพราะมัวให้ความสำคัญกับเรื่องที่คุยกันอยู่ ใช่ มีข่าวแว่วๆมาเหมือนกันว่าเทย์เลอร์คบกับผู้ชายที่ชื่อโมล์มาตั้งแต่ช่วงหน้าร้อน เขาหล่อ รวย เสียก็แต่ที่ตามติดเทย์เลอร์แจเป็นปลิง แถมยังชอบแต่งบทกวีอีกต่างหาก เทย์เลอร์พยายามลืมข้อเสียเหล่านั้นของโมล์ แต่มันช่างทำได้ยากเหลือเกิน แต่เธอจะอดทนได้ไม่นานหรอก รอให้แฮร์รี่กลับมาสนใจเธออย่างจริงจัง เธอจะเฉดหัวโมล์ทิ้งซะ
คุณเหลือบมองสองสาวเล็กน้อย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกนั้นเห็นฉันนะ-- คุณคิดในใจด้วยความกังวล เปล่าเลย ไม่ได้กลัว แค่ไม่อยากมีเรื่องให้โครงการแลกเปลี่ยนส่งตัวคุณกลับประเทศก็เท่านั้นแหละ แน่นอนว่าถ้าเซเลน่าและแอชลีย์เห็นคุณ ทั้งคู่จะไม่อยู่เฉยแน่โดยเฉพาะเซเลน่า แค่เจอกันวันเดียวคุณก็สร้างคดีไว้หลายกระทงทีเดียว หนึ่งคือ คุณเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่ฝากฝังรอยตบไว้บนหน้าของเธอ สองคือ เซเลน่าไม่แน่ใจว่าจัสตินกับคุณข้องเกี่ยวอะไรกัน มีข่าววงในบอกเธอว่าเมื่อวานเย็นเห็นจัสตินและสาวเอเชียนั่งกินข้าวด้วยกันในร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ตอนนี้...คุณโดนหมายหัวซะแล้ว
เสียงคุยงึมงำของคนในห้องเบาลงนิดหน่อยที่เซเลน่าและแอชลีย์เดินเข้ามา แต่ตอนนี้มันแทบจะเงียบกริบเพราะ...
ตึกตึก
เสียงรองเท้าหนักๆของใครบางคนก้าวเข้ามาในห้อง ทุกคนมีอาการตกใจผสมงุนงงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่เซเลน่าและแอชลีย์เองก็ด้วย
คุณมองจัสตินกับเซนที่เดินคุยกันเข้ามาในห้อง เขาทำสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดเพราะจัสตินทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะข้างๆคุณ ส่วนเซนเองก็นั่งข้างๆจัสติน คนทั้งห้องมองมาที่คุณและหันกลับไปสนใจบทสนทนาของตัวเองเมื่อครู่ต่อทันทีที่จัสตินเงยหน้า แอบเห็นเซเลน่าทำหน้าเหวอนิดหน่อย เธอเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับจัสตินมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่าตั้งแต่เรียนมา จัสตินแทบไม่เคยเข้าเรียน ยกเว้นก็แต่มีสอบ เขาจะใช้เวลาไปกับการสูบบุหรี่ นอนหลับ และเล่นบาสกับเซน ความสงสัยยิ่งเพิ่มกระฉูดให้กับหลายคนเมื่อเขาตัดสินใจนั่งลงข้างๆเด็กแลกเปลี่ยนผิวสวยคนใหม่ที่เคยนั่งกินข้าวด้วยกันมา
“นี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่ฉันไม่อยากเข้าเรียน”
“หือ?” คุณเลิกคิ้ว
“ไม่ว่าจะที่ไหน คนพวกนี้มักจะ...” เขาหยิบสมุดคุณไปเปิดเล่น “ขอปากกาหน่อย”
คุณยื่นให้งงๆ และเมื่อเห็นว่าจัสตินทำท่าจะเขียนอะไรลงไปจึงรีบสะกัด “จะเขียนอะไรน่ะ”
“เดาว่าเธอคงมีชื่อ” เขายื่นสมุดเปล่าของคุณกลับมา เห็นลายมือเด็กๆของคนข้างๆเขียนชื่อของคุณเด่นหราที่ปกด้านใน จัสตินบิดขี้เกียจเล็กน้อย ตวัดสายตานิ่งๆใส่ดวงตานับสิบที่แอบจ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น แปลกแต่จริงเพราะตอนนี้ทุกคนกลับไปเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเช่นเดิม ด้านเซนก็นั่งเท้าคางนิ่งๆ ใช้นิ้วเรียวสวยวาดภาพล่องหนบนโต๊ะของตัวเอง เขาไม่พกสมุดหรือปากกาติดตัว จัสตินเองก็เช่นกัน คุณสงสัยว่าพวกเขามาเรียนหรือมาทำอะไรที่โรงเรียนกันแน่
“เลิกทำหน้าตาประหลาดๆแบบนั้นสักทีจะได้ไหม” เสียงของจัสตินดึงคุณกลับสู่โหมดปัจจุบัน “รู้หรอกว่าฉันหล่อ แต่เธอไม่ต้องทำหน้าเคลิบเคลิ้มขนาดนั้นก็ได้”
เขาพูดชมตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย...ได้ยังไงกันนะ--
“ขอโทษทีนะ แต่ถ้าคิดว่าฉันจะหลงเสน่ห์จอมปลอมของนายล่ะก็...คิดผิดแล้วล่ะ”
จัสตินเหยียดยิ้ม...ที่ดูๆแล้วอาจไม่ใช่รอยยิ้มที่น่าดูเท่าไหร่นัก เขาควงปากกาในมือไปมา “...ฉันจะรอดู”
“นายคงต้องรอหลายสิบชาติแน่ๆ” คุณส่งยิ้ม “ขอโทษด้วยที่ทำให้ผิดหวัง”
“งั้นหรอ เธอแน่ใจขนาดนั้นเชียว”
“ล้านเปอร์เซนต์เลยล่ะ”
“งั้นเรามาดูกัน” เขาหันมามองหน้าคุณด้วยสายตาที่ชนิดว่าสาวไหนเห็นเป็นต้องสติกระเจิดกระเจิง โชคดีจริงๆที่คุณมีภูมิคุ้มกันอย่างแน่นหนา จัสตินขยับตัวนิดหน่อย เขาพยายามควานหาอะไรสักอย่างในกระเป๋ากางเกง “แกมีบุหรี่เหลือไหมวะ”
“หืม...แปปนึงนะ” เซนตอบ หนุ่มหน้าคมใช้เวลาไม่นานในการหาบุหรี่เพื่อนรักเพราะเขาสูบมันบ่อยยิ่งกว่าจัสตินซะอีก ภายนอกแล้วเซนอาจดูนิ่งๆ ไม่สุงสิง แต่เชื่อเถอะว่าดูยังไงเขาก็น่าคบกว่าจัสติน
“นายจะทำอะไร” คุณถามเมื่อเห็นจัสตินทำท่าจะจุดบุหรี่ ไฟแช็คในมือข้างขวาของเขาค้างชะงัก สูบบุหรี่ในห้องเรียนเนี่ยนะ-- คนในห้องได้เป็นมะเร็งตายตามกันพอดี “นี่มันห้องเรียนนะ ถ้าอยากสูบมากก็นู่น นอกห้องเลย เชิญเป็นมะเร็งไปคนเดียวเถอะ”
เซนเหลือบมองคุณนิดหน่อยในขณะที่จัสตินแค่ยักไหล่ และเก็บบุหรี่ใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง “จุ้นจ้านชะมัด”
“ฉันไม่ยุ่งหรอกถ้ามันไม่ใช่เรื่องของฉัน”
“ฉันสูบแล้วมันใช่เรื่องของเธอตรงไหน”
“ฉันไม่อยากเป็นมะเร็งตายก่อนวัยอันควร”
“เธอจะได้ตายเพราะมาห้ามฉันนี่ล่ะ”
“ประสาทรึเปล่า พูดเหมือนตัวเองจะฆ่าใครได้”
“ฉันจะถือว่าเธอพูดแบบนั้นเพราะยังไม่รู้จักฉันดีพอแล้วกัน”
“ยังไงก็...” ยังไม่ทันจะพูดคำว่า ‘ได้’ เสียงของคุณก็กลืนหายลงคอ เซเลน่าที่เดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ยืนวางแขนบนโต๊ะจัสติน คุณกับจัสตินเงยหน้ามองดูแขกคนใหม่ไม่ได้รับเชิญ เจ้าตัวทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ไง คุยอะไรกันอยู่หรอ น่าสนุก” เซเลน่ายิ้ม มันอาจทำให้ใครๆหลงรักเธอภายในไม่กี่วินาทีเพราะรอยยิ้มนั่น เซ็กซี่ อ่อนหวาน และยั่วยวนในเวลาเดียวกัน ผู้ชายคนไหนก็ตามที่หลงรอยยิ้มอาบยาพิษนี่แล้วสะเออะเข้าไปจีบเธอ ถ้าไม่เจ๋ง ถ้าเซ่อ เตรียมตัวรอรับความซวยได้เลย
“ไม่มีอะไรนี่” จัสตินตอบ เขาดูไม่ได้สนใจหล่อนมากนัก
“งั้นหรอ” จริงดิ ไม่มีอะไร? “ถ้าไม่ว่าอะไร...” ซาตานในร่างนางฟ้าหันมามองหน้าคุณ “ขอร่วมวงด้วยคนนะ”
“คิดว่าเรากำลังคุยอะไรกัน เซ็กส์ สัตว์โลก หรือว่าสภาพอากาศในวันนี้ล่ะ”
ถึงแม้จะแอบรู้สึกว่าคิดผิดที่พ่นคำพูดหักหน้าใส่เซเลน่าออกไป แต่เอาเถอะ คุณกลัวที่ไหน...เซเลน่าอมยิ้ม แต่ใครก็รู้ว่าเธอแผ่รังสีสังหารเงียบๆออกมารอบอณูผิวหนัง ถ้าจัสตินกับเซนไม่นั่งอยู่ตรงนี้คุณหัวหลุดจากบ่าไปแล้วล่ะ “อันที่จริงหัวข้อแรกก็น่าสนใจอยู่นะ” นี่เป็นเสียงของจัสติน-- เสียงเปิดประตูดังขึ้น ดูเหมือนบทสนทนาอันสั้นของเราสามคนจะจบลง เพราะตาแก่ครูสอนประจำวิชาดันเดินดุ่มๆเข้ามาในห้อง จัสตินลุกขึ้น “ฉันไปล่ะ...ไปเว่ยเซน” จัสตินกระทุ้งเซน อ้าว-- นี่เขาไม่ได้มาเรียนหรอกหรอ สองหนุ่มเดินลุกออกไปนอกห้องอย่างไม่เห็นหัวผู้สอน คุณมองพฤติกรรมแปลกๆของชายหนุ่มสองคนงงๆ แล้วก็เพิ่งตระหนักได้ว่าใครบางคนยังไม่ไปไหน
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน ยัยเอเชีย” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น เซเลน่าก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเดิม ไม่วายหันมาส่งสายตาจิกกัดให้คุณอีกหนึ่งรอบ--
เฮ้ออออออออออ
........................................
เสียงออดดังขึ้น มันคือเสียงสวรรค์ดีๆนี่เอง
ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว ไม่มีอะไรเป็นสุขได้มากกว่าโรงเรียนเลิกเพราะทั้งๆที่นี่เป็นวันที่สองแล้ว คุณยังหาเพื่อนไม่ได้สักคน การไปไหนมาไหนคนเดียวโดยไม่มีพวกนี่มันวังเวงสุดๆ ยิ่งที่ต่างประเทศแล้วยิ่งเงียบเหงาที่สุด คุณสามารถไล่บอกเรียงตัวคนที่วันนี้ได้คุยมาได้เลย ถ้าไม่นับครูคนอื่นๆและคาตี้ผู้ตักอาหาร นอกจากจัสติน เซเลน่า และแฮร์รี่แล้ว...วันนี้คุณก็ไม่ได้คุยกับใครเลย พวกเขาเอาแต่มองจ้อง ยากที่จะบรรยายความรู้สึกของคนพวกนั้น--
หลังจากจัดการเก็บสมุดลงกระเป๋าลวกๆแล้ว ไม่ทันจะเดินออกจากประตู ออสตินก็โผล่หน้าเข้ามาซะได้ “นี่นาย...มาได้ยังไง”
“บินมาน่ะ ขอเก็บปีกก่อนนะมันชักจะใหญ่เทอะทะไปแล้ว”
“--”
“โอเคๆ ฉันก็เดินมาน่ะสิถามได้ ถึงจะหล่อราวเทพบุตรก็จริงแต่ฉันไม่มีปีกหรอกนะ...โอ๊ย” คุณใช้ประโยชน์ของกระเป๋าสะพายทุ่มลงที่หลังของอีกคน “จะกลับกันเลยไหม”
“ฉันแสดงสีหน้าอยากอยู่ต่อรึไง”
ออสตินยักไหล่ “งั้นก็ไปกัน” เขาบอกก่อนจะเดินนำคุณออกนอกห้อง
เดินมาได้แค่ครึ่งทาง ฟ้าฝนก็ช่างเป็นใจกับคุณเสียเหลือเกิน เม็ดฝนเริ่มตกกระทบพื้นดิน เริ่มทีละหยด ทีละหยด จนกระหน่ำลงมาไม่เลี้ยง
ซ่า
“มาหลบตรงนี้ก่อน” ออสตินพูดขณะมองเห็นที่กำบังฝนได้ชั่วคราว เขาลากคุณเข้าไปในตู้โทรศัพท์สาธารณะสีแดง...คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่ามัน...แคบมาก ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างจ้องมองเม็ดฝนนอกตู้กระจกที่สาดลงมาอย่างต่อเนื่อง ถึงตัวจะไม่ติดหนึบกันเป็นตังเม แต่มันก็มากพอที่จะทำให้คุณทั้งคู่รู้สึกอึดอัด เคอะเขิน-- หรือความรู้อะไรก็ตามที่แปลกๆ ออสตินสูงกว่าคุณหน่อยๆจึงทำให้ใบหน้าของคุณทั้งคู่ค่อนข้างใกล้กัน
เยี่ยม..........
“เอ่อ...เราจะอยู่ในสภาพนี้นานแค่ไหน” แล้วก็เป็นคุณที่ทำลายความอึดอัดนี้
“ก็จนกว่าฝนจะหยุดตก...คงไม่นานเท่าไหร่ ทำไม เธอหวั่นไหวหรอ” ออสตินยักคิ้ว
“ฝันไปเถอะ ฉันอึดอัดต่างหาก นายก็ไม่ใช่ตัวเล็กๆ”
“เธอตัวเล็กมากงั้นสิ--”
“ฉันแน่ใจว่าเล็กกว่านายแล้วกัน” คุณยิ้มหนึ่งวินาทีก่อนจะปรับโหมดทำหน้าขึงขังต่อ “นี่เลิกแย่งออกซิเจนของฉันซะที”
ออสตินไม่ตอบ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ หนึ่งครั้งสองครั้ง และสามครั้ง--
“กวนประสาท” คุณพึมพำ
“กวนประสาท” เขาล้อเลียนคุณโดยการดัดเสียงแหลมเล็กให้เหมือนผู้หญิง
“หุบปากไปเลย”
ออสตินหัวเราะ ตอนนี้ฝนไม่มีท่าทีจะหยุดตก นี่ก็เดินมาได้ครึ่งทาง อีกแปปเดียวก็จะถึงบ้านอยู่แล้ว-- คุณยืนหลับตาหัวพิงกับตู้โทรศัพท์ นับหนึ่งถึงร้อยในใจ กะว่าถ้าถึงร้อยเมื่อไหร่ฝนจะหยุดตก
หนึ่ง...สิบ...สามสิบเจ็ด...ห้าสิบเก้า...หกสิบ...เจ็ดสิบสี่...หนึ่งร้อย
ปิ๊ง
เมื่อลืมตาขึ้น เสียงฝนยังดำเนินต่อไปไม่หยุดหย่อนแต่ก็พอจะเบาบางลงไปบ้าง ออสตินยืนกระพริบตาปริบๆอยู่ตรงหน้า เมื่อได้มองเห็นกันระยะใกล้ขนาดนี้แล้ว ออสตินถือว่าจัดอยู่ในหมวดผู้ชายหน้าตาดีทีเดียว ผิวของเขาเนียนใสราวกับผิวเด็ก แก้มชมพูระเรื่อ ... เอ่อ
“มองอะไร”
“ห้ะ...เปล่า”
“คิดจะลวนลามฉันหรอ” ออสตินปั้นหน้าหวาดกลัว ใช้สองมือปิดหน้าอกตัวเองเหมือนกลัวจะถูกลวนลามจริงๆงั้นแหละ
“ใช่ บรรยากาศเป็นใจน่ะ” ลองสู้ซักยก
“แคบๆแบบนี้เร้าใจใช่ไหมล่ะ”
พอเถอะ เรื่องแบบนี้คุณสู้เขาไม่ได้หรอก “ทุเรศ”
ออสตินหัวเราะชอบใจ “อ้าว เมื่อกี้ยังบอกว่าบรรยากาศเป็นใจอยู่เลยไม่ใช่หรอ”
“ฉันแค่ลองเชิง” คุณยักไหล่ “ไม่คิดว่านอกจากกวนประสาทแล้ว...นายยังหื่นด้วยนะ”
“ใช่แล้วเพราะนอกจากจะหื่น ฉันยังเก่งเรื่องบนตะ...”
“หุบปากน่า” คุณรีบพูดดักไว้ก่อน รู้หรอกว่าจะพูดอะไร-- ออสตินทำท่ารูดซิบปากทั้งยังอมยิ้มนิดๆ
“เอาน่า ฉันไม่ปล้ำเธอหรอกวางใจได้”
“เลิกพูดจาบัดสีซะทีได้ไหม”
“เขินล่ะสิ”
“นายเอาเศษสมองส่วนไหนมาคิดว่าฉันเขิน--”
“ฟอร์มจัดสินะ”
“--” คุณใช้สายตามองร่างสูงเนือยๆ บางทีการไม่โต้ตอบอาจเป็นวิธีสงบศึกอย่างนึงก็ได้นะ
ผ่านมา........เท่าไหร่ไม่รู้ ฝนยังคงตกอยู่และไม่มีท่าทางซาลง คุณเริ่มรู้สึกง่วงอย่างจริงจัง เกือบจะผลอยหลับอยู่แล้วถ้าอีกคนไม่สกิด “ฉันว่าเราออกวิ่งเลยเถอะ อีกเดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว ถ้าไม่ออกตอนนี้มีหวังติดแหง็กอยู่ในตู้เฮงซวยนี้อีกนานแน่ๆ”
“หืม...แต่ฝนยังไม่ซาเลยนะ”
“ถ้ารอให้ซา คืนนี้เห็นทีเราต้องนอนค้างที่นี่แล้วล่ะ หรือเธออยากเปลี่ยนบรรยายกาศ”
“อือ เอางั้นก็ได้”
ออสตินพยักหน้า ด้วยความที่พื้นที่มีน้อยเขาถอดเสื้อเสื้อชั้นนอกของตัวเองออกอย่างทุลักทุเล เดินออกนอกตู้โทรศัพท์และ...ซ่า ผมฟูๆของเขาเริ่มเปียกทีละนิด ออสตินใช้ประโยชน์เสื้อของตัวเองบังฝนให้คุณขณะที่ตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน
ใช้เวลาไม่นานก็วิ่งมาถึงรั้วหน้าบ้านได้สำเร็จ ริซ่าตกใจทันทีที่เห็นสภาพของคุณและออสตินที่เปียดเหมือนลูกหมาตกน้ำไม่มีผิด-- โดยเฉพาะหลานชายตัวแสบ หล่อนไล่ให้คุณทั้งคู่ไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรน่า นอนน่า ไม่ต้องรนขนาดนั้นก็ได้”
“เปียกขนาดนี้ยังจะมาพูดอีก รีบไปอาบน้ำเร็วเข้าเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“ผมแข็งแรงซะอย่าง” ออสตินพูดพร้อมกับเบ่งกล้าม
“ยังจะมาเล่นอีก ไป ไปอาบน้ำซะ” ริซ่าหันมามองคุณ “เราก็ด้วย ลงมาเดี๋ยวฉันจะทำนมอุ่นๆให้ดื่ม”
“ขอบคุณมากนะคะ ริซ่า”
talk : ขอโทษด้วยนะคะ ดองนานไปหน่อย555ยังไงช่วยติดตามด้วยค่ะ
ความคิดเห็น