โอตาคุผู้เฝ้ามอง - โอตาคุผู้เฝ้ามอง นิยาย โอตาคุผู้เฝ้ามอง : Dek-D.com - Writer

    โอตาคุผู้เฝ้ามอง

    โดย Topaz

    คุณเคยเห็นเวลาติ่งจองบัตรคอนเสิร์ตไหม? มันเหมือนกับว่าคุณจะได้ตามความฝันพวกเขาไปเลยล่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    73

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    73

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 มิ.ย. 57 / 13:16 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    เป็นเรื่องจริงที่ได้รับมาวันนี้ค่ะ
    ไม่ได้มีเจตนาจะก่อความดราม่าหรือสร้างความแตกร้าวนะคะ
    แค่อยากเล่าเรื่องที่เจอมาวันนี้ด้วยมุมมองของเราค่ะ
    ปล.ชื่อที่ใช้เป็นชื่อจริงไม่อิงนิยาย 5555
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      พวกคุณจงอย่าได้บังอาจดูถูกจิตวิญญาณของเด็กสาวเป็นอันขาด

      พวกเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่อยากได้

      อา

      มันช่างบริสุทธิ์จนหาสิ่งใดมาเปรียบไม่ได้จริงๆ

       

      ท่ามกลางเสียงสายฝนที่กำลังตกกระทบกับหลังคาสังกะสีของโรงอาหารขนาดใหญ่ในเวลาเกือบสิบนาฬิกาในกี่ไม่กี่นาที เป็นบรรยากาศที่ชวนไม่สบายตัวเอาซะเลย ทั้งชื้นทั้งอบอ้าว แล้วเสียงยังดังน่ารำคาญอีก ทั้งฝน และเสียงโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่กำลังฉายยอดนักสืบโคนันที่ตั้งอยู่ห่างไปไม่กี่เมตร เสียงมันตีกันไปหมดจนฟังไม่รู้เรื่อง พัดลมบนเพดานก็แทบจะไม่ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ หากแต่มีสิ่งที่ไร้ประโยชน์สำหรับฉันอยู่อีกอย่างที่ดูเหมือนมันกำลังจะเอื้อประโยชน์สูงสุดกับเพื่อนสาวของฉันอย่างเต็มที่ มันคือ เครื่องส่งสัญญาณไวไฟ ที่เกาะอยู่บนผนังตรงกับโต๊ะที่ฉันนั่งพอดีเป๊ะ และด้วยการที่ต้องมานั่งตรงหัวโต๊ะของโต๊ะนี้มันทำให้เสาบังจอโทรทัศน์ไปครึ่งนึงเลยสำหรับฉัน แต่ช่างมันเถอะ ยังไงฉันก็ดูไม่รู้เรื่องอยู่ดี

      ฉันเป็นคนคนสุดท้ายที่ซื้อข้าวมานั่งกินร่วมโต๊ะกับเพื่อน เพราะในตอนแรกร้านที่ฉันสั่งข้าวไปนั้นดันข้าวสวยหมดพอดี แต่ก็ยังดีที่ฉันไม่ใช่คนที่กินข้าวรั้งท้ายจนให้คนอื่นรอ

      (อาข้าวผัดพริกแกงหมูหมักเมื่อวานนี้มันอร่อยกว่านี้นี่นา…)

      ในขณะที่ฉันกำลังจัดเรียบเรียงข้าวสวยบนช้อนและค่อยๆยัดมันเข้าไปในปากนั้นฉันก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่าง

      (โต๊ะสั่นเพราะอะไรวะ)

      มันคงจะเป็นเสียงกระทบกันระหว่างโต๊ะบางๆกับเล็บแข็งๆของเพื่อนของฉันที่ค่อยๆทอดลงตั้งแต่นิ้วก้อยจนถึงนิ้วชี้ แล้วก็ทอดลงไปอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยมือทั้งสองข้างอย่างตื่นเต้น

      สายตาของเธอมองไปที่แท็บเล็ตที่วางนอนอยู่บนโต๊ะอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนเพื่อนอีกคนที่อยู่ข้างๆก็ถึงมือถือสมาร์ทโฟนจอใหญ่ๆแล้วใช้มือข้างหนึ่งตีโต๊ะรัวๆ

      นี่พวกมึงทำอะไรกันเนี่ย เสียงใหญ่ๆของฉันส่งเสียงถามไปด้วยความสงสัย

      จองบัตร จองบัตร เพื่อนผู้ครอบครองแท็บเล็ตอยู่เพียงคนเดียวในโต๊ะกล่าวขึ้นพร้อมเร่งจังหวะเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ แพรววา อีกกี่นาที! อีกกี่นาที!!” จะสแปมอะไรนักหนาจ๊ะแม่คู๊ณณ

      ไม่รู้อ่ะ สิบโมงอ่ะสิบโมง คนที่ถูกเรียกว่าแพรววาส่งเสียงแหลมออกมาพร้อมประสับกระส่ายหันซ้ายหันขวามองไปทางนาฬิกาทางด้านหลังของโรงอาหาร ทางด้านข้างของโรงอาหาร และหันกลับมามองที่มือถือของตัวเอง ของเค้าเหลืออีกประมาณหกนาทีอ่ะไข่มุก!!”

      บัตรอะไรอ่ะ บัตรคอนหรอ ฉันถามเพราะความอยากรู้

      อืมใช่! BAP อ่ะ

      อันที่จริงฉันอยากจะบอกว่าฉันไม่รู้จัก เพราะฉันไม่ได้สนใจเกาหลีซักเท่าไหร่ ฉันเป็นคล้ายๆพวกโอตาคุซะด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำฉันยังได้ยินหล่อนพูดว่า ‘VIP’ อีกต่างหาก

      (นี่พวกหล่อนเอาเงินภาษีของประชาชนไปซื้อบัตรVIPเรอะ!! แต่ฉันก็เคยเอาเงินภาษีของประชาชนไปซื้อหนังสือการ์ตูนเหมือนกัน…)

      “VIP…” ฉันพูดทวนสิ่งที่ได้ยิน

      อื้มใช่ BAP” นั่นและที่ทำให้ฉันเพิ่งรู้ว่ามันคือบีเอพี

      เดี๋ยวนะ! วงนี้ฉันรู้จักนี่ วงที่มันมีสัญลักษณ์ตราดำๆแล้วก็มีรูปกระต่ายนี่นา

      (มันคงจะดังมาก ถึงขนาดโอตาคุที่ดูแต่ละครหลังข่าวอย่างฉันยังรู้จัก)

      แอดมินบอกว่าไม่ต้องรีบนะคะ คนน้อย เสียงแหลมของเพื่อนฉันดัดขึ้นทำเสียงงุ้งงิ้งดังขึ้นมาก่อนเวลาสิบโมงในอีกห้านาที

      น้อยก็พ่อดิ เชื่อเหอะ เดี๋ยวพอเปิดให้จองบัตรแม่งก็เต็มละ เพื่อนที่นั่งเคาะนิ้วๆรัวๆพูดแทรกขึ้นทันที

      ไม่รู้ทำไม แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันคงจะเชื่อแอดมินที่ว่านั่น เพราะถ้าเขาบอกคนน้อย คนก็น่าจะน้อยสิ หรือฉันเขื่อคนง่ายไปนะ?

      เขาบอกคนน้อยแล้วพวกมึฝจะรีบกันทำไม รอกดสิบโมงกว่าๆก็ได้มั้ง ฉันพูดด้วยความสงสารเพระเห็นพวกเธอลนลานกันจนแทบคลั่ง

      ไม่ได้เว้ย เค้าบอกว่าจะรับถึงวันที่ห้า แล้วมึงไม่คิดว่ามันจะหมดตอนสิบโมงเลยหรอ คนมันไม่น้อยหรอก

      พวกหล่อนดูจริงจังไปนะ

      แต่เอาเถอะท่าทีของพวกติ่งสองคนนี้คงไม่ต่างกับโอตาคุที่ต่อแถวซื้อไลท์โนเวลที่ขายล็อตแรกแค่ในงานหนังสือเท่านั้น ส่วนล็อตต่อไปที่วางแผงทั่วไปก็จะออกมาในอีกสองสามเดือนข้างหน้า แต่ถึงอย่างนั้นในโลกออกไลน์นี้มันต่อแถวได้ซะที่ไหนกัน มันคงจะต้องแย่งชิงเอาเท่านั้น มันคงจะเหมือนโอตาคุที่แย่งชิงกันซื้อฟิกเกอร์มิคุที่มีขายไม่ถึงสิบตัวในบูทเดียวในประเทศมากกว่า ฮ่าๆ

      อ้ายย อ้ายย อีกสองนาที อีกสองนาทีแพรววา!!”

      หึ้ย ไม่แน่นาฬิกาที่นู่นอาจจะสิบโมงแล้วก็ได้ แพรววาพูด

      ยังกดไม่ได้ ยังกดไม่ได้! เค้าลองแล้ว

      ไข่มุกกดปุ่มอะไรซักอย่างบนจอแท็บเล็ตซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วเข้าหน้าเว็บใหม่

      พอรู้ตัวอีกทีฉันก็หันหลังไปทางนาฬิกาเรือนจากด้านหลังโรงอาหารด้วยอารมณ์ที่ลุ้นไปด้วยอีกคน ซึ่งถ้าดูไม่ผิดตอนนี้ก็สิบโมงกับอีกยี่สิบวินาทีเข้าให้แล้ว!!

      กดได้แล้ว!!”

      หึ้ย เค้าเด้งอ่ะ!!”

      เสียงกรี๊ดกร๊าดเริ่มดังขึ้น สถานการณ์ตอนนี้คือมีการเปิดระบบให้จองบัตรเรียบร้อยแล้ว และทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะเด้งและต้องล็อคอินใหม่หรืออะไรซักอย่าง ฉันประมวลจากสิ่งที่เห็นด้วยการมองเพื่อนทั้งสองนั่งกรอกรหัสลงในแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ด้วยมือที่สั่นระรัว แล้วร้องเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความทรมาณ

      คนหนึ่งพูดด้วยอารมณ์ประมาณว่าจองได้แล้ว คนหนึ่งพูดด้วยอารมณ์ประมาณว่าเครื่องมือที่ใช้ในการจองบัตรนั้นค้างไม่ว่าจะด้วยสัญญาณเน็ตในโรงอาหารแรงไม่พอที่จะเจาะเข้าไปในเว็บที่มีคนมากมายมหาศาลใช้อยู่ หรือเว็บอาจจะล่มไปแล้วก็ได้

      ไข่มุก จองให้เค้าด้วย เค้าจะจองให้มายด์ บะ..บุคคลที่สามเรอะ!!

      ได้ๆ

      ไข่มุกได้รหัสบัตรยัง ได้รหัสของมายด์แล้วนะ วะ..ไวแท้!!

      รหัสไรอ่ะ

      ก็กดได้ที่นั่งแล้วมันจะเด้งขึ้นมาเลยอ่ะ

      ทันใดนั้นไข่มุกที่เพิ่งตระหนักขึ้นได้ว่าที่นั่งที่ตัวเองได้ละเลียดนิ้วน้อยๆของเธอบรรจงกดลงไปบนหน้าจอสัมผัสบนแท็บเล็ตนั้นมันเป็นที่นั่งที่มีคนจองเรียบร้อยแล้ว

      อ่าว ยังงี้เค้าก็ต้องจองใหม่ดิ ความฉิบหายมาเยือนแล้วสินะ!!

      ไม่เป็นไร!  เข้าใหม่ เข้าใหม่!”เธอเตือนตัวเองอยู่หบายครั้งแล้วทะลวงเข้าหน้าเว็บไซต์ด้วยเน็ตโรงเรียนอืดๆอีกครั้ง

      เพื่อนร่วมโต๊ะที่ร่วมเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจ(?)ครั้งนี้ด้วยเริ่มหยุดนิ่งการกระทำของตนเองและหันมาหัวเราะกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของติ่งสองคนบนโต๊ะที่ฝ่าฝันสัญญาณอินเตอร์เน็ตเพื่อแย่งชิงเศษกระดาษเพียงไม่กี่ใบ และหาสัญญาณไวไฟสุดชีวิตจแทบจะยืนบนโต๊ะแล้วเอามือถือจ่อเครื่องไวไฟบนผนังเลยด้วยซ้ำ

      รวมทั้งฉันคนหนึ่งที่เริ่มหัวเราะทั้งๆที่ยังกินข้าวในจานยังไม่เสร็จ และแทบจะทั้งๆที่มีข้าวอยู่ในปากด้วยซ้ำ

      และแล้วพิษของพริกแกงในผัดก็เริ่มออกฤทธิ์ในขณะที่ฉันกำลังหัวเราะอย่างตลกสุดชีวิต

      อาฉันหัวเราะจนสำลักพริกจนน้ำตาร่วงเลยล่ะ

      ไม่กี่นาทีต่อมาสงครามขนาดย่อมที่เกิดขึ้นภายในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและมีตัวกลางเป็นสัญญาณไวไฟก็จบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง ติ่งทั้งสองได้ที่นั่งในคอนเสิร์ตที่เธอต้องการ ถึงจะไม่ใช่ที่นั่งที่ดีที่สุด แต่จองได้ก็ถือว่าบุญแล้วสำหรับราคาบัตรสี่พันห้า (แพงชะมัด)

      เมื่อสิบนาทีที่แล้วพวกมึงยังเป็นคนปกติอยู่เลยนะ เสียงเพื่อนคนหนึ่งที่นั่งทาวด้านซ้ายมือของฉันพูดขึ้นพาทำให้เพือนทั้งโต๊ะหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น..

      อาใช่สิ ดูๆแล้วตอนนี้มันก็แค่สิบโมงสิบนาทีสินะ ผ่านช่วงเวลาที่เปิดให้จองบัตรมาเพียงสิบนาที แตสำหรับเราทุกคนในโต๊ะที่ช่วยกันร่วมลุ้นมันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานอะไรกันอย่างนี้ทั้งๆที่มันใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งของสงครามแองโกล-ซานซิบาร์ซะอีก

       

       

      อ๊ะเดี๋ยวพวกนั้นจะเดินไปโอนเงินที่หน้าโรงเรียนนี่นา เดี๋ยวไปด้วยดีกว่า ช่วงนี้ไม่มีเงินติดกระเป๋าละ

       

      เอาเถอะ จิตวิญญาณของเด็กผู้หญิงเนี่ย บริสุทธิ์จังนะ

      พวกเธอทำอะไรก็ได้เพื่อที่จะได้สิ่งที่ต้องการ

      ถึงฉันจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการก็ตาม แต่ฉันก็พอจะเข้าใจถึงความรักที่เธอมีต่อพวกเขาแล้วล่ะ

       

      Cr. โอตาคุผู้เฝ้ามอง

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×