ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *stocks sale* {END} [Seventeen] Hybrid doll [MinWon JunHao ft.seveteen]

    ลำดับตอนที่ #28 : Hybrid :: Special I {MinWon}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 821
      11
      5 ก.ค. 60


    Special I

    Memory {MinWon}

     

     

    เขาปรือตาขึ้นแต่เป็นการลืมตาที่ไม่เหมือนลืมตาเพราะรอบด้านนั้นมืดสนิท พลันแสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้นรอบตัวจนเขาต้องยกมือป้อง ก่อนที่แสงนั้นจะมืดลงกลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมสีขาวคล้ายห้องพักในโรงพยาบาลมีเขาเพียงคนเดียวอยู่ในห้องนั้นกับอุปกรณ์มากมายและกล้องวงจรปิดตรงมุมห้องมุมหนึ่งก่อนที่จะหันไปมองที่ด้านหัวเตียง อ่านข้อความบนป้ายอะคริลิคสีเขียว ซึ่งคงเป็นชื่อของเขา

     

    คิม มินกยู

     

    ในขณะที่กำลังสำรวจห้องพักอยู่นั้น ร่างเล็กของใครคนหนึ่งได้เปิดประตูเข้ามา ใบหน้ากลมที่ประดับด้วยรอยยิ้มใจดีเดินเข้าไปหาเขา ป้ายชื่อเล็ก ๆ บนอกขวาทำให้รู้ว่าคนแปลกหน้าตรงหน้าชื่อว่าอะไร

     

    จีฮุน

     

    “สวัสดี”

    เขาไม่ตอบ ริมฝีปากเล็กยังคงปิดสนิทไร้การขยับเขยื้อน แต่ชายหนุ่มก็ยังคงพยายามชวนคุยเหมือนพยายามสร้างปฏิสัมพันธ์ ถึงอย่างไร ร่างเล็กบนเตียงนั้นยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีการตอบกลับใด ๆ ทั้งสิ้นจนคนแปลกหน้าเริ่มท้อ ดวงตาเรียวรีมองมินกยูตาไม่กระพริบแม้เพียงอึดใจจนเจ้าของห้องชั่วคราวรู้สึกอึดอัด

    “คุณต้องการอะไรกันแน่” มินกยูถามด้วยความสงสัย ผู้มาเยือนจึงหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะตอบไป

    “ให้เธอพูด นั่นก็พอแล้วแหละมินกยู” ชายร่างสันทัดยกมือขึ้นกอดอก “ฉันชื่อจีฮุน อีจีฮุน”

    “ครับ” มินกยูพยักหน้า “แล้วผม

    “มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ? ใช่ไหมล่ะ” จีฮุนเอ่ยอย่างรู้ทันแล้วเดินตรงไปหาเด็กชายบนเตียงคนไข้ มือเรียวดึงสายมากมายที่ติดอยู่บนศีรษะกลมออกพลางตอบคำถามไปด้วย “เดี๋ยวก็จะมีคนมารับเธอแล้ว ตอนนั้นคงจะรู้เอง”

    “ใครจะมารับผม” ไฮบริดตัวเล็กถามอีกครั้งด้วยความสงสัย

    “ครอบครัวของเธอ”

    คำตอบของอีกคนยังคงทำให้มินกยูหายข้องใจอยู่ไม่มากก็น้อย ครอบครัวของเขาเป็นใคร ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ทำไมถึงจำอะไรก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยสักนิดเดียว คำถามมากมายตีปนกันอยู่ในสมองจนเริ่มรู้สึกปวดหัวหน่อย ๆ จนกระทั่งตอนที่ถูกจับแต่งตัวใหม่ด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวกางเกงขาสั้นคำถามก็ไม่มีแววจะลดลงเลยสักนิดเดียว มีเพียงแต่จะเพิ่มมากขึ้นไปอีก

    จนกระทั่งถูกพามาหาหญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานซึ่งกำลังนั่งรออยู่ เธอมีหน้าตาที่ใจดีอยู่ไม่น้อย เจ้าหล่อนคุยอยู่กับจีฮุนประมาณสองสามนาทีแล้วจึงขอตัวลากลับพร้อมกับจูงมือไฮบริดตัวเล็กออกไปด้วย

    “เธอชื่อคิมมินกยู พ่อกับแม่ของเธอเสียไปแล้ว ส่วนน้องสาวเธอเรียนอยู่ที่อเมริกา เพิ่งกลับไปเรียนต่อเมื่อไม่นานนี้เอง ฉันเป็นป้าของเธอ ป้าแท้ ๆ เชียวแหละ พ่อของเธอเป็นน้องชายของฉัน

    ประวัติของเขาถูกร่ายยาวไปตลอดเวลาที่อยู่บนรถจนกระทั่งถึงบ้านทำให้ทราบคร่าว ๆ ว่าเขาเป็นหลานชายคนโตเพียงคนเดียวและประสบอุบัติเหตุขับรถชนเสาไฟฟ้าเพราะเบี่ยงหลบรถที่วิ่งย้อนศร

    แน่นอน ช่วงไม่กี่เดือนแรกป้าของเขาทำดีกับเขา ดูแลเขาเป็นอย่างดีจนมินกยูวางใจและรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นป้าแท้ ๆ และเริ่มเปิดใจรับ แต่เพียงช่วงประตูแง้มก็เริ่มไม่มั่นใจนักว่ามันคือบ้าน หรือว่าสถานที่ที่มีเพียงว่าบ้านประดับเป็นชื่อกันแน่

    “ทำอะไรของแก!

    นั่นคือครั้งแรกที่ผู้เป็นป้าตวาดและตีเพียงแค่ทำแก้วพลาสติกตกพื้น ช่วงแรก ๆ ยังพอทำความเข้าใจได้แต่ภายหลังเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ การว่ากล่าวรุนแรงขึ้นทุกที ถ้อยคำเริ่มทวีความหยาบคายแม้บางทีจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตามและมีการใช้กำลังเมื่อมีโอกาส

     

    จนกระทั่ง

     

    เพล้ง!

     

    มินกยูผงะถอยหลังไปเมื่อแจกันกระเบื้องเคลือบมุกของหวงของเจ้าของบ้านตกสัมผัสพื้น มือเล็กยกขึ้นปิดหูเพราะความตกใจ ขาสองข้างยังคงยืนนิ่งไม่ขยับวิ่งหนีไปไหนจนกระทั่งหญิงวัยกลางคนวิ่งตึงตังมาจากชั้นสองมาหาด้วยใบหน้าโกรธเคืองก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธจัดเมื่อเห็นเศษกระเบื้องที่กระจายอยู่เต็มพื้น

    “ทำอะไร!

    “ผมผม” เด็กชายละล่ำละลักจนคนเป็นป้าเริ่มรำคาญ มือที่เหี่ยวย่นไปตามเวลาเอื้อมไปจับต้นแขนเล็กเขย่าไปมาจนศีรษะเล็กสั่นไปมาและเริ่มเวียนหัว

    “แกรู้ไหมว่ามันราคาเท่าไหร่!"

    “ผมขอโทษ”

    “ขอโทษแล้วมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม! หา!

    “ป้าครับ ผมเจ็บ” มินกยูพูดเสียงสั่นน้ำตาคลอเนื่องจากแรงบีบที่แขน หญิงวัยกลางคนปล่อยมือข้างหนึ่งมาตีขาของไฮบริดตัวเล็กจนขึ้นรอยแดงเป็นรูปฝ่ามือแล้วเหวี่ยงตัวของอีกฝ่ายลงกับพื้น ตัวโดนเศษกระเบื้องเป็นแผลถลอกสองสามที่

    พลันอาการหายใจไม่ออกก็แล่นขึ้นมา ตัวของมินกยูได้แต่ยืนมองภาพนั้นสลับกับป้าของคนด้วยสายตาไม่เข้าใจ ทำไมไม่คิดจะช่วยกันสักนิด ได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้นด้วยสายตาที่ดูมีความสุขเหลือเกินเสียอย่างไรอย่างนั้น

    ภาพถูกกรอไปจนถึงตอนที่เขาอยู่ในร้านนั้นอีกครั้ง ตุ๊กตาตัวเล็กนั่งอยู่คนเดียวที่ใต้ชั้นวางและกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ไว้แน่นก่อนจะมีชายหนุ่มตัวสูงเดินเข้าไปหา มินกยูยืนมองภาพนั้นอยู่ไกล ๆ ทั้งที่ในใจอยากจะเดินเข้าไปหาใจจะขาด อยากเข้าไปกอดผู้ชายคนนั้น บอกว่ารักเขาเพียงไร

    ความทรงจำถูกกรอต่อไปผ่านเรื่องราวมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องตอนไปโรงเรียนครั้งแรก ตอนซ้อมบาสจนเย็น ตอนได้รางวัล ตอนอยู่กับเพื่อน รวมถึงตอนจูบ

     

    ยิ่งเห็นยิ่งอยากกลับไปอยู่ตรงนั้น อยากกลับไปแชร์ช่วงเวลาดี ๆ ด้วยกันกับทุกคนอีกครั้งหนึ่ง

     

    ทันใดนั้นก็ราวกับถูกใครกระชากให้ออกจากภาพนั้นกลับมาอยู่ในที่ที่มืดสนิทอีกครั้ง มินกยูปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพของห้องพักในโรงพยาบาลปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อหันไปมองตรงโซฟาข้างเตียงก็เห็นน้องสาวของเขานอนเหยียดยาวอยู่ด้วยใบหน้าที่ไม่สบายใจเอาเสียเลย 

    “อา

    หญิงสาวที่นอนหลับตาอยู่สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งจากข้างตัว เธอหันไปมองก่อนจะทำหน้าดีใจสุดขีดลุกขึ้นโผเข้าไปกุมมือพี่ชายแท้ ๆ ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาคลอ

    “พี่”

    “มิน

    “อย่า อย่าเพิ่งพูดเลย” คนเป็นน้องพูดพลางกดสัญญาณเรียกพยาบาลให้เข้ามาดูอาการ

    เท่าที่ทราบคือตัวของเขาได้รับอุบัติเหตุขับรถชนเสาไฟฟ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสหมดสติไปเกือบปี ตอนแรกหมอบอกว่าเขามีโอกาสไม่รอดสูงมากแต่ก็ยังอุตส่าห์แข็งใจสู้ต่อแม้จะมีครั้งหนึ่งที่ความดันสูงจนอยู่ในสภาวะอันตราย แต่หลังจากนั้นก็อาการทรงตัวมาโดยตลอด แต่เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็ต้องใช้เวลาทำกายภาพบำบัดอยู่นานพอสมควรจนได้ออกจากโรงพยาบาลในสามเดือนต่อมา

     

    และวันที่ออกจากโรงพยาบาลนั้นเอง

     

    “ขอโทษครับ”

    จะบอกว่าเขาคิดถึงอีกคนมากเกินไปคงไม่ใช่นัก และภาพหลอนคงไม่มาเดินชนได้ แถมเสียงทุ้ม ๆ นั่นเสียอีก ผิวขาวซีดและเสี้ยวหน้าหวานนั่นเสียอีก ต้องไม่ผิดแน่ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยทัก อีกฝ่ายกลับรีบเดินหนีไปโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยปากทักเลยสักแอะ

     

    (เฮ้ยมึง ไปเที่ยวกัน)

      

    ทันทีที่หาย สามอาทิตย์ต่อมาพวกเพื่อนตัวดีก็ชวนลากกันไปเที่ยวกลางคืนถึงแม้ร่างกายจะไม่ฟื้นดี แต่ว่านาน ๆ ทีจะได้เจอเพื่อนฝูงจึงยอมหลวมตัวไป

     

    พูดไปอย่างนั้นเถอะ เอาจริงคือแค่อยากไปเที่ยวเท่านั้นแหละ

     

    หลังจากคุยครื้นเครงพร้อมกับแอลกอฮอล์ในขวดที่พร่องไปมากและความรู้สึกกรึ่ม ๆ ทำให้มินกยูเห็นสมควรแก่เวลาที่จะกลับ จึงลุกออกไปล้างหน้าให้สร่างเมาเพื่อจะได้ขับรถไหวและเมื่อออกมาจากการทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็ได้เดินออกมาตรงทางเดิน แต่ก็เห็นใครบางคนเดินสวนมา ด้วยความที่เห็นว่าใบหน้านั้นขึ้นสีคงเพราะเมามากทำให้เกิดการอยากแกล้งขึ้นมาตะหงิด ๆ

    “ขอโทษนะครับ ขอทางผมหน่อย”

    เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยอย่างสุภาพ เขาก็ยอมหลีกทางแต่โดยดี มินกยูมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังเดินไต่ไปตามกำแพงเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่จนสุดทางด้วยท่าทางล้มแหล่มิล้มแหล่ทำให้อดเสนอน้ำใจไปไม่ได้

    “ให้ผมช่วยไหมครับ”

    เขาเอ่ยเสนอน้ำใจแต่วอนอูสั่นศีรษะแล้วพูดเสียงอ้อแอ้

    “ไม่เป็นไรครับผมไหว”

    “แน่ใจเหรอครับ”

    “แน่จ้ายยย”

    มินกยูหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วเอื้อมมือมาจับต้นแขนเรียวเพื่อช่วยพยุง วอนอูก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย ที่นอกจากจะหัวศิลปินแล้วยังคออ่อนมากอีกด้วย

    “ยังคออ่อนเหมือนเดิมเลยนะครับ” 

    วอนอูขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าของมินกยูด้วยท่าทางที่น่าขบขัน ริมฝีปากบางสั่นระริกกึ่งจะยิ้มดีไม่ยิ้มดี รวม ๆ แล้วดูน่ารักไปอีกแบบ

    “นาย

    “สวัสดีครับจอนวอนอู ผมคิมมินกยูเองครับ” มินกยูส่งยิ้ม

    “ฉันคิดถึงนายมาก ๆ เลย” เมื่อพูดจบ ร่างโปร่งก็โผเข้ากอดอีกคนแล้วปล่อยโฮออกมาทันที เขามองคนที่กำลังร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มก่อนจะกอดตอบอีกคนด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน

    “ครับ ผมก็คิดถึงพี่เหมือนกัน นี่รู้ไหม ตอนผมตื่นมาเนี่ยผมนึกถึงพี่เป็นคนแรกเลยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางซุกหน้าเข้ากับไหล่บางก่อนจะผละออกมาสบตาอีกฝ่าย

    “ส่วนฉันคิดถึงนายตลอดเวลา คิดถึงจนอยู่ที่บ้านไม่ได้ คิดถึง

    คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไปพร้อมกับริมฝีปากได้รูปที่ประกบเข้ามาหาอีกคนอย่างโหยหาไม่ต่างจากคนในอ้อมกอดสักเท่าไหร่นัก ร่างโปร่งไม่ขัดขืนเลยสักนิดแต่กลับยอมให้คนอ่อนวัยกว่าปรนเปรอความรู้สึกนั้นอย่างเต็มใจ

    แขนเรียวโอบรอบลำคอหนา รสชาติขมฝาดของแอลกอฮอล์จากโพรงปากเล็กทำให้ร่างสูงรู้สึกตื่นตัวเป็นพิเศษ เขาดูดเม้มริมฝีปากบางจนบวมเจ่อ พลางล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนสวยด้วยอารมณ์เผลอไผลก่อนที่มือบางผลักแผ่นอกกว้างออก ใบหน้าสวยขึ้นสีเรื่อยิ่งกว่าเดิมเพราะไม่ได้พักหายใจเมื่อครู่ วอนอูเหลือบมองแขนข้างที่ล้วงเข้าไปในเสื้อของตนก่อนจะชกเข้าที่ต้นแขนข้างนั้นด้วยแรงที่ค่อนข้างมากอยู่ไม่น้อย

    “บ้ากาม”

    “รู้หรอกน่าว่าอยาก”

    “อยากกะผีสิ เจอกันก็ทำอย่างนี้เลยเหรอไง” คนแก่กว่ายกมือขึ้นกอดอก ริมฝีปากบวมเจ่อเบ้ออกเป็นกิริยาที่ดูน่ารักเสียเต็มประดาสำหรับตัวของมินกยูที่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เด็กแล้วแต่ก็ยังคงมีนิสัยแบบนั้นอยู่ มาทำอย่างนี้ใส่มันน่าจับฟัดอีกสักรอบ 

    “ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยนี่” เขายกยิ้มกรุ้มกริ่ม มือหนาเกลี่ยแก้มใสของคนตรงหน้าอย่างเบามือ “ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลผมก็เจอพี่นะ”

    “ถามจริง” วอนอูเลิกคิ้ว

    “จริงสิ พี่ชนผมด้วย วันที่ผมออกจากโรงพยาบาล”

    “แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ” คนตรงหน้าถามโดยเปลี่ยนสีหน้าและแววตาไปโดยไม่รู้ตัว

    “หึงผมเหรอ” มินกยูถามกลั้วหัวเราะ ใจกำลังคิดว่าจะแกล้งอีกคนอย่างไรดี

    “ประมาณนั้น”

    “นั่นแฟนผมเอง”

    “ปล่อยแขนเลย ไปไกล ๆ เท้าฉันด้วย มีแฟนแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกันดิ” วอนอูพูดเสียงเขียวพลางปัดมืออีกคนออกดังเผียะ ซึ่งในสายตาของเขามันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิดเดียว

    “ผมล้อเล่นน่า” มินกยูพูดแล้วคว้ามือเรียวมากุมไว้หลวม ๆ “นั่นน้องผมต่างหาก”

    “ล้อเล่นอย่างนี้ไม่ตลก”

    “ก็ผมคิดถึงพี่นี่” เขาทำปากยู่ใส่คนตรงหน้า คิดว่าคงจะน่ารักพอให้เอ็นดู แต่วอนอูกลับหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น

    เสียเซล์ฟหน่อย ๆ แฮะ

    “เออ เหมือนกันแหละน่า แต่ไม่ล้อเล่นอย่างนี้นะ ใจหายหมด”

    “ครับผม” มินกยูคลี่ยิ้ม “แล้วนี่ผมยังอยู่บ้านพี่ได้อยู่ใช่ไหมเนี่ย”

    วอนอูหัวเราะแล้วพยักหน้ารัว

    “แน่นอนสิ ยินดีต้อนรับนายเสมอ”

    ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้ว


    ----------------------------

    ช้าเว่อ...

    เปิดจองรอบสต็อคอยู่นะคะ มาซื้อมาหากัรได้ เพียงแค่เทอทักเด็มมา

    http://bit.ly/2qpXR6e


    @yinde119



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×