บ่วง - บ่วง นิยาย บ่วง : Dek-D.com - Writer

    บ่วง

    หากแม้บุรุษนั้นมีรักเดียวไม่ได้และไม่ยอมเลือก น้องจะขอเลือกเอง จากนี้ไปเราอย่าได้พบเจอกันอีกเลย สิ่งเดียวที่น้องเฝ้ารอไม่ใช่การกลับมารักษาสัจจะของพี่แต่คือการที่เราไม่ต้องเจอกันอีกทุกภพทุกชาติไป

    ผู้เข้าชมรวม

    165

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    165

    ผู้เข้าชมรวม


    165

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    11
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 เม.ย. 67 / 23:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

        ลุ่มน้ำที่นิ่งสงบที่มองเห็นเบื้องหน้า หากแต่ใต้ก้นบึ้งนั้น มีสิ่งใดซ่อนอยู่บ้างหามีใครรู้ไม่ วังบาดาลอันสวยงามวิจิตรตระการตา ซ่อนอยู่ใต้ลุ่มน้ำนั้นดั่งทิพย์วิมานที่ซ่อนไว้ห่างสายตามนุษย์ผู้ซึ่งมากด้วยกิเลส บุรุษหนุ่มรูปงาม ผู้เป็นเจ้าปกครองเมือง เฝ้ารอการให้อภัย และรอการกลับมาของนางอันเป็นที่รัก

               “ไม่ฟังแล้วค่ะแม่ แม่เล่าซ้ำวนเนื้อเรื่องเดิม ๆ ตั้งแต่หนูเป็นเด็กจนตอนนี้หนูโตแล้วนะคะหลอกหนูไม่ได้แล้ว มีที่ไหนกันปราสาทสวยงามใต้น้ำ จมลงไปในน้ำก็มีแต่ตายค่ะ” หญิงสาวประท้วงนิยายหลอกเด็กของมารดา ลุกขึ้นนั่งจากที่นอนหนุนตักมารดา

              นฤมาศ สาวสวยดางตากลมโตดำขลับ ผิวขาวอมชมพู แววตาเปล่งประกาย น้ำเสียงไพเราะฟังหวานหู ไม่ว่าใครเข้าใกล้สาวน้อยคนนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าหลงเสน่ห์อันเหลือล้นของสาวน้อยคนนี้

              “แม่เล่าทุกวัน แต่หนูก็ไม่เคยจินตนาการภาพตาม หนูยังกลัวน้ำ และไม่ยอมเรียนว่ายน้ำสักที ซัมเมอร์ทีไร ลูกก็ไม่ยอมไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวเลย แล้วจะให้แม่ทำไงจ้ะ” จันทราวดีหวังเพียงอยากให้บุตรสาวเพียงคนเดียว เรียนว่ายน้ำกับครูฝึก ด้วยว่าตั้งแต่เด็กจนโตบุตรสาวนั้นจมน้ำเกือบเสียชีวิตทุกครั้งที่ครอบครัวไปเที่ยว ในสถานที่ที่มีแม่น้ำลำคลองหรือทะเล

    “โยม บุตรตรีของโยมเขาเพียงมาอาศัยหลบภัยไม่นาน เมื่อได้ทำภารกิจเสร็จสิ้น เขาเองก็จะจากไป หากไม่อยากเสียแก้วตาดวงใจนี้ไปก่อนวัยอันควร ต้องให้อยู่ห่างน้ำ” นี่คือคำเตือนของพระเกจิผู้เคร่งในศีลซึ่งมารดาเป็นโยมอุปัฏฐาก

          นฤมาศ เด็กหญิงผู้มุ่งมั่นและเฝ้าบอกกับมารดาว่าจะไม่แต่งงาน จะปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นและไปถึงซึ่งพระนิพพาน จันทราวดีแปลกใจ ที่เด็กหญิงอายุแค่ 7 ขวบพร่ำบอกประโยคนั้นกับตน อีกทั้งชอบเข้าวัดฟังธรรม ปฎิบัติกรรมฐาน และเฝ้าบอกมารดาว่า บุรุษนั้นไร้สัจจะต้องอยู่ให้ห่าง

        ลูกสาวกลัวน้ำ ไม่ว่าจะตื้นลึก น้ำนิ่งน้ำไหล เด็กสาวบอกเพียงว่า ใต้น้ำนั้นเยือกเย็น เหน็บหนาว เดียวดาย เมื่อแหงนมองมาจากวังใต้น้ำ วังซึ่งวิจิตรงดงามตระการตา แต่ผิวน้ำกลับมีแสงอันอบอุ่น เธอไม่ต้องการกลับไปใต้น้ำนั้นอีก 

        นั่นคือเหตุผลที่จันทราวดี พาบุตรสาวไปพบพระครูที่วัดซึ่งตนไปทำบุญเป็นประจำและปวรณาตนเป็นโยมอุปัฏฐาก เพื่อตรวจดูดวงชะตาให้ เพราะบุตรสาวเดินลงน้ำทั้ง ๆ ที่กลัวน้ำและจมน้ำอยู่ประจำ คำตอบที่ได้รับ คือหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร

         “แม่คะ จะไปรดน้ำมนต์วัดไหนอีก หนูไม่ได้มีวันหยุดเยอะนะคะ ให้พักอยู่บ้านกับแม่บ้าง” นฤมาศเพิ่งมีวันoff แค่3 กลับมาบ้านมารดาก็จะพาไปรดน้ำมนต์

        จันทราวดีเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอเลี้ยงนฤมาศมาเพียงลำพัง เนื่องจากสามีเธอที่เป็นตำรวจน้ำประสบอุบัติเหตุ เรือพลิกคว่ำกลางลำน้ำโขง ขณะเข้าจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย เธอจึงกลัวการสูญเสีย ยิ่งเหลือเพียงบุตรสาวคนเดียวที่อยู่เคียงข้าง เธอก็ยิ่งกลัว สำนักไหนว่าดี จันทราวดีไปหมด

               “ครั้งที่แล้วบอกว่าต้องเรียนพยาบาลเท่านั้น จึงถือเป็นการทำบุญใหญ่ช่วยชีวิตคน หนูก็ต้องขนขวายเรียนจนจบ จบมาก็ขึ้นเวรแทบจะไม่มีวันหยุด นี่ถ้าครั้งนี้พ่อหมอบอกต้องแต่งงานแม่จะไม่ประกาศรับสมัครลูกเขยเหรอคะ”

    “เอาน่า เพื่อนแม่บอกว่าดูดวงสะเดาะเคราะห์ไปในตัว แม่ฝันไม่ดีถือว่าช่วยให้แม่สบายใจ”

    ขับรถมาไกลเป็นร้อยกิโล นฤมาศก็ยอมตามใจมารดา เมื่อมาถึงหน้าประตูสำนักสงฆ์ เธอก็เกิดปั่นป่วนท้องไม่อยากเข้าไปด้านใน แต่ด้วยไม่อยากขัดใจมารดา เมื่อรถเข้ามาจอด ลมพายุก็พัดกระหน่ำทั้งลมทั้งฝุ่น ทั้งใบไม้ จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

    “เราไม่ได้ต้องการตัดสายแนนของท่าน โปรดสงบจิตสงบใจ บัดนี้มีเพียงมารดาที่ทุกข์ระทมเพราะกลัวการสูญเสีย และหนึ่งหญิงสาวซึ่งตัวเขาเองไม่ได้รู้จักหรือจำสัญญาใดๆจากท่านได้เลย โปรดปล่อยวางให้เป็นไปตามกรรม”

         สิ้นเสียงนั้นลมพายุได้สงบลง ผู้ทางศีลเดินมาทาง2แม่ลูก

    “โยมมีกิจอันใดฤา ถึงได้เข้ามาในป่าเขานี้” ผู้ทรงศีลถาม การแต่งกายนั้นจะว่าเป็นพระภิกษุก็ไม่ใช่เนื่องจากยังมีผมมีคิ้ว จะว่าฤาษีก็ไม่เชิง คล้าย ๆ นุ่งขาวห่มขาวประมาณนั้น

     “อิชั้นมาพบท่านน่ะเจ้าค่ะ พอดีพระครู…แนะนำมาเจ้าค่ะ คืออิชั้นมีลูกสาว” ไม่ทันที่จันทราวดีจะเอื้อนเอ่ยผู้ทรงศีลก็กล่าวแทรกขึ้นมา

    “ไม่ต้องพูดแล้วโยม เราช่วยอะไรไม่ได้หรอก ทุกคนนั้นมีกรรมเป็นของตน ความดีและบุญบารมีที่สั่งสมมาจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา โยมอย่าทุกข์ใจเลย”

    “ไม่มีทางไหนเลยเหรอคะท่าน ปีหน้าลูกก็จะอายุครบ 25 ปี ดวงตกคนคอขาด หากไม่มีลูกแล้วอิชั้นจะอยู่ต่อไปอย่างไรเจ้าคะ” จันทราวดีสีหน้าซีดเผือด กล่าวด้วยถ้อยคำละล่ำละลัก

    “เดิมทีนั้น นางก็ไม่ใช่บุตตรีของโยมมิใช่ฤา โยมหักจิตรห้ามใจเทอญ และโปรดหยุดค้นหาผู้มีวิชามาช่วยเหลือ เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความพิโรธ คนของเขาก็ต้องคืนให้เขา”

            จันทราวดียังจำเหตุการณ์ที่บุตรสาวจมน้ำได้ดี กว่าจะค้นหาร่างของเด็กหญิงวัย 6 ขวบเจอ กว่าทีมกู้ชีพจะนำส่งโรงพยาบาล แพทย์พยายามยื้อชีวิตแล้ว แต่ก็ต้องให้ญาติทำใจ ก่อนจะนำศพเด็กหญิงกลับบ้าน อยู่ ๆ ก็มีสัญญาณชีพกลับมา สร้างความประหลาดใจให้ทีมแพทย์และคนไข้ที่รอตรวจ คนที่ดีใจที่สุดคือผู้เป็นบิดามารดา 

        หลังจากฟื้น บุตรสาวก็จะมักพูดจาแปลกๆ นอนละเมอด้วยคำพูดแปลกๆ

    “ท่านพี่ หากท่านรักเราจริง ท่านจะไม่นำพาสตรีนางใดเข้ามาเหยียบย่ำหัวใจเรา เราขอตั้งสัจจะอธิษฐาน เกิดชาติภพใดอย่าได้เจอกันอีกเลย เราจะทำทุกทางที่จะหนีไปให้ไกลจากท่าน”

         นิทานที่มารดาได้เล่าให้นฤมาศฟังนั้น ก็มาจากเลื่องเล่าในวัยเด็ก ที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดจาเจื้อยแจ้วเล่าให้มารดาฟัง

    “แม่จ๋า รู้มั้ยว่าบ้านหนูสวยมาก บ้านหลังใหญ่ทำด้วยทอง ก่อตัวขึ้นเป็นราชวัง ห้อมล้อมด้วยผู้คนที่รักหนู แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรักหนูจริงๆ ท่านพ่อผู้บอกว่าหนูคือแก้วตาดวงใจ กลับยกหนูให้กับชายแปลกหน้าเพียงเพราะว่า เขาเป็นนักรบผู้เก่งกาจ เพียงแค่อยากให้เขาปกป้องหนูไปตลอดกาล บุรุษไร้ซึ่งสัจจะแลศีลธรรม หาใช่บุรุษที่หนูต้องการ ชีวิตนี้หนูขอเลือกเอง เพราะรอให้เขาเลือกรอให้เขากลับตัวกลับใจ การหวังให้คนคนนึงเป็นดั่งใจเราช่างทามาร หนูมองออกมานอกปราสาททุกๆวัน มันช่างเงียบเหงา เยือกเย็น แล้วก็มีลำแสงนึงเกิดขึ้นบนผิวน้ำ มันดูอบอุ่นดูปลอดภัย หนูก็แค่อยากขึ้นมาดู แม่จ๋ารู้มั้ย บุรุษที่บอกว่ารักหนูยิ่งกว่าชีวิต ใช้ธนูเล็งมาที่หนู วันที่หนีออกจากปราสาทมา หนูเจ็บจนทุกวันนี้”

     นฤมาศมีรอยคล้ายปานก็ไม่เชิง เป็นรอยดำกลมๆที่น่องด้างหลัง ส่วนหน้าแข้งด้านหน้าก็มีเช่นกัน ลูกสาวเธอจะปวดที่ตำแหน่งนี้ในทุกๆคืนวันพระ และที่แปลกคือ วันโกนและวันพระลูกสาวของเธอ จะหลับสนิทข้ามวันข้ามคืน เหมือนดั่งวิญญาณหลุดออกไปจากร้างน้อยๆนั่นแล้ว 

      นฤมาศไม่ค่อยชอบตามมารดาไปสำนักทรงเจ้าเข้าผีเท่าไหร่ เพราะหลังจากกลับมา ไม่นาก็มักจะได้รับข่าวร้ายที่เกิดกับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือเธอ 

    “คนต้องคำสาป คนมีเจ้าของ เจ้าหนีเขามา เขาตามหาแทบพลิกแผ่นดิน ใครก็ตามที่ให้ความช่วยเหลือในการถอนคำสาปนี้ มันผู้นั้นก็ต้องตายตกตามกัน” 

         การทำงานในโรงพยาบาลชุมชนที่ห่างไกล แม้แต่คอมพิวเตอร์ก็เป็นรุ่นเก่าๆ ที่ใช้ได้เพียง Internet explorer (2G) และให้ใช้ถึงแค่เวลา16.00น ความอยากรู้อยากเห็นและความซุกซนพยายามเชื่อมต่ออินเตอร์เนตของเธอจึงสร้างเหตุขึ้น

        ใช่แล้วเธอแอบเชื่อมต่ออินเตอร์เนตของโรงพยาบาลเพื่อเข้าไปเล่นระบบแชท ซึ่งสามารถฟังเพลงได้คุยกันได้ แต่แล้วเธอก็ต้กตกใจกับแชทแปลกๆตอนตีสาม ในโปรแกรมห้องแชทของ QQ  (โปรแกรมแชทยอดนิยมในปี พ.ศ.2546 ) อยู่ ๆ มีแชทนึงแอดชื่อเธอแล้วบอกว่า หาเจอแล้ว ในที่สุดก็หาเจ้าเจอแล้ว เธอเองก็โต้ตอบกับแชทนั้นไปเพื่อฆ่าเวลาเพราะอีกไปกี่ชั่วโมงก็เช้า คุย ๆ ไปก็ไม่เสียหายหรอก

    “ใครอ่ะ หาเจอ  คืออะไร ไม่ต้องมาอำเลยนะ อยู่แถวๆนี้แน่ๆเลย”

    “กลัวผีมั้ย” แชทปลายทางถามมา

    “ว่าแล้วต้องอำ ถ้ากลัวผีคงไม่เล่นอยู่ดึกๆจริงมั้ย คุณอยู่แถวๆนี้ใช่มั้ย” นฤมาศยังคงคุยตอบโต้

    “ใช่อยู่ใกล้ๆนี้เอง อยู่ข้างๆอยากให้โทรหามั้ยล่ะ”

    นฤมาศได้แต่นึกในใจสนุกเราไม่มีโทรศัพท์ คิดว่าติดต่อได้ก็เอาสิ…

    “วันนี้ยังไม่มี แต่เราก็โทรเข้าโรงพยาบาลได้ และอาทิตย์หน้าเธอจะมีมือถือ พี่จะโทรหาทุกวันได้มั้ย แค่บอกว่าโทรได้ก็พอ” แชทปลายทางยืนยัน นฤมาศในตอนนั้นรู้สึกหัวเสีย ต้องเป็นพวกที่เก่งคอมพิวเตอร์และรู้ไอพีแอดเดรสแหละถึงรู้ว่าเราอยู่โรงพยาบาล 

    “แน่จริงก็โทรมาสิ” นฤมาศยังคงท้าทาย

    สักพักเสียงโทรศัพท์สายนอกดังขึ้นที่ ER นฤมาศเดินออกจากห้องทำบัตรซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก ER เพื่อไปรับสาย

    “สวัสดีค่ะโรงพยาบาล…มีอะไรให้รับใช้คะ”

    “เสียงเพราะจัง ยังคงเดิม ยังเป็นเสียงเดิมที่เคยได้ยิน และอยากได้ยินตลอดกาล” ปลายสายเสียงเยือกเย็นมากจนนฤมาศขนลุกซู่ทั้งตัว เสียงระฆัง เสียงหมาเห่าหอน ต้องอยู่ที่วัดแน่ๆ

    “ขอสายใครคะ”นฤมาศยังแข็งใจถามออกไป

    “ก็คนที่กำลังคุยอยู่นี่แหละ คิดถึงเหลือเกิน ตามหาจนแทบพลิกแผ่นดิน พี่ยังกลัวว่าเขาจะเจอน้องก่อน ต่อให้เขาสาปแช่งให้พี่ไปไหนไม่ได้ พี่ก็น้อมรับหากที่ตรงนั้นมีน้องอยู่”

    “ไปหายาประสาทกินซะนะ” นฤมาศวางหูกระแทกไปด้วยความโมโห ใครแกล้งเราไอ้โรคจิตที่ไหน เสียงนั้นมันเหมือนอยู่ที่วัด นี่ว่างจนแกล้งพยาบาลเล่นรึไง

    นฤมาศเดินกลับมาที่ห้องทำบัตร แต่แล้วเพจเจอร์เธอก็ส่งสัญญาณ(เครื่องมือสื่อสารที่ถือว่าทันสมัยมากในยุคนั้น)

    “พี่จะไปหานะ” แค่ประโยคเดียวทำเอานฤมาศใจหวั่นๆ ใครกันใครแกล้งเราขนาดนี้ ตอนโทรเข้าโรงพยาบาลก็ไม่คิดอะไร ใครก็โทรมาแกล้งได้ แต่พอส่งข้อความเข้าเพจเจอร์ ซึ่งปกติมีแค่แม่กับเพื่อนสนิทที่รู้เบอร์เพจเจอร์ ส่งมาได้ไง รู้เบอร์เพจได้ไง

       เหตุการณ์นี้ทำให้มารดาของเธอเป็นห่วงจนต้องซื้อมือถือให้เพื่อติดต่อได้สะดวกขึ้น และเตรียมออกรถให้บุตรสาวได้ขับกลับบ้าน ไม่ต้องนั่งรถปะปนกับผู้คน ซึ่งไม่รู้เลยว่าคนที่ตามติดนฤมาศไปทุกที่นั่นคือใคร 

       หลังได้มือถือกลับน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม เมื่อมีสายแปลกโทรเข้า ขนาดปิดเครื่องแล้ว เครื่องก็ยังเปิดเอง จนต้องรับสายและด่าออกไป

    “โรคจิตมั้ยโทรอยู่ได้ ต้องการอะไรบอกมา” 

         นฤมาศสังเกตอยู่หลายครั้งเขาจะโทรเวลาเดิม ๆ คือช่วงตีสามตีสามครึ่ง สถานที่ก็น่าจะเป็นวัดหรืออยู่ใกล้วัด เพราะได้ยินเสียงระฆัง เสียงสุนัขเห่าหอน

    “พี่รู้นะ กำลังสงสัยใช่มั้ยว่าพี่อยู่ที่ไหน พี่บอกให้ก็ได้พี่อยู่ไกลมาก แต่ถ้าน้องบอกคำเดียว ว่าจะรักและอยู่ด้วยกันกับพี่ พี่จะไปหาทันที”

    “พูดบ้าๆ พูดไม่คิด เราไม่รู้จักกันแล้วจะไปอยู่ด้วยกันได้ไง แล้วนี่เป็นคนรึผีโผล่มาแต่ช่วงกลางคืน สงสัยอยู่วัดตรงข้ามโรงพยาบาลใช่มั้ย พรุ่งนี้จะไปฟ้องหลวงตา”

    “พี่ไม่ได้อยู่แถวนี้ รับปากพี่เถอะนะ คนผู้นั้นเขาหาเราเจอแล้ว ไปกับพี่เถอะ น้องเกลียดเขาและอยากหนีจากเขานี่” ปลายสายพูดจาไม่ชัด อีกอย่างทั้งเสียงระฆังและเสียงหมาที่เห่าหอน ทำให้นฤมาศไม่ได้จับใจความคำพูดเขาเท่าไหร่ แค่พยายามฟังเสียงสิ่งแวดล้อมเพื่อประเมินคร่าวๆว่าเขาโทรที่ไหนกันแน่

    “เวลาของพี่มีไม่มากแล้ว แต่ก็ยังเป็นห่วงมาก พรุ่งนี้ช่วงสองทุ่มที่น้องขับรถ จงระวังให้มาก หลายผู้หลายนามต้องการตัวน้องเพื่อกลับไปรับรางวัลกับเขาผู้นั้น” เสียงปลายสายคล้ายคนร้องไห้ แต่นั่น ทำให้นฤมาศหวาดกลัวเขามากขึ้น รู้ได้ไงว่าเราจะกลับบ้าน หรือว่าเป็นคนในโรงพยาบาลแกล้งเรา นฤมาศคิดในใจแต่ปลายสายกลับตอบกลับมา

    “พี่ไม่ได้อยู่แถวนี้พี่อยู่ไกลมาก วันนี้น้องยังไม่เชื่อพี่ แต่ต่อไปน้องจะเข้าใจเองว่าพี่จริงใจกับน้องแค่ไหน”

    บ้าจริงเราแค่คิดในใจแล้วเขารู้ได้ไงว่าคิดอะไรอยู่หรือเป็นผี

    “พี่ไม่ใช่ผี”

             นฤมาศตัดสายทิ้งทันที และไม่ว่าจะโทรยังไงเธอก็ไม่รับ ลงเวรแล้วเธอก็กลับบ้านไปหามารดา และเธอก็ลืมสิ่งที่ได้พูดคุยกับคนลึกลับไป

             ทุ่มครึ่งพี่ที่ทำงานขอเปลี่ยนเวร stat เธอจึงจำเป็นต้องขับรถกลับโรงพยาบาล ระหว่างทางที่ขับมาแทบไม่มนรถสวนทางเลยทั้ง ๆที่ยังไม่ดึกมาก จะมีก็แต่มอเตอร์ไซด์คันเดียว ที่ขี่ตีคู่เธอมาตลอดทาง และเมื่อถึงทางโค้ง ที่ลือกันหนาหูว่าเฮี้ยนมาก รถมอไซด์คันนั้นก็ขี่ตัดหน้ารถเธอในระยะกระชั้นชิด จนเธอต้องหักหลบจนรถลงข้างทาง แต่ก็แปลกขอบถนนสูง รถเธอไม่พลิกคว่ำ และไม่ชนอะไรเลย นฤมาศที่อยู่ในอากาศตกใจกลัว มองหารถมอเตอร์ไซด์คันนั้น หายไปไหน แล้วเราจะทำไงดี ไม่มีใครผ่านมาเลยรถเราตกถนนใครจะช่วย โทรหาแม่ แม่คงตกใจแน่ๆ สักพักมือถือก็ดังขึ้น เสียงนั้นอีกแล้วเสียงผู้ชายที่พูดเหมือนร้องไห้ เสียงระฆังและเสียงหมาหอน

    “น้องปลอดภัยดีใช่มั้ย รีบออกจากที่นั่น สตาร์ทรถ แล้วหักพวงมาลัยขึ้นถนน ข้างหลังมีรถพ่วงมา ถ้าไม่รีบไป น้องจะถูกรถชนตายที่นั่น เขาคนนั้นที่บอกว่ารักน้องมาก เขาจะเล่นจนถึงตาย พี่บอกได้แค่นี้”

            ปลายสายตัดไป นฤมาศยังไม่คิดอะไร มือก็สตาร์ทรถตามที่บุคคลลึกลับบอก ตอนนี้ในหัวสมองเธอสับสนไปหมด ขับมาได้สักพัก มีรถพ่วงตามหลังมาจริงๆ

           นฤมาศใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้าเครื่องของเธอ ไปตรวจสอบในเวบไซด์พบว่าเป็นเบอร์ตู้สารธารณะ ขณะที่เธอค้นหาก็มีข้อความส่งเข้าที่เพจเจอร์ทั้งๆที่ถอดถ่านออกแล้ว ….อย่าตามหาพี่เลย ถ้าน้องยังไม่เต็มใจไปกับพี่…เหตุการณ์เหล่านี้เธอไม่ได้เล่าให้มารดาฟังเพราะกลัวมารดาเป็นห่วง แต่เธอไม่รู้เลยว่า ด้านมารดาเป็นกังวลใจยิ่งนักเมื่อไปตักบาตรแล้วหลวงลุงถามถึงลูกสาว

    “โยม ลูกสาวกลับมาบ้านมั้ย พามาหาอาตมาที่วัดทีสิ จะรดน้ำมนต์ให้ ตอนนี้มีสิ่งไม่ดีตามลูกโยมอยู่น่ะ” 

      หลวงลุงผู้เป็นพี่ชายของมารดาตั้งใจที่จะบวชไม่สึก ท่านไม่เคยยุ่งเกี่ยวใดๆกับครอบครัว แต่วันนี้มองเห็นน้องสาวแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เสียสามีไปก็เหลือเพียงลูก เขายังตามมาทวงลูกคืนอีก จะอยู่ต่อไปยังไง

    “ว่างๆก็กลับมาเยี่ยมหลวงลุงนะ ท่านบ่นหา” จันทราวดีบอกกับบุตรสาว

    …อย่ากลับไปนะ ไม่งั้นต้องสูญเสียหลวงลุง ใครก็ตามที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือมันจักไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป…นี่เป็นข้อความในเพจเจอร์ หลังจากนฤมาศแค่คิดในใจว่า กลับบ้านไปหาหลวงลุงหน่อยก็ดี

        นฤมาศบ่ายเบี่ยงมารดา ที่จะกลับไปรดน้ำมนต์กับหลวงลุง เพราะก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำเตือนในเพจเจอร์ ยายที่เป็นคนทรงเจ้าหลังรดน้ำมนต์ให้เธอ ยายก็เป็น stroke ไม่นานก็เสียชีวิต สำนักทรงชื่อดังในการสะเดาะห์ หลังเธอไปทำพิธีกลับมาก็เกิดเหตุเพลิงไหม้มีคนเสียชีวิตในกองเพลิง ที่เธอยังเป็นโสดใช่ว่าหน้าตาจะขี้ริ้วขี้เหร่ หากแต่คบใครๆก็มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน มีผีผู้หญิงกอดเธอไว้ทั้งยามหลับและยามตื่น เข้าใกล้ไม่ได้เลย

       ผ่านล่วงเลยมากระทั่งวันนี้ ที่เกิดเหตุการณ์น่ากลัว จนนฤมาศตัดสินใจโทรหามารดา เพื่อบอกว่าจะกลับบ้านคืนนี้เลย 

       นฤมาศลงเวรดึกมากะว่าจะนอนพักผ่อนที่ห้อง หลังซักผ้าเสร็จเธอเก็บผ้าแล้ววางไว้หน้าประตู กะว่าตื่นมาแล้วถึงจะรีดผ้า หลับไปตั้งแต่เที่ยง เธอฝันร้าย ฝันถึงแสงสว่างที่จ้ามากๆ และเธอเองวิ่งหนีอะไรสักอย่าง ทางที่เธอวิ่งไปมันคล้ายกับว่าเป็นรอยเลื้อยของท้องงู

    “มีมนุษย์หลุดเข้ามาหาให้เจอ” เสียงผู้ชายกลุ่มใหญ่ถือคบเพลิงวิ่งค้นหา ระหว่างที่เธอวิ่งไปหลบซ่อน ก็มีเสียงเรียก มาทางนี้สิ เธอเดินตามเสียงนั้นไป ภาพที่เห็นมีประตูฝั่งที่เธอยืนอยู่ และฝั่งตรงข้ามก็มีประตูเช่นกัน มีเชือกเส้นบางๆให้เดินข้ามไป เบื้องล้างเหมือนหม้อน้ำมันขนาดใหญ่ที่กำลังเดือด เบื้องบนเป็นท้องฟ้าหากแต่แดงฉานไปด้วยเพลิงไฟ มีร่างของคนตกลงมาจากฟ้าสีแดงนั่น คล้ายๆเม็ดฝนที่ตกลงพื้น หากแต่เป็นคนที่ตกลงมาและจมลงในกระทะร้อนๆนั่น

    “รีบข้ามมาสิ” เสียงนั้นยังคงดังก้อง นฤมาศเดินไต่เชือกเส้นนั้น ข้ามไปยังประตูพร้อมอีกหลายคนที่เดินไปเหมือนเธอ เพราะเสียงที่ไล่ดังมาจากข้างหลัง บ่งบอกว่าต้องจับตัวเธอให้ได้

    “เจอตัวรึยัง ใครมันปล่อยให้หลุดเข้ามา ได้รับโทษกันถ้วนหน้าแน่” หลายคนที่เดินบนเส้นเชือกพร้อมเธอทั้งผ่านไปยังประตูได้ทั้งตกลงไป เมื่อถึงประตูก็ต้องเดินไปรอตอบคำถาม แต่ทว่านฤมาศไม่ได้ไปตรงจุดนั้น เธอถูกพาเข้าไปยังบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ สวยงามมาก เจ้าของบ้านเป็นคนสั่งให้พาเธอเข้ามา ตลอดเวลาเธอได้ยินเพียงเสียงคุยแต่ไม่เห็นตัว

     “ถ้ามีคนรู้ท่านจะลำบากได้นะ”

    “ไม่เป็นไร ตราบใดที่นางไม่ออกนอกเรือนนี้ก็ไม่มีผู้ใดเห็น” เสียงเจ้าของเรือนพูด

    “น้องอย่าออกจากชายคาเรือนหลังนี้เป็นอันขาด วันนี้งานของพี่เยอะเหลือเกิน ไว้จัดการเรียบร้อยแล้วพี่จะมาหาน้อง ” เสียงนั่น นั่นมันเสียงคนที่โทรมา นี่ตามมาหลอกหลอนกันถึงในฝัน

    เรือนไทยหลังนั้นตั้งอยู่กลางน้ำ ไม่สิทะเลเพลิงไม่ใช่น้ำบนฟ้าก็มีคนตกลงมาไม่หยุดราวสายฝน นฤมาศกำลังจะใช้มือจุ่มน้ำนั้นดูก็มีเสียงดังขึ้น

    “ธาราเลือดนี้ดูดกลืนวิญญาณ ท่านจงกลับขึ้นเรือนเสีย หากนายท่านกลับมาจะพิโรธได้” นฤมาศทำได้เพียงกลับไปรอ บนเรือนไทยซึ่งก็เหมือนบ้านปกติ ยกเว้นรอบๆบ้านที่ดูน่ากลัวราวนรก หรือว่าเราตายแล้วตกนรก 

    “น้องยังไม่ตาย พี่ถึงต้องพากลับไปส่ง กลิ่นอายมนุษย์จะหมดลง และกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน หากน้องอยู่ที่นี่นานเกินไป” เสียงพูดแต่ไม่เห็นคนพูด ครั้งนี้ไม่ร้องไห้ ครั้งนี้ไม่มีเสียงระฆังและเสียงหมาหอน 

    “นายท่าน ถ้ามีคนเห็น ท่านอาจถูกกักบริเณและถูกลงโทษอีกนะขอรับ”

    ไม่มีเสียงตอบ แต่นฤมาศรู้สึกตัวอีกทีคือเขาพาขี่ม้าสีดำ มาตามถ้ำตลอดทางที่มาผนังถ้ำมีกรงเล็กๆคล้ายคุกขังนักโทษ มองเห็นแค่ส่วนศีรษะ และเมื่อมาถึงปากทางถ้ำเธอก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นบิดาของเธอ

    “ทำไมยัยหนูถึงมาที่นี่ขอรับนายท่าน” 

    นฤมาศน้ำตาไหล นั่นบิดาของเธอถูกขังอยู่จริงๆ

    “อย่ากลัวเลยเรากำลังจะส่งนางกลับ ไม่มีใครทำอันตรายนางได้หรอก”

    “ทำไมพ่อถึงอยู่ที่นี่” นฤมาศถามไปร้องไห้ไป

    “นรกนั้นมีหลายชั้นหลายขุม นี่แค่ทางเข้า นี่แค่ที่คัดแยก หาใช่ที่ลงทัณฑ์ พี่คงติดต่อน้องบ่อยเกินไปจนจิตของน้องหลุดลอยตามพี่เข้ามา” เดินออกจากถ้ำไปห้ามหันมามอง เมื่อออกไปแล้ววิ่งให้เร็วที่สุด ไม่ว่าเจออะไรก็ห้ามหยุดดูเป็นอันขาด นี่คือสิ่งที่บุรุษลึกลับผู้นั้นบอก 

      เมื่ออกจากถ้ำ นฤมาศ ต้องเดินผ่านหมู่บ้านมองเผินๆก็เหมือนหมู่บ้านที่เราอยู่ มีคนเดินถือกระเป๋าออกจากบ้าน และมีคนร้องไห้ตาม บางบ้านมีคนกลับมาบ้านก็ต่างดีใจ บ้านหลังเล็กหลังใหญ่แตกต่างกัน นฤมาศเดินมาถึงลำห้วยที่ไม่มีน้ำ ใช่แล้วตรงนี้ที่เธอวิ่งมา น่าจะถึงทางออกแล้ว นฤมาศแหงนหน้าขึ้นมันอยู่ใต้ผิวน้ำนี่เธอกำลังหายใจไม่ออก พยายายมหายใจสินฤมาศบอกกับตัวเอง แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นพร้อมกับอาการหายใจเฮือก หลับไปตั้งแต่เที่ยง ตื่นมาทุ่มครึ่ง….นอนมาฝันมากจริงๆนะนฤมาศเอ้ย… 

           หลังจากตื่นมาก็นั่งทบทวนความฝัน ตอนที่คุยโทรศัพท์ทำไมรู้สึกรังเกียจเขานัก แล้วทำไมในความฝันดูเหมือนว่าเราเคยรักกัน ไม่เจอตัวได้ยินแค่เสียง แต่กลับจินตนาการรูปหน้าที่เฉี่ยวคมตากลมโตดำขลับ คิ้วคมเข้มได้รูป ปากเป็นกระจับ ผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นลอนยาวประบ่า กล้ามอกแน่น กล้ามแขนโต อ้อมกอดนั้นเคยโอบกอดเธอ

             บ้าไปแล้วนฤมาศ คิดอะไรของเธอเนี่ย หลังหยุดความคิด เธอก็ลุกขึ้นจะไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ชั้นล่าง แต่เมื่อบิดลูกบิดประตูจู่ ๆ สติก็ดับลง มีแต่ความมืดมิดนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ กว่าจะรู้สึกตัว ก็สี่ทุมครึ่ง นฤมาศนอนอยู่ปลายเตียง ซึ่งห่างจากประตูประมาณ2เมตร ตระกร้าผ้าที่วางตรงประตู กลิ้งกระจัดกระจาย ความคิดเริ่มลำดับขึ้น เธอเป็นลมตรงประตู หัวน่าจะฟาดพื้นเพราะหัวบวมโน แล้วทำไมเธอมานอนที่ปลายเตียง หรือว่าชัก วูบเดียวนั้นความหวาดกลัวความตายเกาะกุมหัวใจ รีบโทรหามารดาทันที เพื่อบอกว่าพรุ่งนี้จะไปพบหลวงลุง

         หลังจากตรวจดวงชะตา และทำการอาบน้ำมนต์ หลวงลุงก็ได้ย้ำกับหลานสาวและน้องสาว

    “คนเรามีพบย่อมมีพราก ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น จงตั้งสติอย่าอาฆาตพยาบาท อย่าผูกเวรผูกกรรมกันต่อไปเลยนะ หมั่นทำบุญทำกุศลให้มาก จะได้ไม่เสียดายที่ทำน้อยไปก่อนตายจาก”

      แล้วหลวงลุงก็ได้เล่านิทานธรรมให้ฟัง กาลครั้งนึงผ่านมาเป็นหมื่นชาติภพแล้ว มันนานมากจนมนุษย์อย่างเราไม่อาจคาดเดาได้ว่านานแค่ไหน ทรมานเท่าใด ที่ต้องรอคอยคน คนนึงนานขนาดนั้น 

           บุรุษหนึ่งองอาจสง่าผ่าเผย รูปร่างกำยำ เป็นนักรบที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับผู้ใด ท่านหลงรักสตรีนางนึงมาก สตรีผู้ซึ่งสวยเพียบพร้อมเหมาะสมกัน ทั้งหน้าตาและฐานันดรศักดิ์ หากแต่นางมีบิดาผู้ซึ่งรักและหวงแหนบุตรีผู้นี้มาก ถ้าจะยกให้ใครสักคนดูแลต้องแน่ใจว่าบุรุษนั้นมีคุณสมบัติพอที่จะยกนางให้

            ส่วนนางเองผู้ปวรณาตนจะมุ่งสู่นิพพาน ไม่หมายปองเคียงคู่กับบุรุษใดทั้งนั้น แต่เพียงเพราะคำสั่งบิดามิอาจขัดได้ จึงจำต้องร่วมเรียงเคียงหมอน อยู่กินกันมานานเนิ่น นางได้รับความรักและการปรนบัติอย่างดีจากสามี 

            มีเพียงเรื่องเดียวที่สามีทำให้ไม่ได้ คือทุกครั้งที่ไปรบชนะกลับมา ต้องมีอนุภรรยากลับมาที่ราชวังเสมอ สร้างความทุกข์ระทมให้พระนางยิ่งนัก แม้สวามีจะยืนยันว่า รับมาแค่ในนามไม่เคยยุ่งเกี่ยวอันใด แต่พระนางหาเชื่อไม่ 

            ครั้งนี้เช่นกันสวามีได้รับคำสั่งออกรบ พระนางจึงตั้งสัจจะอธิษฐาน จะหนีไปให้ไกลสุดหล้า ชาติภพไหนก็อย่าได้หากันเจอ บุรุษที่ไร้ซึ่งสัจจะ ก็มิควรค่าแก่การครองรักกันอีก วันที่เตรียมหนี สวามีรบชนะแต่ยังไม่ได้กลับเมือง รอพิธีอภิเษกสมรสกับธิดาเมืองนั้นเสร็จจึงจะกลับมา ด้วยความห่วงใยจึงส่งทหารองค์รักข้างกายซึ่งเป็นทหารเอกของสวามีก็ว่าได้ กลับมาแจ้งข่าว 

            นายทหารผู้นี้เดิมทีก็แอบรัก แอบเห็นใจพระนาง เป็นทุนเดิม เมื่อทราบข่าวว่าพระนางคิดที่จะหนีไปเกิดยังโลกมนุษย์ จึงอาสาที่จะพาไป ด้วยหวังจะผูกกรรม ผูกสายใยกับพระนาง 

           หนีไปได้แค่ครึ่งทาง สวามีก็ตามมาพบ ท่านเล็งธนูกะจะยิงทหารเอกผู้นั้น แต่กลับพลาดไปโดนขาขวาของพระนาง ลูกธนูทะลุจากด้านหลังน่องมาที่หน้าขา ความเจ็บปวด บวกกับความเสียใจ นางจึงกล่าวาจาสิทธิ์ออกมา ขอให้นี่คือภพชาติสุดท้ายที่เราเจอกัน ไม่ว่าน้องไปที่ใดขออย่าให้ท่านพี่หาน้องพบอีกเลย ทหารเอกผู้นั้นต้องพระศรและตกลงมา มีเพียงพระนางที่หนี้พ้นขึ้นยังผิวน้ำ     

         ความผิดที่มีจิตปฏิภักดิ์ต่อมเหสีของนาย จึงต้องคำสาปให้ไปชดใช้กรรมอยู่เพียงลำพังในดินแดนวิญญาณ ดินแดนที่มีแต่ความทุกข์ระทม อย่าได้หลุดพ้นจนกว่าจะหานางเจออีกครั้ง ใครที่ให้ความช่วยเหลือปกปิดและเปิดทางให้พระนางหนี มันผู้นั้นต้องได้รับโทษทัณฑ์เช่นกัน ดวงวิญญาณจะพ้นคำสาปก็ต่อเมื่อนำพาพระนงมาคืนแก่พระองค์

        ผ่านมาเป็นหมื่นชาติภพ ไม่มีใครเคยได้เจอพระนาง คนนึงคิดจะหนี อีกคนเฝ้ารอคอยและพลิกดินพลิกฟ้าตามหา อีกคนเฝ้าบำเพ็ญเพียรบารมี เพื่อให้เกิดมาคู่ควรกับนางอันเป็นที่รัก สองบุรุษหนึ่งสตรี 

    “แม้นหากเจ้าลาจากภพนี้ไปแล้ว แม้นหากเจ้าจำได้ เราผู้ซึ่งเคยรับใช้ใกล้ชิด เราผู้ซึ่งเปิดทางให้เจ้าได้หนี ขออสิกรรมและขอชดใช้แด่นายท่าน โปรดปลดปล่อยพระนางไปด้วยเทอญ”

       นั่นคือคำสั่งเสียก็ว่าได้เพราะหลังจากนฤมาศกลับมา ก็ได้ข่าวร้ายจากมารดาเรื่องการละสังขารของหลวงลุง

       ตั้งแต่นั้นมานฤมาศก็ไม่คิดที่จะไปสะเดาะเคราะห์ที่ใด ขึ้นเวรทำงานดูแลคนไข้อย่างเต็มที่ มีเวลาก็ไม่เข้าวัดฟังธรรม แต่อาจเพราะกรรมที่ผูกวาสนากันมา จิตจึงยังคงคิดนิวรณ์ถึงบุรุษผู้นั้น หากท่านรักเราด้วยใจจริงโปรดตัดสายแนนและตัดขาดสัมพันธ์กันในทุกๆชาติเทอญ …ไม่มีทางที่เจ้าจะหนีเราได้ เราจะตามหาเจ้าให้เจอในทุกภพชาติเจ้าจะได้เกิดอีกเพียง5ภพชาติเท่านั้น แล้วเจ้าต้องได้กลับมาหาเราดังเดิมไม่มีทางที่จะไปสู่นิพพาน…นี่คือคำกล่าวของสวามี

    …พี่จะตามไปคอยดูแลปกป้องเจ้าทุกภพชาติไปบุญใดๆที่ได้สั่งสมมาขอเพียงให้น้องยาเจ้าหันมามองพี่บ้างเป็นพอ….เสียงของคำอธิษฐานที่ล่องลอยมาจากแดนวิญญาณที่ถูกสาปให้อยู่อย่างทุกข์ทรมาน

        แล้วเธอล่ะ เธอเหลือเวลาในชีวิตที่จะบำเพ็ญบารมีอีกนานแค่ไหน จะหนีไปจากบุรุษเหล่านี้ได้หรือไม่ บ่วงกรรมนั้นน่ากลัวยิ่งนัก

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×