ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ::ฮาหัวเกรียน...นักเรียนนายร้อยตำรวจ::

    ลำดับตอนที่ #6 : สิ่งที่มองไม่เห็น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.62K
      5
      13 ก.พ. 54

    สิ่งที่มองไม่เห็น

    เป็นธรรมดาของสถานที่เก่าแก่ครับ ที่จะมีเรื่องราวลึกลับต่างๆให้กล่าวขาน ยิ่งถ้าสถานที่ใดมีต้นไม้ใหญ่ๆในบริเวณ แล้วมีผ้าแำพร 3 สีผูกไว้ ก็มักจะเป็น'จุดเกรงใจ'ของบรราผู้คนที่ใช้ชีวิตหรือทำงานอยู่ในสถานที่แห่งนั้น

    เป็นที่น่าแปลกอย่างนึงที่หน่วยราชการแทบทุกหน่วยจะต้องมีต้นโพธิ์ลึกลับตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ ... ผมเคยเห็นมามากมายทั้งหน่วยทหาร โรงพยาบาล ที่ว่าการอำเภอ หรือแม้แต่ ... ในโรงเรียน

    และโรงเรียนของผมก็มี 'จุดเกรงใจ' กับเขาเหมือนกัน ที่ว่าเป็นจุดเกรงใจก็เพราะว่าถ้าถามความรู้สึกแล้วว่ากลัวมั้ย ... ก็ตอบได้ตรงๆว่า "ไม่กลัว" แต่ถ้าถามว่ากล้าไปคนเดียวตอนกลางคืนมั้ย ก็ยืดอกตอบได้เหมือนกันว่า "ไม่ไป"

    ก่อนการเข้ายามทุกครั้งจะต้องมีการรายงานยาม การรายงานยามก็ึคือการท่ี่ผู้ทำหน้าที่เวรยามในผลัดนั้นๆจะต้องมารวมตัวกันตรวจเครื่องแ่ต่งกาย เบิกอุปกรณ์ และฟังข้อชี้แจงข้อเน้นย้ำจาก "นายยาม" ก็คือพี่ นรต.ชั้นสูงสุดที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในผลัดนั้นๆ

    สมัยก่อน ยามมี 5 ผลัด เริ่มตั้งแต่ 18.00 น. ถึง 06.00 น.ของอีกวัน ... ผลัดแรก 18.00-21.00 ผลัดที่สอง 21.00-24.00 ส่วนผลัดที่สามถึงห้า จะผลัดละแค่ 2 ชั่วโมงคือ 24.00-02.00 ที่ผลัดสามและเป็นแบบนี้ไปจนเช้า

    ผมถามนิดนึงก่อน ... เป็นคุณ...คุณจะเลือกผลัดไหน

    เคยได้ยินมั้ยครับ ตั้งแต่เด็กๆ ผู้ใหญ่บ้าที่ไหนไม่รู้มันมาสอนเราท่อง ... "ตีหนึ่งลมพัด ตีสองหมาหอน ตีสามผีออก ตีสี่ผีหลอก ตีห้าผีเข้า" ... โอ้โห...ตอนเด็กๆนี่ถือเป็นสูตรสำเร็จ วันไหนผมสะดุ้งตื่นมาช่วงตีสามตีสี่นี่เป็นต้องรีบมุดใต้ผ้าห่ม ... แล้วช่วงเวลาืที่ผีออกมาเริงร่าก็ยาวนานตั้ง 2 ชั่วโมง กว่ามันจะออก กว่ามันจะเข้า...

    เชื่อมั้ยครับว่าดึกคืนหนึ่งระหว่างที่ผมกำลังเข้ายามผลัด 4 อยู่ดีๆก็นึกถึงไอ้วลีบ้าๆนี่ แล้วก็แอบสยอง ยืนขนลุกอยู่คนเดียวตั้งนาน...

    อ่ะครับ...ทีนี้พอรับทราบกันในเรื่องของช่วงเวลา เรากลับมาที่เรื่องจุดเกรงใจกันต่อครับ ...

    มันก็เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างนึงครับที่จุดยาม ที่ชั้นปีที่ 1 รับผิดชอบ มักจะเป็นสถานที่ที่เป็นจุดเกรงใจพวกนี้ อาืทิเช่น...

    ยามจุดสกัดที่ 3 ยืนใกล้ต้นโพธิ์ผูกผ้าสามสีที่แม้แต่ถนนยังต้องสร้างหลบ ...
    ยามจุดสกัดที่ 2 อาคารยูโด ซึ่งเคยมีคนงานขึ้นไปซ่อมหลังคา แล้วตกลงมา...ตุ๊บ แอ๊ก...
    ยามจุดอาคารวิจัยกรณี อาคารไม้เก่าแก่ ที่มีการร่ำลือถึงเสียงฝีเท้าบนชั้น 2
    สายตรวจสายที่ 1 ที่จะต้องไปเซนต์ชื่อที่ธรรมสถาน ...สุดยอดแดนพิศวงที่มีเสียงเด็กกระโดดน้ำบ่อยครั้ง

    ผมมีประสบการณ์ตรงครบทั้ง 4 ที่ครับ แต่จะขอคัดมาเล่าให้อ่านกันแค่ที่สองที่พอ...

    ครั้งนึงตอนที่ผมเข้ายามผลัด 4 จุดต้นโพธิ์ ... ถ้าเรามองไปทางทิศตะวันออกจะเป็นทุ่งกว้างของบริเวณทะเลสาบสามพราน มองมาทางทิศตะวันตกจะเป็นลานโล่งขนาดประมาณสนามฟุตบอลต่อกัน 2 สนามถัดจากนั้นไปจะเป็นกลุ่มอาคารกองพลศึกษา แนวถนนที่รถเ้คลื่อนผ่านจะเป็นแนวเหนือ-ใต้ และต้นโพธิ์ก็ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ ห่างจากจุดยืนยามไม่เกิน 20 เมตร

    ช่วงเวลาผลัด 4 นั้นไม่มีรถผ่านมาทางนี้ซักคัน ... จริงๆแล้วรถหมดไปตั้งแต่ผลัด 3 แล้วครับ นั่นก็แปลว่าหลังจากที่ผมรับมอบหน้าที่เวรยามต่อจากเพื่อนผลัดที่แล้ว ผมก็ได้แต่ยืนมองเพื่อนค่อยๆเดินจากไป ทิ้งผมไว้คนเดียวกับต้นโพธิ์ที่แม้แต่หางตายังไม่กล้าชายมอง ... แน่นอนครับผมยืนหันหน้าไปทางทิศเหนือ...

    แต่แล้วก็มีเสียงครับ ... เสียงอะไรบางอย่าง ก๊อกๆแก๊กๆมาจากทางต้นโพธิ์ ผมนึกในใจ "เอาแล้วกู" สักพักกลายเป็นเสียงลาก...แกรก...แกรก... จิตนาการเพริดพรายถึงฉากสยองขวัญในหนังฝรั่ง

    ผมตัดสินใจรวบรวมความกล้า ในใจก็นึกถึงแต่ภาพต้นโพธิ์ที่ไม่มีอะไรนอกจากผ้าสามสีที่ผูกไว้ และเครื่องเส้นไหว้เล็กน้อย ... เมื่อความกล้าถึงขีดสุด ผมตัดสินใจหันหลังไปมองพร้อมส่องไฟฉายจี้ไปทางต้นโพธิ์...

    มีคนแก่ตัวเล็กๆนั่งยิ้มให้ผม!

    ความตกใจสุดชีวิตทำให้หัวใจบีบรัดอย่างแรง มือไม้ผมสั่นอ่อน...

    ในมือของคนแก่ท่านนั้นถืออะไรบางอย่างลักษณะคล้ายไม้แต่ออกจะเรียวๆยาวๆ...

    ผมรวบรวมความกล้าแล้วจ้องดูภาพที่ปรากฎเบื้องหน้าด้วยความมีสติ...

    ผมสูดหายใจเข้า ... ออก แล้วตะโกนด้วยความตื่นเต้น "ใคร!!"

    "ใครทะลึ่งเอารูปปั้นตาแป๊ะตกปลามาตั้งตรงนี้วะ!!!"

    ข้างๆกันนั้นมีหมาตำรวจ(หมาจรจัดที่มีคนเอามาทิ้งในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ)ตัวนึงกำลังลากเอาของเซ่นไหว้ไปสังคายนา...

    อะดีนาลีนพุ่งพล่านด้วยความโมโห...แม่งทำกูสยอง

    ...ยังครับยังไม่หมดแค่นั้น ... จุดนี้ทำผมสยองขวัญอีกครั้งเมื่อผมได้มีโอกาสมาเข้าอีกทีหลังจากนั้นไม่นาน อยู่ดีๆก็มีนกฮูกตัวนึงมาเกาะบนสายไฟใกล้ๆ แล้วมันก็ร้อง "แซกกก แซกกก"

    คนโบราณท่านถือนักหนาว่าถ้าไอ้นกจำำำำพวกนกฮูก นกเค้าแมว นกแสก มาเกาะหลังคาบ้านแล้วร้องนี่แสดงว่าอัปมงคลนัก ท่านว่าจะมีคนตายในบ้าน

    แต่อันนี้มันมาเกาะสายไฟ ... หรือจะมีช่างไฟมาตายแถวนี้

    ผมเห็นมันครั้งแรกก็รู้สึกแปลกแล้ว นกพวกนี้ไม่ค่อยได้เห็นตามธรรมชาติ แต่ก็อยากจะไล่ไปเพราะหน้าตามันเหมือนคน เหมือนมีเด็กหน้าแป้นๆมองเราอยู่ พอผมเริ่มไล่ เริ่มโวยวาย มันก็ยิ่งร้องใหญ่ ... กลัวสิครับ กลัวมันจะแปลงร่าง...

    ร้องไม่ร้องเปล่า ประเดี๋ยวเดียวมีอีก 2 ตัวบินมาประกบ ... รวมเป็น 3 ตัว ซึ่งไม่อาจประมาณได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันรึเปล่า แต่ดูจากขนาดแล้วน่าจะวัยใกล้เคียงกัน อาจจะเป็นตัวผู้ 1 ตัว และก็ตัวเมียหลวงกับตัวเมียน้อย...

    ไล่ก็ไม่ไป แถมเรียกพวกมาอีก ... ผมก็เลยตัดสินใจปล่อยมันไว้อย่างงั้น...มันก็เลยอยู่กับผมตั้งแต่กลางผลัดจนหมดผลัด รวมเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง

    ถ้าใครไม่เป็นผมและไม่ได้อยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นคงไม่ทราบความรู้สึกของการที่เราถูกนกผีหน้าตาเหมือนคนจ้องมองเป็นเวลานานพร้อมๆกันถึง 3 ตัวหรอกนะครับ...

    สิ่งที่น่าแปลกที่สุดก็คือ...พอผมออกยามและเพื่อนผมมาเข้าต่อปุ๊บ ไอ้เจ้านกผี 3 ตัวนั้นก็บินหายไปพร้อมๆกัน... 

    อีกจุดหนึ่งที่ไม่เล่าไม่ได้ เพราะเป็นจุดสุดสยอง ... จุดสกัด 2 อาคารยูโดครับ

    ครั้งนี้ไม่ได้โดนตอนดึก แต่เป็นผลัด 2 ต้นๆผลัดเลยครับ

    พี่ๆมักจะเล่ากันต่อๆมาว่า ด้วยเหตุที่มีคนงายเคยตกลงมาจากหลังคา ทำให้เวลากลางคืน ยามจุดนี้มักได้ยินเสียง "ตับ! ตับ!" เหมือนมีอะไรบางอย่างหล่นกระแทกพื้น พอเข้าไปตรวจดูบางคนก็โชคดีไม่เห็นอะไร แต่บางคนเห็นตัวก็ถึงกับจับไข้เหมือนกัน

    เพื่อนชั้นปีเดียวกับผมคนนึงถึงขนาดร้องไห้จ้า วิ่งหนีมาที่ศูนย์ยาม พอพี่ๆไปตรวจดูก็ไม่เจออะไร สั่งให้เพื่อนคนนั้นกลับไปเข้ายามจุดเดิม เพื่อนคนนั้นไม่ยอม...เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอม ขอยืนห่างๆอย่างห่วงๆดีกว่า

    อ่ะ...มาที่ประสบการณ์ของผม

    วันนั้นผมก็เข้ายามตามปกติครับ ด้วยควาไม่คิดอะไรมากเพราะว่าเป็นผลัดหัวค่ำ เพื่อนๆพี่ๆยังตื่นกันอยู่ทั้งโรงเรียน แต่ในใจก็แอบคิดเล็กๆว่าถ้าโดนตอนนี้กูจะกรี๊ดแม่งให้ลั่นทุ่ง เอาให้แม่งแตกตื่นกันทั้งโรงเรียนเลย

    "ตับ!"

    ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากโรงยูโดชัดเจน

    ผมสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองพร้อมส่องไฟฉายลอดเข้าไปทางประตูอาคารยูโด ... ว่างเปล่า ...

    "ตับ!"

    เอาอีกแล้วครับ...

    จังหวะนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่นายยามปั่นจักรยานมาตรวจพอดี ผมก็เลยบอกพี่เขาไปว่าได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากข้างในโรงยูโด

    แทนที่พี่เขาจะเข้าไปตรวจด้วยวิสัยของนักเรียนชั้นสูง กลับบอกผมแต่เพียงว่า ... "มีอะไรเอ็งวิ่งไปหาเพื่อนก่อนเลยนะ" แล้วก็ปั่นจักรยานหายไปในความมืด ทิ้งให้ผมยืนเอ๋ออยู่คนเดียว

    "ตับ!"

    เสียงนั้นกลับมาดังอีกครั้ง ... ผมนึกในใจ...เอาแล้วกู มันเอากูแน่แล้ว

    ผมตัดสินใจรวบรวมความกล้า ค่อยๆเดินเข้าใกล้อาคารยูโด ขณะที่เสียงนั้นยังดังไม่ขาดสาย

    เมื่อถึงประตูกระจกใส ผมรวบรวมความกล้าชะโงกหน้ามองเข้าไปข้างใน ...

    ภาพที่ผมเห็นเบื้องหน้าเป็นร่างชายหนุ่มกำยำไม่สวมเสื้อ นอนแผ่หราอยู่กับพื้น หายใจรวยริน...

    ชัดเจน!!!!

    ผมอ้าปากค้างด้วยความสยองสุดกำลัง หายใจเข้าสุดหลอดลม หัวใจบีบรัด ขาก้าวไม่ออก...

    ร่างนั้นค่อยๆเอามือเท้าพื้นแล้วลุกขึ้น พอยืนทรงตัวได้่ มันก็เอามือจับคอบิดไปมา แล้วกางแขนบิดเอวดังกร๊อบแกร๊บ...

    ขณะที่ผมยังเรียกสติกลับมาไม่ได้ ร่างนั้นค่อยๆยกแขนขึ้นคล้ายจะบังใบหน้าตัวเอง มันค่อยๆกำมือ แล้วก็ง้างขาหวดเข้ากับกระสอบทรายตรงหน้า

    "ตับ!"

    หมัดซ้ายแย็บเบาๆ 2-3 ที เมื่อกระสอบทรายเหวี่ยงไปได้ที่ มันก็หวดอีกครั้ง

    "ตับ!"

    ผมตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ผมรวบรวมความกล้าส่องไฟฉายเข้าไป ภาพที่ผมเห็นคือใบหน้าของคนที่ไม่คุ้นเคย ร่างดังกล่าวเดินตรงมาทางผมแล้วเปิดประตู

    "น้อง...พี่ซ้อมมวยหน่อย"

    ปิดตำนานผีตกหลังคาแห่งโรงยูโด ณ วันนั้นครับ...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×