ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ... ขุนโจร ... The Warrior of King Nares

    ลำดับตอนที่ #13 : ข่าวศึกพะสิมเชียงใหม่...เจ้านางไทยใหญ่ผู้เลอโฉม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 466
      1
      27 ม.ค. 48

    ::ข่าวศึกพะสิมเชียงใหม่...เจ้านางไทยใหญ่ผู้เลอโฉม::



    เพลาค่ำ...พระอินทราธิปเสด็จออกมาประทับอยู่ที่ชานเรือน ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นพิจารณาดวงดาวต่างๆตามวิชาโหราศาสตร์ซึ่งพระราชวงศ์แห่งกรุงศรีอยุธยาทุกพระองค์ที่เป็นชายนั้น จะได้รับการศึกษาในวิชาแขนงนี้



    \"คืนนี้ขึ้นสิบสามค่ำ เดือนหก มะแมศก นี่เราจากวรางคณามาสามเดือนแล้วหรือนี่...เฮ่อ...ยังแต่ธุระอยู่กับราชการงานศึก มิได้กลับไปพบหน้าเสียเนิ่นนาน มิรู้ว่าป่านนี้จักเป็นเยี่ยงไรบ้าง\" พระอินทราธิปบ่นพลางพิจารณาดวงดาวบนฟ้า



    \"เอาเถิด...อีกไม่นานนักเราก็จักได้กลับไปกรุงศรีอยุธยาแล้ว แม้ครานี้จักได้กลับไปพักมินานนัก แต่ก็ยังดีกว่าที่มิได้กลับไปเสียเลย\" พระอินทราธิปตรัสปลอบพระองค์เอง ก่อนจะเงยพรพักตร์ขึ้นพิจารณาหมู่ดาวอีกครั้ง



    แกร่บ!



    \"ฮึ!\" พระอินทราธิปสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงประหลาดดังจากพื้นบ้านเหมือนว่ามีใครกำลังเดินออกมานอกชานตรงมายังพระองค์ พระอินทราธิปกุมพระแสงดาบไว้ พลันเงี่ยหูฟังอย่างมีสมาธิ



    แกร่บ แกร่บ แกร่บ



    เสียงฝีเท้าค่อยๆใกล้เข้ามาทีละน้อย ครั้นเมื่อก้าวเข้ามาจนอยู่ในระยะอาวุธ พระอินทราธิปวาดพระแสงดาบมาทางด้านหลังของพระองค์ ชั่วพริบตาปลายพระแสงดาบก็จี้ตรงไปยังคอหอยของผู้มาเยือน



    ปรากฏเป็นสตรีไทยใหญ่แต่งกายอย่างเจ้านาย นางคือสาวงามผู้ที่พระอินทราธิปทรงแอบชำเลืองมองอยู่นั้นเอง ครั้นเมื่อเห็นเป็นนาง พระอินทราธิปจึงทรงเก็บพระแสงดาบเข้าฝักตามเดิม พลันตรัส



    \"แม่นางย่องมายามราตรีเยี่ยงนี้มิให้สุ้มให้เสียง ข้าก็มิรู้ดีร้าย ต้องขออภัยด้วย\" สาวงามก้มหน้าเชิงรับคำก่อนเอ่ยปาก



    \"บ่เป็นหยังพ่อเจ้า ข้าเจ้าเองที่ผิด ย่องมาหาพ่อเจ้าในยามราตรีเยี่ยงนี้\"



    \"แม่นางเป็นใครกัน ดูท่าทางเป็นที่เคารพต่อพวกชาวเมืองยิ่งนัก ฤาจักเป็นเมียของเศิกขวัญ\" พระอินทราธิปตรัสอย่างมีนัยน์อยากรู้ว่านางมีคู่ครองแล้วหรือยัง



    \"บ่ใจ้ บ่ใจ้ ข้าเจ้าบ่ใจ้เมียท่านเศิกขวัญ จะใดพ่อเจ้าจึ่งคิดเยี่ยงนั้นเล่า\" นางตอบอย่างเอียงอาย เข้าทางพระอินทราธิปพลันตรัส



    \"อ้าว ก็ข้าเห็นแม่นางอยู่ในเรือนเศิกขวัญ เศิกขวัญก็มากอายุกว่าข้ามิได้มากน้อย จักมีธิดาสาวรุ่นเยี่ยงเจ้าคงมิได้ ข้าจึงนึกว่าเจ้าเป็นเมียเศิกขวัญ ถ้ามิใช่แล้วเจ้าเป็นใครกัน\"



    \"ข้าเจ้าเกิดแต่เจ้าฟ้าขุนหาญบิดาของเจ้าฟ้าอูแสง...\"



    \"ถ้าเช่นนั้นแม่นางก็เป็นกนิษฐาในเจ้าฟ้าอูแสง\"



    \"ใจ้แล้วพ่อเจ้า หากแต่ต่างด้วยมารดา ถ้านับตามลำดับแล้ว ข้าเจ้าเป็นน้องสาวคนสุดท้องที่ร่วมบิดาเดียวกันกับเจ้าฟ้าอูแสง เมื่อคราวศึกหงสาวดีเจ้าพี่อูแสงถูกขับออกจากเมืองหน่ายไป จึงทรงฝากข้าเจ้าไว้กับท่านเศิกขวัญ\" พระอินทราธิปได้ฟังคำก็กระหยิ่มในพระทัยพลันตรัสถาม



    \"แลเจ้านางเป็นชายาของผู้ใดกัน\" เจ้านางสูงศักดิ์ก้มเอียงอายก่อนตอบ



    \"ข้าเจ้าบ่ได้เป็นชายาของใคร ด้วยว่าหามีเจ้านายเจ้าฟ้าผู้ใดอยู่ในเมืองหน่ายมาหลายเพลาแล้ว ชาวไตถือประหนึ่งว่าข้าเจ้าเป็นเจ้าฟ้าพระองค์หนึ่ง จึงบ่มีชายใดหาญกล้ามาหมายปอง\" สิ้นคำ พระอินทราธิปแย้มมุมพระโอษฐ์



    \"อ้อ...เยี่ยงนั้นรึ แลบัดนี้เจ้านางอายุได้กี่ขวบปีแล้ว\"



    \"สิบเจ็ดชันษาแล้วพ่อเจ้า\"



    \"แล้วเจ้านางมีชื่อว่ากระไรรึ\"



    \"ข้าเจ้าจื้อ คำปอย\"



    \"เจ้านางคำปอย\" พระอินทราธิปตรัสย้ำเพื่อความแน่ใจ เชิงทำให้เกียรติ



    \"ข้าเคยได้ยินมาหนักหนาว่าสาวชาวเมืองไตนั้นงดงามเพียงไร วันนี้ได้มาเห็นกับตาตนเองก็นับว่าเป็นจริงดังว่า\" พระอินทราธิปเริ่มจีบ เจ้านางคำปอยออกอาการหน้าแดงเล็กน้อยก่อนเอ่ยวาจาเป็นเชิงปรามว่า



    \"พ่อเจ้าอย่าทรงตรัสชมข้าเจ้าเลย พ่อเจ้ามีชายาแล้วบ่ใจ้หรือ\"



    \"เอ่อ...ข้าก็มิได้เอ่ยวาจาเกี้ยวพาเจ้านางนี่ ข้าเพียงแต่ชื่นชมในความงามของเจ้านางเท่านั้น\" พระอินทราธิปตรัสแก้กระดาก



    \"พ่อเจ้า...เพลานี้ก็ดึกแล้ว ข้าเจ้าขอตัวเข้าเฮือนก่อน ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองบ่สู้ดีนัก มื้อพรุ่งข้าเจ้าจักให้บ่าวไพร่ทำพระกระยาหารเช้าเลี้ยงพระองค์\" เจ้านางคำปอยตัดบทก่อนจะเดินกลับเข้าไปในเรือนอย่างเอียงอาย



    พระอินทราธิปทรงยิ้มอย่างถูกพระทัยเมื่อเห็นเจ้านางไทยใหญ่แสดงท่าทีเขินอายต่อพระองค์ จากนั้นพระอินทราธิปก็เงยพระพักตร์ขึ้นพิจารณาชาตาโคจรของดวงดาวต่อไป ครั้นเมื่อถึงเพลาอันควรแล้ว ก็ทรงเสด็จกลับเข้าประทับ ณ ห้องบรรทม ระหว่างทางผ่านหน้าห้องบรรทมของเจ้านางคำปอย พระองค์แอบทอดพระเนตรผ่านช่องประตูเห็นเจ้านางสูงศักดิ์ประทับนั่งบนพระแท่นแลกำลังตรัสคุยอยู่กับข้ารับใช้คนสนิทอย่างเขินอาย...



    ::วันรุ่งขึ้น::



    พระอินทราธิปเสวยพระกระยาหารเช้ากับเจ้านางคำปอย แลภรรยาของเศิกขวัญ ทั้ง ๓ ต่างเจรจาปราศรัยกันเป็นที่ชอบพอ พระอินทราธิปมีดำริจะเที่ยวชมเมืองหน่าย เจ้านางคำปอยจึงทรงขันอาสาทำพระองค์เที่ยวชมเมือง



    ทันใดนั้น! เกิดเสียงเอะอะต่อสู้กันอยู่หน้าเรือน พระอินทราธิปไม่รอช้ารีบคว้าพระแสงศัสตราวุธประจำพระองค์ พร้อมกับทรงวิ่งตรงไปยังต้นเสียงนั้นทันที พลันทหารยามไทยใหญ่วิ่งสวนเข้ามากราบทูลว่ามีผู้บุกรุก ชั่วครู่มีทหารนายหนึ่งถูกถีบกระเด็นเข้ามาหน้าประตูเรือน พระอินทราธิปชักพระแสงดาบออกมาคอยท่า ผู้บุกรุกก้าวเข้ามาหน้าประตูปรากฏเป็นทหารแต่งกายอย่างพม่า ๒ นาย



    \"ช้าก่อนพระเจ้าข้า พวกหม่อมฉันมาดี\" พลันนายทหารพม่าทั้ง ๒ นายวางอาวุธคุกเข่าลงประนมมือถวายบังคม สำเนียงการพูดนั้นเป็นภาษาไทยชัดเจน



    \"พวกเจ้าเป็นใคร\" พระอินทราธิปตรัสถาม



    \"นี่ทรงจำหม่อมฉันทั้งสองมิได้หรือพระเจ้าข้า\" สิ้นคำพระอินทราธิปพินิจหน้าตาของทหารพม่าซึ่งแลดูสมปรกมอมแมมประหนึ่งว่าเดินทางรอนแรมมาไกลอยู่ชั่วครู่ ก่อนตรัส



    \"ขุนพิทักษ์! หมื่นฤทธิ์! พวกท่านมาที่นี่ได้อย่างไร ข้าดีใจเหลือ เอ้า!...มิต้องพิธีรีตอง ตามสบายเถิด\" สิ้นพระดำรัส พวกทหารไทยใหญ่ลุกหนีออกจากเรือนไป ขุนพิทักษ์กราบทูล



    \"นับแต่เสร็จศึกสวรรคโลกแล้ว...\" ยังไม่ทันที่ขุนพิกทักษ์ราชกิจจะกราบทูลเสร็จ พระอินทราธิปก็ตรัสแทรก



    \"ศึกสวรรคโลกหรือ เยี่ยงไรกันข้ามิเห็นรู้ความ\"



    \"อ้อ...พระโอรสคงยังมิทราบด้วยหลังจากทัพเรายกกลับกรุงศรีอยุธยาแล้ว พระนเรศวรทรงยกต่อขึ้นไปขับไล่พม่าที่กำแพงเพชร ออกญาสวรรคโลก แลออกญาพิชัยคิดแข็งเมืองรวมกำลังกันต่อต้านพระองค์ พระองค์จึงล้อมตีได้สวรรคโลกไว้ แลจับอ้ายพระยาทรยศทั้งสองประหารเสียแล้วพระองค์ก็เลิกทัพกลับพิษณุโลก จากนั้นจึงทรงรับสั่งให้ขุนอินทรเดชขึ้นมาหาข่าวศึกทางเชียงใหม่ หม่อมฉันทั้งสองจึงขอติดตามมาด้วยหมายจะเข้ามาตามพระองค์ที่หงสาวดีพระพุทธเจ้าข้า\" พระอินทราธิปได้ฟังดังนั้นก็โสมนัสในความจงรักภักดีของนายทหารคนสนิททั้งสองยิ่งนัก พลันตรัส



    \"แลนี่มาหาข้าได้เยี่ยงไรถึงเมืองหน่าย\"



    \"ครั้นเมื่อสืบข่าวศึกทางเชียงใหม่ได้ความแล้ว หม่อมฉันทั้งสองก็แยกตัวจากท่านขุนอินทร์ลงมาตามหาพระองค์ที่หงสาวดี เจ้านางมินตยาแจ้งแก่หม่อมฉันทั้งสองว่าพระองค์พักอยู่กับพระภิกษุอูแสง ครั้นเมื่อตามไปท่านอูแสงก็บอกว่าพระองค์ขึ้นมาชักชวนพวกไทยใหญ่ที่เมืองหน่ายนี่พระพุทธเจ้าข้า\"



    \"โอ! พวกท่านทั้งสองนี่มีความพยายามยิ่งนัก ข้าดีใจเหลือ นี่ข้าก็รออีกสองราตรีจึงจะได้พวกไทยใหญ่ยกทัพกลับพระนครได้ ท่านว่าไปสืบข่าวศึกเชียงใหม่มาได้ความว่าเยี่ยงไรบ้างเล่า\" พระอินทราธิปตรัสอย่างชื่นชมพลันหมื่นฤทธิ์ณรงค์กราบทูล



    \"ขอเดชะพระอาญามิพ้นเกล้า ฤดูแล้งปลายปีนี้พระเจ้าหงสาวดีให้จัดสองทัพ ทัพหนึ่งของพระเจ้าเชียงใหม่มังมหานรธามีไพร่พลหนึ่งแสนยกลงมาตีหัวเมืองรายทางจากทางเหรือ อีกทัพหนึ่งของพระยาพะสิมมีไพร่พลสามหมื่นยกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์ จะสมทบกันเข้าตีกรุงศรีอยุธยาทั้งสองด้านพร้อมกันพระพุทธเจ้าข้า\" พระอินทราธิปได้รับฟังดังนั้นก็ทรงอุทาน



    \"รี้พลหงสาวดีมันมากมายเหลือ นี่พวกเชียงใหม่ก็ล้วนไทยด้วยกันทั้งนั้น ไทยจักต้องฆ่าไทยด้วยกันเองอีกแล้วหรือนี่\" พลันตรัสต่อ



    \"แล้วนี่สมเด็จพี่พระองค์ดำคิดอ่านการศึกอย่างไร\"



    \"บัดนี้ขุนอินทรเดชคงนำข่าวศึกขึ้นกราบทูลพระอุปราชแล้ว พระองค์มีพระปรีชาในการรบยิ่ง พระโอรสอย่าได้ทรงเป็นห่วงเลย รวมไทยใหญ่ได้เมื่อใด ก็จงรีบยกทัพกลับไปช่วยศึกหงสาวดีเถิดพระพุทธเจ้าข้า\" ขุนพิทักษ์ราชกิจกราบทูล...



    ::สองราตรีต่อมา::



    พระอินทราธิปราชนัดดาประทับอยู่ที่ชานเรือนที่เก่า ขุนพิทักษ์ราชกิจแลหมื่นฤทธิณรงค์นั่งหลับอยู่หน้าประตูเรือน ทันใดเจ้านางคำปอยก็เสด็จออกมาเช่นเดิม



    \"ยังมิบรรทมหรือเจ้านาง\" พระอินทราธิปตรัสก่อน



    \"ยังพ่อเจ้า...\" เจ้านางตรัสก่อนเงียบไป พระอินทราธิปเห็นสาวงามเงียบไปก็ทรงหันกลับมาทอดพระเนตรพลันตรัส



    \"วันพรุ่งข้าจักต้องไปจากที่นี้แล้วนะเจ้านาง\" สิ้นพระดำรัสเจ้านางไทยใหญ่ยังคงเงียบ ประหนึ่งว่ากำลังดำริอยู่ในใจ



    \"เสร็จศึกข้าจึงจะกลับมา...\" พระอินทราธิปตรัสต่อ เจ้านางเงยพระพักตร์ขึ้นมอง แย้มพระสรวลเล็กน้อย



    \"พ่อเจ้า...\" พระนางตรัสอย่างฉงน



    \"เสียทีข้ามีชายาแล้ว มิเช่นนั้นก็คงจักรับเจ้าเข้าไปอยู่ด้วยในพระราชวังหลวง\" ครั้นสิ้นพระดำรัสเท่านั้น พระนางคำปอยถึงกับก้มพระพักตร์ที่กำลังแดงระเรื่อด้วยพระโลหิตสูบฉีด พลันตรัสอย่างเหนียมอาย



    \"เพียงพ่อเจ้าเมตตาข้าเจ้า ข้าเจ้าก็ดีใจหาที่สุดมิได้แล้ว\"



    \"เยี่ยงนั้นรึ...มิรังเกียจที่ข้ามีชายาแล้วรึ\"



    \"จะใดข้าเจ้าจึงต้องรังเกียจพ่อเจ้าด้วย เป็นธรรมดาของเจ้าขุนไตแลพระราชวงศ์ที่ต้องสมรสแต่เจริญวัย ข้าเจ้าบุญน้อยด้อยศักดิ์บ่เคยหวังสิ่งใด เพียงได้รู้ว่าพ่อเจ้าเมตตาก็ยินดีอย่างที่สุดแล้ว\" สิ้นคำตรัสเจ้านาง พระอินทราธิปแย้มพระสรวล ก่อนจะทรงประคองพระหัตถ์เจ้านางขึ้นมาแนบพระอุระไว้ แล้วตรัส



    \"ถึงอย่างไรข้าก็ยังพาเจ้านางกลับไปด้วยเสียคราวนี้มิได้ ด้วยว่าจากนี้ไปต้องรับศึกหนักเป็นเท่าทวี\"



    \"ข้าเจ้าบ่เคยปรารถนาจักเข้าไปใช้ชีวิตสุขสบายในพระราชวังหลวงเลยพ่อเจ้า...\"



    \"ถ้าเช่นนั้น เมื่อว่างศึกลงเมื่อใดข้าก็จักกลับมาหาเจ้านางที่นี่ ขอเจ้านางจงเชื่อในสัตยาของข้าเถิด\"



    \"...\" เจ้านางคำปอยนิ่งอึ้งไป ก่อนตรัส



    \"ข้าเจ้าเชื่อในคำตรัสของพ่อเจ้าทุกประการ\" พลันสบพระเนตรกับพระอินทราธิป พระอินทราธิปทรงยิ้มก่อนจะประคององค์เจ้านางเสด็จเข้าห้องบรรทมของพระองค์ไป



    \"นี่คือหลักประกันที่ข้าจะมอบไว้ให้แก่เจ้านาง\" สิ้นพระดำรัสเจ้านางคำปอยก้มพระพักตร์มิรู้พูดจา ก่อนทั้งสองพระองค์จะประทับลงบนพระแท่นบรรทม...



    ...



    ...



    \"พี่คง! พี่คง!\" หมื่นฤทธิไกรกระซิบพร้อมๆกับสะกิดขุนพิทักษ์ราชกิจที่หลับยามอยู่หน้าประตูเรือน



    \"อะไรวะ...\" ขุนพิทักษ์พูดอย่างรำคาญเล็กน้อย พลันมือเกาหัวหูเชิงว่าถูกปลุก



    \"พระโอรสเราเอาอีกแล้วพี่\"



    \"เอาอะไรของเอ็งวะ\"



    \"ก็เอาอย่างที่เจ้านายเค้าเอากันน่ะพี่\"



    \"เอ้อ...ปล่อยพระองค์ไปเถิด เรื่องของเจ้าของนายท่าน อย่าไปยุ่งท่านเลย นรกจะกินหัวกบาลเอา\"



    \"ดีจังเว่ย...เป็นเจ้านายนี่ ไปที่ไหนก็มีเมียมันซะที่นั่น\"



    \"เอ๊ะ!ไ-อ้นี่! แต่เออว่ะ...ข้าเห็นด้วยกับเอ็ง...อืม...พระโอรสเรานี่ท่านชอบของป่าของไกลบ้านไกลเมืองเนอะ พระวรางคณาก็คนหนึ่งแล้ว\"



    \"พี่คง!นรกกินกบาลแล้ว\"



    \"เฮ่ย!\"



    \"ฮ่าฮ่าฮ่า\" ขุนทหารทั้งสองหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน



    <><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>



    ...ราชการงานทัพรับศึกใหญ่

    แสนหนึ่งทัพเชียงใหม่ไพร่พลรี้

    สามหมื่นทัพพะสิมผ่านด่านเจดีย์

    ศึกครานี้ใหญ่หลวงนักจักโรมรัน...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×