คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : Hybrid :: Special II {JunHao}
Special II
Before {JunHao}
ร่างของหญิงชายคู่หนึ่งยืนมองเด็กชายที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่บนเก้าอี้นวมตัวยาวทั้งที่มีของเล่นสีสวยวางอยู่ข้าง
ๆ ผิดแผกจากเด็กทั่วไปด้วยท่าทีหนักใจเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะฝ่ายหญิงซึ่งตอนนี้ได้ถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อยได้
“คิ้วขมวดหมดแล้ว” ชุนฮวางพูดพลางลูบไหล่มนของภรรยาพร้อมกับใช้มืออีกข้างจิ้มหว่างคิ้วของคนตัวเล็กเบา
ๆ
“โถ่ ก็ฉันเป็นห่วงลูกนี่เฮีย
ตอนอยู่ที่จีนก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว พอมาอยู่ที่นี่ยิ่งไม่พูดเลย” จินอินเม้มปาก
สายตายังคงมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่ไม่วางตาอย่างเป็นห่วง
จุนฮุยเป็นเด็กที่ค่อนข้างเงียบและมนุษย์สัมพันธ์ไม่ใคร่ดีเท่าไหร่นักและไม่ค่อยร่าเริงเหมือนตอนอยู่ที่จีน
ดังนั้น จากการที่เด็กชายมีเพื่อนน้อยอยู่แล้ว
เมื่อย้ายมาอยู่ที่เกาหลีเรียกได้ว่าไม่มีเพื่อนเลยด้วยซ้ำ
แถมคนเกาหลีส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมรับชาวต่างชาติสักเท่าไหร่นัก
“ฉันว่าแกน่าจะเหงานะ”
“งั้นหาน้องให้แกไหมล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
เรียกฝ่ามือบางฟาดลงที่มือซนดังผัวะ ดวงตาคล้ายกวางมองผู้เป็นสามีตาเขียวปั้ด
“ฉันจริงจังนะเฮีย” จินอินทำหน้าเครียดจนชุนฮวางยอมเลิกทำเป็นเล่น
“อาจุนก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ป๊าเสี่ยวอินเสียแล้วนี่นา”
“ก็แกรักอากงแกมาก นางจิงสือก็ปากไวเสียเหลือเกิน”
หญิงสาวบ่นพาดพิงถึงคนใช้ของผู้เป็นพ่อของตนที่จีนซึ่งปากพล่อยไม่เข้าเรื่อง
ตะโหนแหกปากเสียลั่นบ้านว่าหลินฝ่านจื่อพ่อของเธอเสียชีวิตแล้วทันทีที่รู้เรื่อง
ทั้ง ๆ ที่เธอและสามีตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับเด็กชายหลังจากงานศพสิ้นสุดและได้นำร่างเข้าไปในสุสานเป็นที่เรียบร้อย
แถมจุนฮุยเป็นเด็กที่เรียนรู้ไว รู้อะไรมากกว่าเด็กทั่วไปเสียอีก
“ก็นะ ลูกเราก็ใช่ว่าไม่รู้ความ คงจะสะเทือนใจอยู่มาก
แต่ถ้าให้แกรู้เป็นคนสุดท้ายอาจจะเสียใจยิ่งกว่าเดิมก็ได้นะ”
“แต่ตอนนี้อาจวิ้นแกจะไม่มีเพื่อนแล้วนะเฮีย”
จินอินชะโงกหน้ามองลูกชายคนเดียวที่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นนั่งนิ่ง
มองหนังสือเล่มหนาบนตักแทน
“บางทีแกอาจจะเหงาอย่างที่เสี่ยวอินบอกก็ได้”
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะเฮีย”
ชุนฮวางไม่ตอบ แต่ส่งยิ้มเหมือนกับรู้อะไรบางอย่างให้แล้วดึงตัวภรรยาสุดที่รักไปที่ห้องทำงานส่วนตัว
ค้นหาอะไรบางอย่างจากซองจดหมายที่ถูกวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะแล้วหยิบซองสีเหลืองครีมออกมาส่งให้จินอิน
“อะไรเหรอเฮีย”
“เปิดดูสิ”
คุณนายของบ้านเลิกคิ้วแล้วเปิดซองออกอ่านตามที่คนอายุมากกว่าบอกแล้วไล่อ่านไปตามตัวอักษรภาษาเกาหลีด้วยความยากเย็น
“ตุ๊กตาที่สามารถทำทุกอย่างได้เหมือนมนุษย์ คิดได้
รู้สึกได้อย่างนั้นหรือ ฉันว่าแอบน่ากลัวหน่อย ๆ นะ”
“เฮียว่าไม่ค่อยต่างจากตุ๊กตาของเสี่ยวอินเท่าไหร่นะ” ชุนฮวางพึมพำ
“แล้วเสี่ยวอินคิดว่าอย่างไรล่ะ”
“อย่างไรก็ต้องยอมล่ะเฮีย”
จินอินเม้มปากมองใบปลิวในมือด้วยสายตาที่ท้อแท้
“ถ้ามันให้อาจวิ้นจะมีสังคมอย่างคนอื่นเขา ฉันยอมหมด”
เด็กชายตัวผอมเก้งก้างนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
วรรณกรรมเยาวชนชื่อดังเล่มหนาที่เห็นเพื่อนในห้องพูดถึงกัน มือผอมกรีดกระดาษด้านที่หนากว่าไปอย่างเบื่อหน่าย
ต่อให้เรื่องราวตรงหน้าจะสนุกขนาดไหน
เหวินจุนฮุยกับหนังสือก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกกันอยู่ดี
จุนฮุยหาวหวอด
หากไม่ใช่เพราะว่าเพื่อนในห้องพูดถึงกันล่ะก็เขาจะไม่มีวันชายตามองเจ้าหนังสือเล่มนี้บนชั้นเป็นอันขาด
ภาษาเกาหลีเรียงกันเป็นพรืดเริ่มทำให้เขาปวดหัว บางคำก็แปลได้
แต่ส่วนใหญ่นั้นแปลไม่ได้ จะเรียกได้ว่าแปลไม่ออกก็ได้
ในเมื่อจับออกเป็นแต่บางคำเท่านั้น
“อาจวิ้น”
เด็กชายเงยหน้ามองตามเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ซึ่งยืนส่งยิ้มหวานให้เหมือนอย่างเคย
แต่วันนี้กลับพาคนแปลกหน้ามาด้วย
อีกฝ่ายเป็นเด็กชายตัวเล็กกว่าเขาอยู่มาก
ดวงตากลมชั้นเดียวมองมาทางเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นทำให้ปรากฏเค้าลางของความวุ่นวายอยู่ไม่ไกล
ส่วนนั้นอายุประมาณหกขวบหรืออ่อนกว่าตัวเขาสองปีได้
“หมิงฮ่าวเขาจะมาอยู่กับเราตั้งแต่วันนี้”
จุนฮุยมองเด็กที่ชื่อหมิงฮ่าวแล้วก้มลงไปอ่านหนังสือต่ออย่างไม่นึกสนใจถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยอยากอ่านเจ้าเล่มนี้สักเท่าไหร่ก็ตามแต่มันก็น่าจะดีกว่าคุยกับเด็กคนนั้น
ทำให้จินอินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ก่อนจะก้มลงไปคุยกับตุ๊กตาข้างตัวด้วยน้ำเสียงอารี
“หนูเล่นกับพี่เขานะ ถ้ามีอะไรก็เรียกฉันได้”
“ครับ คุณหลิน”
เด็กชายตัวเล็กพยักหน้าก่อนจะรอให้หญิงสาวเดินออกไปจากห้องจึงวิ่งไปกระโดดขึ้นบนโซฟาจนเบาะกระเทือนแล้วนั่งลงข้าง
ๆ คนอายุมากกว่าที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่
จุนฮุยเหลือบมองสมาชิกใหม่ของบ้านก่อนจะเปลี่ยนท่ามานั่งพิงที่เท้าแขนบุนวม
หันด้านปกหนังสือเข้าหาเด็กที่ชื่อหมิงฮ่าว
พยายามทำไม่สนใจอีกฝ่ายที่กำลังทำตัวอยากรู้อยากเห็นจนน่ารำคาญ
“ฉันจะอ่านหนังสือ” เขาพูดเสียงหน่าย
“แต่คุณหลินให้ผมมาเล่นกับคุณนี่” เด็กชายร่างเล็กพึมพำตอบ
“แต่ฉันไม่อยากเล่น” จุนฮุยตอบปัดไปอย่างรำคาญ แต่ดูแล้วสมาชิกใหม่ท่าทางจะไม่ยอมเชื่อฟังกันแถมยังชะโงกหน้ามองมาจากหลังหนังสืออยู่เนือง
ๆ จนต้องยอมวางของในมือลงแล้วนั่งขัดสมาธิจ้องหน้าอีกคนแทน
หมิงฮ่าวยิ้มกว้างอย่างดีใจแล้วมองอีกคนตอบก่อนจะเริ่มบทสนทนาด้วยคำถาม
“คุณชื่ออะไร” เจ้าหนูตัวเล็กเอ่ยอย่างไม่นึกเกรงกลัวสายตาที่พร้อมเหวี่ยงด้วยความรำคาญของคนตรงหน้า
“จุนฮุย” เจ้าของชื่อตอบเสียงเรียบ
“คุณจุน”
“จะเรียกอะไรก็ตามใจนายเถอะ” จุนฮุยยกมือขึ้นกอดอก
“อื้อ หมิงชื่อหมิงฮ่าวนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“แล้วนี่จะเล่นอะไรล่ะ”
“หมิงให้คุณเลือก” หมิงฮ่าวพูดแต่กลับมองเกมกระดานที่วางอยู่แถวนั้นตาไม่กระพริบ
เด็กชายตัวสูงเหลือบมองของเล่นที่คนตรงหน้ากำลังจ้องอยู่แล้วโคลงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะลุกเดินไปหยิบกล่องเกมกระดานไปนั่งบนพื้น
“สองตาพอนะ”
เพียงแค่นี้ก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากริมฝีปากเล็กแล้วเสียงร้องดีใจก่อนจะตามมาด้วยการที่อีกฝ่ายวิ่งจี๋ไปนั่งฝั่งตรงข้ามคนที่หยิบของเล่นมาไว้บนพื้น
ดวงตาคู่กลมฉายแววดีใจสุดขีดราวกับพบเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
แถมไม่มีเหตุผลสักนิดว่าทำไมเขาต้องยอมเล่นกับเจ้าเด็กตรงหน้าด้วยทั้ง ๆ
ที่จะปล่อยให้ชะโงกหน้าดูอย่างนั้นจนเมื่อยไปเอง แต่พอเห็นตากลม ๆ
คู่นั้นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะอะไรกันนะ
♤
สองเดือนแล้วที่หมิงฮ่าวมาอยู่ที่บ้านหลังนี้
ตอนนี้เป็นกลางเดือนมิถุนายน อากาศจึงค่อนข้างอบอ้าวอยู่ไม่น้อย หมิงฮ่าวจึงเลือกที่จะชวนจุนฮุยออกมาเล่นในสวน
แต่นอกจากเหตุผลในเรื่องของอุณหภูมิแล้วก็มีเหตุผลที่สำคัญมากกว่านั้น
และวันนี้เป็นวันเกิดของจุนฮุย
“ปิดตาทำไมเนี่ย”
เด็กชายที่ก้าวเข้าสู่อายุเก้าขวบในวันนี้ถามคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงที่ใจดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
ตอนนี้เท้าเปล่าของเขารู้สึกถึงพื้นหญ้าที่ชื้นนุ่มด้วยเพราะเจ้าเด็กตัวเล็กพาเขาออกมาโดยไม่ทันได้ใส่รองเท้า
“เดี๋ยวคุณก็รู้”
หมิงฮ่าวหัวเราะคิกคักแล้วลากอีกคนมายืนตรงกลางสวนก่อนจะปล่อยมืออีกฝ่ายออก
จุนฮุยยืนนิ่ง ฟังเสียงลมพัดเบา ๆ รออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมีแรงกระตุกเบา ๆ
ตรงชายเสื้อนอนพร้อมเสียงเล็กเสียงเดิมที่บอกว่าให้เปิดที่ปิดตาออกได้จึงดึงผ้าคาดตาออก
ภาพสวนหลังบ้านที่ยังคงเป็นเหมือนเดิม
แต่ที่ต่างไปคือไฮเดรนเยียทุกกระถางที่บานสะพรั่งไล่สีไปตั้งแต่น้ำเงินเข้มถึงม่วงเข้มและเด็กตัวสูงเท่าโหนกแก้มที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง
ๆ และในมือมีช่อดอกไม้กระดาษพับหลากสีที่ดูยับยู่ยี่แต่ก็พอรู้อยู่ว่าตั้งใจทำแค่ไหน
“ดอกไม้นี่หมิงให้นะ”
หมิงฮ่าวพูดพลางยื่นดอกไม้กระดาษในมือให้คนตรงหน้า
คนตัวสูงกว่าพยักหน้าแล้วรับของขวัญจากอีกฝ่ายมาถือไว้
“ขอบใจนะ”
“สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณจุน”
ตุ๊กตาตัวเล็กเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“เฮีย” จุนฮุยพูด
“ครับ”
“เรียกว่าเฮียก็ได้”
หมิงฮ่าวเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างงง ๆ
แล้วพยักหน้ารัวก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้อีกครั้ง
“ได้ครับเฮีย”
♤
“ดูนี่นะ”
เด็กหนุ่มอายุสิบห้าปีพูดพลางยกกระดาษกับปากกาขึ้นให้อีกฝ่ายดู
สิ่งที่เซอร์ไพรซ์ล่าสุดที่เขาได้ยินมาล่าสุดคือเมื่อสองปีก่อน เรื่องที่หมิงฮ่าวเป็นตุ๊กตา
อึ้งไปอยู่สองสามวันแต่ก็กลับมาคุยกับหมิงฮ่าวได้เหมือนเดิมแม้จะตะขิดตะขวงอะไรอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตาม
ไฮบริดตัวเล็กมองสองสิ่งในมืออย่างไม่สนใจนักในเมื่อสองอย่างนั้นเป็นแค่ของธรรมดา
ๆ สองอย่าง เห็นดังนั้นจุนฮุยจึงใช้ปากกาทิ่มลงบนกระดาษอย่างแรงจนทะลุ
หมิงฮ่าวมองก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
คนอายุมากกว่ากระตุกยิ้มแล้วดึงเปลี่ยนที่ตัวปากกาไปมาแต่กลับไม่มีรูขาดหลงเหลืออยู่
“ทำได้ไง” ร่างโปร่งดึงกระดาษมาดูด้วยความสนใจระคนสงสัย
“บอกไปก็ไม่ใช่มายากลสิ”
จุนฮุยหัวเราะแล้วเก็บปากกาใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะหันไปมองวิวของสองข้างทางแล้วเปิดกระจกรับลมจากด้านนอก
ตอนนี้เขา พ่อ แม่
อาของเขาและหมิงฮ่าวกำลังอยู่บนรถที่กำลังเดินทางไปที่ปูซานเพื่อท่องเที่ยวยกเว้นอาสะใภ้ที่อ้างว่าไม่สบาย
แต่ก็ดีที่มากันแค่คนในครอบครัว
“เหอะน่า บอกผมหน่อยนะ” มือเรียวจับแขนเสื้อกันลมของคนอายุมากกว่าเขย่าไปมาหวังให้อีกคนใจอ่อน
แต่ก็ดูเหมือนว่ารอบนี้จุนฮุยจะเป็นฝ่ายทำใจแข็งได้สำเร็จ
สักพักตัวของเด็กหนุ่มก็มีอาการผะอืดผะอมเพราะเมารถจนต้องเอ่ยปากขอแลกที่กับตุ๊กตาข้างตัวซึ่งตัวของหมิงฮ่าวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรจึงยอมแลกที่ไปแต่โดยดี
รถโดยสารหกที่นั่งแล่นต่อไปเรื่อย ๆ
จนถึงทางโค้งซึ่งออกจากรั้วเหล็กไปนั้นคือหน้าผาสูงชัน ชุนฮวางที่เห็นจุดอันตรายตรงนั้นตั้งแต่มันเข้ามาในสายตาจึงค่อย
ๆ แตะเบรกเพื่อชะลอก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ
“หืม ?”
แทนที่ความเร็วจะลดลง กลับกลายเป็นว่ายังคงวิ่งด้วยความเร็วเท่าเดิม
เบรกดันทำงานไม่ได้อย่างกะทันหันทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังคงใช้ได้อยู่แท้ ๆ
เสียงกรีดร้องของคนในรถดังขึ้นเมื่อยานพาหนะพุ่งชนเหล็กกั้นอย่างแรงแล้วร่วงลงไปในหน้าผา
เสียงโครมครามดังลั่นแต่เพราะตรงนี้ไม่ใช่ถนนสายหลักจึงไม่ใช่ว่าจะมีใครได้ยินง่าย
ๆ
กองเหล็กกองใหญ่หยุดค้างเติ่งอยู่บนต้นไม้สูงใหญ่
หวาดเสียวว่าจะร่วงหล่น คนที่ได้สติคนแรกอย่างชุนฮวางลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก
อาการแสบตาที่ตาข้างขวาทำให้ลืมตาได้เพียงข้างเดียว เขาค่อย ๆ
ดันแอร์แบ็คออกก่อนจะหันไปมองด้านหลัง
ร่างทั้งสามที่อยู่บนเบาะหลังนั้นไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บมากสักเท่าไหร่นักและยังคงมีสติอยู่ดีทั้งสามคนแต่กำลังตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย
เมื่อเห็นดังนั้นจึงเอื้อมมือไปสะกิดน้องชายที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับซึ่งมีสภาพที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก
“ฝู…
อาฝู”
คนถูกเรียกลืมตาขึ้นก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยแล้วตามมาด้วยเสียงบางอย่างเหมือนคลับคล้ายคลับคลาว่าไม้ที่รองรับรถน้ำหนักไม่ต่ำกว่าร้อยกิโลไว้อยู่นั้นคงใกล้จะหักไม่ช้า
“ฉันจะโทรหากู้ภัย”
จินอินพูดเสียงตื่นแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจะโทรออกแต่กลับไม่มีสัญญาณอยู่ตรงบริเวณนี้เสียอย่างนั้น”
“เราต้องหนี” ตงฝูพูดก่อนจะชะโงกหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างรถ
“ตรงนี้เป็นต้นไม้ ยังพอมีที่ให้ปีนหนีได้”
“เรารอกู้ภัยไม่ดีกว่าหรือ” จินอินถามเสียงสั่น
“รอไม่ได้แล้วแหละ” ชุนฮวางเอ่ยเสียงต่ำ
“แถมแถวนี้คนไม่ค่อยผ่าน ตอนนี้เรามีเวลาจำกัดเสียด้วย
ถ้ารอกู้ภัยก็ไม่รู้ว่าจะมาทันหรือเปล่า”
“แต่…”
“อาฝู ประตูข้างแกยังเปิดได้อยู่หรือเปล่า”
ตงฝูเอื้อมมือไปเปิดประตูรถฝั่งของตนอย่างเบามือก่อนจะผลักให้อ้าออก
เห็นดังนั้น
หัวหน้าครอบครัวจึงหันไปบอกกับอีกสามคนข้างหลังด้วยสีหน้าและสายตาเคร่งเครียด
“ไม่เอาน่าเฮีย” หญิงสาวพูดเสียงแผ่ว “ถ้าตกลงไปล่ะ”
“ตกต้นไม้อย่างมากก็ขาหัก แขนหัก
แต่ถ้าตกลงไปพร้อมรถอาจจะมากกว่านั้น”
“ต้องแบบที่ป๊าพูดแล้วนะครับม๊า”
จุนฮุยเสริมทำให้จินอินไม่มีทางเลือกต้องยอมออกจากรถไปยังต้นไม้ที่ดูท่าทางจะล้มแหล่มิล้มแหล่
น้องชายเจ้าของบ้านจึงปีนออกไปคอยอยู่ที่กิ่งใหญ่ซึ่งดูแข็งแรงที่อยู่ไม่ไกลเพื่อรอรับคนที่เหลือโดยไม่ลืมเอนหลังเบาะให้คนข้างหลังได้ออกมาได้เนื่องจากประตูหลังนั้นบุบจนไม่สามารถเปิดได้
คุณนายหลินก้าวลงจากรถอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วจึงถูกดึงให้ไปรออยู่ตรงกิ่งใกล้ ๆ
ตามด้วยชุนฮวาง
“มา หมิงฮ่าว”
ไฮบริดพยักหน้าแล้วยื่นมือจะไปจับขอบประตูเพื่อออกจากรถโดยมีเด็กหนุ่มช่วยดันอยู่ด้านหลัง
เป๊าะ!
“ป๊า!
/ คุณเหวิน!”
เสียงตะโกน เสียงสิ่งของกระทบลงกับพื้นดังโครมใหญ่
ความรู้สึกเจ็บที่แล่นไปทั่วร่างทำเอาตัวเขาเองแทบจะพูดหรือขยับตัวไปไหนไม่ได้ ผิวหนังรู้สึกถึงพื้นดินแข็งกระด้างที่มีหญ้าคลุมอยู่เพียงน้อยนิดก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลงและเงียบสนิท
และนั่นคือส่วนที่ขาดหายไปของเหวินจุนฮุย
----------------------------
เราต้องขอโทษทุกคนมากๆเลยนะคะ เพราะลงช้ามากอิเวน ฮือ
เหตุผลของเราคือแม่เราเอาเครื่องไปบูทใหม่แล้วไฟล์หายเกลี้ยงเลย
แถมเราก็สะเพร่าไม่มีไฟล์สำรองติดแฟลชไดรฟ์ไว้ด้วย
แล้วก็ง่าวเองอีกเพราะลืมว่ามีไฟล์เรื่องนี้อยู่ในกูเกิ้ลไดรฟ์ด้วย
ผิดเต็มประตูจริงๆเลยค่ะเรื่องนี้ ขอโทษทุกคนด้วยจริงๆนะคะ
#ฟิคไฮบริดมินวอน
@yinde119
ความคิดเห็น