ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm yours [Fic Justin Bieber]

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter1

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 56


    คารินพาคุณมาถึงสถานที่ทำงาน เธอบอกว่าจะยังไม่เริ่มทำงานในทันที เธอจะพาคุณไปทัวร์รอบๆที่ทำงานแห่งใหม่นี้ก่อน ขณะที่คุณอยู่บนรถกับเธอ คุณได้คุยกับเธอตลอดทาง ติดตรงที่ว่าคุณไม่ใช่คนอัธยาศัยดีกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก ดีที่คารินเป็นคนร่าเริงและเธอชวนคุณคุยตลอดเวลาเลยทำให้บรรยากาศไม่อึดอัด ดูรวมๆแล้วคุณคิดว่าคารินเป็นเหมือนพี่สาวคนโตที่ชอบดูแลน้องๆ-- คารินจอดรถข้างๆรถบ้านขนาดใหญ่ ตอนนั้นเองที่คุณเพิ่งนึกได้ว่าจนกระทั่งตอนนี้คุณยังไม่รู้เลยว่าคุณจะต้องไปแต่งตัวให้ใคร แล้วนักร้องที่ว่านั่นคือใครกันแน่

     

    เออ คุณมอร์ริสคะ ฉัน...คือ ป้าของฉัน เอ่อ คนที่อยู่ในห้องกับฉันเมื่อเช้าน่ะค่ะ คือ--ป้าฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าฉันจะต้องมาทำงานให้ใคร บอกแต่ว่าต้องทำงานกับคุณ แล้วก็เอ่อ...ไรอัน-- กู้ดอะไรสักอย่าง และคือตอนนี้ฉัน...ใช่ เอ่อ

     

    คารินทำหน้าประหลาดใจ นี่เธอยังไม่รู้หรอ เธอแค่นหัวเราะ ถอดแว่นกันแดดลงกระเป๋า ตลกดีจริงๆ เอาอย่างนี้ ฉันใบ้ให้ก่อนแล้วกันว่าถ้าฉันบอกชื่อไป เขาจะเป็นคนที่เธอรู้จักอยู่แล้วแน่ๆ คารินใบ้ระหว่างที่คุณทั้งคู่เดินเข้าไปข้างใน

     

    ฉันรู้จักหรอ ขอโทษนะคะ แต่-- คุณแน่ใจได้ยังไงว่าฉันจะรู้จัก แล้วคุณบอกว่าไงนะ เขา หรอ แสดงว่าเป็นผู้ชาย...คุณรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบ เป็นผู้ชาย แล้วฉันรู้จักงั้นหรอ คุณคิด คาริน มอร์ริส กับไรอัน กู้ด...คุณนึกออกในทันที คุณได้ยินชื่อเหล่านี้มาจากแพม แล้วถ้าอย่างนั้น--
     

    คิดออกหรือยัง คารินยิ้มหวาน

    ฉัน ฉันไม่ค่อยแน่ใจแต่...

     

    เฮ้ คาริน เธอหายไปไหนมา รู้ไหมว่าฉันตามหาตัวตั้งนาน เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง คุณและคารินหันไปมอง ทันใดนั้นความคิดของคุณก็แตกโผล๊ะ คุณยืนนิ่งไม่ขยับ มองตรงไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า นี่เขาจริงๆหรือเนี่ย คุณคิดในใจ... จัสติน บีเบอร์ เขายืนอยู่ตรงหน้าคุณจริงๆหรอ! “ฉันจะใส่ตัวนี้ขึ้นโชว์แสดง หวังว่าจะไม่ว่าอะไรนะ เขาถามพลางขยับกำไลข้อมือ จัสตินเซ็ตผมให้ตั้งเหมือนที่เคยเห็นตามนิตยสาร ใส่เสื้อกล้ามสีเลือดหมู แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดูดีไม่มีที่ติ ถึงคุณจะไม่ได้ปลื้มเขามากนัก แต่เขาก็เป็นคนที่ดังมาก นี่คุณกำลังจะมาเป็นสไตลิสท์ให้เขาหรอเนี่ย คุณคิดอย่างไม่คาดฝัน

     

    อืม มันก็เข้าท่าดี คารินตอบกลับเออนี่ แล้วนี่ผู้ช่วยคนใหม่ของฉัน จะมาช่วยฉันแทนไรอัน ฉันเห็นว่าหมอนั่นยุ่งกับการจัดตางรางทัวร์แล้ว น่าจะแบ่งหน้าที่ให้คนอื่นทำ

     

    จัสตินมองมาที่คุณ เขาพยักหน้าก่อนจะส่งยิ้มน่ารักให้ ผมจัสติน บีเบอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก

     

    เช่นกันค่ะ คุณแนะนำตัวก่อนจะยื่นมือไปเช็คแฮนด์กับเขา รู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้สั่น นี่แพมจะรู้สึกยังไงนะถ้าฉันบอกไปว่า ฉันได้ทำงานกับจัสติน บีเบอร์ แถมยังได้จับมือกับเขาอีก คุณคิดอย่างตื่นเต้น จังหวะนั้นเองที่ผู้ชายร่างสูง ผมยุ่งๆเดินเข้ามา

     

    มารวมตัวทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ฮะ หนุ่มสาว? เขาทัก ในนาทีนั้นเองที่อะไรบางอย่างบอกคุณว่าเขาคือไรอัน กู้ด เขาหันมามองคุณ คนนี้ใช่ไหม คาริน ที่จะมาเป็นผู้ช่วยแบ่งเบาหน้าที่ฉันน่ะ

     

    ใช่ แนะนำตัวสิจ๊ะ คารินบอกอย่างใจดี คุณก็ทำตามเธออย่างว่าง่าย

     

    ยินดีที่รู้จัก ฉันไรอัน กู้ด แล้วก็เอ่อ ฉันว่าเธอนี่แต่งตัวได้เยี่ยมจริงๆนะ เขาชม คุณยิ้มก่อนจะบอกขอบคุณ จากนั้นไรอันก็พาคารินไปคุยเรื่องทัวร์วันนี้ ซึ่งทิ้งให้คุณอยู่จัสตินสองคน คุณมองจัสตินอย่างกระอึกกระอ่วน ไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไงเมื่ออยู่ด้วยกันสองคน แต่เขากลับมีท่าทางสบายๆ

     

    เอาอย่างนี้ จัสตินพูด คุณสะดุ้งเล็กๆก่อนจะหันไปมองเขา และเห็นว่าเขากำลังหัวเราะกับท่าทางคุณอยู่ อะไรกัน ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอซะหน่อย ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ คุณยิ้มแหยๆให้เขา ฉันจะบอกว่า ตอนนี้คารินก็ไม่อยู่แล้ว แล้วตอนนี้ฉันก็ว่าง ไม่มีอะไรทำเสียด้วย เพราะคอนเสิร์ตจะจัดตอนเย็น เพราะฉะนั้น...

     

    เพราะฉะนั้น...?

     

    ฉันจะเป็นคนพาเธอไปห้องแต่งตัวฉันเอง ตกลงไหม จัสตินยิ้ม เพราะคุณตอบตกลงเขาก็ยิ้มกว้างเข้าไปอีกก่อนจะพาคุณไปห้องห้องหนึ่ง ที่หน้าประตูมีป้ายแขวนไว้ว่า ‘จัสติน บีเบอร์ คุณทั้งสองก้าวเข้าไปในห้อง ที่มุมขวามือดูเหมือนจะเป็นมุมแต่งหน้า มีกระจกบานยาวตลอดแนว บนโต๊ะมีอุปกรณ์แต่งหน้าไม่มากนัก มีโซฟาอยู่อีกมุมและมีทีวีจอแบนเล็กๆสำหรับความบันเทิง บนโต๊ะใกล้ๆกับโซฟามีห่อขนมกินแล้ววางเกลื่อน ลึกเข้าไปในฝั่งซ้ายมีที่แขวนเสื้อผ้า มีเสื้อผ้ากับกางเกงจำนวนไม่มากถูกจัดแขวนไว้เป็นระเบียบ ตู้ข้างๆเป็นตู้วางรองเท้าพละหุ้มข้อ มีสีสันมากมาย

     

    คุณหันไปมองจัสติน เขาเองก็กำลังมองมาทางคุณเช่นกัน พอเห็นว่าคุณมองเขา เขาจึงส่งยิ้มให้ ตามสบายนะ คุณพยักหน้าแล้วใช้สายตาพิจรณาการแต่งตัวของเขา

    ฉันคิดว่าคุณเปลี่ยนรองเท้าจะดีกว่า เอาคู่ที่คุณใส่อยู่มาเก็บ คุณชี้ไปที่รองเท้าพละหุ้มข้อสีดำของเขา แล้วมาเปลี่ยนกับคู่นี้ดีกว่า ว่าแล้วก็หยิบรองเท้าอีกคู่ที่มีรูปร่างเดียวกันแต่สีต่างกัน โดยคู่ที่คุณถือเป็นลายทหารสีม่วงตัดขาวกับดำ

     

    จัสตินหัวเราะ คารินบอกว่ายังไม่ได้ให้เริ่มงานเลยไม่ใช่หรอ เขาบอกก่อนจะถอดรองเท้าออก

    คุณยักไหล่ ฉันก็ยังไม่ได้เริ่มงานซะหน่อย แค่บอกให้คุณเปลี่ยนรองเท้าเฉยๆ จัสตินหัวเราะอีกครั้ง คุณเดินไปสำรวจเสื้อผ้าของเขา มีแค่นี้เองหรอ

    เปล่า มีอีกเยอะเลยในห้อง แต่นี่เป็นส่วนที่คารินเลือกมาแขวนไว้ให้

     

    คุณพยักหน้า ตอนนี้คุณรู้สึกสบายใจแล้ว ไม่รู้สึกเกรงหรือกลัวอีกต่อไป คุณคนเดิมในที่สุดก็กลับมา-- อาจจะเป็นเพราะว่านี่มันก็เป็นแค่งาน เป็นแค่หน้าที่ มันจึงไม่มีเหตุผลที่จะกลัวอะไรเสียหน่อย ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการทำงานครั้งแรกของคุณก็เถอะ คุณสำรวจห้องไปมาอย่างไม่มีอะไรทำ จนได้ยินเสียงกอบแกลบอะไรบางอย่าง คุณจึงหันไปมองจัสตินและเห็นว่าเขากำลังพยายามที่จะคว้าห่อขนมใต้เก้าอี้โดยไม่สังเกตเห็นว่าคุณกำลังมองอยู่ พอเขาหยิบได้ก็เอามารวมกับกองห่อขนมอื่นๆที่ตอนแรกกระจัดกระจาย

     

    คุณเลิกคิ้ว จากนั้นก็เดินเข้าไปช่วยเขาเก็บขยะด้วย จัสตินสะดุ้งตกใจที่เห็นคุณ คุณหัวเราะ อะไรกัน ฉันไม่ได้จะทำอะไรคุณซะหน่อย ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ คุณย้อนคำพูดของเขาเมื่อครู่พลางเก็บห่อขนม

     

    เขาแค่นหัวเราะ คุณทั้งคู่ช่วยกันเก็บเศษขยะเล็กๆน้อยๆจนคุณตัดสินใจทำความสะอาดห้องไปเลยรวบเดียว ถึงแม้จัสตินจะห้ามแล้วห้ามอีกว่ามีแม่บ้าน แต่คุณก็อ้างเหตุผลที่ว่าง ไม่มีอะไรทำ ผลสรุปคือทั้งจัสตินและคุณช่วยกันในที่สุด ระหว่างที่ทำความสะอาด คุณกับเขาก็ได้มีช่วงเวลาสนิทกันเพิ่มขึ้น คุณเห็นว่าเขาไม่ใช่คนหยิ่งผยองหรือถือตัวอะไร เขาออกจะเป็นกันเองด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์ แต่อะไรบางอย่างที่ทำให้เขากับคุณเข้ากันได้อย่างดี

     

    ความจริงแล้วฉันเป็นคนเอเชีย คุณบอก ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กๆ หน้าฉันเลยเปลี่ยนตามทวีปไปด้วยเลย จัสตินมองคุณแบบไม่น่าเชื่อ คุณหน้าคล้ายๆพวกฝรั่งก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังคงมีความเป็นไทยอยู่บนใบหน้า เพราะว่าพ่อแม่ของคุณไม่มีใครมีเชื้อยุโรปสักคน

     

    จริงหรอ ไม่น่าเชื่อเลยนะ-- แล้วเธอมาจากประเทศอะไรล่ะ

    ประเทศไทย

    ไม่ใช่จีนหรอ
     

    นี่ ทวีปเอเชียไม่ได้มีแค่ประเทศจีนประเทศเดียวนะ ว่าแต่...คุณรู้จักประเทศฉันหรือเปล่า ประเทศไทยน่ะ คุณถาม ตอนนี้คุณทั้งสองเบื่อที่จะทำความสะอาดแล้วจึงมานั่งซักประวัติบนโซฟาแทน จัสตินเองก็ดูสนอกสนใจเรื่องของคุณอยู่ไม่น้อย เขาถามแทบทุกคำถามที่นึกออก--

     

    รู้สิ แต่รู้แค่ว่าที่นั่นมีอาหารรสจัด ฉันเคยกินด้วยนะ มันอร่อยมากก็จริงแต่ฉันก็กินไปได้คำเดียว

     

    เผ็ดล่ะสิ คุณหัวเราะเยาะ

     

    ก็ใช่น่ะสิ แล้วเธอทำอาหารไทยเป็นหรือเปล่า เขาถาม คุณพยักหน้า แล้วจัสตินก็ยิ้ม แล้วมีอาหารที่ไม่เผ็ดบ้างหรือเปล่า แล้วเธอทำเป็นไหม

     

    ก็...มีนะ มีสิ มัสมั่นไง ของโปรดฉันเหมือนกัน

     

    มัส...อะไรนะ เขาขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะออกเสียงไม่ค่อยถูก

     

    มัสมั่น ออกเสียงตามฉันสิ...ไม่ใช่! มัสมั่นไม่ใช่มัสหม่าน-- จนในที่สุดคุณก็สอนภาษาไทยให้เขาได้ พวกคุณคุยกันอย่างออกรส จัสตินขอให้คุณทำมัสมั่นให้เขากิน ซึ่งคุณก็ตอบตกลงไปอย่างส่งๆ คุยกันไปสักพัก คารินก็ผลักประตูห้องเข้ามา เธอดูตกใจไม่น้อยที่คุณและจัสตินดูสนิทกันอย่างรวดเร็ว คารินเข้ามาบอกให้คุณไปหาคนอื่นๆเพื่อทำความรู้จัก และจัสตินก็อาสาจะไปด้วย--

     

    อย่ามายุ่งน่า อยู่ในห้องของนายไปเถอะ คารินดุ

     

    ก็ฉันจะไป แล้วเธอก็มาห้ามอะไรไม่ได้ด้วย เขาตอบกลับก่อนจะคว้าข้อมือคุณ คุณสะบัดทันทีโดยอัตโนมัติ จัสตินหันมามองหน้าคุณงงๆ อะไร

     

    เปล่า คุณบอกแล้วรีบเดินออกจากห้องทันที แต่พอหันหลังกลับไปก็พบว่าไม่มีใครตามคุณออกมาและคุณก็ไม่รู้ทางเสียด้วย คิดได้ดังนั้นแล้วคุณจึงรีบเดินกลับเข้าไป คารินและจัสตินมองมาทางประตูเหมือนรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องเดินกลับมา พอพวกเขาเห็นคุณก็หัวเราะ ก่อนที่คารินจะมาจับมือคุณออกเดิน

     

    ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมคารินจับมือเธอได้แต่ฉันไม่ล่ะ คุณได้จัสตินบ่นพึมพำคุณจึงหันไปมองหน้าเขาแล้วแลบลิ้นใส่ จัสตินแลบลิ้นกลับ คุณทั้งคู่หัวเราะ ส่วนคารินได้แต่ถามอย่างงงๆ มีอะไรหรอ ฉันทำอะไรตลกๆหรือเปล่า และอีกครั้งที่คุณกับจัสตินหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

     

    คารินพาคุณมาที่ห้องห้องหนึ่ง มีผู้หญิงสองคนกำลังนั่งคุยกันที่โซฟา ส่วนไรอันกำลังคุยกับผู้ชายอีกสองคน และมุมห้อง มีผู้ชายผมหยิกใส่หมวกกำลังนั่งเล่นกีต้าร์ พอคุณเข้าไป ทั้งหมดก็หันมามองคุณเป็นตาเดียว ดูเหมือนพวกเขารอคุณอยู่แล้ว

     

    เฮ้ ว่าไงสาวน้อย ไรอันทักอย่างอารมณ์ดี

    สวัสดีค่ะ คุณพูด ทักทายทุกคนในห้อง

     

    เอาล่ะ ทุกคนคะ นี่คือผู้ช่วยคนใหม่ จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของครอบครัวเรา ขอเสียงให้กับเธอผู้นี่หน่อย คารินพูดกึ่งตลก เธอบอกชื่อของคุณให้คนอื่นๆรับฟัง ส่วนจัสตินเป็นคนแนะนำคนอื่นๆให้คุณรู้จัก เอาล่ะ นั่น อัลลิสัน เคย์ เธอเป็นผู้จัดการทั่วไป ... และเธอก็เป็นคนเข้มงวดมาก จัสตินกระซิบในประโยคหลัง

     

    ฉันได้ยินทั้งหมด อัลลิสันพูด แล้วทุกคนในห้องก็หัวเราะ

     

    ส่วนนั่น ผู้หญิงนั่งคุยกับอัลลิสันคือ มาม่า แจน เป็นโค้ชสอนร้องเพลง เธอเป็นสาวโสดและแน่นอน ไม่มีลูก เพราะฉะนั้นเธอต้องเรียกมาม่า แจนว่ามาม่าเหมือนพวกเรานะ โอเค? มาม่า แจนยิ้มพยักหน้า สื่อว่ายินดีที่ได้รู้จัก อัลลิสันเป็นสาวร่างใหญ่ ส่วนมาม่าแจนก็เช่นกัน แต่เธอดูมีอายุขึ้นมาอีก แล้ว...เอ่อ เธอคงรู้จักเขาแล้ว ไรอัน กู้ด แต่ก่อนเคยทำหน้าที่ของเธอ แต่ตอนนี้เขามีหน้าที่จัดการตารางทัวร์ เขาเจ๋ง และเป็นคนตลก ปลิ้นปล้อนอาจจะนะ... จัสตินพูดได้แค่นั้นเพราะไรอันปาขวดน้ำเปล่าใส่เขา

    หุบปากไปเลยไอ้หนู นายกำลังจะทำให้เธอมองฉันผิดนะ
     

    ถูกแล้วต่างหาก
     

    ฉันบอกว่าผิด
     

    เอาล่ะเลิกสนใจพวกนี้ดีกว่า ฉันจะเป็นคนแนะนำเอง คารินตัดบท แต่ผู้ชายอีกคนก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

     

    เธอไม่ต้องมาแนะนำเราโอเค? เราจะเป็นคนแนะนำตัวเราเอง เขาบอกติดตลก คารินยิ้มพลางยักไหล่ ฉัน สกูตเตอร์ บรอน ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเป็นผู้จัดการของจัสติน
     

    เป็นพ่อของจัสตินใช่ เขาหมายความว่าอย่างนั้น…” จัสตินพูด แต่เขาสังเกตว่าคุณจะเชื่ออย่างนั้นจริงๆจึงรีบแก้ตัว เฮ้ ฉันล้อเล่นนะ
     

    ฉันเคนนี ฮามิลตัน พวกเขาบอกว่าฉันเป็นรปภ. เอ่อ ใช่ฉันก็เป็นรปภ.นั่นแหละ ผู้ชายอ้วนๆผิวเข้มพูด เขาดูเป็นคนใจดีและยิ้มแย้มตลอดเวลา-- จัสตินกับเขาดูจะสนิทกันเป็นพิเศษ ตอนนี้เหลือคนเดียวที่ยังไม่ได้แนะนำ เขาถือกีต้าร์โปร่งออกมาก่อนจะพูดว่า แดน แคนเตอร์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก เขาเป็นผู้อำนวยการด้านดนตรีและเท่มากอีกด้วย จริงๆแล้วยังมีสแครปปี้ด้วย เขาเป็นผู้จัดการด้านเวที ก็เลยยังยุ่งอยู่ที่เวทีน่ะ แดนบอก


    แล้วแพตตี้อยู่ไหน จัสตินถาม


    เห็นบอกว่าไปเข้าห้องน้ำน่ะ อีกเดี๋ยวก็มา มาม่า แจนตอบ
     

    จริงๆแล้วยังมีแม่ฉันอีกคนนึง จัสตินบอก พอแนะนำตัวทุกคนเสร็จ คุณก็ถูกชวนให้ไปร่วมวงคุยสนทนาทั่วไป ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนดูออกว่าคุณเป็นเอเชีย พวกเขาให้ความสนใจกับคุณมาก อบอุ่นกว่าที่คุณคิด ใช้เวลาไม่นานคุณก็ทำความรู้จักกับทุกคนได้อย่างรวดเร็ว แพตตี้เขามาในห้อง คุณแนะนำตัวกับเธอ และเธอดูถูกใจคุณมาก พวกคุณคุยกันจนเริ่มสนิทกันโดยเฉพาะคุณกับจัสติน ไม่นานนักที่สแครปปี้โทรมาบอกทุกคนว่าได้เวลาเตรียมพร้อมสำหรับคอนเสิร์ตแล้ว พวกคุณจึงเดินทางไปสถานที่ที่จัดคอนเสิร์ตโดยรถบ้านของจัสติน

     

    พอมาถึงสถานที่จัดมินิคอนเสิร์ตเล็กๆ คุณก็เห็นแล้วว่ามีแฟนคลับจำนวนมากมายรอจัสตินอยู่แล้ว ทุกคนพร้อมแล้วสำหรับคอนเสิร์ต คุณรอดูจัสตินเล่นคอนเสิร์ตอยู่ข้างล่างกับคารินและคนอื่นๆ จัสตินกำลังจะขึ้นเวที แต่แล้วเขาก็มาหาคุณแล้วบอกว่า

    ฉันดูหล่อหรือยัง สไตลิสท์

     

    คุณหัวเราะ ก่อนจะปัดเสื้อของจัสตินให้เรียบร้อย โอเคแล้ว ไปได้เลย แต่จัสตินยังยืนอยู่ที่เดิม เขายิ้มแล้วมองมาที่คุณอยู่นาน จนคุณต้องโบกมือไล่ นี่ไปได้แล้ว เดี๋ยวแฟนคลับของคุณจะคลุ้มคลั่งเอานะ เขาหัวเราะก่อนจะโบกมือให้คุณแล้วขึ้นเวที จากนั้นคุณก็ได้ยินเสียงกรี๊ดของแฟนคลับดังกระหึ่ม คารินชวนคุณออกไปดูจัสตินข้างนอก

    เขากำลังทักทายแฟนคลับอย่างเป็นกันเอง แล้วจัสตินก็หันมาเจอคุณ เขายิ้มก่อนจะเดินมาทางคุณ แล้วเริ่มร้องเพลง

    พอคอนเสิร์ตจบ ทั้งคุณและคนอื่นๆก็นั่งรถบ้านกลับไปที่เดิม คุณได้พูดคุยกับคนอื่นๆมากขึ้นเรื่อยๆ น่าแปลกที่คุณเข้ากับทุกคนได้หมดโดยเฉพาะแพตตี้ เธอชื่นชอบสไตล์การแต่งตัวของคุณมาก พอมาถึงที่หมาย คารินก็อาสาจะพาส่งคุณกลับไปที่บ้าน

     

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันกลับเองดีกว่า

     

    เอาเถอะน่าไม่ต้องเกรงใจ เราก็สนิทกันแล้วนะ อีกอย่างฉันเป็นคนพาเธอมาก็พาเธอกลับด้วยสิ

     

    จัสตินมองมาที่คุณกับคาริน คาริน เธอไม่ต้องไปส่งหรอกน่า

     

    คุณหันไปมองจัสตินอย่างเห็นด้วย จะบ้าหรือไง จัสติน จะให้ผู้หญิงคนเดียวกลับบ้านเองดึกๆดื่นๆอย่างนี้ได้ยังไง คารินดุ

     

    ใครบอกล่ะว่าจะให้กลับคนเดียว เขายิ้มอย่างมีเลศนัย คุณเริ่มเข้าใจในความหมายทันที เดี๋ยวฉันจะไปส่งเอง คาริน เธอน่ะกลับไปทำธุระของเธอข้างในไป จัสตินว่าพลางดันหลังคาริน ทั้งคู่หายไปในห้องทำงาน คุณส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเดินออกจากห้อง เกือบจะสุดทางจนคุณได้ยินเสียงใครบางคนเรียก

    นี่คุณตามฉันมาทำไม
     

    ก็จะไปส่งน่ะสิ ไม่ได้ยินที่ฉันบอกเธอเมื่อกี้หรือไง เขาพูด
     

    ไม่ต้อง ฉันปฏิเสธคารินได้ฉันก็ปฏิเสธคุณได้เหมือนกัน
     

    แต่นี่มันดึกแล้ว ฉันจะปล่อยให้เธอกลับไปคนเดียวได้ยังไง เขาบอกอย่างดื้อดึง
     

    มันก็เรื่องของฉันน่า คุณกลับไปทำงานเถอะ
     

    งานฉันเสร็จตั้งนานแล้ว จะเหลือก็งานเดียวคือต้องไปส่งเธอที่บ้าน

     

    ดี อยากไปก็ตามใจ คุณตอบ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรต้องยื้ออยู่แล้ว อีกอย่างก็ถูกของเขา ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วถ้ากลับคนเดียวอาจจะไม่ปลอดภัย เขาเองที่เห็นคุณตอบตกลงก็ยิ้มอย่างดีใจ คุณเดินตามเขาไปโดยไม่ได้พูดอะไร เดินไม่นานก็เห็นรถราคาแพงของเขาจอดแช่อยู่ จัสตินเดินมาเปิดประตูให้คุณก่อนจะกวักมือเรียก เพราะคุณมัวแต่ยืนตะลึง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนคุณคิดแทบไม่ทัน ไหนจะเรื่องงานของคุณวันนี้ มันไม่ต่างอะไรกับได้ตั๋วบัตรคอนเสิร์ตมาดูจัสติน บีเบอร์ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดัง เพราะเรียกได้ว่าวันนี้คุณไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากมาดูเขาแสดงคอนเสิร์ต-- ไหนจะเรื่องที่คุณกับเขาสนิทกันอย่างรวดเร็ว ไหนจะที่เขามาส่งคุณกลับบ้าน และเขาที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือจัสติน บีเบอร์ เซเลบผู้โด่งดัง คนที่ใครทั้งโลกรู้จัก คนที่เพื่อนสนิทของคุณชอบนักชอบหนา

     

    เฮ้ เสียงของใครบางคนเรียกคุณออกจากภวังค์ จัสตินนั่นเอง-- เขาโบกไม้โบกมืออยู่ตรงหน้าคุณ คุณได้แต่กระพริบตางงๆ เป็นอะไรของเธอ
     

    เปล่า เอ้า ก็ไปสิ มาขวางฉันทำไมล่ะ คุณผลักจัสตินแล้วรีบเข้าไปในนั่งในรถ เขาเองก็เดินตามเข้ามานั่ง พอคุณบอกชื่ออพาร์ตเมนต์ของคุณไป โดยไม่ต้องบอกทางจัสตินก็ขับไปถูก เขาดูเชี่ยวชาญด้านสถานที่ที่นิวยอร์กเป็นอย่างดี
     

    ฉันจะแวะห้างแถวนี้สักหน่อย หวังจะไม่ว่ากันนะ เขาพูดพลางหักพวกมาลัย
     

    ว่า คุณตอบกลับทันควัน คุณบอกว่าจะมาส่งฉัน ไม่ได้บอกกันล่วงหน้าเลยว่าจะมาห้าง ไม่เอา ฉันไม่ให้ไป หรือถ้าไปก็จอดให้ฉันลงตรงนี้แหละ คุณตอบเสียงดุ จัสตินดัดเสียงเล็กๆเลียนแบบคุณ ให้ฉันลงเดี๋ยวนี้นะ จัสติน บีเบอร์
     

    จัสตินหันมาแลบลิ้นให้คุณก่อนจะหันไปขับรถ คุณส่งเสียงจิ๊จ๊ะแล้วเอื้อมมือไปบีบแตรรถ “เฮ้! นี่เธอ ฉันขับรถอยู่นะ เขาว่าแล้วผลักมือคุณออกไป เดี๋ยวก็ได้ลงโลงกันทั้งคู่หรอก
     

    คุณถอนหายใจอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะหันไปอีกทาง หลังจากนั้นคุณก็ไม่พูดกับเขาอีกถึงเขาจะชวนคุณคุยตลอดทางก็ตามที ไม่นานมาก จัสตินก็จอดรถของเขาขนาบกับรถอีกคัน มีผู้หญิงวัยรุ่นสองคนหันมามองรถ คาดว่าพวกเธอน่าจะรู้ว่าเป็นรถใคร เพราะสีรถของจัสตินดูโดดเด่นและจำง่าย ดูเหมือนจะมีอยู่คันเดียวด้วยซ้ำ คุณทำท่าจะผลักประตูแต่จัสตินจับมือคุณไว้ก่อน
     

    อะไร

    อย่าเพิ่งลงไป ไม่เห็นหรือไงว่าผู้หญิงสองคนนั้นจ้องรถฉันอยู่ เขากระซิบ ฉันว่าพวกเธอต้องรู้แน่ รอให้พวกเธอไปก่อนแล้วเราค่อยลงไป
     

    เป็นเซเลบนี่มันยุ่งยากจริงๆเลยเนาะ คุณล้อเลียน
     

    พอขยับปากได้ก็พูดจาน่ารักจริงนะ เขาประชดก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบแว่นดำ และหมวกสีฟ้ามาใส่
     

    ถามจริงเถอะ คุณคิดว่าใส่แค่นั้นแล้วมันจะปิดบังคุณจากคนอื่นได้หรือไง

    ก็ดีกว่าไม่ใส่
     

    คุณนิ่งไป แล้ว...เมื่อไหร่เราจะลงกันได้ซักที สองคนนั้นก็ไปแล้วนะ
     

    สองคนนั้นไปแล้ว แต่อีกสองคนกำลังจะมา ทางด้านนั้น เขาชี้ไปทางผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งที่กำลังหอบของที่ซื้อมาไปใส่ท้ายรถ คุณถอนหายใจแล้วแง้มประตู ก็ตามใจ ถ้าอยากเป็นข่าวหน้าหนึ่งกับฉันก็เปิดไปเถอะ...เปิดไปสิ-- จัสตินยิ้มอย่างมีชัย คุณกระแทกประตูปิดเสียงดัง เขาเลยแลบลิ้นมาให้คุณ คุณแลบลิ้นกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    รอไม่นานทางก็สะดวก คุณสองคนลงมาจากรถ แล้วคุณก็อดไม่ได้ที่จะบ่น
     

    ฉันไม่เข้าใจว่าคุณจะหลบคนสองสามคนพวกนี้ทำไม เดี๋ยวเข้าไปในห้างก็เจออีกเป็นพัน คุณกอดอกแล้วเดินเข้าไปในตัวห้าง คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมาซื้ออะไร กะว่าถ้าเขาเผลอเมื่อไหร่จะวิ่งหนีออกมาซะ แต่คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะแค่คิดเสร็จ เขาก็เอาแขนมากอดคอคุณเหมือนเพื่อนเล่น

    ฉันทำเพื่อความรอบคอบนะเขาพูดพลางยิ้มหวานให้คุณ
     

    แล้วที่คุณเอามือมากอดคอฉันนี่รอบคอบมากเลยนะ เดี๋ยวก็เป็นข่าวกันพอดี คุณว่าพลางแงะมือเขาออก จัสตินยังไม่ละความพยายามเอามือมาไว้ที่เดิม คุณกลอกตาไปมา
     

    มันจะแปลกอะไร เราเป็นเพื่อนกันนะ แค่กอดคอไม่เห็นแปลกเลย ฉันไม่กอดเอวหรือจูบเธอซะหน่อย
     

    หุบปากนะ คุณกัดฟันพูด สาบานได้ว่านี่คือครั้งแรกที่คุณพูดจาหยาบคายกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียว แถมยังเป็นคนแปลกหน้าที่ดังระดับซุปเปอร์สตาร์เสียด้วย
     

    จัสตินหัวเราะ เขาพาคุณเดินเข้าร้านนู้นร้านนี้แทบจะทั่วห้างจนคุณเริ่มเมื่อยขา แถมคนก็ยังจะจับตามองคุณและเขาเพิ่มเรื่อยๆ นี่พอเถอะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว คุณจะซื้ออะไรก็รีบซื้อเถอะ คุณบอกอย่างหมดแรง จัสตินพยักหน้า เขาพาคุณไปที่ร้านร้านหนึ่ง
     

    ไอศกรีมเนี่ยนะ คุณหันไปมองหน้าเขา
     

    เขาไม่ตอบคุณ แต่หันไปสั่งไอศกรีมกับพนักงานแทน จัสตินสั่งไอศกรีมโคนรสสตอเบอร์รี่ให้คุณ ส่วนของเขาเป็นวานิลลาผสมช็อกโกแลต ใครบอก ฉันเห็นเธอเหนื่อย เลยจะซื้อไอศกรีมให้ เอานี่ไป เขายื่นไอศกรีมให้คุณ
     

    คุณที่ตอนแรกคิ้วขมวดกันเป็นปมค่อยๆคลายจนกลายเป็นรอยยิ้ม แต่พอจัสตินหันมา คุณก็เก๊กหน้าขรึม ฉันไม่ชอบรสนี้ คุณแบะปาก
     

    จริงหรอ? เอารสของฉันไหมล่ะ เขาถาม
     

    ไม่เป็นไร แค่บอกให้รู้ไว้เฉยๆ คุณพูดก่อนจะค่อยๆกินไอศกรีม จัสตินมองคุณอย่างไม่เข้าใจ เขาเดินไปสั่งไอศกรีมให้คุณใหม่โดยที่คุณห้ามไม่ทัน จัสตินสั่งไอศกรีมรสเดียวกับเขาแล้วยื่นมาให้คุณ คุณจ้องเขางงๆ จัสตินคว้าไอศกรีมเดิมของคุณโยนทิ้งถังขยะแล้วยื่นอันใหม่ให้คุณแทน
     

    เงินเยอะมากหรือไงถึงใช้ทิ้งใช้ขว้างแบบนี้ คุณประชด
     

    ก็ใช่น่ะสิ

    .

    .

    .

    .

    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×