ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ::ฮาหัวเกรียน...นักเรียนตำรวจ::

    ลำดับตอนที่ #2 : จำได้ดี...ตอนที่เป็นเด็ก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.21K
      3
      24 ก.พ. 52

    :::จำได้ดี...ตอนที่เป็นเด็ก:::
     

    "ตำรวจคือ ผู้พิทักษ์ความปลอดภัยให้แก่ทรัพย์สินและชีวิต เคารพในสิทธิและเสรีภาพของปวงชน กล้าหาญ อดทน อ่อนโยน ยุติธรรม สุจริต และเป็นมิตรที่ดีของประชาชน"

    ทุกเช้าหลังเสียงสัญญาณนกหวีดปลุก พวกผมจะต้องรีบล้างหน้าแปรงฟัน แล้ววิ่งมาเข้าแถวหน้ากองร้อยเพื่อแหกปากปฏิญาณถ้อยคำดังกล่าวทั้งขี้ตา

    คำปฏิญาณนี้...ตอนเป็นนักเรียนผมบอกตรงๆว่า "เบื่อฉิบหาย" เพราะรู้ตัวว่าหลังจากปฏิญาณเสร็จกูต้องเหนื่อยอีกแล้ว ไอ้การที่ถูกปลุกขึ้นมาวิ่งตอนเช้ามันน่าสนุกซะที่ไหนล่ะครับ เป็นนักเรียนตำรวจ 1 ปีเต็มไม่เบื่ออะไรหรอก เบื่อวิ่งตอนเช้านี่แหล่ะ...

    แต่พอเรียนจบออกมาเป็นตำรวจจริงๆแล้วลองหวนกลับไประลึกถึงคำปฏิญาณนี้แล้ว ถ้าคิดตามทุกคำ ผมว่านี่แหล่ะครับ...หัวใจหลักของตำรวจอาชีพ


    "ตำรวจ" ในภาษาไทยเป็นคำแผลงมาจากคำว่า "ตรวจ" ในภาษาขอม ซึ่งมีความหมายตรงตัว "ตำรวจ" ก็คือ "ตรวจ" แล้ว "ตรวจ" ก็คือ "การตรวจตรา" แล้วผมจะมาอธิบายทำไม นี่ไม่ใช่แบบเรียนภาษาไทยนะ...

    เอ้อ...ไอ้นี่
    ...

    ครับ...ถ้าพูดถึงตำรวจ ผมเชื่อแน่ว่าทุกคนจะต้องนึกถึงภาพของชายวัยกลางคนที่มาพร้อมกับหมวกกันน๊อคสีขาวคาดแดงใบงาม พร้อมใบสั่งคู่ใจเหน็บไว้ด้านหลัง

    นิยามคำว่า
    "ตำรวจ" ในพจนานุกรมของใครบางคนอาจมีความหมายว่า "ผู้ชายที่หากินตอนกลางคืนกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุก ในบางกรณีอาจอนุโลมให้กับผู้ที่สอดกระดาษใบสีแดงๆออกมาใต้ใบขับขี่ทันทีที่เรียกตรวจ" น่าน!!...ผมรู้ว่าคุณก็คิดแบบนั้น

    อันที่จริงแล้ว
    ...ตำรวจ คือผู้ที่มีหน้าที่พิทักษ์รักษาความปลอดภัยและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน สังคมและประเทศชาติ รวมไปถึงหน้าที่ในการป้องกันประเทศเมื่อมีภัยสงคราม จะเห็นได้ว่าตำรวจนั้นมีหน้าที่หลากหลายมาก

    คุณเคยสงสัยมั้ยครับ...ว่าทำไมตำรวจต้องจับคุณเมื่อเห็นคุณไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ทั้งๆที่ชีวิตก็เป็นของคุณเอง คุณไม่คาดเข็มขัด ขับรถไปชนตายห่าที่ไหนก็เรื่องของคุณ มันเกี่ยวอะไรกับตำรวจเค้าด้วย


    ที่ตำรวจเราต้องจับนั้น ผมอธิบายได้จากใจจริงเลยครับว่า
    "เราเป็นห่วงคุณ" ...กฎหมายกำหนดว่าคุณต้องคาดเข็มขัดนิรภัย เพราะว่าเขาเป็นห่วงคุณ กลัวว่าคุณจะเป็นอันตราย ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมาย รักษาเจตนารมณ์ของความเป็นห่วงตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นสาเหตุที่เราต้องจับคุณก็เพื่อให้คุณจดจำและปฏิบัติตามกฎหมาย คุณจะได้ขับขี่ยวดยานพาหนะไปจนถึงที่หมาย กลับบ้านไปพบลูก พบเมีย พบคนที่รออยู่ที่บ้านได้โดยปลอดภัย

    แต่มีตำรวจเลวๆไม่กี่คนหรอกครับที่อาศัยอำนาจทางกฎหมายตรงนี้กระทำการอันไม่พึงประสงค์ เป็นเหลือบ ไร พยาธิไชตูด แทรกซึมอยู่ในวงการตำรวจ ทำให้ภาพพจน์และความตั้งใจของตำรวจดีๆพลอยเสื่อมเสียไปหมด

    เหี้ยเอ้ย
    ! (oops!!)

    ...หลุดปากเรื่อยผมเนี่ย...


    <><><><><><><><><><><>

    สำหรับผมแล้ว ก่อนที่ผมจะได้เข้ามาเป็นนักเรียนตำรวจ ผมรู้สึกว่า
    "ตำรวจ"เป็นอาชีพที่น่าสนใจและเหมาะสมกับผมมากอาชีพหนึ่งรองลงมาจาก"ทหาร"

    ตั้งแต่แม่ผมซื้อคอมพิวเตอร์ให้ตอนอายุ 14 เป็นต้นมา ผมมักจะใช้เวลาว่างๆเปิดดูเว็บไซท์ตำรวจ-ทหาร หาข้อมูลไปเรื่อยๆดูหน่วยนู้นทีหน่วยนี้ที จนรู้เรื่องราวของหน่วยทหาร-ตำรวจต่างๆเยอะมาก ใครถามอะไรถ้าเป็นเรื่องทหาร-ตำรวจตอบได้หมด


    แต่ด้วยความที่เป็นลูกทหาร มีความประทับใจและฝังใจในความเป็น
    "นักรบพันธุ์แท้" ที่ยืนหยัดต่อสู้กับข้าศึกอริราชศัตรูมาหลายต่อหลายสมรภูมิของพ่อผม ความคิดความอ่าน อุปนิสัยใจคอ และทัศนคติของผมจึงค่อนข้างกระเดียดไปทางทหาร แน่นอนครับ ตั้งแต่เด็กความใฝ่ฝันเดียวของผมคือ "ผมอยากเป็นทหาร"

    ผมอยากออกรบ อยากอยู่ชายแดนคอยรักษาอธิปไตยของชาติแบบพ่อ ไม่เคยคิดอยากเป็น
    "ตำรวจ"เลยซักนิดเดียว

    ความรักในอาชีพทหารของผมเริ่มเด่นชัดมากขึ้นตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ผมเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ สำโรง ((ตอนนี้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ...ดูดีขึ้น?))ผมมีเพื่อนรักอยู่ 2 คน ชื่อ
    "กั้ง" กับ "ยอด"

    "กั้ง" เป็นลูกชายคนเล็ก พ่อแม่ฐานะร่ำรวย พี่ๆของกั้งเรียนอยู่ที่อังกฤษทั้งหมด ผมสนิทกับไอ้กั้งมากตอน ม.1 มันชอบทหาร มีซีดีภาพการฝึก มีหนังสือของทหารต่างประเทศมากมาย ผมสองคนเจอหน้ากันไม่ได้เป็นต้องคุยกันเรื่องทหารๆ แต่พอผ่าน ม.2 เทอม 1 ไป กั้งมันไม่อยู่แล้ว ถูกแม่ส่งไปเรียนที่อังกฤษ...มีอนาคตสดใสไปแล้วคนนึง

    ส่วน
    "ยอด" ก็เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน มีพี่สาว 2 คน เรียนอยู่ออสเตรเลียทั้งคู่ (...ไม่รู้เป็นห่าอะไร คบแต่เพื่อนโกอินเตอร์...) ไอ้ยอดชอบเครื่องบินมาก แต่อยากเป็นทหารเรือ (ยังไงของมัน) ผมกับยอดไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด 3 ปี เสาร์-อาทิตย์หลายๆครั้งที่ผมจะตามไอ้ยอดไปตีกอล์ฟต่างจังหวัด (คือ...ผมเดินตาม บางทีก็ขับรถกอล์ฟให้มัน) ไปบ้านมันทีไรมักจะได้ดู Discovery Channal ที่มันอัดไว้ เรื่องเกี่ยวกับเครื่องบิน เกี่ยวกับหน่วยรบพิเศษ ซึ่งส่วนมากจะเกี่ยวกับกองทัพอเมริกัน

    พอจบ ม.3 จังหวะเดียวกับที่ทางบ้านผมกำลังประสบปัญหาทางธุรกิจ ผมไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมเรียนต่อ ม.4 ที่อัสสัมฯ ทำให้ผมต้องไปเรียนต่อที่โรงเรียนปทุมคงคา ไอ้ยอดเพื่อนรักได้เรียนต่อที่เดิม เราสองคนก็สัญญากันไว้ว่าจะสอบเข้าเตรียมทหาร เป็นนักเรียนนายร้อยกันให้ได้

    วันที่ 3 เมษายน ปีนั้น ไอ้ยอดและผองเพื่อนของผมกำลังเรียน
    Summer เพื่อเตรียมจะขึ้น ม.4 อยู่ที่อัสสัมฯ วันนั้นทางโรงเรียนกำหนดให้เป็นวันสอบเลือกห้อง และก็บังเอิญหรือยังไงไม่ทราบ มันไปตรงกับวันสอบแข่งขันเข้าโรงเรียนเตรียมอุดม โรงเรียนในฝันของเด็กเก่งทั้งหลาย

    ความบังเอิญซ้ำสองก็ปรากฏเมื่อโรงเรียนอัสสัมชัญประกาศว่า
    "ห้ามนักเรียนขาดสอบในวันสอบเลือกห้องโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะต้องพ้นสภาพนักเรียนทันที"
    พร้อมทั้งออกเอกสารให้นักเรียนทุกคนเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรไว้

    แต่ความบังเอิญครั้งที่ 3 ก็ปรากฏขึ้นอีก ด้วยความที่ยิ่งห้ามเหมือนมันยิ่งยุหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ประกอบกับโรงเรียนเตรียมอุดมเป็นโรงเรียนที่ถือว่าเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เด็ก ม.ต้นคนไหนๆก็อยากจะเข้าไปเรียน วันนั้นนักเรียนอัสสัมชัญก็เลยขาดสอบเลือกห้องไปครึ่งต่อครึ่ง แน่นอน...ไอ้ยอดเพื่อนรักก็ไปกับเค้าด้วย


    วันรุ่งขึ้นมีจดหมายเวียนถึงนักเรียนทุกคนที่ขาดสอบ และเชิญผู้ปกครองมาพบผู้อำนวยการ (หรือเขาเรียกกันเป็นภาษาฝรั่งว่า
    "บราเดอร์"(Brother))

    วันรุ่งขึ้น(อีกครั้ง)นักเรียนทุกคนพร้อมผู้ปกครองต่อแถวเข้าพบผู้อำนวยการทีละคน ทีละคน ทุกคนสีหน้าเคร่งเครียด ยกเว้นคนเดียว...ไอ้ยอด(
    and พ่อมัน)

    ใกล้คิวของไอ้ยอดเข้ามาทุกขณะ ไอ้โบ๊ทหัวหน้าห้องเก่าตอน ม.3 เดินคอตกออกมาจากห้องผู้อำนวยการ ไอ้ยอดก็เลยถาม
    "เฮ่ย!...โบ๊ท บราเดอร์ถามว่าไงบ้างวะ"

    ไอ้โบ๊ทหันมาบอก
    "ถามว่า จะให้ทำยังไง ในเมื่อขาดสอบ และทำผิดสัญญา" ไอ้ยอดถามต่อด้วยความอยากรู้ "แล้วโบ๊ทตอบว่าไง"

    "เราตอบว่า ขอโทษครับ ต่อไปผมจะตั้งใจเรียน และไม่ทำผิดแบบนี้อีกครับ แล้วบราเดอร์ก็ไม่ว่าอะไร บอกแม่เราว่าต่อไปให้ดูแลเราให้มากกว่านี้ แม่ก็ค่ะๆ เท่านี้แหล่ะ" โบ๊ทตอบและขอลา เดินจูงมือแม่ลงตึกไป

    ไอ้ยอดหันไปมองหน้าพ่อแล้วครุ่นคิดอยู่ในใจ จนกระทั่งถึงคิวของไอ้ยอด ไอ้ยอดเดินเข้าไปพบผู้อำนวยการด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย ส่วนพ่อมัน ผมเดาเอาว่าคงจะรอดูเชิงลูกก่อน...

    "ว่าไงนักเรียน ขาดสอบ ผิดสัญญา จะให้บราเดอร์ทำยังไง"
    ผู้อำนวยการเปิดฉากถามตามบทเดิม

    ไอ้ยอดมองหน้าผู้อำนวยการ แล้วเหลือบไปมองหน้าพ่อมัน
    "ก็..." ไอ้ยอดพูดเกริ่น ท่ามกลางความเงียบและการจับจ้องของผู้อำนวยการ

    "ดำเนินการ...ตามสัญญาครับ"

    พ่อไอ้ยอดหันหน้ามามองลูกชายอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ได้แต่ยิ้มกรุ้มกริ่มสบตาลูกชาย ผู้อำนวยการนิ่งอึ้งและถามซ้ำอีกครั้ง
    "อะไรนะ นักเรียน"

    "ดำเนินการตามสัญญาครับ" ไอ้ยอดยังยืนยันคำเดิม

    "พ้นสภาพน่ะเหรอ"
    บราเดอร์ถามซ้ำอีกครั้งอย่างตะกุกตะกัก

    "เอ่า...ในสัญญาเขียนว่าไงอ่ะครับ"

    "พ...พ้นสภาพ"

    "ครับ..พ้นสภาพ...ผมขอดำเนินการตามสัญญาครับ" สิ้นเสียงไอ้ยอดยกมือไหว้บราเดอร์ แล้วเดินจูงมือพ่อมันออกมาจากห้อง ทันทีที่ขึ้นรถเพื่อจะกลับบ้าน ไอ้ยอดโทรมาหาผม

    "เบนซ์...กูออกจากอัสสัมแล้วนะเว่ย"
    ผมจำได้ว่ากำลังกินข้าวอยู่ ได้ยินคำนี้ไป กับข้าวแทบพุ่ง

    "เฮ่ย...ทำไมอ่ะ"
    ผมถามอย่างตกใจ

    "แม่--งเรื่องมาก...ไ-อ้-ห่-า...แค่ไปสอบเตรียมอุดมยังกั๊กเลย หมันไส้...ออกแม่--งเลย"


    "แล้วมีใครออกอีกป่าว"

    "เหอะ...มีกูคนเดียว" ไอ้ยอดตอบผมตามสไตล์อีโก้ของมัน ผมยังมึนๆ แต่ก็เรียบเรียงคำถาม

    "แล้วมึงจะไปเรียนไหนอ่ะ"


    "ไม่รู้ดิ ไปเรียนกับมึงได้มั้ยวะ" ไอ้ยอดตอบอย่างเซ็งๆ

    "พ่อจะยอมเหรอ..."

    "เออว่ะ พ่อกูไม่ให้เรียนรัฐบาลด้วย เออๆไม่เป็นไร เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะเว่ย" ไอ้ยอดวางสายไปอย่างเซ็งๆ ผมก็ยังงงๆอยู่

    2 เดือนต่อมาไอ้ยอดโทรมาบอกว่ามันกำลังเข้าคอร์สภาษาอังกฤษ เตรียมตัวไปเรียนกอล์ฟที่อเมริกา...


    ...และแล้วเพื่อนผมก็ได้ดิบได้ดีมีอนาคตสดใสไปอีกคน...


    ...เราสามคน คนนึงไปอังกฤษ คนนึงไปอเมริกา...


    ...สรุปแล้วสามทหารเสือ ...เหลือผมอยู่ประเทศนี้...แค่คนเดียว...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×