ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twins number [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ ๒๐

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.48K
      26
      20 พ.ค. 59

     

    30 มกราคม 25xx

     

    “มาทำไมวะ” ผมทำหน้ามึนใส่ไอ้โฟล์คที่ยืนทำหน้ามึนแข่งกันอยู่หน้าประตูห้อง มันใส่ชุดนักเรียนชายเสื้อหลุดลุ่ยกับกระเป๋าหนังถือแบนๆแลดูเกเรไม่เข้ากับสีหน้าและนิสัยโคตรๆ มือข้างหนึ่งหิ้วถุงพลาสติกบรรจุกล่องโฟม 2 กล่อง

     

    “เยียร์บอกให้มา”

     

    “ไอ้เยียร์บอก? เดี๋ยวนะ กูงง ......มาทำห่าไรวะ?” ผมเอาศอกข้างหนึ่งท้าวประตูแล้วใช้อีกข้างเกาหัว นี่ถ้าไอ้เยียร์บอกให้มึงโดดตึกตายมึงจะทำไหมไอ้สัส

     

    “ไม่อยากรีบกลับบ้าน....”

     

    “แล้วทำไมต้องมาหากูวะ? ไม่รีบกลับบ้านนี่จะเกเรรึไง?”

     

    “ป่าว.... แต่กลับไปก็ไม่มีใครอยู่....” มันพูดเสียงเบาลงนิดหน่อย ยิ่งประกอบกับความหลังมันที่ผมพอประติดประต่อได้รางๆนี่เอาซะกูแอบเห็นใจเลย

     

    “แล้วเพื่อนมึงอ่ะ?”

     

    “เยียร์เรียนพิเศษ ปกติถ้ามันเรียนก็จะอยู่กับเป๊ป  แต่มันมีนัด”

     

    “กับแฟน?”

     

    “อือ”

     

    “เพื่อนมึงมีแค่สองคนหรอวะ?”

     

    “ป่าว...... แต่สนิทด้วยแค่สองคน....” พูดเหมือนกับกูนี่สนิทกันมากโขเลยเนอะ

     

    “เฮ้อ......แล้วแฟนมึงอ่ะ”

     

    “.............” เงียบ...

     

    “เฮ้อ........” ผมพ่นหายใจออกมาอีกครั้ง นี่ถ้าเซลล์เม็ดเลือดแดงมันจะตายไปเจ็ดตัว ป่านนี้เลือดผมแม่งคนเหลือแต่เม็ดเลือดขาวไปและ  “ข้าวนั่นซื้อมาให้กูกล่องหนึ่งใช่มั๊ย เอาไปใส่จานไป เดี๋ยวพี่ทำงานก่อนแล้วจะมาล่นด้วยนะน้องชาย” ผมใช้น้ำเสียงทะเล้นแล้วตบบ่ามันเบาๆทำให้ไอ้เด็กอมทุกข์นั่นคลี่ยิ้มนิดหน่อยแล้วพยักหน้ารับเบาๆ..... ไม่รู้ดิ.... เห็นมันโหมดดราม่าแล้วขัดตาแปลกๆ อย่างไอ้เหี้ยนี่น่ะ เหมาะกับหน้ามึนๆไม่ก็เปื้อนรอยยิ้มตางหาก

    ผมเบี่ยงตัวหลบให้ไอ้โฟล์คแทรกตัวเข้ามาถอดรองเท้าอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะเดินไปวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะและถือกล่องโฟมเดินเข้าครัว พร้อมๆกับผมที่พาร่างตัวเองไปนั่งจ๋องเปิดทีวีดูการ์ตูนเน็ตเวิร์ค

     

    ไม่นานไอ้เด็กม.ปลายก็เดินออกมาพร้อมจานสองใบที่จากกลิ่นนี่รู้เลยว่าเป็นอาหารสิ้นคิดอย่างผัดกะเพราเดินตรงมาทางผมแล้วยื่นจานให้ ก่อนที่มันจะทิ้งตัวลงข้างๆ

     

    “กินเสร็จก็มีการ์ตูนตรงมุมนู้นอ่ะ รื้ออ่านได้” ผมว่าแล้วบ่ายหน้าไปที่ตู้ที่อัดแน่นเอี๊ยดไปด้วยหนังสือการ์ตูน

     

    “อืม” มันพยักหน้ารับ “นี่ผม...มากวนพี่ป่าว?”

     

    “ก็ไม่นะ” ดีซะอีก มีคนหาข้าวให้แดกฟรี ฮ่าๆๆ

     

    “แล้วอยู่ได้ถึงตอนไหนอ่ะ”

     

    “แล้วแต่มึง” ผมยักไหล่ให้แบบไม่ยี่หระ

     

    “อื้ม.... ขอบคุณ” มันคลี่ยิ้มบางๆให้ผมอีกครั้ง เชี่ยเอ๊ยยยยยย เกือบหล่อและถ้าไม่ติดตรงยางดัดฟันสีช็อคกิ้งพิ้งค์นั่นน่ะ

     

    “มึงยังไม่เป็นเปลี่ยนยางอีกรึไง ติดใจหรอฮะ?” นี่ก็ผ่านมาจะ 2 เดือนแล้วนะ หรือผมจะทำให้มันค้นพบความชอบของตัวเองวะ? แถมสีแม่งก็สดบาดตาได้ทุกครั้งยังไม่ซีดด้วย

     

    “วันหมอนัดไปตรงกับตอนเข้าค่ายพอดีอ่ะ” มันหุบปากลงแล้วเอาลิ้นไล้ไปตามแนวฟันแบบอายๆ

     

    “มึงก็ต้องใช้ไป 2 เดือนเต็มๆอ่ะนะ?” ผมทำหน้าเหยใส่

     

    “ก็ขอนัดใหม่ได้นะ แต่ขี้เกียจ....” มันว่าแบบไม่ได้ใส่ใจ เปลี่ยนไปสนใจทีวีแล้วตักข้าวเข้าปาก

     

    “นั่น.... กูจะฟ้องเฮีย” ผมขู่ไปแบบไม่ได้ใส่ใจแล้วเอาช้อนที่มีข้าวพูนๆยัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆตาม

     

    “เฮีย?”

     

    “อ่า...... เฮียกู๊ดหมอฟันมึงอ่ะ พี่ชายแท้ๆกูเลย”

     

    “หือ? อ๋อ..... นั่นสิ ชื่อก็คล้ายๆกันเนอะ อายุห่างกันเยอะเลยดิ”

     

    “อือ 9 ปีอ่ะ เออ....พูดถึงเรื่องชื่อ มันเป็นข้อเสียของคนเกิดเป็นน้องจริงๆนะเว่ย คนอื่นแม่งชื่อเขามีความหมายกันหมดแต่ชื่อกูดันมีเหตุผลแค่ว่า ตั้งตามพี่” ว่าแล้วก็ยัดข้าวเข้าปากอีกคำ ยิ่งคิดยิ่งแค้นเฮียว่ะ ความสูงก็เอาไป ความหล่อก็เอาไป ยังมาเป็นตัวกำหนดชื่อผมอีก แม่ง ฮ่าๆๆๆๆ

     

    “ฮะๆๆ” ไอ้โฟล์คหัวเราะ แบบที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันหัวเราะเพราะอะไร แต่......ผมว่ามันก็ดีแล้วล่ะ เวลาไอ้ห่านี้ยิ้มหรือหัวเราะแล้วดูสดใสสว่างจ้าดี

     

    สะ...สด สดใส?

     

    มีคนน้อยมากที่มันอยู่ด้วยแล้วจะทำตัวสดใสขนาดนั้นเสียงไอ้เยียร์ดังก้องขึ้นมาในโสตประสาท

     

    ตั้งแต่เมื่อไหรวะที่มันยิ้มให้ผมถี่ขนาดนี้?

     

    แล้วตั้งแต่เมื่อไหรวะ ที่รอยยิ้มมันดูสว่างขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้?

     

    กูว่ามึงชอบเขาว่ะเสียงไอ้เยียร์ยังไม่ทันจะหาย เสียงเฮียแม่งก็แทรกเข้ามาตีกันให้ยุ่งไปหมด โอ๊ยยย อันแรกน่ะพอเป็นไปได้เว่ย แต่อันที่สองนี้ไม่ใช่แล้วมั๊ง!

     

    มีคนน้อยมากที่มันอยู่ด้วยแล้วจะทำตัวสดใสขนาดนั้น

     

    กูว่ามึงชอบเขาว่ะ

     

    มีคนน้อยมากที่มันอยู่ด้วยแล้วจะทำตัวสดใสขนาดนั้น

     

    กูว่ามึงชอบเขาว่ะ

     

    ว๊ากกกกกกกกก  ออกไปเลยนะ ออกไปให้หมด!! มาบุกรุกพื้นที่สมองชาวบ้านเค้าได้ไงเนี๊ยฮะ!?

     

    “อ อ่า.....แล้ว....แล้วทำไมมึงถึงชื่อโฟล์คอ่ะ” ผมกลับมาคุยกับมันต่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจอมันที่จ้องผมอยู่ด้วยสายตาสงสัยว่าทำไมอยู่ๆถึงเงียบไป

     

    “......ไม่รู้ดิ”

     

    “แม่มึงชอบรถโฟล์คป่าว?”

     

    “ความจริงชื่อผมมันมาจาก โฟล์ค F-O-L-K น่ะ”

     

    “หือ? ที่แปลว่าพื้นบ้านอ่ะนะ?”

     

    “อือ”

     

    “ตลกว่ะ น้องพื้นบ้าน ฮ่าๆๆๆๆๆ แล้วทำไมถึงเขียนว่า Volk แบบรถโฟล์คอ่ะ” จำมาจากไลน์น่ะ ถึงตอนนี้ผมจะเปลี่ยนชื่อให้มันใหม่ไปแล้วก็เถอะ

     

    “ไม่รู้สิ.... มัน....ไม่มีความหมายมั๊ง” .........นี่มึงตั้งประชดอะไรรึป่าววะ นั่น....กูอุส่าพามันออกมาจากห้วงลึกหุบเหวดราม่าได้แล้วเชียวนะ... เสือกวกกลับเข้ามาได้อีกสิน่า...

     

    “แต่...... มันก็มีค่านะเว่ย” ผมแถมรอยยิ้มบางๆแล้วยักคิ้วข้างเดียวให้มันอีกหนึ่งดอก เสี่ยวชิบหายเลยกู.....

     

    แต่ถ้ามันยิ้มได้แบบนี้ก็ดีแล้วแหละ.....

     

     ไอ้ชิบหายเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มึงไปสมัครนายแบบไป๊!!!

     

    -------------------------------------------

     

    ปลายพู่กันค่อยๆปาดสีลงบนกระดาษที่ขึ้นโครงลงปากกาไว้แล้วด้วยฝีมือผมที่ก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงาน งานสีน้ำเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยชอบ มันลงผิดง่าย แก้ยาก สีชอบไหลชอบซึมไปปนกันแล้วเละโดยเฉพาะกับไอ้คนไม่ได้ใจเย็นอะไรแบบผม

     

    ไอ้ผมห่านี่ก็ชอบร่วงลงมาจริงวุ๊ย เจริญเติบโตกันเร็วชิบหาย เพิ่งไปตัดมาไม่นานเอง เดี๋ยวพ่อจับตัดสกินเฮดมันซะเลยดีมั๊ย!

     

    “เฮ๊ยมึงๆ” ผมออกปากเรียกไอ้เด็กม.ปลายที่นอนคว่ำเอกเขนกอยู่บนโซฟาอ่านการ์ตูนที่ดูเหมือนมันจะถูกอกถูกใจเอาการอยู่ข้างหลัง

     

    “หือ?”

     

    “เข้าไปในห้องน้ำในห้องกูอ่ะ มันจะมีที่คาดผมอันดำๆอ่ะ บนซิงค์ เอามาให้หน่อย” ไม่มีเสียงตอบรับ แต่เสียงเสียดสีเนื้อผ้าโซฟาทำให้ผมรู้ว่ามันคงลุกไปหยิบให้แล้ว

     

    “อันนี้ป่ะ”

     

    “อือๆ ขอบใจๆ” ผมรับที่คาดผมสีดำๆมาคาดไว้เอาไอ้หน้าม้าน่ารำคาญนี่ขึ้นไป  แม่ง ก่อความรำคาญให้กูหลายครั้งแล้วนะ เราคงได้เจอกันจริงๆเข้าซักวันแหละสกินเฮด

     

    “ห้องนอน?”

     

    “หา? อ๋อ... อือ สวยอ่ะดิ” ผมยองานตัวเองแล้วหันไปยักคิ้วให้ไอ้เด็กหัวเกรียนสองที ภาพที่ผมกำลังลงสีอยู่นี่เป็นโจทย์ของห้องนอนครับ ซึ่งเรื่องออกแบบนี่เรียกได้ว่าหวานหมูเลยสำหรับคนที่คลุกคลีอยู่แต่กับห้องนอนแบบผม.... ผมรักมัน ฮ่าๆๆ

     

    “อือ” มันตอบรับง่ายๆแล้วลากเก้าอี้ตัวเล็กใกล้ๆมานั่งข้างๆ  นั่งลงเงียบๆเหมือนสนอกสนใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรตราบใดที่มันยังไม่ก่อความวุ่นวายหรือสร้างความรำคาญ กลับรู้สึกดีซะอีก งานเรามีคนชม งานเรามีคนสนใจ

     

    ผมยังคงก้มหน้าก้มตาปาดปลายพู่กันลงบนกระดาษอย่าง(พยายาม)ไม่รีบร้อน ริมฝีปากก็ยิ้มตามแถมฮัมเพลงเบาๆกับผลงานที่ดูเหมือนจะออกมาได้สวยอย่างเคยตัว ทั้งๆที่งานสีน้ำผมนี่ปกติจะออกมาถูๆไถๆแท้ๆ สงสัยวันนี้มือขึ้นเว๊ย

     

    อืม..................ทำไมกูรู้สึกเหมือนมีคนมอง

     

    และจากสกิลการเหลือบตาขึ้นด้วยความไวเหนือผู้หญิงแย่งซื้อของเซลล์ของผมนั่นเอง!!!!! .............ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า ไอ้เด็กม.ปลายที่กำลังทอดสายตาไปบ่นแผ่นกระดาษเพลินๆเหลือบตาขึ้นมามองผมอย่างสงสัยเหมือนจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่า อยู่ๆก็หยุดทำไป

     

    “อ... ไอ้เหี้ย!!! สี่ทุ่มกว่าแล้วนี่หว่า! มึงกลับไงเนี่ย?” ผมร้องตาโตเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาบนผนังห้องพอดี ไอ้ผมก็ทำงานเพลิน ใจจริงกะว่าซักสองทุ่มก็จะไล่มันกลับแล้ว

     

    “เอามอร์ไซค์มาอ่ะ”

     

    “มึงจะขับมอร์ไซค์กลับบ้านตอนนี้อ่ะนะ?” บ้านแม่งก็ไม่ใช่ใกล้ๆ

     

    “........อือ” ทำไมน้ำเสียงมึงดูไม่ค่อยมั่นใจเลยวะ

     

    “เฮ้อ.......” เม็ดเลือดแดงกูตายไปอีกแล้ว 7 ตัวสินะ เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้ห่า “จะนอนนี่ไหมล่ะ”

     

    “ได้หรอ?” มันเอียงคอหน่อยๆเหมือนไม่เชื่อ

     

    “อือ เช้าๆค่อยกลับบ้านไปเปลี่ยนชุด” เป็นห่วงมั๊ง ผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ หล่อทั้งหน้าหล่อทั้งใจ ห่วงใยทุกคน ฮิ้ววววว

     

    -------------------------------------------

     

    “วันนี้กูยกหมอนข้างให้วันนึง ฮ่าๆๆๆๆ” ผมว่าน้ำเสียงทะเล้นปนขัน ตบหมอนข้างที่วางไว้ข้างตัวเบาๆให้ไอ้เด็กสูงเปรตที่ยืนเช็ดหัวอยู่ปลายเตียงยิ้มเขินๆ แล้วเอื้อมตัวไปหยิบโทรศัพท์มาอัพเดทสังคมซักหน่อย

     

    แน่นอนว่าคนฮอตอย่างผมเมื่อห่างหายจากโทรศัพท์ไปนานย่อมมีแจ้งเตือนเป็นแสน ฮ่าๆๆๆ ไม่ชวนไปกินเหล้าก็ขอลอกงานแหละครับ แน่นอนว่าอันแรกปฏิเสธ เวลานอนยังแทบไม่มีนับประสาอะไรกับการกินเหล้าเข้าผับ อันที่สองก็ส่งต้นฉบับให้เพราะผมก็ลอกเขามาอีกที ฮ่าๆ  สาวๆก็ทักมาเยอะอยู่ อันนี้ผมก็ตอบเท่าที่มีเวลาน่ะนะ คุยเยอะเดี๋ยวกลายเป็นให้ความหวังอีก ไม่ตอบก็เดี๋ยวกลายเป็นว่าหยิ่ง.... เกิดมาหล่อนี่มันวางตัวยากเนอะ ฮ่าๆๆ

     

    แต่ก็มีคนนึงนะที่ผมจะทักไปก่อน....

     

    [Card: นอนยังๆ]

    [Card: เราจะนอนแล้วแหละ]

    [Card: เลยมาบอกราตรีสวัสดิ์ก่อน 555]

    [Card: ฝันดีค่ะ]

    [Card: *สติ๊กเกอร์กู๊ดไนท์*]

     

    ให้ทายว่าใคร............................... เยสสสสส แกรนด์ไง ฮ่าๆ

     

    ผมยอมรับเลยครับว่าแกรนด์เป็นผู้หญิงที่คุยด้วยแล้วไม่เบื่อจริงๆ ภายนอกดูน่ารักนะ แต่นิสัยนี่ออกจะติดเกรียน แต่ไม่เป็นไรๆ ผมชอบ น่ารักดี ชีวิตมีสีสัน ฮ่าๆๆ ว่ากันตามตรงเลยนะ แกรนด์เนี่ยเป็นผู้หญิงคนแรกของผมเลยครับที่เป็นฝ่ายเข้าหาผมก่อนแล้วผมรู้สึกว่าน่าสนใจ คือพอคุยแล้วไม่ได้ออกตัวแรงเหมือนคนอื่น ออกจะแนวเพื่อนกันมากกว่า ผมชอบแบบนี้แหละ แต่ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอนเลยครับ สถานะก็คงจะอยู่ที่ คนที่คุยๆกันแหละมั๊ง

     

    ผมมองข้อความที่ส่งแล้วยิ้มให้เบาๆ คนที่ผมชอบตอนนี้น่ะ น่าจะเป็นคนนี้มากกว่า

     

     “ปิดไฟนะ”

     

    “อือ” ผมขานรับ เอาไอโฟนไปชาร์จแบต แล้วซุกตัวลงใต้ผืนผ้าห่มสีเทาๆ ไฟกลางห้องถูกปิดลงเหลือแต่โคมไฟที่ให้เพียงแสงสลัวๆ

     

    ความจริงห้องชุดนี่มันประกอบไปด้วย 2 ห้องนอนครับ แต่อีกห้องหนึ่งนี่ยกให้เป็นที่อยู่ของบรรดาของใช้นานาชนิดไปแล้ว ผมเพิ่งย้ายมาอยู่นี่เมื่อเทอมสองนี่เองครับ เทอมแรกอยู่หอ แต่มันทนไม่ไหวจริงๆเพราะไอ้เด็กศิลปกรรมห้องข้างๆมันยกเพื่อนฝูงมาโซโล่กีต้าร์ไล่ไอเดียและจินตนาการกันได้ทุกวันสิน่า  ประจวบกันกับที่เพื่อนเฮียเขาคิดจะหายที่นี่เพราะซื้อไว้แต่ไม่ค่อยได้มาอยู่น่ะครับ เลยได้มาในราคากันเอ๊งกันเอง

     

    ไอ้โฟล์คทิ้งตัวลงนอนหงายเหยียดตรงข้างๆผม หยิบหมอนข้างไปวางไว้บนตัวมันเอาผ้าห่มคลุมทับอีกทีแล้วใช้มือทั้งสองข้างกอดไว้หลวมๆ ตาก็มองไปที่เพดานเหมือนกำลังคิดหรือเหม่ออะไรอยู่...

     

                    ผมสาบานเลยว่าเห็นภาพซ้อนมันกลายเป็นเด็ก 5 ขวบติดหมอนข้าง ฮ่าๆๆๆๆๆ ดูตลกๆดีนะครับ ผมยังนึกขำทุกครั้งเลยเวลานึกว่าไอ้เด็กตัวโตๆอย่างมันจะต้องนอนกอดหมอนข้างทุกคืน

     

     แต่ถ้ามองอีกมุมนึง.... มันก็น่ารักดีนะ

     

    “พรุ่งนี้มึงจะตื่นกี่โมง ตั้งนาฬิกาปลุกยัง?” นี่....โชว์พาวซะหน่อย ผมชอบอยู่กับคนอ่อนกว่าตรงนี้แหละครับ ได้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ฮ่าๆๆ

     

    “อืม ตี 4 “

     

    “เชี่ย เช้าขนาดนั้นเลย? แม่งมืดพอๆกับตอนนี้เลยมั๊งเนี่ย” แล้วนี่ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า นอนแค่ 3 ชั่วโมง ไอ้ห่า...มันยิ่งมึนๆอยู่ รถจะสอยป่าววะ

     

    “เป็นห่วงรึไง?” มันขยับตัวให้นอนท่าตะแคงหันหน้ามาทางผมแล้วเอาขาขึ้นมาก่ายหมอนข้าง

     

    “เออดิ ช่วงนี้ข่าวรถชนแม่งเยอะจะตาย เกิดมึงตายห่าขึ้นมากูซวยนะเว่ย เพราะผิดที่ให้มึงขับรถกลับเช้าๆมืดๆ”

     

    “นี่มันห่วงตัวเองหนิ”

     

    “ก็ใช่ไง ฮ่าๆๆ” ผมได้รอยยิ้มบางๆจากเป็นคำตอบ ก่อนที่เปลือกตามันจะปิดลงทั้งๆที่ยิ้มอยู่อย่างนั้น เห็นอย่างนั้นผมก็เลยปิดเปลือกตาลงตามแล้วปล่อยตัวให้เข้าโหมดพักผ่อน

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “พี่....” อือ..... ใครเรียกวะ กำลังหลับสบายๆ กูไม่ตอบหรอก แบร่

    .

    .

    “พี่การ์ด.....” แหนะ....ก็บอกว่าไม่ตอบไง ยังจะเรียกอยู่อีก รบกวนคนจะหลับจะนอนชิบหายเลยนะมึงเนี่ย

     

    แม้แต่ความรู้สึกของสัมผัสเบาๆตรงเอวที่ตามมายังไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกอยากกระดิกกายหรือลืมตาตื่นขึ้นมาเลยครับ อย่างนี้มันความรู้สึกไวแต่ขี้เซาใช่ไหม?

     

    จากสัมผัสเบาๆค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิดจนสามารถพาตัวผมเขยิบเข้าไปชิดกับอะไรก็ไม่รู้ที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงพร้อมเสียงตึกตักให้ได้ยินอย่างชัดเจน แถมแรงกอดรัดหลวมๆบนลำตัวก็ทำให้อบอุ่นดีจนผมรู้สึกต้องการเพิ่ม เอื้อมมือไปกอดตอบไอ้ อะไรก็ไม่รู้นั่นแล้วครางเบาๆในลำคออย่างถูกใจ.....

     

    ว่าแต่ไอ้ อะไรก็ไม่รู้นี่มันเหี้ยอะไรวะ?

     

    ..........ชั่งแม่งเถอะ

     

    ....................................................อย่างนี้ก็สบายดี

     

    -------------------------------------------

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×