บัวกลางดง - นิยาย บัวกลางดง : Dek-D.com - Writer
×

    บัวกลางดง

    "บัว" ต้องเกิดในน้ำ แต่ "บัว ฉัตรชมพู" ต้องพลัดพรากจากน้ำ มาอยู่ในดงใหญ่ เธอจะเป็นเช่นไร หากต้องเผชิญปัญหามากมาย เพื่อจะให้อยู่รอดได้และเบ่งบานอย่างสวยงาม ในกลางดง

    ผู้เข้าชมรวม

    288

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    288

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    4
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  22 พ.ย. 57 / 12:45 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ

    “อุแว๊ อุแว๊”

    เสียงเด็กร้องดังจ้า ทำให้คนที่รออยู่นอกบ้านกระโดดเข้าไปในบ้านแทบจะทันที ใบหน้าคล้ำหันไปมองแล้วยิ้มกว้างอย่างโล่งอก มือเล็กยกพัดไม้ไผ่ให้แรงขึ้น กระพือลมให้ไฟในเตาลุกโชนขึ้น น้ำในหม้อเริ่มเดือด เด็กชายเดินไปชะเง้อชะแง้มองที่หน้าประตูบ้านที่ทำจากเศษไม้เก่ามาปะติดปะต่อกันแล้วร้องตะโกนเรียกคนในบ้านเสียงดัง

    “พ่อ น้ำเดือดแล้ว”

    “เออ เอาไว้ก่อน เดี๋ยวข้าออกไป”

    “ครับ”

    เด็กชายตัวเล็กรับคำแล้วเดินกลับมานั่งที่ตั่งไม้ที่เก่า มือเล็กยังพัดไฟใต้เตาอยู่ตลอดเวลา ควันจากขี้เถ้าลอยโขมงไปทั่วบริเวณ

    “แง๊แง๊ แง๊” เสียงเด็กเล็กร้องลั่นขึ้นอีก

    “โอ้ย! จะร้องอะไรกันนักหนาวะ ไอ้อ๊อด มึงเห็นมั้ย เขายุ่งวุ่นวายกันจะตายห่า ร้องแรกแหกกระเชออยู่ได้” เสียงตะโกนก่นด่ามาจากข้างใน ทำให้เด็กชายที่ด้านนอกทิ้งพัดในมือแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านไม้หลังเก่า ที่โย้เย้จวนจะพังเต็มทีอย่างรีบเร่ง

    “อ๊อด อย่าร้องนะ อย่าร้อง โอ๋ๆๆ อย่าร้องนะอ๊อด” เด็กชายดึงน้องชายตัวเล็กกว่าขึ้นมาอุ้ม ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น กระเตงเด็กน้อยออกมานอกชานบ้านแล้วหยิบถ้วยใบเล็กมาตักน้ำซาวข้าวที่ต้มไว้แทนนม เด็กน้อยเงียบเสียงไป เสียงดูดน้ำซาวข้าวจุ๊บจั๊บอย่างเอร็ดอร่อย

    “ไอ้อาจเอ้ย มึงจะขยันอะไรนักหนา ลูกสองคนยังไม่พอ คราวนี้ได้อีกสองเลยนะมึง” เสียงหญิงแก่ดังขึ้นมา เด็กชายตัวเล็กฟังอย่างตั้งใจ

    “สองยังไงแม่” ใบหน้าผอมเกร็งยื่นหน้าเข้าไปถาม

    “ก็มึงได้ลูกสาวอีกสองคนนี่ไง ฝีมือจริงๆ ได้ลูกแฝดเลยนะมึง” หญิงแก่หัวเราะร่วน

    “ตายห่ากันพอดี ข้างนอกสอง ข้างในอีกสอง คราวนี้ได้กินแกลบกินเกลือกันแน่” หนุ่มใหญ่รำพึงรำพัน หันมามองเด็กชายข้างนอกด้วยสีหน้าละเหี่ยใจ ตอนนี้เขามีลูกชายสองคนแล้ว คนโตได้เจ็ดขวบพอดี ส่วนคนเล็กเพิ่งได้สามขวบกว่า แล้วมาใหม่อีกสอง เดี๋ยวจะต้องไปด่าไอ้เจ๊กขายยาสักหน่อย มันให้ยาคุมอะไรมา ทำไมกินแล้วมีลูกอีกจนได้

    “ฉันเข้าไปข้างในได้มั้ยแม่” เขาถามอย่างเกรงใจ

    “เออ มาซิ ข้าล้างตัวอีนังหนูสองคนเสร็จพอดี แหม...หน้าตามันจิ้มลิ้มดีจัง ได้ลูกสาวอีกสองแล้วก็พอซักทีนะมึง ข้าวไม่มีจะกรอกหม้อ มีลูกเป็นโขยงแบบนี้จะเอาอะไรให้มันกิน” หญิงชราบ่นงึมงำ พลางมองเด็กชายที่นั่งป้อนน้ำซาวข้าวน้องอย่างตั้งใจ

    “เป็นยังไงไอ้รัฐ เหนื่อยอีกแล้วนะมึง คราวนี้มาอีกสองเลยนะ” มือเหี่ยวลูบผมเกรียนบนศีรษะเด็กชายอย่างเมตตา

    “ไม่เป็นไรจ้ะยาย หนูเลี้ยงได้” เด็กชายตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

    “มึงโชคดีนะไอ้อาจ ได้ลูกประเสริฐแบบนี้”

    หญิงชราหันมาบอกหนุ่มใหญ่ร่างผอมแห้งที่เดินตามออกมา

    “สาธุเถอะแม่ ขอให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไปเถอะ ไม่ใช่ดีตอนนี้ โตขึ้นมาเป็นโจรขโมยลักของเขา” หนุ่มใหญ่ยกมือท่วมหัว

    “คนจะดีจะชั่ว มันก็อยู่ที่พ่อแม่เลี้ยงดูนั่นแหละ ถ้ามึงสอนลูกให้ดี มึงก็จะได้ลูกที่ดี ถ้ามึงสอนให้มันเป็นโจร มันจะเป็นคนดีก็คงลำบาก”

    “ฉันขอบคุณแม่มากๆ นะจ๊ะ” มือผอมคล้ำยื่นธนบัตรสีแดงให้หญิงชรา ใบหน้าเหี่ยวหันมามองคนตรงหน้าด้วยความเวทนา

    “เอ้า ข้าไม่เอาของเอ็งหรอก เอาไว้เลี้ยงลูกเลี้ยงแม่เอ็งเถอะ”

    “เอาไปเถอะแม่ แม่อุตส่าห์มาทำคลอดให้อีดามัน ฉันไม่มีอะไรจะให้” มือผอมพยายามยัดเงินใส่มือให้ หญิงชรารับมาด้วยความรำคาญ แล้วส่งให้เด็กชายตัวน้อยที่เงยหน้ามามองอย่างไม่เข้าใจ

    “เอ้า ไอ้รัฐ เอาไว้ซื้อนมให้น้องเอ็งนะ”

    “เอ็งนี่ แปลกเด็กจริงๆ เป็นเด็กคนอื่นรีบคว้าไปซื้อขนมแล้วนะเนี่ย เอ้า ไอ้อ๊อด งั้นเอ็งเอาไป” ธนบัตรใบเก่าถูกยัดลงในมือเด็กชายตัวน้อยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ นายอาจต้องรีบหยิบออกมาก่อนที่เด็กน้อยจะยัดเข้าปาก

    “พี่อาจ พี่อาจ ทำไมลูกไม่ดิ้นเลยพี่”

    เสียงเครือดังมาจากในบ้าน ร่างเหี่ยวที่กำลังก้าวลงบันไดชะงักแล้วก้าวเท้ายาวเข้าไปในบ้าน ร่างผอมเกร็งถลันตามไปอย่างรวดเร็ว เด็กชายตัวเล็กกระเตงน้องชายตัวน้อยตามเข้าไปด้วยความอยากรู้

    มือเหี่ยวของหมอตำแยประจำหมู่บ้านวางบนตัวเด็กหญิง ใบหน้าย่นส่ายหน้าอย่างช้าๆ แล้วหันมามองสองผัวเมียด้วยความเศร้าใจ

    “อีหนูมันไปดีแล้วล่ะเอ็งเอ้ย”

    “โธ่ ลูกแม่” นางอุไรกอดร่างไร้วิญญาณของเด็กหญิงร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียงเด็กหญิงอีกคนร้องไห้จ้าเสียงดังลั่น

    “อุแว๊ อุแว๊”

    “โอ๋ๆ อย่าร้องนะลูกแม่” ร่างผอมกลั้นสะอื้นแล้ววางเด็กหญิงที่ไร้ชีวิตลงกับพื้น แล้วหันมาคว้าอีกคนหนึ่งเข้ามากอดแนบอก เลิกเสื้อคอกระเช้าขึ้นแล้วเอานมจากอกให้ดื่ม

    “ไปดีเถอะนะลูกพ่อ เราทำบุญด้วยกันมาเท่านี้” นายอาจอุ้มร่างที่นอนสงบนิ่งขึ้นมา น้ำตาคลอหน่วยด้วยความเสียใจ เมื่อหันไปเห็นเด็กหญิงอีกคนกำลังดูดนมจากอกของร่างผมแห้งก็คลายความโศกเศร้าลงไปบ้าง

    “ไป เอ็งเอานังหนูนี่ไปกับข้า” หญิงชราแตะที่แขนผอม

    “อุแว๊ อุแว๊” เสียงเด็กร้องดังลั่นขึ้นอีก

    “มึงจะร้องทำไมไอ้อ๊อด อยากกินนมเหมือนน้องรึไง” นายอาจหันไปเอ็ดลูกชายทั้งน้ำตา

    “อ๊อดไม่ได้ร้องนะพ่อ” เด็กชายชี้ให้บิดาดูน้องชายตัวเล็กที่กำลังสาละวนกับการถูตัวไปบนพื้นกระดานอย่างมีความสุข นิ้วโป้งมือขวาถูกยัดเข้าไปในปากจนมิด มีเสียงดังจั๊บจั๊บบ่งบอกถึงความเอร็ดอร่อย

    “อุแว๊ อุแว๊”

    เสียงเด็กร้องดังขึ้นอีก ใบหน้าผอมเกร็งหันไปมองรอบๆ เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังนอนดูดนมอย่างสบายใจ ส่วนอีกคนในอ้อมกอดเขาก็นอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก เด็กชายอ๊อดยังสนใจแต่กับนิ้วโป้งของตัวเอง คิ้วหม่นขมวดมุ่นอย่างแปลกใจ

    “อุแว๊ อุแว๊ อุ...แว๊....”

    “บ้านไหนออกลูกอีกวะ” หญิงชราบ่นงึมงำ พลางเร่งฝีเท้าออกไปด้านนอก นึกว่าบังเอิญเหลือเกินที่วันนี้มีเด็กเกิดใหม่ถึงสามคน พอเท้าพ้นหน้าประตูบ้านออกมา เสียงร้องก็ยิ่งดังขึ้น นายอาจอุ้มศพลูกน้อยออกมาเมียงมองด้วย

    “โฮ่ง โฮ่ง” เสียงไอ้ด่าง หมาจรจัดที่เอามาเลี้ยงเห่ากรรโชกผสมโรง

    “อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊.....”

    คราวนี้เสียงร้องดังไม่มีหยุด นายอาจส่งร่างของหนูน้อยให้หญิงชราแล้วเดินไปหาต้นเสียงที่ดังมาจากข้างกองขยะที่อยู่ไม่ไกล เขามองซ้ายมองขวาไม่เห็นมีใครอยู่ตรงนั้น ไอ้ด่างกระโจนเข้าไปในกองขยะแล้วงับบางอย่างออกมา ร่างผอมเบิกตาโพลงเมื่อเห็นสิ่งที่กลิ้งออกมาจากผ้าเช็ดตัวที่ไอ้ด่างคาบออกไป

    “อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊.....”

    ร่างผอมสูงรีบวิ่งเข้าไปคว้าร่างน้อยผิวแดงเหมือนลูกหนูเพิ่งเกิดขึ้นมากอดแนบอก หญิงชราสาวเท้าตามมาติดๆ แล้วร้องโหวกเหวกโวยวาย สาปแช่งเสียงดังด้วยความโกรธ

    “ไอ้ชาติหมา อีชาติหมาคนไหนเอาเด็กมาทิ้งแบบนี้ ขอให้มันไม่ตายดี ตกนรกหมกไหม้ ทำมาหากินไม่ขึ้น ตอนตายก็ไม่ให้มีคนเห็นด้วยเถ๊อะ สาธุ”

    “แม่หนูเอ้ย น่าสงสารจริงๆ” ใบหน้าเหี่ยวชะโงกหน้าเข้าไปมองใบหน้าเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของร่างผอมที่ใส่เสื้อคอกลมซ่อมซ่อ เด็กหญิงหยุดร้องไห้แทบจะทันที หันมามองใบหน้าเหี่ยวตาแป๋ว

    “เขาคงจะให้มาแทนนังหนูนี่ล่ะมั้งแม่” นายอาจมองที่เด็กหญิงสองคนสลับกัน

    “เอ็งจะเลี้ยงไหวเหรอไอ้อาจ” หญิงแก่มองอย่างเป็นห่วงเป็นใย

    “ถ้าลูกฉันไม่ตาย ฉันก็ต้องเลี้ยงสองคนอยู่ดี แม่จะให้ฉันใจดำเอานังหนูนี่ทิ้งได้ลงคอหรือ”

    “เฮ้อ! อีพวกอยากสนุกแต่ไม่มีปัญญาเลี้ยง กูอยากเห็นหน้ามันจริงๆ ว่ามันเป็นหน้าคนหรือหน้าอะไรกันแน่ ขนาดหมามันยังไม่ทิ้งลูกมันเลย ชาติชั่วจริงๆ” ปากเหี่ยวบ่นไม่เลิก

    “ลำพังเอ็งต้องเลี้ยงไอ้รัฐกับไอ้อ๊อดก็หนักแล้ว รับจ้างรับบ่ายจะได้วันละเท่าไหร่ เอายังงี้ เอ็งไปเก็บบัวที่สระกับดาวเรืองที่สวนข้าเอาไปขายหาเงินมาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเอ็งนะ”  

    “ฉันไม่มีเงินซื้อแม่ดอกจ้ะ”

    “ไม่ต้องซื้อ ข้าให้เอ็งฟรีๆ เอามาเลี้ยงลูกเต้าให้โตเป็นคนดี ข้าจะได้ฝากผีฝากไข้กับพวกมัน”

    สิ้นคำของหญิงชรา ร่างผอมทรุดลงกับพื้นสกปรกแล้วยกมือท่วมมือ เด็กหญิงที่อยู่ในอ้อมกอดยิ้มกว้างเหมือนรับรู้

    “ฉันจะตั้งชื่อนังหนูนี่ว่า ดอกบัว แล้วก็ลูกสาวอีกคนว่าดาวเรืองนะแม่ ลูกๆ จะได้รู้ไว้ว่าที่ไม่ตายก็เพราะดอกบัวแล้วก็ดาวเรืองของแม่” นายอาจก้มลงกราบหญิงสูงวัย คนที่ยืนอยู่ยกมือเหี่ยวมาลูบผมแซมหงอกของคนที่รักเหมือนลูก ทั้งสองส่งยิ้มให้กันทั้งน้ำตา

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น