ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twins number [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ ๑๙

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 59


     

     

     

    เสียงวิทยากรดังประกอบไปพร้อมเพียงกับภาพที่ฉายบนเพดานทรงครึ่งวงกลมด้วยเนื้อหาสาระต่างๆเกี่ยวกับดวงดาว  อืม.... จะว่ายังไงดีล่ะ มันก็น่าสนใจอยู่นะครับ แต่ไม่ใช่สำหรับไอ้คนที่อดหลับคนนอนทำงานทั้งคืนและเพิ่งนอนเมื่อเช้ารวมๆแล้วไม่ถึง 4 ชั่วโมงแบบผม...

     

    จากที่คิดว่าจะหาที่นั่งงีบซักหน่อยเพื่อรอรอบฉาย แต่เพื่อนไอ้โฟล์คเสือกทำตัวอย่างกับเพิ่งเคยมากรุงเทพ ดี๊ด๊าเล่นนู้นนี่นั้นที่เขาจัดแสดง ผมก็จะไม่ว่าอะไรเลยนะเว่ย ถ้ามันไม่ลากผมไปด้วยน่ะ ไอ้เด็กลามปามเอ๊ย....

     

    แต่ผมว่ามันก็น่าสนใจดีนะ สาระบางอย่างที่เรายังไม่รู้หรือมองข้ามก็เยอะแยะมากมาย เสียอย่างเดียว ไอ้อุปกรณ์ของเล่นประกอบมันดันพังซะส่วนใหญ่ครับ แหม...คนไทยนี่มันก็ไทยจริงๆเนอะ ฮ่าๆๆ

     

    ผมละสายตาลงมาจากภาพฉายบนเพดาน ขอเสียอีกอย่างของที่นี่คือต้องเงยหน้าคอแทบหลุดครับถึงจะเห็น เล่นเอาคอแทบเคล็ด เอาเถอะ ยังไงซะผมก็ไม่คิดจะดูอยู่แล้ว... เหลือบตามองไอ้คนชวนมาที่นั่งข้างๆด้ายซ้ายมือ มันดูตั้งหน้าตั้งตานั่งฟังบรรยายดีผิดกับเพื่อนมันสองคนถัดไปที่คนหนึ่งหาววอดๆอีกคนก็เอียงข้างท้าวคาง

     

    ใบหน้าแค่ด้านข้างของไอ้เชี่ยนี่ก็ยังดูดีจนน่าอิจฉา เหมือนจะยิ่งโชว์สันจมูกโด่งๆนั่นให้เห็นชัดๆ  ริมฝีปากบางหยักสีอ่อนๆตามธรรมชาติ ตาคมๆสีเดียวกับรัตติกาลล้อมกรอบด้วยแพขนตาที่ไม่ได้ยาวจนดูตุ้งติ้ง แต่ก็ไม่ได้สั้นจนเกินพอดี นี่ขนาดมันถูกบั่นทอนความหล่อด้วยหัวเกรียนๆกับเหล็กดัดสีแต๋วนะเว่ย... ผมล่ะอยากเห็นหน้าพ่อแม่มันจริงๆเลยพับผ่า

     

    เหมือนไอ้คนถูกแอบมองจะรู้ตัวเลยหันหน้ามา แต่เสียใจที่ความเร็วผมมีมากกว่าเยอะ เลยรีบหันกลับมาทำฟอร์มง่วงนอนหาววอดๆโดยฉับพลัน

     

    “แอบมองหรอ?” ไอ้สัสสสสส มึงรู้แล้วจะถามทำไมเล่า!!! กู.....กูเขิน!

     

    “ฮะ?” มึงกล้าถาม แต่กูไม่กล้ายอมรับเว่ย แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินสิครับ -___-d

     

    “ผมถามว่า แอบมองหรอ?” ปกติคนเรามันน่าจะตอบว่า ช่างมันเถอะหรือ ไม่มีอะไรอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรอวะครับ? เออ... ลืมไป ไอ้เด็กนี่มันปกติกับเขาที่ไหนล่ะ

     

    “อะไรนะ? ไม่ได้ยินเลยว่ะ” ขอบคุณเสียงดังก้องๆของคุณพี่วิทยากรมากครับ ที่ช่วยเสริมประโยคผมให้ดูมีน้ำหนักครับ.... ขอบคุณครับ

     

    และดูเหมือนจะได้ผล เมื่อมันดูเหมือนจะเลิกลมความพยายามแล้วเปลี่ยนเป็นถอนหายใจออกมาเบาๆแทน นั่นทำให้ผมแอบยิ้มกระหยิ่มในใจ นี่ถ้าประเทศไทยมีมหกรรมแถแห่งชาติผมคงได้รางวัลชนะเลิศสิบปีซ้อนเลยล่ะ...

     

    “ผมถามว่าแอบมองหรอ....” เบา... คราวนี้มันพูดเบา.... เบามาก.... แต่กลับทำให้ผมได้ยินชัดกว่าทุกครั้งเมื่อประโยคนี้มันถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากที่ถูกเอามาจ่ออยู่ข้างๆใบหู

     

    “เฮือก...!!” ของแบบนี้มันก็สะดุ้งสิครับ!!!

     

    ผมเผลอตกใจจนไหล่ยกขึ้นมาเล็กน้อยพอเป็นอาการสะดุ้งเบาๆ ลมหายใจอุ่นๆที่มาพร้อมคำพูดนั่นตัดกับแอร์เย็นๆเข้ามาปะทะหูจนผมเผลอขนลุก ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเลือดทั้งตัวมันมารวมกันกระจุกอยู่ที่หน้ายังไงยังงั้น... หัวใจแม่งก็เต้นจนหูแทบอื้อ

     

    “ฮะ...” เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นเรียกให้ผมรู้สึกตัวก่อนที่จะนั่งนิ่งไปนานกว่านี้ หันไปก็เจอไอ้เด็กหัวเกรียนพยายามเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะ...

     

    “สัสเอ๊ย..!!” ผมสบถแล้วส่งมือไปออกแรงกดหัวมันจนไอ้โฟล์คต้องเอนตัวไปข้างหน้าตามแรง จากนั้นก็ออกแรงขยี้ๆๆหัวเกรียนๆนั่นอย่างหมั่นไส้ ไอ้เชี่ยนี่ก็บ้าจี้ขำอยู่นั่นแหละ!! จนทั้งไอ้เยียร์ไอ้เป๊ปรวมทั้งคนรอบข้างหันมามองนั่นแหละผมถึงหยุดมือไว้แค่นั้น....

     

    ผู้ชายน่ะมันมีสัมผัสด้านพวกนี้ไวจะตาย.... ผมว่ามันก็ไม่แปลกนะถ้าอาการแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นหนะ? ยังไงซะร่างกายมันก็คงแยกลมหายใจชาย-หญิงไม่ออกหรอก....

     

    แต่.... มันก็......... ชักจะบ่อยไปแล้วว่ะ.... ไอ้ความรู้สึกแบบนี้...

     

    -------------------------------------------

     

    อา.... แอร์กำลังสบาย...

     

    เบาะนั่งก็..... กำลังโอเค...

     

    เนื้อหาที่บรรยายล่ะ......น่าเบื่อชวนง่วง...

     

    สามอย่างที่ว่ามาเหมือนเป็นแรงผลักดันให้คนอดนอนอย่างผมค่อยๆรู้สึกว่าหนังตาตัวเองมันหนักขึ้นเรื่อยๆจนจะปิด นี่ก็เพิ่งเข้ามาได้ครึ่งชั่วโมงกว่าเอง อย่างน้อยผมก็น่าจะมีเวลางีบซัก 20 นาทีกว่า....

     

    สมองคิด ร่างกายก็ทำตาม ผมปิดเปลือกตาลงเตรียมตัวเข้าสู่โหมดชาร์จพลังงาน แต่ก็ได้ไม่นานเมื่อหัวดันถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงให้เอียงขวาไปกระแทกปั่ก!! เข้ากับหัวไหล่ของน้องผู้หญิงม.ต้นคนหนึ่งที่มาทัศนศึกษาจนต้องรีบแหกตาสะดุ้งขึ้นมาบอกขอโทษแล้วนั่งตัวตรง...

     

    เหมือนมันติดมาจากการนั่งรถตู้หรือรถเมล์น่ะครับ ป๊าผมบอกว่าถ้าจะนั่งให้ปลอดภัยต้องนั่งข้างคนขับ เลยได้เอนขวาพิงกระจกบ่อยๆจนติดเป็นนิสัย

     

    เอาเถอะ.... สุดท้ายผมก็ทนต่อความง่วงได้ไม่นานจนเผลอหลับแล้วทิ้งหัวลงไปกระแทกไหล่น้องเขาอีกเป็นครั้งที่สอง จนน้องคนนั้นเริ่มหน้าแดง.... เฮ๊ย พี่ป่าวหรอกแต๊ะอั๋งหนูนะครับ แล้วนี่ก็ไม่ใช่มุขจีบสาวด้วย....

     

    ผมขอโทษขอโพยน้องเขาอีกครั้งแล้วกลับมานั่งตรงเกาหัว ตบหน้าตัวเองเบาๆให้หายง่วง แต่เหมือนมันจะช่วยได้ไม่มากแฮะ เปลือกตาผมเริ่มปิดลงมาอีกครั้ง สัปหงกสองสามที ก่อนที่หัวผมจะค่อยเอนขวา...

     

    แต่คราวนี้มันกลับไม่ลงไปกระแทกไหล่น้องสาวม.ต้นผมติ่งคนเดิม เมื่อมีมือมารับไว้....

     

    ไอ้โฟล์ค...

     

    ผมรู้สึกตัว แต่กลับไม่อยากขยับตัวเพื่อส่งสัญญาณว่ากำลังจะตื่น... มันไม่มีเหตุผลหรือหาเหตุผลไม่ได้ก็ไม่รู้ ผมถึงทำแค่หลับตานิ่งๆ ให้มือใหญ่ๆนั่นค่อยๆประคองศีรษะตัวเองช้าๆจนตั้งตรง แล้วส่งมืออีกข้างมาโอบไหล่ผมไว้ จากนั้นก็ค่อยๆโน้มเบาๆไปทางขวา และวางศีรษะผมลงบนไหล่กว้างๆอย่างระมัดระวังเหมือนกลัวผมตื่น....

     

    มือที่ประคองหัวถูกชักออกไปแล้ว เหลือก็แต่ข้างที่โอบไหล่ น่าแปลกที่ผมไม่ได้อยากท้วงหรือต้อต้านอะไร กลับกันกลับรู้สึกอุ่นใจจนกล้าที่จะนอนต่อ...

     

    มันก็อุ่นดีนะ....

     

    -------------------------------------------

     

    เมื่อยคอ.....

     

    นั่นคือความรู้สึกแรกที่ผมได้รับมือลืมตาตื่น ยันตัวขึ้นมานั่งตรงโดยการทำเป็นไม่สนใจไอ้หมอนเฉพาะกิจนั่นขึ้นมาหาววอดๆ แล้วบิดคอไปมาให้คลายเมื่อย เหมือนผมจะตื่นขึ้นมาได้ประจวบเหมาะพอดี เพราะดูท่าการบรรยายน่าจะจบลงภายในเร็วๆนี้

     

    “ได้ไอเดียอะไรบ้างไหมพี่?”

     

    “บอกเลย... เหมือนมาเปลี่ยนบรรยากาศนอนว่ะ” ผมตอบไอ้เป๊ปพลางบิดขี้เกียจระหว่างเดินออก ....สนิทกันตอนเดินเที่ยวน่ะครับ

     

    “มันยากไหมพี่ เรียนสถาปัตย์อ่ะ” ไอ้เยียร์หันมาถาม

     

    “ก็ไม่นะ  แต่งานเยอะ”

     

    “ยังไม่รู้จะเรียนไรเลยอ่ะ พี่ว่าเยียร์จะสอบติดป่ะ?”

     

    “เอาที่มึงชอบสิ”

     

    “ไม่รู้อ่ะ”

     

    “มึงจะแอดเทอมหน้าแล้วครับ”

     

    “พี่รู้จักกับไอ้โฟล์คได้ไงอ่ะ” มึงนี่ก็เปลี่ยนประเด็นเร็วไป....

     

    คำถามของมันทำให้ผมแอบชำเลืองตาขึ้นไปมองไอ้โฟล์คนิดหน่อย มันก็ดูเหมือนจะสนใจเหมือนกันว่าผมจะตอบอะไร

     

    “...........เรื่องมันยาวว่ะ”

     

    “เยียร์มีเวลาเยอะนะ ขี้เกียจกลับบ้าน”

     

    “กูปวดเยี่ยว” ว่าแล้วก็เบี่ยงตัวเองเข้าห้องน้ำทันที... ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงจะต้องเลี่ยงตอบคำถามนี้ทุกทีเหมือนกันว่ะ.... ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีอะไรเลย คือ....มันไม่รู้จะเล่ายังไงว่ะ

     

    ผมทำธุระส่วนตัวเสร็จจะเดินมาเปิดน้ำล้างมือ ก็เจอไอ้เยียร์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว... เฮ้อ..... นี่มึงอยากเสือกเรื่องชาวบ้านขนาดนั้นเชียว

     

    “พี่....ผมไม่รู้ว่าพี่กับมันรู้จักกันมานานขนาดไหนนะ”

     

    “.....?” ผมเลิกคิ้วใส่ไอ้เยียร์เหมือนสงสัย พลางล้างมือไปด้วย

     

    “แต่.... มันหัวเราะแบบนั้นไม่บ่อยเลยว่ะ มีคนน้อยมากที่มันอยู่ด้วยแล้วจะทำตัวสดใสขนาดนั้น” รอยยิ้มไอ้เหี้ยนั่นมันสดใสจริงๆนั่นแหละ...

     

    “มันโดดเดี่ยวมาตลอด... ผมดีใจนะที่อย่างน้อยมันก็มีคนที่ไว้ใจคอยอยู่ข้างๆเพิ่มมาอีกคน”

     

    “......กูก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย”

     

    “แต่มันไม่ค่อยหัวเราะแบบนั้นจริงๆนะเว่ย!!” มึงจะขึ้นเสียงทำไมครับ!!

     

    “คือ.... ช่วงนี้เยียร์ถูกม๊ากักบริเวณอ่ะ... ไอ้เป๊ปก็เสือกมีแฟน พี่ช่วยเป็นเพื่อนมันหน่อยนะ เยียร์ไม่อยากให้มันอยู่คนเดียวนานๆว่ะ ยิ่งชอบทำอะไรแปลกๆอยู่” อันหลังกูสนับสนุนจริงๆครับ ไปรู้จักกับมันก็เพราะความคิดแปลกๆของมันนี่แหละ!

     

    “พี่การ์ด...?”

     

    “เออน่า..... กูรู้แล้ว”  

    -------------------------------------------

     27 มกราคม 25xx

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกก” ผมสะดุ้งขึ้นมาจากโซฟาสถานที่นอนยามเย็นแล้วใช้มือฟาดลงไปบนฝ่ามือใหญ่ๆของ(ไอ้)เฮียที่ยังคงคาอยู่ที่จมูกผมเป็นหลักฐานคาตาว่าพี่ท่านนี่แหละผู้ประทุษร้ายผมจนหน้าดำหน้าแดงแถมเกือบตายเพราะขาดอากาศ

     

    “โรคหลับแล้วยิ้มของมึงนี่ยังแก้ไม่หายซักที” เฮียว่าไปสะบัดมือไป เจ็บอ่ะดิ ฮ่าๆๆ

     

    “เขาหมายถึงฝันดีไม่ใช่รึไง” ผมว่าหน้ามุ่ย แต่ก็ยังลุกขึ้นนั่งแล้วกระเถิบตัวให้เฮียทิ้งตัวลงข้างๆ

     

    “แล้วน้องการ์ดของเฮียฝันถึงเรื่องอะไรล่ะครับ” ผมว่าคุณพี่เลยวัยท้าวคางเอียงคอทำหน้าแอ๊บแบ๊วไปแล้วนะครับ....

     

    “.....จำไม่ได้ว่ะ” เขาว่าคนเราจำความฝันได้แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นของทั้งหมดหรอกครับ หรือหนักหน่อยก็จำไม่ได้เลย เช่นผม

     

    “งั้นเปลี่ยนคำถามเป็น... ฝันถึงใครดีกว่า” รอยยิ้มทะเล้นๆนั่นทำเอาผมหมั่นไส้จนต้องเอาผ่ามือไปดันออกห่างๆ

     

    “ก็บอกว่าจำไม่ไดไง ไม่ต้องเซ้าซี้เลย ยังไงก็ยังคำตอบเดิมครับ”

     

    “น้องสาวข้าวผัด?” นี่ก็จำแม่นจริง.........ต้องให้ผมตะโกนในใจอีกกี่ครั้งว่า มัน ไม่ ใช่ ผู้ หญิง ครับพี่!!!!!!!

     

    “เฮ้อ....”

     

    “เฮ๊ยๆ ไม่ปฏิเสธ แปลว่าใช่อ่ะดิ”

     

    “บอกว่าจำไม่ได้เว่ย!

     

    “แล้วเคยฝันถึงเขาไหม....”

     

    “ความหมายแบบไหนเนี๊ย” ผมทำหน้าตึงใส่ ไอ้คำถามแบบนี้สำหรับผู้ชายน่ะมันสองแง่สองง่ามชัดๆ!!

     

    “มึงนี่คิดลึกว่ะ.......... โห กูเป็นพี่มึงนะเว่ย เมื่อก่อนละสนิทกันจะตายห่า หนังโป๊เรื่องแรกมึงยังมาชวนกูดูด้วยเลย ทีตอนนี้โตเป็นหนุ่มแยกย้ายกันไป พอมีเวลากูก็อยากรู้สารทุกข์สุขดิบบ้างดิว่ะ....” ประโยคหลังเฮียพ่นออกมาเมื่อผมยังทำหน้าตึงใส่ไม่หยุด และคำตอบที่ได้มามันก็ทำผมอดขำเล็กๆไม่ได้.... อยู่ๆเมื่อบ่ายสามพี่แกก็โทรหาว่าจะมานอนด้วยครับ ไม่รู้คิดถึงผมจริงๆหรือทำผิดอะไรไว้ไม่กล้ากลับบ้านเพราะกลัวม๊าบ่นกันแน่

     

    “สรุปเป็นห่วงหรืออยากเสือก ฮ่าๆๆๆๆ”

     

    “ค*ย”

     

    “ฮ่าๆๆๆ น้องชายเฮียหล่อขนาดนี้ก็ต้องมีดูๆบ้างดิ แหม.....มามัวห่วงคนอื่นห่วงตัวเองบ้างนะพี่ชาย”

     

    “มึงอย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง”

     

    “อะไรเล่า! ถามจริงเถอะเฮีย...... เป็นเกย์ป่ะเนี่ย”  ผมส่งสายตากรุ่มกริ่มเป็นออฟชั่นเสริม

     

    “รู้ได้ไงอ่ะ!! แหม ก็เดี่ยวนี้หนุ่มๆเขาน่าฟัด!

     

    “นี่มันกระเทยและ” ว่าไอ้เต้สยองแล้วนะ ของเฮียนี่มันเพิ่มความอุบาทเข้าไปด้วย...

     

    “กูก็กลัวตัวเองว่ะ ฮ่าๆๆ  อ่า.....ส่วนเรื่องความรัก คือว่าช่วงนี้ขอโฟกัสไปที่งานก่อนนะครับ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” เฮียว่าพร้อมยิ้มหวานแบบดาราให้สัมภาษณ์

     

    “ก็อย่างนี้ทุกที” ผมบ่น แต่เฮียก็ยักไหล่ให้แบบไม่ยี่หระ

     

    “แล้วคนที่ดูๆนั่นใครอ่ะ”

     

    “ก็รุ่นเดียวกันที่มหาลัยอ่ะ แต่คนละคณะ”

     

    “ใช้น้องข้าวผัดป่ะ?”

     

    “เฮียจะอะไรกับข้าวผัดมากป่ะวะ!” ผมแหวใส่

     

    “ฮ่าๆๆ กูจะต้อนจนกว่ามึงจะยอมคายออกมาเลยไอ้การ์ด!

     

    “มันไม่มีอะไรหรอกน่า”

     

    “โหยแม่งเสียดายยยยยย” สรุปเฮียแม่งเข้าใจว่าไอ้โฟล์คเป็นผู้หญิงไปจริงๆแล้วใช่มั๊ยวะ “.......น่ารักป่าวอ่ะ?”

     

    “ทำไม จะจีบรึไง” ผมแกล้งแหย เผื่อเฮียมันสนใจจริงผมจะได้แกล้งเล่นซักหน่อย ฮ่าๆๆ

     

    “เชรดดดดด มีประชงประชด แอบหวงอ่ะดิ มึงแน่ใจนะว่าไม่ได้สนใจ ......พระเจ้า!! นี่น้องชายกูเป็นพวกจับปลาสองมือไปตั้งแต่เมื่อไหร!

     

    “ไปกันใหญ่แล้วเว่ยยยยยยยย!” ผมเอามือมาขยี้ๆแล้วทึ้งหัวตัวเองเบาๆ

     

    “ฮ่าๆๆๆ แล้ว...... ตกลงน่ารักป่ะ”

     

    “จะไม่จบใช่มั๊ย!!?” แทนที่จะไปคนใจคนที่ผมกับลังดูๆอยู่ ทำไมพี่แกต้องมาสนใจไอ้เด็กนี่ด้วยวะฮะ

     

    “มึงจะมีความลับกับกูหรอ.... ใช่สิ มึงโตแล้วหนิ กูมันก็ไม่สำคัญและ... ทั้งๆที่เมื่อก่อนเราสนิท...”

     

    “โอเคเฮีย.... โอเค... มันก็....” ผมลากเสียงเหมือนกำลังหาคำซักคำที่ดูเป็นมัน ภาพไอ้โฟล์คไหลเข้ามา 2-3 ฉาก ทั้งตอนที่มันยิ้ม หัวเราะ  อา....ทำไมผมถึงดูจริงจังกับคำถามจังนะ... ทั้งๆที่ตอบไปส่งๆก็ได้

     

    “.....แปลกดี” อะไร? จะให้ผมชมมันว่าน่ารักดี อะไรงี้หรอ? ตื่นครับตื่น ถึงเฮียมันจะไม่รู้ว่าคือไอ้โฟล์ค แต่ผมก็อายตัวเองเหมือนกันนะเว่ย! เลยได้แค่คำว่า แปลก เท่านั้นแหละ ส่วนแปลกยังไง... ไม่รู้ ตอนนี้คิดได้เท่านี้ ฮ่าๆๆ

     

    “แปลก...? อะไร ชอบของแปลกรึไงมึงเดี๋ยวนี้..”

     

    “ไม่ได้ช...”

     

    “ไม่ต้องมาตอแหลเลย เมื่อกี้ตอนมึงนึกถึงเขามึงหน้าแดงด้วย แถมตอนตอบก็ยิ้มอีก”

     

    “จะ...จริงอ่ะ” อาการเอ๋อแดกเริ่มออกเมื่อผมเอามือมาทาบที่หน้าพร้อมทำตาโตอ้าปากหวอ

     

    “แหนะๆ มึงปิดบังอะไรกูแน่เลย.... เล่ามาเลยไอ้เหี้ย”

     

    “....”

     

    “เร็วซี้....”

     

    “ผู้ชายมัน.............ใจเต้นแรงได้ป่าววะเฮีย แบบ...เพราะใกล้ชิด” ผมลังเลนิดหน่อยที่จะพูด แถมยังลดเสียงประโยคหลังให้เบาลง ถึงประโยคบอกเล่าที่เฮียหวังมันจะกลายเป็นประโยคคำถาม แต่พี่แกกลับยิ้มกรุ่มกริ่มใส่...

     

    มันเป็นคำถามคาใจผมมาตั้งนานแล้ว... พอได้โอกาสแบบนี้ผมก็เลยตัดสินใจที่จะปึกษา เกิดมาไม่เคยใจเต้นอะไรบ่อยขนาดนี้ ส่วนใหญ่ผมจะเป็นแค่ตอนโกรธ ตอนตื่นเต้น ตอนประหม่า แต่ใจเต้นเพราะแบบนี้... มันก็มีบ้างกับผู้หญิง แต่กับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน.... มันไม่เคย

     

    ผมเลยเลือกที่จะค่อยๆถาม... ไอ้จะให้ถามพลวดไปเลยทีเดียวว่า ผู้ชายมันเขิน มันใจเต้นกับผู้ชายด้วยกัน ได้ไหมน่ะหรอ.... คนอย่างเฮียมันคงเดาออกแน่ และก็จะล้อยันโลกแตก

     

    “เต้นดิ... กูก็เคยเป็นนะ” เฮียว่าพร้อมยิ้มละไมเหมือนรู้ว่าผมกังวล ผมรักเฮียตรงนี้แหละ ที่พอจะปรึกษาอะไร เรื่องล้อเล่นนั่นก็จะถูกยกแยกออกไปก่อน

     

    “แล้ว... บ่อยไหมอ่ะ”

     

    “อืม.............. ก็แล้วแต่ว่ะ”

     

    “มันคืออะไรวะเฮีย...” ผมถามแบบเหม่อลอย ทุกครั้งที่อยู่กับมัน มักจะมีอะไรให้ผมไม่เข้าใจตัวเอง....

     

    “มึงโกรธ หรือโมโหรึเปล่า?”

     

    “ไม่”

     

    “ตื่นเต้น ตกใจ กลัว?”

     

    “ไม่....”

     

    “.....กูว่ามึงชอบเขาว่ะ” ยิ้ม... เฮียยิ้มบางๆให้ผม มันไม่ใช่ยิ้มกรุ่มกริ่ม แต่เป็นยิ้มอบอุ่นคล้ายจะเอ็นดู... ไม่ว่ายังไง ผมว่าผมก็คงจะดูเป็นเด็กเสมอในสายตาเฮียว่ะ

     

    แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น....

     

    ชอบมันงั้นหรอ....?

     

    ตลกว่ะ!!!!

     

    “ฮ่าๆๆๆๆ .....ไม่ใช่หรอกเฮีย แค่ใจเต้น มันจะตัดสินว่าชอบเลยหรอ ตลก!

     

    “กูก็ตอบไปตามที่คิด และคิดในสิ่งที่เห็นว่าจริง” ว่าแล้วก็ยักไหล่ประกอบ

     

    “คราวนี้มันไม่จริงหรอก ฮ่าๆๆ” ผมยังคงขำกับคำพูดเอ๊ยต่อไป ผมชอบไอ้โฟล์ค? บ้าน่า

     

    “แล้วมึงรู้ได้ไง?”

     

    “เอาน่า!

     

    “เออ.... ไม่บอกก็ไม่บอก แต่กูมีอะไรจะบอกมึงนะ”

     

    “หือ?”

     

    “ความจริงแล้วหน้ามึงไม่ได้แดงหรอก”

     

    “ฮะ...?”

     

    “ก็กูบอกแล้วไงว่ากูจะต้อนมึง!!! ฮ่าๆๆๆๆ”

     

    “....” เอ๋อแดก.... กูตกกับดักเฮียอีกแล้ว...

     

    “....แต่มึงยิ้มตอนพูดจริงนะเว่ย! มึงชอบเขาว่ะ กูฟันธง” พูดจบพี่แกก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินฮัมเพลงเข้าครัว...

     

    ไอ้เฮีย............ ไอ้เฮีย..................... ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!

     

    -------------------------------------------

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×