คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : Hybrid :: Special I {MinWon}
Special I
Memory {MinWon}
เขาปรือตาขึ้นแต่เป็นการลืมตาที่ไม่เหมือนลืมตาเพราะรอบด้านนั้นมืดสนิท
พลันแสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้นรอบตัวจนเขาต้องยกมือป้อง ก่อนที่แสงนั้นจะมืดลงกลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมสีขาวคล้ายห้องพักในโรงพยาบาลมีเขาเพียงคนเดียวอยู่ในห้องนั้นกับอุปกรณ์มากมายและกล้องวงจรปิดตรงมุมห้องมุมหนึ่งก่อนที่จะหันไปมองที่ด้านหัวเตียง
อ่านข้อความบนป้ายอะคริลิคสีเขียว ซึ่งคงเป็นชื่อของเขา
คิม มินกยู
ในขณะที่กำลังสำรวจห้องพักอยู่นั้น
ร่างเล็กของใครคนหนึ่งได้เปิดประตูเข้ามา
ใบหน้ากลมที่ประดับด้วยรอยยิ้มใจดีเดินเข้าไปหาเขา ป้ายชื่อเล็ก ๆ
บนอกขวาทำให้รู้ว่าคนแปลกหน้าตรงหน้าชื่อว่าอะไร
จีฮุน
“สวัสดี”
“…”
เขาไม่ตอบ ริมฝีปากเล็กยังคงปิดสนิทไร้การขยับเขยื้อน แต่ชายหนุ่มก็ยังคงพยายามชวนคุยเหมือนพยายามสร้างปฏิสัมพันธ์ ถึงอย่างไร ร่างเล็กบนเตียงนั้นยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีการตอบกลับใด ๆ ทั้งสิ้นจนคนแปลกหน้าเริ่มท้อ ดวงตาเรียวรีมองมินกยูตาไม่กระพริบแม้เพียงอึดใจจนเจ้าของห้องชั่วคราวรู้สึกอึดอัด
“คุณต้องการอะไรกันแน่” มินกยูถามด้วยความสงสัย
ผู้มาเยือนจึงหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะตอบไป
“ให้เธอพูด นั่นก็พอแล้วแหละมินกยู”
ชายร่างสันทัดยกมือขึ้นกอดอก “ฉันชื่อจีฮุน อีจีฮุน”
“ครับ” มินกยูพยักหน้า “แล้วผม…”
“มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ? ใช่ไหมล่ะ” จีฮุนเอ่ยอย่างรู้ทันแล้วเดินตรงไปหาเด็กชายบนเตียงคนไข้
มือเรียวดึงสายมากมายที่ติดอยู่บนศีรษะกลมออกพลางตอบคำถามไปด้วย
“เดี๋ยวก็จะมีคนมารับเธอแล้ว ตอนนั้นคงจะรู้เอง”
“ใครจะมารับผม” ไฮบริดตัวเล็กถามอีกครั้งด้วยความสงสัย
“ครอบครัวของเธอ”
คำตอบของอีกคนยังคงทำให้มินกยูหายข้องใจอยู่ไม่มากก็น้อย
ครอบครัวของเขาเป็นใคร ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
ทำไมถึงจำอะไรก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยสักนิดเดียว
คำถามมากมายตีปนกันอยู่ในสมองจนเริ่มรู้สึกปวดหัวหน่อย ๆ
จนกระทั่งตอนที่ถูกจับแต่งตัวใหม่ด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวกางเกงขาสั้นคำถามก็ไม่มีแววจะลดลงเลยสักนิดเดียว
มีเพียงแต่จะเพิ่มมากขึ้นไปอีก
จนกระทั่งถูกพามาหาหญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานซึ่งกำลังนั่งรออยู่
เธอมีหน้าตาที่ใจดีอยู่ไม่น้อย เจ้าหล่อนคุยอยู่กับจีฮุนประมาณสองสามนาทีแล้วจึงขอตัวลากลับพร้อมกับจูงมือไฮบริดตัวเล็กออกไปด้วย
“เธอชื่อคิมมินกยู พ่อกับแม่ของเธอเสียไปแล้ว ส่วนน้องสาวเธอเรียนอยู่ที่อเมริกา เพิ่งกลับไปเรียนต่อเมื่อไม่นานนี้เอง ฉันเป็นป้าของเธอ ป้าแท้ ๆ เชียวแหละ พ่อของเธอเป็นน้องชายของฉัน…”
ประวัติของเขาถูกร่ายยาวไปตลอดเวลาที่อยู่บนรถจนกระทั่งถึงบ้านทำให้ทราบคร่าว
ๆ ว่าเขาเป็นหลานชายคนโตเพียงคนเดียวและประสบอุบัติเหตุขับรถชนเสาไฟฟ้าเพราะเบี่ยงหลบรถที่วิ่งย้อนศร
แน่นอน ช่วงไม่กี่เดือนแรกป้าของเขาทำดีกับเขา
ดูแลเขาเป็นอย่างดีจนมินกยูวางใจและรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นป้าแท้ ๆ
และเริ่มเปิดใจรับ แต่เพียงช่วงประตูแง้มก็เริ่มไม่มั่นใจนักว่ามันคือบ้าน… หรือว่าสถานที่ที่มีเพียงว่าบ้านประดับเป็นชื่อกันแน่
“ทำอะไรของแก!”
นั่นคือครั้งแรกที่ผู้เป็นป้าตวาดและตีเพียงแค่ทำแก้วพลาสติกตกพื้น
ช่วงแรก ๆ ยังพอทำความเข้าใจได้แต่ภายหลังเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ
การว่ากล่าวรุนแรงขึ้นทุกที ถ้อยคำเริ่มทวีความหยาบคายแม้บางทีจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตามและมีการใช้กำลังเมื่อมีโอกาส
จนกระทั่ง…
เพล้ง!
มินกยูผงะถอยหลังไปเมื่อแจกันกระเบื้องเคลือบมุกของหวงของเจ้าของบ้านตกสัมผัสพื้น
มือเล็กยกขึ้นปิดหูเพราะความตกใจ ขาสองข้างยังคงยืนนิ่งไม่ขยับวิ่งหนีไปไหนจนกระทั่งหญิงวัยกลางคนวิ่งตึงตังมาจากชั้นสองมาหาด้วยใบหน้าโกรธเคืองก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธจัดเมื่อเห็นเศษกระเบื้องที่กระจายอยู่เต็มพื้น
“ทำอะไร!”
“ผม…
ผม” เด็กชายละล่ำละลักจนคนเป็นป้าเริ่มรำคาญ มือที่เหี่ยวย่นไปตามเวลาเอื้อมไปจับต้นแขนเล็กเขย่าไปมาจนศีรษะเล็กสั่นไปมาและเริ่มเวียนหัว
“แกรู้ไหมว่ามันราคาเท่าไหร่!"
“ผมขอโทษ”
“ขอโทษแล้วมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม! หา!”
“ป้าครับ ผมเจ็บ”
มินกยูพูดเสียงสั่นน้ำตาคลอเนื่องจากแรงบีบที่แขน หญิงวัยกลางคนปล่อยมือข้างหนึ่งมาตีขาของไฮบริดตัวเล็กจนขึ้นรอยแดงเป็นรูปฝ่ามือแล้วเหวี่ยงตัวของอีกฝ่ายลงกับพื้น
ตัวโดนเศษกระเบื้องเป็นแผลถลอกสองสามที่
พลันอาการหายใจไม่ออกก็แล่นขึ้นมา
ตัวของมินกยูได้แต่ยืนมองภาพนั้นสลับกับป้าของคนด้วยสายตาไม่เข้าใจ ทำไมไม่คิดจะช่วยกันสักนิด
ได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้นด้วยสายตาที่ดูมีความสุขเหลือเกินเสียอย่างไรอย่างนั้น
ภาพถูกกรอไปจนถึงตอนที่เขาอยู่ในร้านนั้นอีกครั้ง
ตุ๊กตาตัวเล็กนั่งอยู่คนเดียวที่ใต้ชั้นวางและกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ไว้แน่นก่อนจะมีชายหนุ่มตัวสูงเดินเข้าไปหา
มินกยูยืนมองภาพนั้นอยู่ไกล ๆ ทั้งที่ในใจอยากจะเดินเข้าไปหาใจจะขาด อยากเข้าไปกอดผู้ชายคนนั้น
บอกว่ารักเขาเพียงไร
ความทรงจำถูกกรอต่อไปผ่านเรื่องราวมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องตอนไปโรงเรียนครั้งแรก
ตอนซ้อมบาสจนเย็น ตอนได้รางวัล ตอนอยู่กับเพื่อน รวมถึงตอนจูบ…
ยิ่งเห็นยิ่งอยากกลับไปอยู่ตรงนั้น อยากกลับไปแชร์ช่วงเวลาดี
ๆ ด้วยกันกับทุกคนอีกครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้นก็ราวกับถูกใครกระชากให้ออกจากภาพนั้นกลับมาอยู่ในที่ที่มืดสนิทอีกครั้ง มินกยูปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพของห้องพักในโรงพยาบาลปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อหันไปมองตรงโซฟาข้างเตียงก็เห็นน้องสาวของเขานอนเหยียดยาวอยู่ด้วยใบหน้าที่ไม่สบายใจเอาเสียเลย
“อา…”
หญิงสาวที่นอนหลับตาอยู่สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งจากข้างตัว
เธอหันไปมองก่อนจะทำหน้าดีใจสุดขีดลุกขึ้นโผเข้าไปกุมมือพี่ชายแท้ ๆ
ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาคลอ
“พี่”
“มิน…”
“อย่า อย่าเพิ่งพูดเลย”
คนเป็นน้องพูดพลางกดสัญญาณเรียกพยาบาลให้เข้ามาดูอาการ
เท่าที่ทราบคือตัวของเขาได้รับอุบัติเหตุขับรถชนเสาไฟฟ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสหมดสติไปเกือบปี
ตอนแรกหมอบอกว่าเขามีโอกาสไม่รอดสูงมากแต่ก็ยังอุตส่าห์แข็งใจสู้ต่อแม้จะมีครั้งหนึ่งที่ความดันสูงจนอยู่ในสภาวะอันตราย
แต่หลังจากนั้นก็อาการทรงตัวมาโดยตลอด
แต่เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็ต้องใช้เวลาทำกายภาพบำบัดอยู่นานพอสมควรจนได้ออกจากโรงพยาบาลในสามเดือนต่อมา
และวันที่ออกจากโรงพยาบาลนั้นเอง
“ขอโทษครับ”
จะบอกว่าเขาคิดถึงอีกคนมากเกินไปคงไม่ใช่นัก
และภาพหลอนคงไม่มาเดินชนได้ แถมเสียงทุ้ม ๆ นั่นเสียอีก
ผิวขาวซีดและเสี้ยวหน้าหวานนั่นเสียอีก ต้องไม่ผิดแน่ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยทัก
อีกฝ่ายกลับรีบเดินหนีไปโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยปากทักเลยสักแอะ
(เฮ้ยมึง ไปเที่ยวกัน)
ทันทีที่หาย สามอาทิตย์ต่อมาพวกเพื่อนตัวดีก็ชวนลากกันไปเที่ยวกลางคืนถึงแม้ร่างกายจะไม่ฟื้นดี
แต่ว่านาน ๆ ทีจะได้เจอเพื่อนฝูงจึงยอมหลวมตัวไป
พูดไปอย่างนั้นเถอะ เอาจริงคือแค่อยากไปเที่ยวเท่านั้นแหละ
หลังจากคุยครื้นเครงพร้อมกับแอลกอฮอล์ในขวดที่พร่องไปมากและความรู้สึกกรึ่ม
ๆ ทำให้มินกยูเห็นสมควรแก่เวลาที่จะกลับ
จึงลุกออกไปล้างหน้าให้สร่างเมาเพื่อจะได้ขับรถไหวและเมื่อออกมาจากการทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็ได้เดินออกมาตรงทางเดิน
แต่ก็เห็นใครบางคนเดินสวนมา ด้วยความที่เห็นว่าใบหน้านั้นขึ้นสีคงเพราะเมามากทำให้เกิดการอยากแกล้งขึ้นมาตะหงิด
ๆ
“ขอโทษนะครับ
ขอทางผมหน่อย”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยอย่างสุภาพ
เขาก็ยอมหลีกทางแต่โดยดี มินกยูมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังเดินไต่ไปตามกำแพงเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่จนสุดทางด้วยท่าทางล้มแหล่มิล้มแหล่ทำให้อดเสนอน้ำใจไปไม่ได้
“ให้ผมช่วยไหมครับ”
เขาเอ่ยเสนอน้ำใจแต่วอนอูสั่นศีรษะแล้วพูดเสียงอ้อแอ้
“ไม่เป็นไรครับ… ผมไหว”
“แน่ใจเหรอครับ”
“แน่จ้ายยย”
มินกยูหัวเราะในลำคอเบา
ๆ แล้วเอื้อมมือมาจับต้นแขนเรียวเพื่อช่วยพยุง
วอนอูก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย
ที่นอกจากจะหัวศิลปินแล้วยังคออ่อนมากอีกด้วย
“ยังคออ่อนเหมือนเดิมเลยนะครับ”
วอนอูขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าของมินกยูด้วยท่าทางที่น่าขบขัน
ริมฝีปากบางสั่นระริกกึ่งจะยิ้มดีไม่ยิ้มดี รวม ๆ แล้วดูน่ารักไปอีกแบบ
“นาย…”
“สวัสดีครับจอนวอนอู ผมคิมมินกยูเองครับ” มินกยูส่งยิ้ม
“ฉันคิดถึงนาย… มาก ๆ เลย” เมื่อพูดจบ
ร่างโปร่งก็โผเข้ากอดอีกคนแล้วปล่อยโฮออกมาทันที เขามองคนที่กำลังร้องไห้เหมือนเด็ก
ๆ ด้วยรอยยิ้มก่อนจะกอดตอบอีกคนด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน
“ครับ ผมก็คิดถึงพี่เหมือนกัน นี่รู้ไหม
ตอนผมตื่นมาเนี่ยผมนึกถึงพี่เป็นคนแรกเลยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางซุกหน้าเข้ากับไหล่บางก่อนจะผละออกมาสบตาอีกฝ่าย
“ส่วนฉันคิดถึงนายตลอดเวลา คิดถึงจนอยู่ที่บ้านไม่ได้ คิดถึง…”
คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไปพร้อมกับริมฝีปากได้รูปที่ประกบเข้ามาหาอีกคนอย่างโหยหาไม่ต่างจากคนในอ้อมกอดสักเท่าไหร่นัก
ร่างโปร่งไม่ขัดขืนเลยสักนิดแต่กลับยอมให้คนอ่อนวัยกว่าปรนเปรอความรู้สึกนั้นอย่างเต็มใจ
แขนเรียวโอบรอบลำคอหนา รสชาติขมฝาดของแอลกอฮอล์จากโพรงปากเล็กทำให้ร่างสูงรู้สึกตื่นตัวเป็นพิเศษ
เขาดูดเม้มริมฝีปากบางจนบวมเจ่อ พลางล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ
ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนสวยด้วยอารมณ์เผลอไผลก่อนที่มือบางผลักแผ่นอกกว้างออก
ใบหน้าสวยขึ้นสีเรื่อยิ่งกว่าเดิมเพราะไม่ได้พักหายใจเมื่อครู่
วอนอูเหลือบมองแขนข้างที่ล้วงเข้าไปในเสื้อของตนก่อนจะชกเข้าที่ต้นแขนข้างนั้นด้วยแรงที่ค่อนข้างมากอยู่ไม่น้อย
“บ้ากาม”
“รู้หรอกน่าว่าอยาก”
“อยากกะผีสิ เจอกันก็ทำอย่างนี้เลยเหรอไง” คนแก่กว่ายกมือขึ้นกอดอก ริมฝีปากบวมเจ่อเบ้ออกเป็นกิริยาที่ดูน่ารักเสียเต็มประดาสำหรับตัวของมินกยูที่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เด็กแล้วแต่ก็ยังคงมีนิสัยแบบนั้นอยู่ มาทำอย่างนี้ใส่มันน่าจับฟัดอีกสักรอบ
“ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยนี่” เขายกยิ้มกรุ้มกริ่ม
มือหนาเกลี่ยแก้มใสของคนตรงหน้าอย่างเบามือ “ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลผมก็เจอพี่นะ”
“ถามจริง” วอนอูเลิกคิ้ว
“จริงสิ พี่ชนผมด้วย วันที่ผมออกจากโรงพยาบาล”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ”
คนตรงหน้าถามโดยเปลี่ยนสีหน้าและแววตาไปโดยไม่รู้ตัว
“หึงผมเหรอ” มินกยูถามกลั้วหัวเราะ
ใจกำลังคิดว่าจะแกล้งอีกคนอย่างไรดี
“ประมาณนั้น”
“นั่นแฟนผมเอง”
“ปล่อยแขนเลย ไปไกล ๆ เท้าฉันด้วย
มีแฟนแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกันดิ” วอนอูพูดเสียงเขียวพลางปัดมืออีกคนออกดังเผียะ
ซึ่งในสายตาของเขามันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิดเดียว
“ผมล้อเล่นน่า” มินกยูพูดแล้วคว้ามือเรียวมากุมไว้หลวม ๆ
“นั่นน้องผมต่างหาก”
“ล้อเล่นอย่างนี้ไม่ตลก”
“ก็ผมคิดถึงพี่นี่” เขาทำปากยู่ใส่คนตรงหน้า
คิดว่าคงจะน่ารักพอให้เอ็นดู แต่วอนอูกลับหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น
เสียเซล์ฟหน่อย ๆ แฮะ
“เออ เหมือนกันแหละน่า แต่ไม่ล้อเล่นอย่างนี้นะ ใจหายหมด”
“ครับผม” มินกยูคลี่ยิ้ม
“แล้วนี่ผมยังอยู่บ้านพี่ได้อยู่ใช่ไหมเนี่ย”
วอนอูหัวเราะแล้วพยักหน้ารัว
“แน่นอนสิ ยินดีต้อนรับนายเสมอ”
ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้ว
----------------------------
ช้าเว่อ...
เปิดจองรอบสต็อคอยู่นะคะ มาซื้อมาหากัรได้ เพียงแค่เทอทักเด็มมา
http://bit.ly/2qpXR6e
@yinde119
ความคิดเห็น