กว่าจะรู้ค่า...ก็สายไปแล้ว - กว่าจะรู้ค่า...ก็สายไปแล้ว นิยาย กว่าจะรู้ค่า...ก็สายไปแล้ว : Dek-D.com - Writer

    กว่าจะรู้ค่า...ก็สายไปแล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    311

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    311

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ก.ย. 53 / 16:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เราย้ายมาอยู่ที่นี่ได้หลายปี เพื่อนบ้านก็ดี มีน้ำใจ ข้างบ้านรั้วติดกันมีคุณลุงคนหนึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณมาหลายปีแล้ว ภรรยาเสีย ตั้งแต่เรายังไม่ย้ายเข้ามา ลูก ๆ ทั้ง 3 คน ต่างก็แต่งงาน มีครอบครัว ไปอยู่ที่จังหวัดอื่น ๆ กันหมด..... ลุงแกก็อยู่บ้านคนเดียวมาเกือบ 10 ปี

      เราได้รู้จักลุง ก็ได้เห็นในน้ำใจไมตรี เป็นคนใจดี อบอุ่น น่ารัก.....มีโรคประจำตัวตามประสาคนแก่ คือ เบาหวาน ความดัน และเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปตามปกติ.....

      ด้วยความที่อยู่บ้านคนเดียว บางครั้งเจ็บป่วย ก็ลำบากหน่อย เพราะไม่มีลูกหลาน คอยช่วยเหลือ ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราก็ได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือ พาไปหาหมอ พาไปทำธุรต่าง ๆ และถ้าป่วยหนักถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล ก็จะช่วยโทรตามลูก ๆ ของแกให้..... ลูก ๆ ก็จะมาเยี่ยมบ้าง ไม่มาบ้าง แล้วแต่โอกาส เรารู้ว่า คุณลุงเหงา .....

      ....... บ่อยครั้งที่คุณลุงจะบ่นถึงคุณป้า ซึ่งเราไม่เคยเจอตัวจริง ได้เห็นแต่ในรูป เพราะท่านเสียไปหลายปีแล้ว ก่อนที่เราจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่

      ช่วงเทศกาล ปีใหม่ สงกรานต์ เมื่อบ้านอื่น ๆ เขามีลูก ๆ มาเยี่ยม เราเห็นคุณลุงนั่งเหงาเพียงลำพังเราก็ซื้อของขวัญ ของกิน ของใช้ บางครั้งก็เป็นพวกผลไม้บ้าง เครื่องดื่มบ้าง ไปไหว้

      .....ลุงก็ดีใจ ให้ศิลให้พร กันยกใหญ่.....แล้วก็บ่น รำพึง รำพัน ถึงลูก ๆ .....น้ำตาไหล นั่งมองแต่ประตูหน้าบ้านรอว่าเมื่อไร จะมีรถของลูก ๆ กลับมาเยี่ยมบ้าง .....

      หลายปีมานี้ คุณลุงก็ได้แต่รอ.....เราก็ได้แค่ปลอบว่าลูก ๆ เขาคงติดธุระ วันไหนเขาว่างก็คงมาเยี่ยม ไม่ต้องคิดมาก เสียสุขภาพไปเปล่า ๆ .....

      ที่หลังบ้านคุณลุง มีต้นมะม่วงพันธุ์ดีอยู่หลายต้น มีต้นหนึ่งที่ลูกโต หวานอร่อยเป็นนิเศษ เราไปช่วยลุงเก็บเป็นประจำ และคุณลุงก็จะแบ่งมาให้ทุกครั้ง.......ลุงจะคัดลูกสวย ๆ เก็บใส่กล่องดูแลเป็นพิเศษ..... เก็บไว้รอลูก ๆ อยากให้ลูกได้กินของดี ๆ หลายครั้งหลายหน เราเห็นคุณลุงรอลูก ๆ จนมะม่วงเน่าเสียไป ไม่รู้กี่หน ต่อกี่หน.....
      หลายปีมานี้ ก็ไม่เคยเห็นลูก ๆ กลับมากินมะม่วงที่พ่อบ่มไว้แม้แต่ครั้งเดียว

      มีที่แปลงหนึ่งที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คุณลุงบอกว่าอยากขาย ให้เราช่วยดำเนินการให้หน่อย เราก็เขียนป้ายไปติด แล้วลงประกาศให้ ..... 5 เดือนเศษ ๆ หลังจากประกาศขาย ในที่สุดก็มีผู้สนใจและก็ขายได้ในที่สุด ในราคา 1 ล้านบาท ...

      เมื่อได้เงินมา สิ่งแรกที่คุณลุงพูดถึงคือ..... คิดถึงลูก ๆ ถ้ารู้ว่าพ่อขายที่ได้คงดีใจ ลุงบอกว่าจะแบ่งเงินให้ลูกทั้ง 3 คน เท่า ๆ กัน .....

      วันรุ่งขึ้น ลุงก็มาหาเราแต่เช้า บอกว่าวันนี้ ขอแรงหน่อย ช่วยพาลุงไปธนาคารที จะไปโอนเงินให้ลูก เราก็พาไป วันนั้นเป็นลูกค้ารายแรกของธนาคาร.....คุณลุงโอนเงิน ให้ลูกคนละ 3 แสนบาท .....

      ..... เมื่อกลับมา จอดรถส่งลุงหน้าบ้าน..... ก่อนลงจากรถ คุณลุงหยิบเงิน ในกระเป๋า 1 แสนบาทยื่นส่งให้ บอกว่า.....เอานี่ ลุงให้.......เรารีบปฏิเสธ บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องให้ผมลุงเก็บไว้ใช้เถอะ ให้ลูก ๆ ไปเกือบหมดแล้ว..... ลุงบอกว่า เอาไปเถอะ ลุงได้รับบำนาญทุกเดือน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ที่แปลงนี้ที่ขายได้ ก็เพราะเราต้องรับโทรศัพท์และพาคนไปดูที่ หลายเดือนมานี้ไม่รู้ขับรถไป-กลับกี่รอบแล้ว และอีกอย่าง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลุงก็ได้แต่รบกวน ไม่เคยได้ให้อะไร ตอบแทนบ้างเลย
      พ่อหนุ่มไม่ใช่ลูก ไม่ใช่หลาน แต่ก็ยังอุตส่าห์เสียเวลาเป็นธุระจัดการเรื่องราวให้สารพัด รับไว้เถอะ ลุงอยากให้จริง ๆ ถ้าไม่รับลุงจะเสียใจนะ......เราก็ไหว้ ขอบคุณครับลุง

      กลับมานอนคิด ไตร่ตรอง รู้สึกไม่สบายใจ ดึก ๆ จึงหยิบเงินไปหาลุงอีกรอบ.....แต่ลุงไม่รับคืนและยืนยันว่าตั้งใจจะให้เราจริง ๆ .....

      อีก 2 วันถัดมา มีรถยนต์มาจอดที่บ้านลุง ลูกสองคน คนเล็กและคนกลางมาเยี่ยมและทวงถามเราถึงเงิน 1 แสนบาท พูดจาประมาณว่า.....เราไปหลอกเอาเงินคนแก่ เรารีบเข้าไปในบ้านหยิบเงิน 1 แสน เดินไปที่บ้านลุง แล้วคืนเงินให้ลุง

      ลุงปฏิเสธและพยายามอธิบายให้ลูก ๆ ฟัง แต่ทั้งสองคนไม่ยอม เราจึงวางเงินไว้ แล้วเดินออกมา

      ก่อนตะวันตกดิน ได้ยินเสียงรถขับออกไป ..... สักพักลุงก็มาหา เล่าว่าสองคนนั้นแบ่งเงินกันคนละ 5 หมื่นแล้วก็ลากลับไปแล้ว

      คุณลุงกล่าวคำขอโทษอย่างที่สุด..... ลุงน้ำตาไหล บอกว่าเสียใจ ไม่คิดว่าลูก ๆ จะเป็นไปถึงขนาดนี้ .....ลุงบอกว่าจะเอาเงินบำนาญที่ได้รับทุกเดือนมาทยอยคืนให้ จนกว่าจะครบ 1 แสนบาท.....เราบอกว่าไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องทำอย่างนั้น....

      ..... อีก 3 วัน เกือบ ๆ เที่ยงคืน ลุงมาที่บ้าน พร้อมกับลูกชายคนโต

      " เมื่อ 3 วันที่แล้ว พ่อโทรฯ ไปเล่าเรื่องให้ฟัง พี่ก็ไม่สบายใจ.... พอดีที่ทำงานส่งไปสัมมนาหลายวันออกมาไม่ได้ พอเสร็จธุระ ก็รีบขับรถมาเลย มาถึงซะดึก....พี่ต้องขอโทษแทนน้อง ๆ สองคนด้วย เสียมารยาทจริง ๆ เดี๋ยวต้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้ง อายุก็มากแล้วแต่ก็ไม่รู้จักโต แย่จริง ๆ ..... เอาอย่างนี้ ขอเลขบัญชีธนาคารให้พี่ได้ไหม เดี๋ยวกลับไปพี่จะรีบโอนเงินมาคืนให้ "

      "ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร..... เราปฏิเสธไป"

      วันถัดมาเมื่อลูกชายคนโตกลับไป ลุงเล่าให้ฟังด้วยความดีใจ

      " เจ้าใหญ่มันบอกว่า วางแผนไว้แล้วอีก 5 ปี จะย้ายมาทำงานที่บ้าน จะพาลูกมาเมียมาอยู่ที่นี่ "

      เราสังเกตุเห็นแววตาอันสดใส ของคุณลุง...บ่งบอกถึงความ ปิติ ยินดี อย่างที่สุด
      ดีใจด้วยครับลุง ต่อไปลุงจะได้ไม่เหงาแล้ว...

      ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เกือบ 4 ปีแล้วซินะ..... ที่ลุงนับวันรอว่าจะมีลูก ๆ กลับมาอยู่ด้วย เราเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงขีดฆ่า วันแล้ววันเล่า..... เดือนแล้วเดือนเล่า..... ปีแล้วปีเล่า.....และสุดท้าย.....

      ลุงน่าจะอดทนรออีกนิด .. อีกนิดเดียวเองครับลุง

      ในห้องไอซียู เรากับพี่ใหญ่นั่งอยู่คนละข้างเตียงคนไข้.....ช่วงเวลา สุดท้ายของชีวิต
      คุณลุงขยับนิ้วมือ เรากับพี่ใหญ่เอื้อมมือไปจับมือลุง.....ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ
      คุณลุงจากไปด้วยอาการสงบ ....

      หลังงานศพ เสร็จสิ้น.....
      ค่ำคืนนั้น พี่ใหญ่มาหาเราที่บ้าน ยื่นถุงกระดาษส่งให้ บอกว่า.....

      "พ่อฝากไว้ให้ พ่อกำชับไว้ตั้งแต่ก่อนตาย ว่าต้องให้เรารับไว้ ไม่งั้นพ่อจะนอนตายตาไม่หลับ"

      เราแกะถุงเปิดดูข้างใน มีซองจดหมายทั้งหมด 10 ซอง
      จ่าหน้าว่า...
      คืนเงินเดือนที่ 1-2-3... ไปจนถึง คืนเงินเดือนที่ 10
      ในแต่ละซอง ข้างในมีธนบัตรใบละ 1,000 บาท สิบใบ....ซองสุดท้าย มีข้อความว่า

      ถึง...
      หลานที่ไม่ใช่สายเลือด แต่ก็เป็นหลานที่ดีกับลุงเหลือเกิน ..... ลุงคืนเงินให้ตามที่เคยสัญญาขอบคุณที่ช่วยเหลือ เป็นธุระให้ ในทุก ๆ เรื่อง และเป็นเพื่อนคนแก่มาตลอด
      .... ป้ามารอลุงแล้ว..... ลุงต้องไปก่อน.

      อีก 2 วันถัดมาที่บ้านคุณลุง มีคนเข้ามาทำความสะอาด.....เราสังเกตุเห็นปฏิทินที่คุณลุงใช้ขีดฆ่าเพื่อนับ วันรอลูก ๆ ถูกทิ้งอยู่ในถังขยะหน้าบ้าน เดินไปที่ถังขยะหน้าบ้านลุง มองไปที่ประตู มีป้ายประกาศติดไว้

      ขายบ้าน ด่วน !

      เราไปเก็บปฏิทินมาทำความสะอาด .......นึกถึงภาพคนแก่ ที่หยิบดินสอขีดฆ่าตัวเลขบนปฏิทิน ด้วยอาการมือสั่นเทา ลูก ๆ คงไม่รู้หรอกว่า ภายใต้ปฏิทินเก่า ๆ ไร้ค่าใบนี้
      ..... มันซ่อนความห่วงหาอาลัยซ่อนความเงียบเหงา ว้าเหว่ ..ซ่อนความเจ็บปวดร้าวลึก ของคนแก่คนหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดียวเพียงลำพังมานานกว่า 10 ปี

      เราตั้งใจจะเก็บปฏิทินนี้ไว้ เพื่อเป็นที่ระลึก...ตลอดไป...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×