MindLink: In the Name of Eternity - นิยาย MindLink: In the Name of Eternity : Dek-D.com - Writer
×

    MindLink: In the Name of Eternity

    ในโลกอนาคตที่จิตใจของทุกคนเชื่อมต่อกันด้วยไมนด์ลิงค์ ช่างซ่อมรถธรรมดาๆอย่างไอค์ต้องมาพบกับคนพิลึกๆ ที่ฟื้นขึ้นจากสุสาน... คนพิลึกนั่นคือ ฮีโร่ จาก 100 ปีที่แล้ว... และนั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    13,880

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    19

    ผู้เข้าชมรวม


    13.88K

    ความคิดเห็น


    311

    คนติดตาม


    512
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  25 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.ค. 67 / 19:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    Disclaimer: นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเพศ เลือด ความรุนแรง และยาเสพติด โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม...



    ฝันแสนเลือนรางจากการหลับใหลอันยาวนานร่วมร้อยปีกำลังสิ้นสุดลง

    วิคเตอร์ตื่นขึ้นอีกครั้งในโลงศพเน่าผุ ผู้ที่ขุดเขาขึ้นมาคือไอคารอส หัวขโมยวัยรุ่นที่เข้ามาปล้นสุสานในเขตหวงห้าม

    โลกใบใหม่ที่เขาเห็นคือแดนควันหม่น ตึกสูงระฟ้าบดบังแสงสว่าง เทคโนโลยีรุดล้ำ แต่พื้นหลังคือความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล องค์กรใต้ดิน และฝักฝ่ายลึกลับปริศนาข้างนอกกำแพงเมือง ทุกฝ่ายต้องการปลดขีดจำกัด ไมนด์ลิงค์” เพื่อควบคุมจิตใจผู้คนอีกครั้ง และการมาของเขาในฐานะผู้สร้างกำลังจะทำให้ทุกอย่างยิ่งทวีความวุ่นวาย



    กาลเวลาเป็นตัวเร่ง และเป็นดั่งระเบิดเวลานับถอยหลังรอวันทำลายล้าง


    "กลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้ง"


    ขอต้อนรับสู่...






    ติดตามผู้เขียนได้ที่ >>>>X/TWITTIER<<<< หรือ >>>>>FACEBOOK PAGE<<<<<

    -MISC NOTE-
    สวัสดีค่ะ หายไปเกือบ 9 ปีในที่สุดก็กลับมาอัพในเด็กดีแล้ว รอบนี้จะอัพจนจบเลยค่ะ โดยเนื้อหาจะมีทั้งหมดสามภาค แต่เนื่องจากผู้เขียนกำลังเขียนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกซักพัก โดยหลังจากลงเนื้อหาภาค 1 และภาค 2 จบจะมีการเว้นระยะไปอีกหลายเดือน แต่จะไม่มีการทิ้งเรื่องนี้แน่นอนค่ะ! ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและเข้ามาอ่านนะคะ

    Update status: ACTIVE
    Firstly announced: 28 June 2015
    Rewrite version announced: 27 April 2024
    Theme Credits: SNAP Theme
    Genre: Action, Drama, Fantasy, Sci-fi, Psychological

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    "นิยายเรื่องนี้ เป็นคำตอบได้อย่างดีว่าแท้จริงแล้วนั้น ‘มนุษย์’ คืออะไรกันแน่?"

    (แจ้งลบ)

    Time Rebellion: ปฏิวัติข้ามเวลา ล่าเปลี่ยนโลก เป็นนิยายแฟนตาซี-แอคชั่น-ไซไฟ กล่าวถึงโลกอนาคตในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สาม 'เมโทรโปลิส' ที่ซึ่งมนุษย์และ 'มิวแทนท์' --โคลนนิงที่กลายพันธุ์จากกัมมันตรังสี--อาศัยอยู่ร่วมกัน มนุษย์ยังคงเป็นใหญ่ และมิวแทนต์ซึ่งอยู่นอกกำแพงนั้นอยู่ในฐานะ 'สิ่งแปลกปลอม' หรือถ้าจะเรียกให้ดูสุภาพมากขึ้ ... อ่านเพิ่มเติม

    Time Rebellion: ปฏิวัติข้ามเวลา ล่าเปลี่ยนโลก เป็นนิยายแฟนตาซี-แอคชั่น-ไซไฟ กล่าวถึงโลกอนาคตในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สาม 'เมโทรโปลิส' ที่ซึ่งมนุษย์และ 'มิวแทนท์' --โคลนนิงที่กลายพันธุ์จากกัมมันตรังสี--อาศัยอยู่ร่วมกัน มนุษย์ยังคงเป็นใหญ่ และมิวแทนต์ซึ่งอยู่นอกกำแพงนั้นอยู่ในฐานะ 'สิ่งแปลกปลอม' หรือถ้าจะเรียกให้ดูสุภาพมากขึ้นก็คือ 'ประชากรชั้นสอง' เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น เมื่อโจรมิวแทนท์เจ้าเล่ห์ 'ไอคารอส ทิมเบอร์' นึกทะลึ่งไปขุดสุสานเพื่อหาสมบัติ แต่เขาดันเจอกับคนเป็นๆ แทน และยิ่งไปกว่านั้น คนเป็นๆ ที่เขาเจอน่ะ มาจากอดีตเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้วอีกต่างหาก! 'วิคเตอร์ คิงส์' คือชื่อของเขา--รวมถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่น(?)ซึ่งก็คือส่วนสูงแค่ 160 cm (5555555555 โอ๊ยขำหนักมาก อยากหัวเราะให้ลิ้นไก่ม้วนเป็นเลขแปด) และแว่นตาเก่าๆ ที่เป็นแฟชั่นเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว เขามาพร้อมกับปัญหาใหญ่คือความซวยอย่างไม่จบไม่สิ้นของตัวเอง เนื่องจากทะเล่อทะล่าเดินชนเสาจนลูกกระสุนวิ่งเข้าหัวใจ (ห้ะ?) เดือดร้อนไอคารอส เฟธ และซิลต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเหล็กให้กับวิคเตอร์ ส่งผลให้วิคเตอร์กลายพันธุ์จากมนุษย์ เป็นมนุษย์ครึ่งโคลนนิงกลายพันธุ์ หรือพูดง่ายๆ คือกลายเป็นครึ่งคนครึ่งมิวแทนท์! งงมะ? งง! เออ! ตูอ่านตอนแรกก็งง! (อะไรมันจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนั้นครัชพี่น้องส์ =[]= ) แต่โชคร้าย ไม่ทันไรพวกเขาก็ถูกมนุษย์จับตัวไว้ได้และเกือบจะถูกนายทหารใหญ่ของฝ่ายมนุษย์ฆ่าทิ้งเพราะชาติพันธุ์มิวแทนท์ของตัวเอง แต่ก็ยังดีที่เหล่ามิวแทนท์ดวงกุดทั้งหลายยังไม่ถึงขั้นชะตาขาด เนื่องจากได้น้องเอสลีย์ สิบตรีสุดโลลิ(?)มาช่วยไว้! นั่นล่ะครับทั่นผู้ชม นับจากนี้ ความมันส์ระเบิดระเบ้อจนทุ่งข้าวสาลีกลายเป็นโกโกครันช์จึงเริ่มต้นขึ้น...ขึ้น...ขึ้น...ขึ้นนนนน!!!!! จุดเด่น ที่เด่นจนต้องขีดเส้นใต้สามร้อยเส้นด้วยปากกาเมจิกห้าสิบสีนั่นก็คือ สำนวนไหลลื่น รวดเร็ว กระชับฉับไว ดำเนินเรื่องได้จังหวะดีมาก ไม่เร็วจนน่าปวดหัว และไม่ช้าจนน่าเบื่อ ตัวละครมีสีสันน่าติดตาม ข้อมูลมากมายมหาศาลแต่ก็ไม่ยัดเยียดจนคนอ่านปวดหัว แต่ขอตินิดนึงตรงโครงเรื่อง คือช่วงนี้กระแสนิยายแนวดิสโทเปีย อิงๆ การเมืองการปกครองแนวๆ นี้มาแรงมาก เช่นไดเวอร์เจนท์, ฮังเกอร์เกม, เมซรันเนอร์ ดังนั้นตอนอ่านๆ ไป บางฉากเราคิดถึงฉากในหนังพวกนั้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากเกินไป หมายถึงยังได้กลิ่นแบบหน่อยๆ ส่วนฉากแอคชั่นนี่เรียกได้ว่าสนุกเฮียเฮีย ยิงกันตูมตาม บุฟเฟต์กระสุนแบบอินฟินิตี้ ระบงระเบิดเรือดำน้ำรถถังเครื่องบินรบนี่มีให้เลือกไม่อั้น ถ้าเอาหัวรบนิวเคลียร์มาได้คงทำไปแล้ว เลือดสาดกระจายสะใจคอซาดิสม์อย่างเราม๊ากมาก แบบมาสิบตายร้อย มาร้อยตายล้าน!!! จุดๆนี้ ไมเคิลเบย์ยังยอมแพ้อ่ะครัชแหม่! เอ้าตบมือสิ รอประยุทธ์มาตัดริบบิ้นเหรอ อีกอย่างนึงที่เป็นสิ่งน่าชื่นชมในเรื่องนี้คือประเด็นของ ‘ชาติพันธุ์’ มนุษย์ (เข้าโหมดจริงจัง นิ้วกลางดันแว่น เสยผม หรี่ตา หน้าจ้องคอม) ซึ่งคนเขียนสามารถสื่อประเด็นหนักๆ แบบนี้ออกมาอย่างตรงไปตรงมาและเข้าใจง่าย ลูกเล็กเด็กแดงไปจนถึงผู้ใหญ่อ่านได้สบายๆ เหมือนที่เอสลีย์ถามในตอนที่ 5 ว่าทำไมมนุษย์กับมิวแทนท์ถึงเกลียดกันขนาดนั้น ทำไมต้องเกิดสงครามระหว่างสิ่งมีชีวิตทั้งสองเผ่าพันธุ์ นั่นสิ คนเขียนโยนคำถามนี้ให้คนอ่านอย่างเราๆ คิดไปด้วยว่าทำไม? สงครามคืออะไร? สงครามคือความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายหรือมากกว่านั้น จึงหาทางจบปัญหาด้วยการใช้กำลังทางทหาร สงครามหลายแห่งบนโลกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะความแตกต่างทางอุดมการณ์หรือผลประโยชน์เท่านั้น แต่เกิดขึ้นเพราะความแตกต่างทางชาติพันธุ์ เชื้อชาติ ศาสนา เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่นสงครามครูเสด สงครามกลางเมืองยูโกสลาเวีย สงครามกลางเมืองรวันดา สงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งฮิตเลอร์กวาดล้างยิวเพื่อดำรงสายเลือดอารยัน รวมถึงข้อขัดแย้งยิว-ปาเลสไตน์ และกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงในปัจจุบัน ล้วนแล้วเกิดขึ้นเพราะความแตกต่างของ ‘พวกเรา’ และ ‘พวกเขา’ ทั้งสิ้น ‘พวกเขา’ และ ‘พวกเรา’ สองคำนี้เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่อ่อนแอ แต่ดันฉลาดที่สุดในโลก มนุษย์จึงรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่ม เผ่า เพื่อเอาตัวรอด มนุษย์ถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัว เพราะความกลัวเป็นหนึ่งในสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตที่สร้างมาเพื่อความจำเป็นสำหรับการอยู่รอด รวมถึงอารมณ์ด้านลบอื่นๆ ด้วย เช่นความเจ็บปวด ความกดดัน ความกลัวทำให้เราไม่บุ่มบ่ามไปจับเสือถึงในถ้ำจนโดนกัดตายเปล่าๆ ความเจ็บปวดจากกรงเล็บของเสือทำให้เราเรียนรู้ว่าไม่ควรไปยุ่งกับมันถ้าไม่อยากโดนกัดจนเสียเลือดตาย ความกดดันในระดับที่พอเหมาะพอดีทำให้เราคิดวางแผนอะไรได้รอบคอบมากขึ้น เช่นในเรื่องนี้ มนุษย์มีปัญหากับมิวแทนท์เป็นมนุษย์ที่กลายพันธุ์ กล่าวคือได้รับสารกัมมันตรังสีจนมีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วไป เช่น อวัยวะที่ขาดไปสามารถงอกกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ถามว่าทำไมมนุษย์ถึงรังเกียจมิวแทนท์นัก? คำตอบนั้นไม่ยากเลย เพราะความกลัวไงล่ะ มนุษย์หวาดกลัวต่อสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของตัวเอง มนุษย์กลัวว่าสักวัน มิวแทนท์ที่แปลกประหลาดมีความสามารถเหนือคนนั้นจะเทคโอเวอร์โลกมนุษย์เสียเอง แล้วมนุษย์ที่เป็นฝ่ายควบคุมทุกอย่างมาตลอดนั้นก็จะกลายเป็นฝ่ายถูกควบคุมเสียเอง จึงกดขี่มิวแทนท์ทุกทางเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อให้ไม่มีมิวแทนท์ตัวไหนได้มีที่ยืนในสังคมมนุษย์ เหมือนกับพรรคนาซีที่ติดดาวเดวิดไว้บนอกเสื้อของชาวยิว เหมือนกับรัฐบาลอังกฤษที่ช่วยยิวกดขี่คนอาหรับในปาเลสไตน์ นั่นยิ่งเน้นย้ำถึงสถานะ ‘ความแตกต่าง’ อันน่ารังเกียจของมิวแทนท์ได้อย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างไร มิวแทนท์เองก็เป็นมนุษย์ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัวเช่นเดียวกันกับมนุษย์ปกติ จริงอยู่ว่าการปกครองด้วยความหวาดกลัวและโหดร้ายเป็นระบบการปกครองอย่างหนึ่งที่ได้ผลรวดเร็วและเฉียบขาดที่สุด แต่มั่นใจได้หรือว่า ‘ประชากรชั้นสอง’ อย่างมิวแทนท์ที่อยู่ภายใต้การกดขี่ด้วยความหวาดกลัวมานานจะไม่ปรอทแตก ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านมนุษย์ภายในวันใดวันหนึ่ง ความกลัวของมนุษย์...ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด นิยายเรื่องนี้ เป็นคำตอบได้อย่างดีว่าแท้จริงแล้วนั้น ‘มนุษย์’ คืออะไรกันแน่? -Crimson Rose-   อ่านน้อยลง

    Crimson Rose/เธเธธเธซเธฅเธฒเธเธเธฑเธเธเธดเธก | 30 มี.ค. 59

    • 2

    • 1

    คำนิยมล่าสุด

    "นิยายเรื่องนี้ เป็นคำตอบได้อย่างดีว่าแท้จริงแล้วนั้น ‘มนุษย์’ คืออะไรกันแน่?"

    (แจ้งลบ)

    Time Rebellion: ปฏิวัติข้ามเวลา ล่าเปลี่ยนโลก เป็นนิยายแฟนตาซี-แอคชั่น-ไซไฟ กล่าวถึงโลกอนาคตในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สาม 'เมโทรโปลิส' ที่ซึ่งมนุษย์และ 'มิวแทนท์' --โคลนนิงที่กลายพันธุ์จากกัมมันตรังสี--อาศัยอยู่ร่วมกัน มนุษย์ยังคงเป็นใหญ่ และมิวแทนต์ซึ่งอยู่นอกกำแพงนั้นอยู่ในฐานะ 'สิ่งแปลกปลอม' หรือถ้าจะเรียกให้ดูสุภาพมากขึ้ ... อ่านเพิ่มเติม

    Time Rebellion: ปฏิวัติข้ามเวลา ล่าเปลี่ยนโลก เป็นนิยายแฟนตาซี-แอคชั่น-ไซไฟ กล่าวถึงโลกอนาคตในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สาม 'เมโทรโปลิส' ที่ซึ่งมนุษย์และ 'มิวแทนท์' --โคลนนิงที่กลายพันธุ์จากกัมมันตรังสี--อาศัยอยู่ร่วมกัน มนุษย์ยังคงเป็นใหญ่ และมิวแทนต์ซึ่งอยู่นอกกำแพงนั้นอยู่ในฐานะ 'สิ่งแปลกปลอม' หรือถ้าจะเรียกให้ดูสุภาพมากขึ้นก็คือ 'ประชากรชั้นสอง' เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น เมื่อโจรมิวแทนท์เจ้าเล่ห์ 'ไอคารอส ทิมเบอร์' นึกทะลึ่งไปขุดสุสานเพื่อหาสมบัติ แต่เขาดันเจอกับคนเป็นๆ แทน และยิ่งไปกว่านั้น คนเป็นๆ ที่เขาเจอน่ะ มาจากอดีตเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้วอีกต่างหาก! 'วิคเตอร์ คิงส์' คือชื่อของเขา--รวมถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่น(?)ซึ่งก็คือส่วนสูงแค่ 160 cm (5555555555 โอ๊ยขำหนักมาก อยากหัวเราะให้ลิ้นไก่ม้วนเป็นเลขแปด) และแว่นตาเก่าๆ ที่เป็นแฟชั่นเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว เขามาพร้อมกับปัญหาใหญ่คือความซวยอย่างไม่จบไม่สิ้นของตัวเอง เนื่องจากทะเล่อทะล่าเดินชนเสาจนลูกกระสุนวิ่งเข้าหัวใจ (ห้ะ?) เดือดร้อนไอคารอส เฟธ และซิลต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเหล็กให้กับวิคเตอร์ ส่งผลให้วิคเตอร์กลายพันธุ์จากมนุษย์ เป็นมนุษย์ครึ่งโคลนนิงกลายพันธุ์ หรือพูดง่ายๆ คือกลายเป็นครึ่งคนครึ่งมิวแทนท์! งงมะ? งง! เออ! ตูอ่านตอนแรกก็งง! (อะไรมันจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนั้นครัชพี่น้องส์ =[]= ) แต่โชคร้าย ไม่ทันไรพวกเขาก็ถูกมนุษย์จับตัวไว้ได้และเกือบจะถูกนายทหารใหญ่ของฝ่ายมนุษย์ฆ่าทิ้งเพราะชาติพันธุ์มิวแทนท์ของตัวเอง แต่ก็ยังดีที่เหล่ามิวแทนท์ดวงกุดทั้งหลายยังไม่ถึงขั้นชะตาขาด เนื่องจากได้น้องเอสลีย์ สิบตรีสุดโลลิ(?)มาช่วยไว้! นั่นล่ะครับทั่นผู้ชม นับจากนี้ ความมันส์ระเบิดระเบ้อจนทุ่งข้าวสาลีกลายเป็นโกโกครันช์จึงเริ่มต้นขึ้น...ขึ้น...ขึ้น...ขึ้นนนนน!!!!! จุดเด่น ที่เด่นจนต้องขีดเส้นใต้สามร้อยเส้นด้วยปากกาเมจิกห้าสิบสีนั่นก็คือ สำนวนไหลลื่น รวดเร็ว กระชับฉับไว ดำเนินเรื่องได้จังหวะดีมาก ไม่เร็วจนน่าปวดหัว และไม่ช้าจนน่าเบื่อ ตัวละครมีสีสันน่าติดตาม ข้อมูลมากมายมหาศาลแต่ก็ไม่ยัดเยียดจนคนอ่านปวดหัว แต่ขอตินิดนึงตรงโครงเรื่อง คือช่วงนี้กระแสนิยายแนวดิสโทเปีย อิงๆ การเมืองการปกครองแนวๆ นี้มาแรงมาก เช่นไดเวอร์เจนท์, ฮังเกอร์เกม, เมซรันเนอร์ ดังนั้นตอนอ่านๆ ไป บางฉากเราคิดถึงฉากในหนังพวกนั้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากเกินไป หมายถึงยังได้กลิ่นแบบหน่อยๆ ส่วนฉากแอคชั่นนี่เรียกได้ว่าสนุกเฮียเฮีย ยิงกันตูมตาม บุฟเฟต์กระสุนแบบอินฟินิตี้ ระบงระเบิดเรือดำน้ำรถถังเครื่องบินรบนี่มีให้เลือกไม่อั้น ถ้าเอาหัวรบนิวเคลียร์มาได้คงทำไปแล้ว เลือดสาดกระจายสะใจคอซาดิสม์อย่างเราม๊ากมาก แบบมาสิบตายร้อย มาร้อยตายล้าน!!! จุดๆนี้ ไมเคิลเบย์ยังยอมแพ้อ่ะครัชแหม่! เอ้าตบมือสิ รอประยุทธ์มาตัดริบบิ้นเหรอ อีกอย่างนึงที่เป็นสิ่งน่าชื่นชมในเรื่องนี้คือประเด็นของ ‘ชาติพันธุ์’ มนุษย์ (เข้าโหมดจริงจัง นิ้วกลางดันแว่น เสยผม หรี่ตา หน้าจ้องคอม) ซึ่งคนเขียนสามารถสื่อประเด็นหนักๆ แบบนี้ออกมาอย่างตรงไปตรงมาและเข้าใจง่าย ลูกเล็กเด็กแดงไปจนถึงผู้ใหญ่อ่านได้สบายๆ เหมือนที่เอสลีย์ถามในตอนที่ 5 ว่าทำไมมนุษย์กับมิวแทนท์ถึงเกลียดกันขนาดนั้น ทำไมต้องเกิดสงครามระหว่างสิ่งมีชีวิตทั้งสองเผ่าพันธุ์ นั่นสิ คนเขียนโยนคำถามนี้ให้คนอ่านอย่างเราๆ คิดไปด้วยว่าทำไม? สงครามคืออะไร? สงครามคือความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายหรือมากกว่านั้น จึงหาทางจบปัญหาด้วยการใช้กำลังทางทหาร สงครามหลายแห่งบนโลกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะความแตกต่างทางอุดมการณ์หรือผลประโยชน์เท่านั้น แต่เกิดขึ้นเพราะความแตกต่างทางชาติพันธุ์ เชื้อชาติ ศาสนา เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่นสงครามครูเสด สงครามกลางเมืองยูโกสลาเวีย สงครามกลางเมืองรวันดา สงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งฮิตเลอร์กวาดล้างยิวเพื่อดำรงสายเลือดอารยัน รวมถึงข้อขัดแย้งยิว-ปาเลสไตน์ และกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงในปัจจุบัน ล้วนแล้วเกิดขึ้นเพราะความแตกต่างของ ‘พวกเรา’ และ ‘พวกเขา’ ทั้งสิ้น ‘พวกเขา’ และ ‘พวกเรา’ สองคำนี้เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่อ่อนแอ แต่ดันฉลาดที่สุดในโลก มนุษย์จึงรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่ม เผ่า เพื่อเอาตัวรอด มนุษย์ถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัว เพราะความกลัวเป็นหนึ่งในสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตที่สร้างมาเพื่อความจำเป็นสำหรับการอยู่รอด รวมถึงอารมณ์ด้านลบอื่นๆ ด้วย เช่นความเจ็บปวด ความกดดัน ความกลัวทำให้เราไม่บุ่มบ่ามไปจับเสือถึงในถ้ำจนโดนกัดตายเปล่าๆ ความเจ็บปวดจากกรงเล็บของเสือทำให้เราเรียนรู้ว่าไม่ควรไปยุ่งกับมันถ้าไม่อยากโดนกัดจนเสียเลือดตาย ความกดดันในระดับที่พอเหมาะพอดีทำให้เราคิดวางแผนอะไรได้รอบคอบมากขึ้น เช่นในเรื่องนี้ มนุษย์มีปัญหากับมิวแทนท์เป็นมนุษย์ที่กลายพันธุ์ กล่าวคือได้รับสารกัมมันตรังสีจนมีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วไป เช่น อวัยวะที่ขาดไปสามารถงอกกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ถามว่าทำไมมนุษย์ถึงรังเกียจมิวแทนท์นัก? คำตอบนั้นไม่ยากเลย เพราะความกลัวไงล่ะ มนุษย์หวาดกลัวต่อสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของตัวเอง มนุษย์กลัวว่าสักวัน มิวแทนท์ที่แปลกประหลาดมีความสามารถเหนือคนนั้นจะเทคโอเวอร์โลกมนุษย์เสียเอง แล้วมนุษย์ที่เป็นฝ่ายควบคุมทุกอย่างมาตลอดนั้นก็จะกลายเป็นฝ่ายถูกควบคุมเสียเอง จึงกดขี่มิวแทนท์ทุกทางเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อให้ไม่มีมิวแทนท์ตัวไหนได้มีที่ยืนในสังคมมนุษย์ เหมือนกับพรรคนาซีที่ติดดาวเดวิดไว้บนอกเสื้อของชาวยิว เหมือนกับรัฐบาลอังกฤษที่ช่วยยิวกดขี่คนอาหรับในปาเลสไตน์ นั่นยิ่งเน้นย้ำถึงสถานะ ‘ความแตกต่าง’ อันน่ารังเกียจของมิวแทนท์ได้อย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างไร มิวแทนท์เองก็เป็นมนุษย์ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัวเช่นเดียวกันกับมนุษย์ปกติ จริงอยู่ว่าการปกครองด้วยความหวาดกลัวและโหดร้ายเป็นระบบการปกครองอย่างหนึ่งที่ได้ผลรวดเร็วและเฉียบขาดที่สุด แต่มั่นใจได้หรือว่า ‘ประชากรชั้นสอง’ อย่างมิวแทนท์ที่อยู่ภายใต้การกดขี่ด้วยความหวาดกลัวมานานจะไม่ปรอทแตก ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านมนุษย์ภายในวันใดวันหนึ่ง ความกลัวของมนุษย์...ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด นิยายเรื่องนี้ เป็นคำตอบได้อย่างดีว่าแท้จริงแล้วนั้น ‘มนุษย์’ คืออะไรกันแน่? -Crimson Rose-   อ่านน้อยลง

    Crimson Rose/เธเธธเธซเธฅเธฒเธเธเธฑเธเธเธดเธก | 30 มี.ค. 59

    • 2

    • 1

    ความคิดเห็น