หลังจากฟังคำตอบจากแป้ง ใจของผมก็เหมือนตกลงไปถึงตาตุมผมรู้สึกได้ถึงความเวิ้งว้างข้างในจิตใจ
'หรอแป้งอย่างงั้นก็ไม่เป็นไรหรอกเราทำใจมาแล้วล่ะ' ถึงจะผมพูดอย่างงั้นผมก็ยังไม่ได้เตรียมใจเลยแม้แต่นิดเดียว
'งั้นเราเป็นเพื่อนกันดีแล้วล่ะยัยขี้แงเอ๋ย' ผมพูดพรางยิ้มกลบเกลือนเพราะไม่อยากให้คนที่ผมรักไม่สบายใจถึงเเม้เขาจะไม่ได้ชอบผมก็ตาม
ในขณะที่เดินออกไปอย่างโศกเศร้าท่ามกลางเพื่อนที่มองมาทางผมอย่างให้กำลังใจ
แป้งก็ตะโกนบอกผมทั้งน้ำตาว่า
'เดี๋ยวก่อนโฟ' ผมมองกลับไปที่ร่างบางอย่างมีความหวังว่าเขาจะกลับมาเห็นใจเรา แต่ไม่ล่ะเธอแค่ถามผมอย่างเป็นห่วงเฉยๆ
'แกโอเคแน่นะโฟ'
'อืม' ผมตอบกลับไปเบาๆ ก่อนเดินกลับบ้านเหมือนคนที่หมดอะไรตายอยาก
บรรยากาศรอบๆผมมันดูแย่ไปหมด ทุกคนที่นี่ล้วนดูน่ารำคาญไปหมดเลย
ผมเดินผ่านไอ้พลที่ผมจะไปเตะบอลกับมันทุกวัน
'เฮ้ยเตะบอลป่ะ' พลชวนผมในขณะที่เขากำลังรอบอลที่จะส่งมาหาเขาอยู่
ผมเมินหน้าเพื่อนของผมก่อนที่รีบเดินออกไปจากโรงเรียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่าถ้าใครมากวนหรือว่ามาคุยด้วยผมคงจะรู้สึกรำคาญมากเลยล่ะมากจนต่อยหน้ามันคนนั้นได้เลย
ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้หินที่ผมจะมานั่งประจำเวลาที่ผมไม่สบายใจ
'เฮ้อเหนื่อยจังนะวันนี้'
ผมพยายามที่จะคิดถึงเรื่องอื่นให้สมองมันลืมเรื่องแย่ๆจากตอนบ่ายที่ผ่านมาให้ได้แต่มันก็ทำไม่ได้เลยเรื่องของแป้งมันยังตรึงใจผมเหมือนกับพันธนาการที่ผมพยายามจะดิ้นให้หลุดแต่ผมก็ทำไม่ได้และจะทำไม่ได้อีกตลอดไป
ในขณะที่ผมนั่งเหม่ออยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนนึงเดินมาข้างหลัง และผมก็รู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
'มีไรเจ๊' ผมถามพร้อมชำเลืองตามองผู้หญิงข้างหลังผม ซึ่งเป็นพี่สาวของผมเองแหละทำไมต้องโผล่มาในเวลาแบบนี้ด้วยนะผมคิดในใจอย่างงุดงิด
'เอ้าจะไม่ให้ถามได้ไงล่ะจ๊ะก็เจ๊เห็นแกนั่งเหม่อมาเป็นชั่วโมงแล้วนะเนี่ยถึงเห็นเจ๊เป็นอย่างนี้เจ๊ก็เป็นห่วงแกเหมือนกันนะโฟ' เจ๊โฟมพูดอย่างเป็นห่วง
ถึงแม้ว่าเจ๊แกจะดูเฟะฟะเธอก็คอยอยู่กับผมในวันที่ผมมีปัญหาตลอด
'เรื่องน้องแป้งหรอเจ๊รู้แล้วละน้องเขาบอกเจ๊เองแหละ' ผมก็ไม่ค่อยแปลกใจหรอกเพราะว่าพวกเราสนิทกันแต่งแต่เด็กแล้ว มีอะไรเราก็จะคุยกันตลอด มีผม มีเจ๊ มีแป้งและก็เฮียปืนพี่ชายยัยแป้ง
ถึงมันจะดูเสียน้ำใจแต่ผมในตอนนี้อยากอยู่คนเดียวจริงๆจึงต้องบอกเจ๊แกไปว่า 'เจ๊อย่ามายุ่งดีกว่าโฟอยากอยู่คนเดียว'
'ก็ได้เจ๊ไปก็ได้แต่เจ๊อยากให้แกรู้ไว้ว่าน้องเขารักแกมากแค่ไหนแต่เขาก็แสดงออกไม่ได้'. พูดจบเจ๊ก็เอารูปสมัยเด็กของพวกเราสี่คนวางไว้ข้างหน้าผม
'มันมีอะไรหรอเจ๊ทำไมผมถึงไม่รู้ละทำไมผมจะรักแป้งไม่ได้ละเจ๊ตอบหน่อยโฟดิเจ๊'
"ทำไม"
ผมระเบิดอารมณ์ ความโกรธ ความเศร้า ความเสียใจ ความสงสัย ทั้งหมดต่อหน้าพี่สาวผม
'ถึงเวลาแกก็รู้เองแหละ' พี่ผมพูดอย่างเก็บความรู้สึกเพราะไม่อยากที่จะทะเลาะกับผมที่ตอนนี้ไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ได้อย่างปกติ เพราะถึงทะเลาะไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ
ตอนนี้ผมร้องไห้อย่างไม่อายใครพร้อมนั่งมองรูปในวันที่ผมเคยมีความสุขในชีวิต ในงานวันเกิดผมเมื่อ5ปีก่อน ตอนที่ครอบครัวผมอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา นำ้ตาผมไหลลินลงไปยังรูปภาพใบนั้นพร้อมกับบ่นกับตัวเองในใจเหมือนทุกครั้งที่ได้มองภาพนี้ว่า 'คิดถึงจังเลยนะ' มันเป็นรูปภาพที่ไม่ว่าผมจะมองกี่ครั้งมันก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น
ผมยืนขึ้นกะจะเดินเข้าไปในบ้านแต่แล้วจู่ๆผมก็รู้สึกแปลกๆ มันเหมือนผมกำลังจะถูกอะไรดูดเข้าไปอย่างไรอย่างงั้นเลย
สติของผมค่อยหายไปทีละน้อยๆ
'ฟุบ' ผมล้มลงไปกับพื้น ร่างกายผมไม่รู้สึกอะไรแล้วมีแต่เสียงอูอีๆ ดังในหัวผม
'โฟแกเป็นไรอ่ะ โฟตื่นสิ โฟ' เสียงของแป้งเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่ผมจะหมดสติไป
'โป๊ะ' เสียงลูกโป่งแตกท่ามกลางงานเลี้ยงในบ้านของผมมันทำให้ผมนึกถึงวันเกิดผมเมื่อ5ปีก่อน
จู่ๆผมตื่นขึ้นมาทั้งยืน สิ่งที่ผมคิดตอนนี้คือทำไมผมถึงใส่เสื้อเดียวกับรูปภาพที่ผมถืออยู่ก่อนที่ผมจะสลบไป ไม่เพียงแค่เสื้อผ้านะตัวผมยังเตี้ยลงด้วย
หรือผมจะเป็นแบบโคนัน!!!!
โธ่เว้ย ยิ่งคิดก็ยิ่งบ้า
แต่เมื่อผมมองออกไปรอบๆ ผมเห็นทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนในรูปภาพนั้นเป๊ะ ทุกอย่างจริงๆไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศรอบๆที่ดูครื้นเครงหรือผู้คนถึงอย่างงั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ผมเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับโตผมได้เลย
ผมเหลือบไปเห็นพี่สาวของผมที่ดูเหมือนว่าหน้าอกเล็กลง 'เจ๊ดูเด็กลงนะ'
'พูดไรของแกอ่ะนี่แกจำพี่สาวแกไม่ได้แล้วหรอฉันพึ่ง 14 เองนะ' เสียงแหลมพูดใส่ผมพร้อมทำหน้ากวนโอ๊ยใส่ผม
'เจ๊บ้าเปล่าเนี่ยเจ๊19แล้วนะ เลิกเล่นแบบนี้ได้มันไม่ตลกเลยนะเจ๊ผมต้องไปเรียนนะแกล้งอะไรก็ให้มันมีครอบเขตหน่อยสิ'
ผมพูดแบบนี้ออกไปเพราะมันดูเหมือนเป็นการแกล้งดีนี่เอง
'โอ๊ย บ้ากันไปใหญ่แล้วโฟ วันนี้คือวันเสาร์ที่ 9 เมษา พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิด ของ ด.ช. โฟ กฤศสกุล ไงคะ พอดีไม่ทราบว่าคุณน้องชายจำไม่ได้หรอค๊า' คุณพี่สาวของผมตอบอย่างประชดประชัน
'เออ แกพูดเหมือน แกมาจาก อนาคตอ่ะโฟ'
ผมหันหลังมองไปที่ยังเจ้าของเสียง
แป้งที่ตอนนี้ก็ใส่เสื้อเดียวกันกับรูปภาพในมือผม รูปร่างหญิงสาวที่กำลังโตเมื่อได้ใส่ เสื้อแขนยาวสีชมพูลายจุดกับกระโพรงที่สั้นเลยหัวเข่าของเธอมานิดนึ่งมันช่างทำให้เธอดูอ้อนหวานอะไรเช่นนี้นะแต่เรื่องที่สำคัญในตอนนี้คือมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ
คำพูดของเธอเมื่อกี้ทำให้ผมนี่อึ้งไปเลยพร้อมกับพยายามที่จะพิจารณาเหตุการณ์ที่กำลังอยู่ในหัวผมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ขณะที่ผมกำลังตกตลึงกับความน่ารักน่าเดียงสาของเธออยู่นั้นและคิดถึงเหตุการณ์อยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงทุ้มที่ผมไม่ได้ยินมาตั้งนานมาทักผม
'เอ่าเด็กๆมาถ่ายรูปกันมาเร็ว'
เสียงของพ่อผมทำให้กับพูดอะไรไม่ถูก
'นี่เรื่องจริงใช่ไหมป๊า ป๊ายังไม่ตายใช่ไหมป๊า'
ผมถามพ่อของผมที่จริงๆได้ล่วงลับไปแล้วแต่ทำไมผมกลับมาเจอผมได้นะ
'เออมึงพูดไรของมึงวะพูดจาอะไรให้มันดีหน่อย'เฮียปืนที่ตอนนี้ควรจะไปอยู่ต่างประเทศกลับมาพูดใส่ผมได้
'เออ ชั่งน้องมันเถอะปืน มาม่ะถ่ายรูปกัน เอ่ายิ้ม'
ผม,เจ๊,แป้งแล้วก็เฮียปืนยืนใกล้กันทำท่าเดียวกันยิ้มเหมือนกันเหมือนในรูปภาพนั้นเป๊ะทั้งท่าชูสองนิ้วของแป้งท่าท้าวสะเอวของเจ๊มันเหมือนกันทุกอิริยาบทกับรูปภาพใบนั้น
'ไม่' นี่กูย้อนเวลาได้หรอผ่านรูปภาพได้หรอวะทั้งพ่อที่ตายไปแล้วจากอุบัติเหตุและเฮียปืนที่ควรจะเรียนต่อต่างประเทศแล้วที่สำคัญที่สุดคือวันที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิตผมมันมาอยู่ตรงหน้าผมอีกครั้งดูยังไงมันก็ไม่ใช่การแกล้งของเจ๊ชัวๆ
'ไม่เราต้องฝันอยู่แน่ๆเลยเราจะย้อนเวลาได้ไงเรื่องแบบนี้มันจะเป็นไปได้ไงเล่า'
สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกคนผมก็เป็นนักเขียนหน้าใหม่นะครับ อันนี้ก็เรื่องที่สองของผมนะครับเรื่องแรกก็เละไม่เป็นท่าเลยครับถ้าผมทำผิดตรงไหนหรืออยากให้แก้อะไรก็ comment มาได้เลยครับ
ความคิดเห็น