กลัวสายตานาย
เป็นเรื่อง รักของเกย์คับ ในโรงเรียนประจำ
ผู้เข้าชมรวม
119
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กลัวสายตาเธอ
มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องนะที่ผมได้ตัดสินใจมาสอบที่ร.ร.แห่งนี้ เป็นร.ร.ที่ตั้งขึ้นมาไม่นานเลย ในจังหวัดชลบุรี ที่สำคัญนะ มันเป็นร.ร.ประจำ แล้วก็ไม่ได้อยู่ในเมืองด้วย อยู่อ.บ้านบึงอ่ะคับ ไม่บอกละกันว่าร.ร.อะไร ก็แม่ผมอ่ะดิ ได้คุยกับแม่ของเพื่อนผมคุยไปคุยมาก็ให้มาสมัครที่ร.ร.นี้ ผมก็อืมชื่อหรูดี ก็เลยมาสมัครและก็สอบ ปรากฏว่าติดด้วยแฮะ 555+ ฟลุ๊คมากกว่าที่จริงก็ไม่ได้คิดว่าติดหรอก เห็นตอนสอบเด็กตั้งเยอะแน่ะ เอ่อ ลืมบอกไปนะว่าการสอบครั้งนี้เป็นการสอบเข้าม.1 คับ แต่ตอนนี้ผมอยู่ม.4 ร.ร.นี้น่ะแหละ และแล้ววันมอบตัวผมก็ไปนะ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้ชีวิตของผมในร.ร.นั้น ซึ่งเป็นครอบครัวอีกครอบครัวก็ว่าได้ วันแรกของการปฐมนิเทศ
"เฮ้ย...อาร์ท รอด้วยสิ" เพื่อนผู้หญิงที่มาจากร.ร.เดียวกะผมเรียกเมื่อผมเดินเร็วกว่ามัน(ลืมบอกนะว่า ตอนที่ผมเข้ามาร.ร.นี้น่ะ มีเพื่อนผมมาด้วยจากร.ร.เก่า หลายคนเลยแต่เอาหลักๆก็ มี 4 คน ไม่รวมผมนะ มี บอล แป้ง นัน แก้ว )
"เออ...เร็วดิ เดี๋ยวไม่ทันรุ่นพี่คนนั้น ไปหอไม่ถูกจนได้หรอกน่า" ผมตอบนัน
"ค่าๆ รีบจังนะ"แป้งตะโกนบอก เนื่องจากเหนื่อยมากเพราะระยะทางจากหน้าร.ร.ถึงหอพักเนี่ย ไกลอย่างแรง
"อืม บายนะ เจอกันตอน 4 โมงเย็น เดี๋ยวเรารอที่โรงอาหารละกัน"ผมอกแป้ง นัน และแก้ว ซึ่งต้องแยกไปเข้าหอหญิง(เอ่อ จะบอกว่าตอนนั้นผมยังไม่รู้จักบอลเลย มาจากร.ร.เดียวกันแท้ๆเล้ย - -")
่ว่าแล้วผมก็เข้าไปในหอพักไปเก็บของที่เอามา(โครตเยอะเลย) เก็บตั้งนานกว่าจะเสด และอาจารย์หอก็เรียกนักเรียนใหม่ทั้งหมดมารวมกันที่หน้าหอพักเพื่อบอกกล่าวถึงการอยู่หอพักที่นี่รวมถึงระเบียบต่างๆที่ต้องปฏิบัติ(อาจารย์พอหักคนนี้ชื่ออ.เสงี่ยม หน้าตาแก่กว่าอายุมาก อายุ 20 ก่าเองหน้าเกือบ 40 ก่าละ สายตาดุโครต เคร่งระเบียบพอสมควรอ่ะนะ) เมื่อจารย์เหงี่ยมพูดจบ ผมและเด็กคนอื่นๆก็แยกย้ายไปจัดของต่างๆอีกให้เสด และเมื่อจัดของเสดก็ลงมารวมกันหน้าโรงอาหาร เพื่อที่จะจับกลุ่มกัเพื่อนๆในการกินข้าว ซึ่งต้องนั่งโต๊ะละ 8 คนแบบว่าล็อคคนไว้เลย ใครนั่งไหนก็นั่งนั้นตลอดอ่านะ
"เอ้า นักเรียนทุกคนมารวมที่นี่เร็วๆ เข้าแถวตามหอพักนะ"จานย์เหงี่ยมพูดด้วยสายตาดุพอสมควร
"เห้ยๆ แกรีบเหอะเดี๋ยวไม่ทันอ่ะ" ผมพูดกะเพื่อนคนอื่นๆ(ผู้หญิง ที่บอกอ่ะ)
"เออ...ปะ ปะ" นันตอบ
"เอาล่ะ ให้นักเรียนจับกลุ่มกัน 8 คนเพื่อที่จะนั่งโต๊ะอาหารเดียวกันนะ มีข้อแม้ว่าห้ามจับกลุ่มกับเด็กที่มาจากร.ร.เดียวกันนะ เพื่อให้เป็นการสร้างมิตรภาพใหม่ๆ เข้าใจมั้ย เอ้าเริ่มจับกลุ่มได้"จารน์เหงี่ยมบอก
ผมก็เริ่มเดินหาคนสิ ไอ้เรามันก็ยังไม่รู้จักใครๆเลยนินา เอ่อมองไปมองมาก็ห็นไอ้บอลเนี้ยแหละ ท่าทางมันก็หาเพื่อนอยู่เหมือนกัน ผมก็เลยเดินเข้าไปหามันมันก็เห็นผมและทำท่าขวักมือเรียก ผมก็เลยคิดในใจว่าดีเหมือนกันได้เพื่อนคนนึงละ
"ว่างัยอยู่กลุ่มเดียวกันมั้ย เรายังไม่มีกลุ่มเลย"บอลพูด
"อืมๆ แต่จานย์เหงี่ยมบอกห้ามเอาเพื่อนจากร.ร.เดียวกันนิ"ผมตอบมัน
"เอาน่าชั่งเหอะ"มันตอบ
และแล้วผมก็หาเพื่อนได้จนครบแบบพอๆเอาตัวรอดไปอ่ะ เฮ้อ...เหนื่อยอย่างแรงอ่ะนะ เมื่อกินข้าวเย็นเสดก็กลับหอทำภารกิจส่วนตัว อาบน้ำ ซึ่งเป็นที่อาบน้ำรวมผมเนี้ยตอนแรกก็อายๆอยู่แต่ก็ช่างเหอะ คนอาบตั้งเยอะนิหว่า ได้มองหุ่นคนอื่นๆด้วย อิอิ เมื่ออาบน้ำเสดผมก็มานั่งจัดเตียงให้เรียบร้อย เตรียมตัวที่จะนอน เพื่อนๆคุยกันใหญ่เลย ผมนะก็เดินไปเตียงไอ้บอลมัน อยู่หน้าๆเลย เตียงผมอ่ะ อยู่หลัง(เตียงเรียงติดกัน 2 ชั้น ยาวเลยอ่ะ)
"บอล แกจัดเตียงเสดยังอ่ะ"ผมถามมัน
"เสดละ ไปแปรงฟันกันเหอะ"มันก็ชวนผมไปแปรงฟันอ่ะนะ
เมื่อทำอะไรส่วนตัวเสดเรียบร้อยแล้วก็เข้านอน ผ่านวันแรกไปด้วยดี
-----วันต่อมา-----
"เอ้าตื่นได้แล้ว....เร็วๆ"เสียงจารย์เหงี่ยมมากจากเเดนไกลทำให้ผมลืมตาขึ้น
"อาบน้ำแล้วลงไปเข้าแถวข้างล้างได้แล้ว เตรียมตัวไปกินข้าวเช้า"จารย์แกยังย้ำอยู่ได้
ผมก็รีบจัดการอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วและก็ลงมาเข้าแถว
"เห้ย บอลจัดตารางสอนยังอ่ะ เราไม่ได้จัดอ่ะ" ผมพูดขึ้น
"วันแรกไม่มีเรียนหรอกน่า เราก็ไม่ได้จัด" บอลตอบผม
เมื่อไปถึงโรงอาหารเราก็กินข้าว เสดก็ไปอาคารเรียน เข้าแถวเคารพธงชาติตามปกติ
เมื่อถึงเวลาเรียน คาบแรกเป็นวิชาภาษาอังกฤษ อาจารย์ให้นักเรียนแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ ผมก็แนะนำแบบว่าผ่านๆไปที พร้อมกับสนใจเพื่อนคนอื่นๆในห้องด้วย แล้ก็รู้สึกสะดุดตากับเด็กผู้ชายคนนึง ที่แนะนำตัวเองพร้อมกับบอกว่ามาจากจังหวัดอะไร คนนั้นมาจากปราจีนนั่นเอง แล้วผมก็ไม่ได้คิดไร ชั่วโมงแรกของแต่ละวิชาวันนี้ยังไม่มีเรียนแน่นอนเพราะให้แนะนำตัวเองอย่างเดียวอ่ะ
วิชาต่อมาเป็นภาษาไทย อาจารย์ให้ลงมาเรียนห้องวิดิโอข้างล่างแกก็เปิดโฆษณาให้นักเรียนดูแล้วให้วิจารณ์โฆษณา นักเรียนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยสนใจอะไรหรอก ผมเนี้ยนั่งข้างหลังอ่ะ(นั่งพื้นกัน) ยืดขาเหยียดเลย (ลืมบอกอีกว่าผมอยู่ห้องเดียวกับแก้ว คือ/3 ส่วน บอล อยู่ /1 นันและแป้งอยู่ห้อง2)
"เบื่อเนอะอาร์ท ว่ามะ จารย์ให้ทำไรก็ไม่รู้" แก้วบ่นให้ผมฟัง
"อืมนั่นดิ เซ็งอ่ะ"ผมตอบตามความรู้สึกจริงๆ
"เฮ้อ...เบื่อๆๆๆ ไปเข้าห้องน้ำดีกว่า" แก้วบอกผม
"อืม ไปเถอะ" ผมตอบ
แก้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมเองก็ยังนั่งท่าเดิมก็คือยืดขาเหยียดตรงยาวๆ ก็มันเมื่อยนินาจะให้มานั่งท่าปกติก็ไใม่ไหหรอกนะ แล้วจากนั้นผู้ชายคนนึง ก็ขยับเข้ามาใกล้ๆผม ใช่แล้วคือคนๆนั้นที่ผมมองตั้งแต่ทีแรก ขอแนะนำเค้าให้รู้จักก่อนละกาน เค้าชื่อพอล ขาว เหมือนกันแต่ไม่มาก หุ่นดีอ่ะไม่สูงมากไม่เตี้ย ตาตี่ๆ นิสัยจากการที่ผมสังเกตมานะ อารมดีขี้เล่น มีลักยิ้มด้วย น่ารักโครตๆๆๆๆๆๆๆๆ
"ขอนอนตักหน่อยสิ ง่วงอ่ะ" พอลบอกผมโดยที่ไม่รอคำตอบอะไรเลย นอนที่ตักผมทันที
"เฮ้ย...."ผมก็ทำอะไรไม่ได้ก็ปล่อยเลยตามเลย
"เดี๋ยวจารย์ก็ว่าหรอก" ผมพูดขึ้น
"ถ้าว่าคงว่าไปนานแล้ว จริงมั้ยดูดิทั้งห้องไม่เห็นตั้งใจเรียนเลยซักคน"พอลตอบมาทำให้ผมเถียงไม่ขึ้น
"อืมจริงดินะ" ผมตอบ
ในขณะที่พอลนอนตักผมน่ะ เค้าไม่รู้ตัวหรอกว่าผมคิดอะไรเข้าข้างตนเองไปมากมายแค่ไหน(ไม่ใช่เรื่องทะลึ่งนา)แต่ผมทำหน้าเฉยๆไม่ได้ทำพิรุดให้เค้ารู้ เค้าเองก็นอนเฉยๆ จิตใจผมตอนนั้นน่ะ มันคิดไปไกลกว่าเพื่อนแล้วล่ะ เหอๆ แต่ก็ได้แค่คิดอ่านะทำไรไม่ได้หรอก ผมรู้สึกดีใจมากกว่าที่เค้ามานอนตัก แบบว่าแค่นี้ก็มีฟามสุขมากแล้ว ประมาณนั้นน่ะ จนกระทั่งหมดคาบเรียนผมก็บอกให้พอลลุกขึ้นได้แล้ว
"พอลๆ เฮ้ย ลุกได้แล้ว หมดคาบแล้วล่ะ"ผมบอก(ที่จริงอยากให้นอนไปอย่างงั้นอ่ะแหละอิอิ)
"อืม ขอบใจที่ให้ยืมเป็นหมอนนะ" พอลขอบใจผมแล้วก็ยิ้มให้ ด้ยหน้าตาที่สุดๆอ่ะ น่ารักมากๆ
"อืม"ผมตอบได้แค่นั้นอ่ะ ทำไรไม่ได้
"เอ่อ แก้ว สอนข้อนี้หน่อยสิ ทำยากว่ะ จารย์ก็สอนไม่รู้เรื่องเลย"ผมบอกแก้วให้สอนแบบฝึกหัดที่อาจารย์วิชาคณิตศาสตร์สอนแบบงูๆปลาๆ
"อืมก็นี่ไง เอามาแก้สมการก่อนแล้วค่อยเขียนกราฟ"แก้วค่อยๆตอบผม
ในขณะนั้นผมเองก็ไม่รู้ตัวหรอกว่ามีคนๆนึงที่แอบมองผมอยู่ และแล้ว
"อาร์ท สอนเรามั่งดิ ที่เมื่อกี้แก้วสอนอ่ะ บอกมั่งดิ"พอลเดินมาถามผมพร้อมกับเบียดๆนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกะผมแล้วมือก็คล้องคอผมอ่ะ
"อืมก็นี่ไง ตามนี้แหละ"ผมตอบตรงๆเลย
"แล้วก็เอามือออกเถอะน่า มันอึดอัดอ่ะ" ผมบอกเค้าไป(ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเล่นตัวด้วยนะเราเนี่ย)
"เอ่อ...จริงสินะโทดทีลืมตัว"พอลพูดแล้วก็ยิ้ม
"อืมไม่เป็นไร"ผมตอบตามมารยาท
เมื่อหมดคาบเรียนก็เป็นเวลาของอาหารกลางวันซึ่งผมก็ต้องไปนั่งโต๊ะเดิมที่จับกลุ่มเอาไว้
"อาร์ท ห้องแกเรียนเป็นไงมั่งอ่ะ คาบแรกให้งานมั่งป๊ะ"บอลถามผมตามประสา
"ก็ดีอ่ะ ให้แนะนำตัวนะแล้วก็คุยกะเด็กเรื่อยๆไม่ค่อยให้งานหรอก"ผมก็ตอบไป
"เอ้ย ดูดิแกงชามนี้มีทรายด้วยอ่ะ ถุ้ย!"บอลตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
"จริงด้วยอ่ะ ไม่เอาละ เราไม่กินแกงชามนี้แล้วอ่ะแหวะ"ผมพูดออกมา
"อ้าว แล้วจะไปไหนล่ะอาร์ท"บอลถามผมเมื่อผมทำท่าลุกขึ้น
"ิไปกินน้ำอ่ะ เดี๋ยวมา"แล้วผมก็เดินออกไปข้างหลังเพื่อไปกินน้ำ
"เป็นไงมั่ง กินข้าวอร่อยมั้ยอาร์ท"มันเป็นเสียงที่คุ้นหูพอสมควรที่ทำให้ผมต้องหันไปใช่ พอลนั่นเอง
"ก้ดีอ่ะ แต่ในแกงมีทรายด้วย ไม่น่ากินเอาซะเลย" ผมตอบไปพร้อมกับทำหน้า อี้
"เหรอ ไม่ไหวเลยนะงั้นก็คงกินไม่อิ่มน่ะสิ"พอลถามผม
"คงงั้นอ่ะ แต่ชั่งมันเหอะน่าไม่ค่อยหิวอยู่แล้ว"ผมตอบ
"ไม่ได้!"พอลตะโกนออกมาทำให้ผมตกใจ
"อะ อะไรอ่ะ เป็นไรทำไมไม่ได้ล่ะ"ผมตกใจมาก
"เอ่อ..ขอโทดที ก็อาร์ทกินไม่อิ่มนี่ งั้นเราให้นะ อ๊ะ"พอลยื่นนมให้ 1 กล่องแล้วยิ้มแบบน่ารักโครตๆอีกแล้ว
"อ้าว แล้วพอลไม่กินเหรอ" ผมถาม
"ไม่เป็นไรอ่ะ เราอิ่มแล้ว"พอลตอบ
"ขอบใจ"ผมจึงรับมาเพราะมันไม่อิ่มจริงๆนินา
ช่วงบ่ายก็น่าเบื่ออีกแล้วเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาหลักของร.ร.นี้เลยก็ว่าได้นะ ผมก็เรียนไปตามเรื่อตามราวเหมือนคนอื่นๆ
"อะไรนะต้องเขียนการทดลองเองหมดเลยเหรอ"ผมเผลอตะโกนขึ้นมา
"อะไรยะ ทำไมมีปัญหารึไง"อาจารย์ประจำวิชาตะโกนขึ้น เสียงโครตดุเลย หน้าตาก็ดูใสซื่อดีนะ ใส่แว่น อายุ 30 ต้นๆเองแต่แม่งดุชิบหาย
"เอ่อ...ป่าวคับ"ผมตอบอย่างเอ๋อเลย
"อืม ดี งั้นก็ทำไปสิ"จารย์ตอบ
"คับ"ผมก็ตอบรับพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาทำงานไป
"อาร์ท เป็นไงเกือบโดนอาจารกินซะแล้ว อิอิ"แก้วแซวผม
"ก็เกือบอ่ะนะ แหะๆ "ผมหัวเราะแบบแหยะๆไป
"เอาล่ะทำงานต่อเหอะ เดี๋ยวไม่เสด"แก้วพูดต่อ
"อืม"ผมตอบ
ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปเรื่อยๆ งานทดลองวิทย์เนี้ยนะ มันก็ไม่ยากอย่างที่คิดหรอก เพียงแต่มันน่าเบื่อเท่านั้นเอง เพราะเวลาทดลองต้องทำซ้ำๆหลายๆครั้งเพื่อให้ได้ผลการทดลองออกมาที่แน่นอนอ่ะนะ
"่ว่างัยอาร์ท ทำได้มั้ย"อยู่ๆพอลก็พูดจากด้านหลัง
"อ้าว พอลเองเหรอ อืมก็พอได้อ่ะ"ผมตอบ
"เหรอ เมื่อกี้ทำอะไรอะ อยู่ๆก็ตะโกนขึ้นมา ดีนะที่เป็นคาบแรกไม่งั้นเราว่าอาร์ทโดนจารย์คนนี้แยกชิ้นส่วนไปแล้วล่ะ"พอลพูดแซมมุขตลกเล็กน้อย
"ไม่มีไรหรอก สงสัยเผลอหลับไปแล้วละเมอมั้ง"ผมก็ตอบแบบๆม่ค่อยสนใจ
"เอ่อ...อาร์ท คือว่า เย็นนี้ว่างรึป่าวอ่ะคับ"พอลพูดกับผมแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน(ต้องมีไรแน่เลยอ่ะ)
"เย็นนี้เหรอ อืม อืม ว่างมั้ง ทำไมเหรอ" ผมก็ตอบโดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกัน
"จริงเหรอ งั้นไปกินขนมกับเรานะ ได้มั้ย" พอลถาม
"หา กินหนมเนี้ยนะ"ผมตอบแบบตกใจ
"มัยล่ะ"พอลสงสัยที่ผมตกใจ
"ป่าวๆ ไปก็ได้"และแล้วก็ตอบไป
"จริงนะ ขอบคุณมากคับ" พอลพูดจบก็ยิ้มน่ารักทำให้เราค้างอยู่ตรงนั้นอ่ะ ในขณะที่พอลทำท่าดีใจวิ่งออกไปนอกห้องแล้ว
เมื่อเรียนเสดผมก็ลงมาข้างล่าง ลืมสนิทเลยว่านัดกับพอลว่าจะกินขนมด้วยกัน แย่จริงเราเนี่ย แล้วเมื่อผมลงมาข้างล่างอาคาร เสียงท่คุ้นกันอยู่ก็ตะโกนขึ้นว่า
"อาร์ทๆ รอเราด้วย"เสียงพอลนั่นเอง
พอลวิ่งมาเร็วมากผมก็ไม่ค่อยได้ยิน แล้วทางมันก็ลื่นและแคบด้วย เมื่อผมหันไปและหยุดเดิน ประจบเหมาะกับพอลวิ่งมาอย่างเร็วทำไมให้ผมล้มลง (พอลชนเข้าอย่างจังเลย)
"โอ๊ย!เจ็บ "ผมตะโกนขึ้น
"อาร์เป็นไรรึป่าว เอ่อ...ขอโทดนะ"พอลยื่นมือให้ผมจับเพื่อที่จะลุกขึ้น
"ไม่อ่ะเจ็บนิดเดียวเดี๋ยก็หายแล้วล่ะ" ผมบอก
"เราขอโทดจริงๆนะ พอดีมัน.."พอลก็พูดขอโทดสารพัดพร้อมทำหน้าเสียๆ
"เอาน่าช่างเหอะ ไม่เป็นไรหรอก"ผมก็ปัดไป
"อืม ขอบคุณมากคับ เอ๊ะ...มีฝุ่นเกาะที่หน้าอาร์ท"พอลพูดพร้อมกับเอามือมาลูบที่หน้าผม
"ขอบใจนะ"ผมก้พูดขอบใจ แต่ความรู้สึกนี่สิ มันแปลกๆนะเริ่มมีอะไรบางอย่างซะแล้ว
"เอาเป็นว่าเราเลี้ยงขนมอาร์ทดีกว่านะ เป็นการขอโทษไง"พอลพูด
"ไม่ต้องหรอก"ผมปฏิเสธ
"น่าให้เราเลี้ยงเถอะ" แล้พอลก็ดึงกระเป๋ากับแฟ้มผมไปถือให้แล้วิ่งมุ่งตรงไปยังสหกรณ์ที่ขายขนมทำให้ผมต้องตามไป
"ตามมานะคับ"พอลตะโกนมา
"เห้ย...เอากระเป๋ามานะ"ผมตะโกนแล้ววิ่งตามไปในที่สุด
ผมก็วิ่งไปที่สหกรณ์เพื่อตามหาพอล ที่จริงไม่ได้อยากกินหนมซักเท่าไรหรอก อยากเอากระเป๋าคืนมากกว่า พอไปถึงก็มองหาอ่ะคับ แต่ไม่เห็นเจอเลยผมก็เลยไปนั่งรอที่เก้าอี้ข้างสหกรณ์
“เป็นไง แค่นี้จะอิ่มมั้ยอาร์ท” พอลนั่นเอง เค้าซื้อขนมมายังกะจะเอามาขาย
“เห้ย ซื้อทำไมเยอะล่ะ แล้วจะกินหมดเหรอ “ผมพูดดุหน่อยๆ
“น่า กินหมดอยู่แล้วล่ะ ยังไงเราก็ไม่อยากให้อาร์ทกินไม่อิ่มนี่”พอลพูดเหมือนสำนึกผิดไงงั้น
“ถามอะไรหน่อยสิพอล ทำไมถึงเลี้ยงหนมเราล่ะ”ผมถามด้ยความสงสัย
“ก็
.เอ่อ ไม่รู้สิ สงสัยรวยมั้ง” เค้าตอบกวนอย่างแรงทำให้ผมต้องแกล้งเค้าคืนโดยการเอาขนมปาใส่หน้า(เป็นปาปิก้า)
“555 อยากรู้จริงเหรอ” เค้าถาม
“อืม ก็ใช่อะดิ อยากรู้” ผมเซ้าซี้
“ยังไม่บอก เดี๋ยวอาร์ทก็รู้เองแหละ” และแล้เค้าก็ไม่บอกผม
จากนั้นผมก็ได้กลับหอพัก เพราะเหนื่อยกับการเรียนของววันนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้เรียนอะไรก็เหอะ มัรรู้สึกเพลียๆบอกไม่ถูก แล้ผมก็นอนหลับลงบนเตียงประจำของผม รู้สึกว่าจะหลับไปนานมากๆเลย เพราะบอลมันมาเรียกก็ตอน 5 โมงกว่าๆ แล้วผมหลับไปตั้งแต่ 3 โมงครึ่ง
“เฮ้ย อาร์ท ตื่นได้แล้วล่ะไปข้างล่างกัน”บอลปลุกผม
“อืม ม ม แป๊ปนึง”ผมยังคงหลับอยู่
“โอ๊ย ตื่นได้แล้วน่า นอนทำไมนักหนาเดี๋ยวคืนนี้ก็ได้นอนอยู่ดีนั่นแหละ” บอลพูดเสียงดัง
“ลงไปคนเดียวเหอะ อยากนอนอ่ะ”ผมยังไม่ฟัง และนอนต่อในที่สุด
“ตามใจ” บอลพูดจบแล้วก็เดินลงจากหอพักไป
ผมก็นอนหลับต่อ อีกไม่นานประมาณ 10 นาทีก็รู้สึกเหมือนมีคนเรียกอีกรอบนึง ทำให้ผมลืมตาขึ้นมาดู
“ตื่นได้แล้วคับอาร์ท นี่ได้เวลากินข้าวเย็นแล้วล่ะ” เสียงพอลนั่นเอง
“อืมๆ แป๊ปนึง”ผมยังจะนอนต่อ
“ไม่ได้ๆ ตื่นเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวโดนอาจารย์ว่าหรอก” พอลไม่พูดอย่างเดียว ยังเอามือมาดันๆให้ผมตื่นอีก น่ารำคาญชะมัด
“เอ้า ตื่นก็ตื่น “ผมพูดด้วยเสียงที่สะลึมสะลือ(เขียนไม่ถูกเลย)
“ในที่สุดก็ตื่นซะทีนะ เอาล่ะ เราว่าอาร์ทรีบไปล้างหน้าก่อนเถอะ จะได้ไม่ง่วงอีก” พอลสั่งผมหยั่งกะเป็นแม่แน่ะ คนอะไรไม่รู้วุ่นชะมัดยากเลย
“เออๆน่า เฮ้อ
นายอ่ะนะเจ้ากี้เจ้าการจังเลยนะ เรารู้ตัวเองดีน่านายไม่ต้องยุ่งมากหรอก” ผมเผลอพูดออกไปโดยไม่ทันคิดให้ดี ลืมนึกถึงความรู้สึกของคนที่ฟังอยู่
“งั้นเหรอ เราขอโทษด้วยคับ ทีหลังเราจะไม่ยุ่งเลยนะ โอเคมั้ย อาร์ทจะได้สบายใจ”พอลพูดด้วยความเสียใจ ทำไงได้ล่ะ ผมเพิ่งตื่นนอนนินา อารมณ์มันก็แบบนี้แหละ
“อืมก็ดีเหมือนกัน เราว่านายลงไปกินข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวเราไปทีหลังเองได้ แล้วขอบใจที่ปลุก” ผมยังไม่รู้สึกผิด
“ได้คับ งั้นเราไปล่ะ ขอโทดอีกครั้งนะ” พอลพูดเสดก็ออกจากหอลงไปที่โรงอาหารอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นผมก็จัดเจงล้างหน้าให้เรียบร้อยแล้วก็ปิดไฟปิดพัดลมเพื่อเตรียมตัวลงไปที่โรงอาหารรับประทานอาหารเย็นของวันนี้ รู้สึกว่าจะมีน้ำพริกอ่อง โอโห ของโปรดนะเนี่ย ไม่รู้ที่นี่จะทำอร่อยสู้ยายผมได้มั้ยน้า แล้วผมก็ลงไปหน้าโรงอาหารพอมาถึงก็โล่งอกไปนึกว่าเค้าเข้าโรงอาหารกันหมดแล้ว แต่ความจริงยังเลย ผมมาเจอบอลกับนันนั่งซุบซิบอะไรกันไม่รู้เพราะมองจากไกลๆ ท่าทางเคร่งเครียเลยก็เลยวิ่งเข้าไปหา
“เป็นไง ตื่นได้แล้วรึ เจ้าชายนิทรา” นันแซว
“ก็มีคนไปปลุกน่ะ ไม่งั้นเราคงไม่ตื่นง่ายๆหรอก พูดไปก็น่าโมโหนะนอนอยุ่ดีๆมาปลุกทำไมก็ไม่รู้” ผมพูด
“เอ๊
แกนี่ ยังไงกันนะ คนเค้ามาปลุกก็ดีแล้ว ยังจะไปว่าอีก ดีกว่าปล่อยไม่รู้อะไรอยู่ในหอไม่ใช่เหรอ” นันพูดเชิงว่าผม
“นั่นสิ ไอ้อาร์ท แล้วว่าใครเป็นคนปลุก หรือว่าไม่ได้สนใจ” บอลถามผม
“รู้สึกจะเป็นพอล” ผมตอบธรรมดา
“พอลที่น่ารักๆ หล่อๆอ่ะเหรอ ใช่มั้ยอาร์ท” นันจ้องเอาคำตอบให้ได้
“อืม ทำไม” ผมก็ตอบแบบธรรมดา
“เอ้า ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ” แก้วกับแป้งพูดพร้อมกันในขณะที่เพิ่งเดินออกมาจากที่กินน้ำ
“ก็ไม่มีไรหรอกย่ะ คุยไปเรื่อยเปื่อย” นันตอบ
“เอ่อ นิแกชั้นเห็นหนุ่มหล่อ&น่ารัก นามว่าพอล ที่ตรงที่ดื่มน้ำด้วยแหละ อิอิ น่ารักซะไม่มี” แป้งบอก
“ไม่เห็นจะน่ารักเลย” ผมพูดเบาๆ
“อะไรนะ”ทุกคนหันมาที่ผมคนเดียวเลย
“เอ่อ ป่าวๆ ไม่มีไร” ผมบ่ายเบี่ยง
“แต่ที่ชั้นเห็นนะ พอลกำลังนั่งเครียดๆอยู่น่ะ ซึมๆด้วยแหละ ไม่รู้เป็นอะไรมา เราเข้าไปถามว่าเป็นอะไร เค้าก็ไม่ตอบด้วยยสิ” แก้วพูด
“สงสัยพอลเค้ากลัวมั้ย ยัยแก้ว” นันพูดแซว
“ใช่ๆ แน่ๆเลย”บอลช่วยเสริม
“ต๊าย ไม่ใช่หรอกย่ะ อย่างพอลน่ะเหรอจะกลัวสาวน้อยน่ารักหุ่นขาว สวย หมวย sex เอ็ก อึ๋ม อย่างชั้นได้ลงคอ ไม่มีทางซะหรอก” แก้วโปรโมทตัวเองเต็มที่
“ 555 ยัยแก้วเอ๊ย” บอลขำ
“ทำไมยะบอล เดี๋ยวเหอะ มาขำชั้น” แก้วว่า “แต่จริงๆนะ หน้าพอลดูเศร้าและก็เครียดมากเลย เหมือนกับผิดใจกับใครมาก็ไม่รู้ ดูไม่มีความสุขเอาซะเลย ผิดกับปกตินะ อยุ่ในห้อง พอลจะขี้เล่นอารมณ์ดีมากกว่า จริงมั้ยอาร์ท” แก้วพูดแล้วถามผม
“
” ผมเงียบ
“จริงมั้ยอาร์ท” แก้วตะโกน
“เอ่อ
ก็คงจริง” ผมตอบแบบเบื่อโลก
“เป็นไรอ่ะ เมื่อกี้เหม่อเหรอ” บอลถาม
“ป่าวๆไม่มีไร เออ ไปกินข้าวกันเหอะ มีน้ำพริกอ่องนินา น่ากินมากๆ” ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง พร้อมกับเดินเข้าไปในโรงอาหารและขวักมือเรียกเพื่อนๆ โดยที่ไม่คิดอะไรมากซักเท่าไรนัก
แล้วผมก็กินข้าวไปตามปกติ มื้อนี้เป็นน้ำพริกอ่อง แล้ก็ต้มจืด อร่อยมากเลย ผมกินไปเยอะทีเดียว จากนั้นกินเสดก็กลับหอ ไปอาบน้ำ ตามปกติไม่มีอะไรแล้วเวลาที่เหลือก็เป็นเวลาที่ทำอะไรก็ได้ซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนต่างก็รอคอยมานาน ผมอาบน้ำเสดเป็นพวกแรกๆ แล้วก็ลงมาข้างล่างหอพัก มันจะมีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับ ให้นักเรียนนั่งอ่านหนังสือ ผมก็เอาการบ้านขึ้นมาอ่านดูเรื่อยๆ การบ้านก็คือ ตารางผลการทดลองวิทยาศาสตร์ของวันนี้ที่เพิ่งทำไปนั่นเอง มันยากพอสมควร แต่ผมก็พอๆทำได้ตามความเข้าใจของตนเอง เขียนไปได้ซักพัก คนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ดูไม่ค่อยเป็นส่วนตัวแล้ว ผมก็ไม่ค่อยสนใจ ยังนั่งทำต่อไป จนสังเกตเห็นในที่สุดว่าโต๊ะข้างๆคือพอลนั่นเอง ผมก็นั่งทำงานต่อๆไปเรื่อย จนกระทั่งมาถึงการสรุปผลการทดลอง ทำไมมันยากอย่างนี้ก็ไม่รู้ จึงตัดสินใจลุกขึ้นไปถามพอล โดยลืมไปเลยว่าก่อนหน้านั้นเพิ่งบอกเค้าว่าอย่ามายุ่ง
“พอล โทดนะ ไอ้การทดลองนี้อ่ะ สรุปยังไงเหรอ เราทำไม่เป็น สอนหน่อยดิ”ผมก็ถามไปธรรมดา
“
” เงียบ
“ก็ตารางเป็นยังไงก็สรุปตามนั้นอ่ะ ที่จริงอาร์ทก็เก่งไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นต้องถามคนอย่างผมเลย” พอลตอบซะยาวเหยียด(ไม่ค่อยจะตรงคำถามซะเท่าไร) จากนั้นก็เดินออกจากตรงนั้นไป
“เดี๋ยวสิ เราทำไม่เป็นจริงๆสอนหน่อย” ผมเดินตามพอลไป(ให้ตาย คนอะไรก็ไม่รู้ โครตหล่อเลย ใจจะละลาย)
“
”เงียบ
“พอล เป็นไรไปเนี่ย ทำไมไม่ตอบเราล่ะ” ผมถามพอลในขณะที่เดินมาถึงข้างๆหอพักแล้วซึ่งค่อนข้างจะเงียบเพราะไม่มีคนมาเท่าไร
“ผมเนี่ย คงไม่มีความหมายพอที่จะสมควรมายุ่งกับอาร์ทหรอกคับ ขอโทดด้วยนะ” เสียงพอลเศร้ามากๆ ผมเพิ่งนึกออกเรื่องเมื่อเย็นที่พอลมาปลุกผมแล้วผมว่าเค้าไป
“เราขอโทด พอล นายคงโกดเราที่ไปว่านายเมื่อเย็นสินะ เราขอโทด” ผมขอโทดเค้า
“อาร์ทไม่ผิดหรอก เราต่างหากที่ไม่สมควรไปยุ่งกับอาร์ทตั้งแต่แรก” พอลพูด
“ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะ เราเรียนห้องเดียวกันนะ แล้วจะไม่ให้ยุ่งเลยได้ไง เรื่องที่เราว่านายเมื่อเย็นว่าอย่ามายุ่ง เป็นเพราะเราเพิ่งตื่นนอน อารมณ์เสียไปงั้นแหละ “ผมแก้ตัวใหญ่เลย
“ คงไม่หรอก เรารู้ตัวดี” พอลยังคงงอนอยู่
“นะพอล เราขอโทด ให้เราทำไรก็ได้ เพื่อให้นายหายโกด เราจะทำ” ผมพูดยื่นข้อเสนอไปให้
“จริงนะ” พอลเริ่มยิ้มออกมาหน่อยๆ (เท่ห์โครต)
“อืม จริงสิ” ผมตอบ
“งั้น เราจะขอ
” พอลพูดเชิงสร้างความสงสัยให้กับคนที่คุยด้วย
“อะไรล่ะ”ผมถาม
“ขอยุ่งกับอาร์ทต่อไปนะ ได้รึป่าว” พอลยิ้มเต็มๆเลย (ผมแทบจะละลายในรอยยิ้มของพอลอยู่แล้ว)
“ได้อยู่แล้วแค่นี้เอง แล้วเลิกงอนเรานะ สัญญา” ผมก็ยิ้มตอบ
“คับผม “ พอลยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวผมเพื่อเป็นการตกลงในสัญญานั้น เหมือนเด็กๆเลย
“เอาล่ะ งั้นมาสอนการบ้านเราต่อได้แล้วสิ” ผมถามพอล
“คร้าบบบ รับทราบ” พอลตอบอย่างน่ารัก
“เอาล่ะ ไปนั่งที่เดิมเหอะ ตรงนี้ยุงกัด” ผมบอก
“เหรอ ก็ได้ๆ ว่าแต่ยุงกัดตรงไหนล่ะ ขึ้นเป็นเม็ดรึป่าว เดี๋ยวทายาให้เอามั้ย” พอลพูดแบบกวนๆ
“พอๆ ไม่ต้องยุ่งน่า ยุงกัดแค่นี้ ไม่ตายหรอก” ผมพูดพรางเดินมาจากที่ตรงนั้นเพื่อเดินกลับไปนั่งที่ทำกาน้านเหมือนเดิม
“อ้าวอาร์ท ไหนสัญญาแล้วไง ว่าจะให้เรายุ่งได้ เพิ่งพูดไปเมื่อกี้เองนะอย่าลืมสิคับ” พอลพูดย้ำ
“ก็ใช่นะ แต่ไม่ต้องถึงขนาดนี้หรอกน่า มันเวอร์ไปมั้ง” ผมพูดแล้วหัวเราะเล็กน้อย
“ไม่เวอร์ไปหรอก เรายินดีทำให้นะ “ พอลยืนยัน
“เอาเหอะ ไปสอนการบ้านเราดีกว่านะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“ไปสิ” พอลตกลง
ในที่สุดก็ผ่านไปอีกวันนึง ซึ่งเมื่อเป็นขณะนั้นที่ผมอยู่ร.ร.ผมรู้สึกได้ว่า 1 วันเป็น 1 ปีเลยทีเดียว เพราะมันเบื่อมากๆ ไม่ค่อยมีอะไรทำเลย เซ็ง สงสัยเป็นเพราะผมยังเป็นเด็กใหม่อยู่ล่ะมั้ง วันต่อมาผมตื่นนอนด้วยความง่วง ยังไม่พร้อมที่จะตื่นเลย แต่ก็ตื่นแล้ว ไม่ค่อยมีอารมณ์ทำอะไรซักเท่าไร วันนี้เป็นวันที่อาจารย์ปลุกเช้ากว่าทุกวันเลย ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับทำภารกิจส่วนตัวเสร็จในเวลาที่ไม่นานนัก จากนั้นก็ลงมากินข้าวแล้วก็ไปที่อาคารเรียนเพื่อรอเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ จากนั้นก็เข้าห้องพบอาจารย์ที่ปรึกษา และนั่นเองทำให้ผมได้อายในห้องเป็นที่สุด
“แก้ว ทำการบ้านเสดยัง ที่อาจารย์สั่งให้สรุปผลการทดลองของเมื่อวานอ่ะ” ผมถามแก้ว
“อ๋อ เสดแล้วล่ะ แล้วอาร์ทล่ะ ทำได้ป่าว เห็นบ่นว่ายากนักนินา” แก้วถามผมตอบ
“ อืม เสดแล้วมีพอลช่วยสอนก็เลยเข้าใจน่ะ” ผมตอบไปธรรมดา
“ก้ดีนะ จะได้เข้าใจมากขึ้น” แก้วบอก
“ใช่ แล้วคับผม อย่างงี้ต้องให้รางวัลคนสอนหน่อยละน้า” พอลพูดมาจากข้างหลังด้วยสีหน้าที่แสดงให้เห็นว่าอารมณ์ดี
“โห ให้สอนแค่นี้ทำมาทวงน้า”ผมพูด
“ก็มันต้องมีบ้างน่า นะนะ” พอลทวง
“จะเอาอารายล่าาา” ผมก้พูดแบบเซ็งๆ
“เอ
.อะไรดีน้า “ พอลทำท่านึก (เท่ห์อย่างแรงเลยอ่ะ)
“นึกนานนักไม่ต้องเอาละกัน”ผมบอก
“อะไรกันคับ ไม่ได้ๆ ต้องให้เวลานึกหน่อยสิ” พอลพูดกวนๆ
“นึกได้มาบอกละกัน ห้ามขออะไรที่มันยากนะ” ผมบอกแล้วเดินออกไปนอกห้อง
จากวันนั้นผมก็ไม่ค่อยได้คิดอะไรมากนัก ไม่ได้คิดว่าพอลจะขออะไรมากมาย คิดว่าคงพูดเล่นไปอย่างนั้นเอง ชีวิตประจำวันของผมนั้นมันก็เป็นไปตามปกติเหมือนคนอื่นทั่วไป ไม่ได้แสดงออกมากมายให้ใครเห็นว่าเป็นเกย์ หรือมีรสนิยมที่ชอบผู้ชายด้วยกัน ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนมาเรื่อย
จนกระทั่งถึงการสอบปลายภาค ผมรู้สึกว่าผมพร้อมแล้วกับการสอบัดผลครั้งนี้ ตั้งใจไว่าจะทำให้สมกับความเหน็ดเหนื่อยที่เรียนมาและที่อ่านหนังสือทบทนตอนกลางคืนที่หอพัก และบอกกับตัวเอง่าจะไม่ยอมแพ้ใครด้วย การสอบครั้งนี้อาจารย์เข้มงวดมาก ขยับตัวนิดเดียวไม่ได้เลย แล้วที่นั่งสอบก็อยู่ห่างกันด้วย ยากมากที่จะลอกข้อสอบกันได้
ผมเองก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไปตามความเข้าใจของตัวเอง มั่วบ้างนิดหน่อย บางวิชาก็ทำได้เพราะง่ายสำหรับผมเช่นวิชาภาษาอังกฤษ แต่วิชาที่ยากนี่สิ คณิตศาสตร์เลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้นะ ก็ทำได้อ่ะคับ แต่มันยาก เมื่อสอบเสร็จ จะเป็นการรวมกลุ่มของนักเรียนที่มานั่งบ่นกันว่าข้อสอบยากอย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็อีกคนนึงที่มาร่วมในการบ่นกับเพื่อนๆด้วย
“ข้อสอบยากว่ะ ชั้นทำได้นิดเดียวเอง” แป้งบ่นใหญ่เลย
“ของชั้นนะ อาจารย์โหดกว่าเยอะเลย แกไม่อยู่ห้องชั้นน่ะไม่รู้ไม่อะไรหรอกน่า อาจารย์จะกินนักเรียนอยู่แล้ว จริงมั้ยอาร์ท” แก้วในผมออกความคิดเห็นด้วย
“ อืม ก็จริงนะ มันยากแล้วอาจารย์ก็คุมเข้มจริงๆแหละ” ผมตอบตามความจริง
“ใช่ๆ ห้องเราก็คุมโหดนะ เกือบซวยแล้ว เพราะเราหันไปมองเพื่อนข้างๆ” บอลร่วมด้วย
“ใช่ๆ ชั้นนะ ไม่เข้าใจเล้ย ออกข้อสอบยังไงก็ไม่รู้นะเนี่ย ให้เด็กมึนอยู่เรื่อยเลย เฮ้อ
” นันพูดพรางถอนหายใจยกใหญ่
“เกินไปม้างยัยนัน หล่อนก็ทำได้นินา ชั้นยังไม่เห็นหล่อนบอกว่าทำไม่ได้เลยนะ” แก้วบอก
“ นั่นสินะ ชั้นว่าถึงจะยากแค่ไหน แกก็ทำได้สบาย” แป้งสมทบ
“ก็เก่งๆกันทุกคนนั่นแหละ มีเราอ่ะโง่คนเดียว”บอลพูดด้วยอารมณ์ขัน
“ไม่หรอกน่า” เพื่อนๆทุกคนพูดพร้อมกัน
“เอ่อ
ขอโทดนะคับ คุยอะไรกันเหรอ” เสียงนี้อีกแล้ว พอลนั่นเอง มาพร้อมเสียงและหน้าตาที่สุดจะเท่ห์
“อ๋อ เรากำลังคุยเรื่องข้อสอบอยู่ค่ะ มันยากเหลือเกิน” แป้งเริ่มพูดคนแรกพร้อมกับมองหน้าพอลไม่กระพริบ
“ใช่ค่ะ พอลคงทำได้หมดเลยล่ะสิท่า น่าจะเก่งนะคะเนี่ย อิอิ” นันเริ่มเอาด้วย
“ต๊าย พวกนี้มันตอแหลนะพอล ที่จริงมันทำได้แล้วทำเป็นพูดว่าทำไม่ได้ ว่าแต่พอลเหนื่อยมั้ยจ๊ะ” แก้วพูดพรางกระเถิบเข้าไปใกล้พอล
“อ่อ คับๆก็พอทำได้นะ มันก็มีบากง่ายผสมกันไป” พอลพูดออกแนววิชาการเล็กน้อยแต่สายตากะล่อนเชียวล่ะ
“นายเก่งนี่พอล แต่รู้สึกว่าแก้วจะใกล้พอลเหลือเกินนะ 555” บอลพูดแล้วอดที่จะหัวเราะไม่ได้
“ทำไมยะ คนมันหล่อนินา จริงม้า” แก้วเถียงแล้วก็เริ่มขยับตัวออกห่างจากพอลเพื่อจะให้ดูไม่น่าเกลียดเกินไป
“แล้วอาร์ทล่ะ เป็นไงมั่ง ทำข้อสอบได้มั้ยล่ะ” พอลถามผมพร้อมกับเดินมาหา
“ก็ได้บ้าง เฮ้ย เดี๋ยวเราขอตัวไป กินน้ำก่อนนะ” ผมพูดโดยที่ไม่มองหน้าพอลแล้วก็เดินไปกินน้ำ(ที่จริงกินน้ำมันเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น)
“เดี๋ยวสิอาร์ท” พอลพูด แต่ก็ไม่ทันซะแล้วผมเดินออกมาอย่างเร็ว อาร์ทก็มองผมด้วยสายตาสงสัย
มันรู้สึกแปลกๆยังไงบอกไม่ถูกเวลาผมเห็นพอลอยู่ใกล้คนอื่น เหมือนกับเราหวงเหรอ(ไม่รู้สิ) แต่ที่ทำได้มากสุดก็แค่มองเฉยๆน่ะแหละ แล้วทำไมผมต้องเดินหนีเค้าด้วยนะ เป็นอะไรไปนะเรา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันเนี่ย ผมเดินมาที่ดื่มน้ำตรงบริเวณใต้อาคารเรียน ก็ไม่ได้กระหายมากเลย แต่ก็ดื่มๆไป บอกเพื่อนว่ามาดื่มน้ำแล้วนี่นา ผมดื่มน้ำเสร็จมองไปที่ห้องก็เห็นเพื่อนๆกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน(เพื่อนั่งคุยกันหน้าห้องน่ะคับ) ตอนนี้ผมรู้สึกยังไม่อยากกลับห้องเลย ก็นั่งคิดไรไปเรื่อยๆสักพัก
“เป็นไรอะไรรึป่าวอาร์ท เมื่อกี้ที่เราเรียกทำไมไม่หันล่ะ” อาร์ทเดินมาหาผมแล้วนั่งลงพูดด้วย
“ป่าวนี่” ผมตอบสั้นๆ
“ ป่าวอะไรกัน เมื่อกี้เห็นทำหน้าไม่ค่อยดีเลย มีอะไรก็บอกเราได้นะ สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ ที่จะให้เรายุ่งเรื่องของอาร์ทน่ะ” พอลยังเซ้าซี้ผมไม่เลิก
“บอกว่าป่าวไง ไม่มีอะไร” ผมหันหน้าไปทางอื่นไม่กล้ามองหน้าพอล ทำไมนะ
“ทำไมไม่หันหน้ามาคุยกับเราล่ะ หันหลังให้เราแล้วจะคุยรู้เรื่องเหรอ” พอลบอก
“มีอะไรก็พูดมาเหอะน่า” ผมรีบพูด
“อาร์ทก็หันมาคุยกับเราดีๆสิ” พอลยังจะให้ผมหันไปให้ได้
“นี่นายถ้าไม่พูดมาเนี่ย เราจะไปแล้วนะ” ผมลุกขึ้นแล้วกำลังจะเดินกลับห้องเรียน
“เดี๋ยวก่อนคับ” พอลพูดพร้อมกับลุกขึ้นแล้วจับมือผมเอาไว้
“เจ็บนะ ปล่อย” ผมพูด
“เอ่อ เราขอโทด นายเจ็บมั้ยอาร์ท” พอลปล่อยมือผมแล้วขอโทด
“ช่างเหอะ มีไรก็รีบพูดมาสิ” ผมย้ำ
“ ก็ได้ อาร์ท นายเป็นอะไรรึป่าวที่ตอนคุยกับเพื่อนๆหลังสอบเสดน่ะ เห็นหน้าตาเศร้าๆไปนะ” พอลถามผม
“ ก็ไม่ได้มีอะไรนี่ แล้วนายล่ะมาที่นี่ทำไม ไม่คุยกับเพื่อนๆเหรอ เดี๋ยวเค้าก็แก้วถามถึงนายเอาหรอก เห็นคุยกันถูกคอดีนิ” ผมตอบด้วยสีหน้าที่เฉยๆ แล้วก็ไม่กล้ามองหน้าพอลอีกตามเคย
“ แต่เราอยากคุยกับอาร์ทมากกว่านี่” พอลพูด
“ทำไมล่ะ” ผมถาม
“เดี๋ยวซักวันนึงเราจะบอกละกัน” พอลยิ้มหน้าตาน่ารักมากๆ
“อืม” ผมแอบยิ้มในใจนะเนี่ย
“เอ๋
แต่ที่พูดเมื่อกี้น่ะ มันหมายความว่าไงกันน้า ผมจะคุยกับแก้วแล้วทำไมล่ะ” พอลจับผิดความรู้สึกผมได้แล้ว
“ก็ไม่ทำไมหรอก” ผมตอบ
“อาร์ทหึงเราใช่ม้า” พอลพูดทำเสียงที่เมื่อผมได้ยินแล้วรู้สึกอายมากขึ้น
“บ้าป่าว ใครจะหึงนาย หึงไปทำไม” ผมตอบด้วยความเขินมากๆ
“แน่ใจน้า” พอลซักอยู่นั่นแหละ
“ใช่อ่ะดิ จะหึงไปทำไมไม่ทราบ นายจะทำอะไรก็เรื่องของนายสิ เราไม่ใช่
.เอ่อ”ผมเผลอพูดออกมาแต่ยังดีนะเนี่ยที่พูดไม่จบ
“ไม่ใช่อะไรคร้าบ” พอลทำหน้าเจ้าเล่ห์จ้องจะเอาคำตอบผมให้ได้เลย
“ป่าวว” ผมตอบ
“ไม่หรอกม้าง ไม่ใช่อะไรเหรอ ไหนบอกมาซิ” พอลยังจะให้ผมตอบให้ได้
“เอ๊ะ บอกว่าไม่มีไรก็ไม่มีไรไง” ผมพูดแล้วเดินกลับห้องไปโดยเร็ว
“เย็นนี้ เจอกันที่หลังโรงยิม 6โมงเย็นนะ เรามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ” พอลตะโกนมา
ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร ใครจะกล้าตอบล่ะ เขินจะบ้าตายอยู่แล้ว ก็เค้ารู้แล้วนี่ว่าผมหึงน่ะ จะให้ทนอยู่ตรงนั้นเหรอ ทำไม่ได้นะ มันลำบากใจ แต่ผมกลับตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึง 6 โมงเย็นเร็วๆมากกว่า
“มาแล้วเหรอ ตรงเวลาดีนะ” พอลมารออยู่ก่อนแล้ว
“มีอะไรงั้นเหรอ” ผมถาม
“นั่งก่อนสิ” พอลบอกให้ผมนั่งลง
“มีไรล่ะ” ผมนั่งลงแล้วถาม
“ใจเย็นๆสิ ใจร้อนไปได้น่า นั่นไงมองดองอาทิตย์สิ เห็นมั้ยว่าแสงมันสวยมาก สามารถมองเห็นด้วยตาป่าวได้สบายเลยล่ะ” พอลพูดกับผมพร้อมชี้ไปที่ดวงอาทิตย์
“ก็เคยนะ บ่อยจะตายแปลกตรงไหนเนี่ย” ผมมองแล้วทำหน้าสงสัย ก็มันเห็นทุกวันนี่นาก็เหมือนเดิมเลยล่ะ
“ก็ต้องมองด้วยจิตใจที่ว่างป่าวสิห้ามคิดมาก” ให้ตายสิพอลโรแมนติกมากๆเลย
“ งั้นเหรอ ไม่ยักรู้” ผมก็ตั้งใจมองดวงอาทิตย์ปล่อยให้ใจว่างป่าว
“อืมก็สวยจริงๆนะ เอ้ย!” ผมมองแล้วก็ต้องตกใจเมื่อผมเห็นรูปดวงอาทิตย์เป็นรูปพอล
“เป็นอะไรไปรึป่าว” พอลถาม
“เอ่อ..ไม่มีไร” ผมปฏิเสธไป ด้วยความเขินอาย
“แล้วร้องเอ้ยทำไมล่ะ” พอลถาม
“ สงสัยคิดไรเพลินไปหน่อยมั้ง” ผมตอบ
“งั้นเหรอ แล้วเรื่องเมื่อตอนบ่ายหลังสอบเสดน่ะ หึงเราใช่มั้ยล่ะ บอกมาเถอะน่า” พอลถามจ้องจะเอาคำตอบอีกแล้ว
“บ้าน่า หึงอะไรกัน”ผมหันไปทางอื่นไม่กล้าสบตากับพอล
“เหรอ แน่ใจนะ” พอลย้ำ
“ทำไมล่ะ ก็ใช่น่ะสิ” ผมเริ่มสงสัย
“บอกตรงๆก็ได้ คือเราอยากให้อาร์ทหึงนะ” พอลยิ้มแล้วมือของพอลก็สัมผัสมาที่มือผม
“
” ผมเงียบเพราะอึ้งในคำพูดของพอล
“จริงๆนะ” พอลทำหน้าจริงจัง
“เหรอ” ผมพูดได้แค่นั้นจริงๆในตินนั้นมันคิดอะไรไม่ออกแล้วนินา
“อาร์ทคับ” พอลเรียกสติผมกลับมา
“อะ เอ่อ อะไรเหรอ” ผมถามด้วยเสียงอันสั่นๆเนี่ยแหละ
“ในความคิดของอาร์ทน่ะ คิดว่าความรักคืออะไรเหรอ” พอลถาม
“ความรักอ่ะนะ” ผมย้ำ
“ใช่ เอาตามความคิดของอาร์ทเองเลยนะ” พอลบอก
“
คือ พอล มืออ่ะ” ผมมองมือของพอลที่กำลังจับมือผมอยู่
“อ้อ โทดที” พอลเอามือออกจากมือผม
“ความรักเหรอเราคิดว่าความรักก็คือน้ำหล่อเลี้ยงให้ต้นไม้แห่งความรักของคนสองคนนั้นมีความสดชื่นอยู่ตลอดเวลา ต้องให้พอดีๆนะถ้าน้อยไปต้นไม้นี้ก็จะขาดน้ำและตาย แต่ถ้าให้มากไปมันก็จะรากเน่าและเหี่ยวเฉาตายในที่สุดเช่นกัน” ผมตอบตามความคิดผมเองเลย
“ตอบเข้าท่านะ เคยรักใครแล้วล่ะสิถึงเข้าใจแบบนี้” พอลถามผม
“ไม่รู้สิ ก็ตอบตามความเข้าใจของตัวเองน่ะ แล้วนายล่ะ เคยรักใครรึยัง” ผมถามพอลกลับ
“แน่นอน กำลังมีคนๆนึงที่เราแอบรักอยู่นะ ไม่รู้ว่าเค้าจะคิดกับเรายังไง” พอลตอบผม
“เหรอ ดีจังเนอะ เราว่าคนนั้นต้องเป็นคนที่โชคดีมากๆเลย ขอให้เค้ารับรักนายละกัน พยายามเข้านะ” ผมอวยพรพอลแต่ใจนี่สิปวดไม่ใช่น้อยนะ
“แล้วอาร์ทหละขาดน้ำหล่อเลี้ยงต้นรักอยู่หรือป่าว” พอลถามผมกลับ
“เราคิดว่าเราขาดน้ำที่มีคุณค่ามากกว่า ซึ่งปกติจะมีแต่น้ำเสียมาหล่อเลี้ยง” ผมตอบตามความจริง
“มันหาไม่ยากหรอก แต่อยู่ที่ว่าเราพร้อมที่จะหาหรือยังน่ะ” พอลบอกผม
“หามาตั้งนานแล้วล่ะ ไม่เห็นมีเล้ย” ผมตอบพอล
“แล้วน้ำเสียของอาร์ทเนี่ยเป็นไงเหรอ มันทำให้ต้นไม้เราตาย หรือแค่เหี่ยวเฉาหละ” พอลถามผมด้วยความสงสัย
“เหี่ยวเฉาเท่านั้นน่ะ เพราะเราคงไม่ยอมให้น้ำเสียมาทำอะไรเราได้มากมายหรอก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจัง
“ถ้ามันยังไม่ตาย เราก็หาใหม่ที่ใสสะอาดก็ได้ไม่ใช่เหรอ” พอลมองหน้าผมทำให้ผมต้องหลบและหันไปทางอื่น
“แต่น้ำที่ใสสะอาดน่ะ มันหายากจังนะพอล” ผมก็ตอบพอลไปโดยไม่มองหน้า
ผมไม่กล้ามองหน้าพอลจริงๆ ตอนนั้นใจมันเต้นไปหมดทำอะไรไม่ถูก ตอบไปก็ได้แค่ตอบเฉยๆ เบาๆ โดยที่หันไปทางอื่นแล้วตอบ แต่ผมเองยังรักษาฟอร์มได้ดีเลยทีเดียว ยังไม่ได้เปิดเผยให้รู้ได้ว่าผมคิดอะไร
“อาร์ทคับ” พอลเรียกให้ผมหันไป
“อะไรเหรอ” ผมหันไปเพื่อที่จะฟังในสิ่งที่พอลกำลังจะพูด
“คือว่า
” พอลไม่กล้าจะพูด
“คืออะไร” ผมถาม
“เอ่อ มันจะเร็วไปรึป่าว ที่เราจะขอคบกะอิดน่ะ” พอลพูดจบก็มองตาผมเพื่อรอฟังคำตอบ
“
.” ผมเงียบเพราะพูดอะไรไม่ออก
“จะทำให้สุดฝีมือก็แล้ว” พอลพูดทำให้ผมงง
“ทำอะไรล่ะ” ผมถาม
“ก็จะดูแลต้นไม้นี้ให้ดีที่สุดไงล่ะ” พูดจบก็แจกยิ้มให้ผมเข้าอย่างจัง
“
” ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งก้มหน้าเฉยๆ
“เป็นอะไรรึป่าวอาร์ท” พอลถามผม
“ป่าวๆ ไม่มีไร” ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นมา พอลก้เห็นหน้าแดงๆของผม
“อาร์ทหน้าแดงเลยเหรอ” พอลยิ้ม
“ ทำไม ผิดเหรอ” ผมพูด
“ไม่คับๆ น่ารักดีนะ” พอลยอผมทำให้อายเข้าไปอีก
“น่ารักอะไรกันเล่า” ผมหันหน้าไปทางอื่น
“ว่าไงคับ ให้คำตอบเราได้รึยัง” พอลตั้งหน้าตั้งตาจะเอาคำตอบ
“เราต้องใช้เวลานะ เรื่องแบบนี้” ผมพูดจริงจัง
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะ ค่อยๆคิดไป” พอลบอกผม
“อืม จะเอาไปคิดนะ เอ่อ ขอตัวนะ” ผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากตรงนั้นไป
“หวังว่าเรื่องนี้คงไม่ทำให้อาร์ทเครียดหรือว่าลำบากใจหรอกนะ” พอลตะโกน
“
”ผมหันมายิ้มให้พอลแล้วเดินไปโดยที่ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
จากวันนั้น ผมก็เก็บเอาคำพูดของพอลมาคิด มิน่าเค้าถึงทำดีกับเราถึงทำอะไรเพื่อผมหลายอย่างเลย แล้วผมก็โง่ซะด้วย ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย ว่าเค้าคิดยังไงตั้งแต่แรกคำตอบของเราต้องเป็นอะไรที่ให้พอลดีใจรึป่าวนะ ควรจะตอบแทนพอลที่ดีกับผมมานานดีรึป่าว รึว่าควรจะทำตามใจตัวเองดี ผมไม่รู้ตัวว่าผมชอบเค้ารึป่าว รู้แต่เค้าน่ารัก หล่อ เราอยากอยู่ใกล้ แต่พออยู่ใกล้นะ สายตาคู่นี้ของผมมันไม่กล้ามองเอาซะเลย เป็นแบบนี้ทุกที คืนนี้เป็นคืนที่ผมนอนไม่หลับเลย
“เป็นไร ยังไม่ง่วงอีกเหรอ” บอลถามผมในขณะที่มันจะหลับสนิทอยู่แล้ว
“ อืม ไม่ค่อยง่วงน่ะ นายนอนไปก่อนเหอะ” ผมบอก
“ คิดมากเรื่องไร บอกเราได้นะ” บอลเหมือนรู้ทันผม
“บ้าน่า เราไม่ได้คิดมากหรอก ก็นึกอะไรเล่นๆไปงั้นแหละ มันนอนไม่หลับอ่ะ” ผมพยายามบ่ายเบี่ยง
“ อืม ไม่มีไรแน่นะ ไม่ใช่อะไรหรอก สายตานายมันฟ้องว่ะ” บอลจับสายตาผมได้
“แน่ๆ เราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมพูดแล้วก็ลุกออกจากเตียงทันที
“อืมงั้นเราหลับละนะ” บอลพูดพร้อมหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มคลุมโปง
“โอเค ฝันดี” ผมพูด แล้วเดินออกไปเข้าห้องน้ำ
เพื่อนๆนอนกันหมดแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า หอมืดสนิทเลย นี่ดีนะที่ผมเป็นคนไม่ค่อยกลัวผีซักเท่าไร ไม่เหมือนไอ้บอล หมอนี่น่ะ กลัวผีแบบเวอร์โครตๆเลย มันไปไหนมืดๆคนเดียวไม่ได้เลย หรือไม่ถ้าไปกันหลายคน มันก็ต้องเดินตรงกลาง ไม่มีทางที่จะเดินนำหน้าหรือตามหลังเป็นเด็ดขาด เมื่อผมเข้าห้องน้ำเสดแล้วก็ลงมานั่งตรงไม้หินอ่อนหน้าหอพัก เพราะลมพัดเย็นสบายดี แล้วก็มีไฟเปิดด้วย ทำให้ไม่มืดมากนัก นั่งคิดเรื่องพอลที่ได้พูดกับผมเมื่อเย็นแล้วใจมันเต้นเร็วทุกทีเลย บอกไม่ถูก ผมเป็นอะไรไปก็ไม่รู้นะ รู้สึกดีที่พอลน่ะมายุ่งกับเรา ทำให้เห็นว่าเราสำคัญ แต่เราก็ชอบว่าเค้าเหลือเกิน เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจเอามากๆเลย นั่งคิดไปคิดมา ผมเริ่มชักรู้สึกแปลกๆ มีเสียงคนเดินลงมาจากข้างบนผมคิดในใจ แย่แล้วกรูไม่อยากเจอผีนะเว้ย ท่องนะโมไป3 จบเสียงเดินก็ยังไม่หยุด และแล้วก็ปรากฏร่างของอาจารย์เสงี่ยม อาจารย์หอพักนั่นเอง
“อ้าว ทำไมยังไม่ไปนอนอีกล่ะ นี่มันกี่โมงแล้วหา” จารย์แกว่าผมเอาใหญ่เลย
“เอ่อ ขอโทดคับ ผมมีเรื่องคิดอยู่บางเรื่องน่ะคับ เลยลงมานั่งข้างล่างคนเดียว” ผมตอบแกไป
“อืม มีเรื่องอะไร” จารย์เริ่มซักผมละ
“ก็คือว่า สมมติอาจารย์มีคนที่ดีกับจารย์มากๆเลย เค้าทำอะไรหลายๆอย่างเพื่ออาจารย์ แต่อาจารย์น่ะ ไม่รู้เรื่องเลยว่าที่เค้าทำไปน่ะเพราะอะไร แล้ววันนึง เค้าก็มาบอกชอบเรา อาจารย์จะทำไงคับ” ผมถามแบบต้องการคำแนะนำ
“คิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องความรักนี่เอง อืมเป็นครูนะ ครูจะถามเค้าเลย ว่ารู้สึกยังไงกับเรากันแน่ จะได้ตัดสินในถูก” จารย์แกตอบแบบจริงจังมากเลย แล้วก็นั่งลงตรงไม้หินอ่อน ดูท่าจะไม่ยังพูดไม่จบ
“เหรอคับ แล้วเราควรเริ่มต้นพูดกับเค้าว่ายังไงล่ะคับ” ผมถามจารย์อีกรอบ
“อ้าวเอ็งนี่ถามแปลก ก็ถามเค้าตรงๆไปเลย ส่วนตัวของครูนะ เป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมอยู่แล้ว เราจะได้คำตอบที่ตรงกลับมาด้วย จะได้รู้ไปเลย แล้วก็ไม่คิดมากด้วย” จารย์เหงี่ยมตอบผม
“ใช้ได้แน่เหรอคับ” ผมลังเล
“รับรองได้โว้ย เอ็งลองไปใช้ดูได้เลย ถ้าไม่ได้ผลมาเล่นงานข้าได้เลย แต่ว่าที่เล่าให้ฟังน่ะ คนๆนั้นเค้ามาบอกชอบเราแสดงว่าเค้าก็ต้องชอบเราแล้วล่ะสิ ไม่งั้นเค้าจะบอกทำไม จริงมั้ย” อาจารย์พูด
“ก็ถามเพื่อความแน่ใจไงคับ” ผมตอบ
“อืม แบบนั้นก็ดี ลองไปทำดูละกันขอให้สำเร็จนะ” ดีจังที่อาจารย์อวยพรผม
“ขอบคุณคับ” ผมขอบคุณ
“ เอาล่ะ ขึ้นไปนอนได้แล้ว อย่าลืม พรุ่งนี้ตี 5 ไม่ใช่ 8 โมง” จารย์ไล่ผมไปนอน
“คับผม” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดเข้าห้องจนถึงประตูห้อง
“นอนดึกจังนะอาร์ท” เสียงนี้ทำให้ผมดีใจมาก พอลมายืนอยู่ตรงหน้าประตูตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“เอ่อ นอนไม่หลับน่ะเลยลงไปนั่งเล่นข้างล่าง นี่กำลังจะไปนอนแล้ว” ผมบอกพอล
“ เราก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ไปคุยกันตรงระเบียงดีกว่ามั้ย” พอลชวนผมไปตรงระเบียง
“ดูดาวสิ รู้มั้ย ดวงไหนที่เราชอบ”พอลถามผม
“ มันเหมือนๆกันหมดเลยอ่ะ เราไม่รู้หรอกว่านายชอบดวงไหน” ผมตอบไปซื่อๆ
“อ่ะ ทายมาก็ได้” พอลบอก
“อืมม
เอาเป็นดวงนั้นแล้วกันใช่ป่าว” ผมพูดพรางชี้ไปที่ดาวที่ผมทาย ก็ไม่รู้ชื่อนี่นา ว่าชื่ดาวอะไรก็เลยต้องชี้
“ดวงไหนล่ะ” พอลมองตามนิ้วผม
“ก็นั่นไงล่ะมองไม่เห็นเหรอ” ผมบอกแล้วยื่นตัวออกไปให้ไกลกว่าเดิมเพื่อจะได้ให้เห็นง่ายขึ้น
“ไหน มองไม่รู้เรื่องเลย” พอลยังไม่รู้ว่าดวงไหน
ผมกับพอลเถียงกันอยู่นานเรื่องทายว่าพอลชอบดาวดวงไหนกันแน่ จนผมต้องชี้แบบเน้นๆ พอลก้ยังมองไม่ตรงกับมือผมซะที ทันใดนั้นขาผมก็สะดุดขาพอลที่อยู่ข้างหน้าทำให้ผมจะล้มลงไป แต่โชคดีนะพอลรับไว้ทัน
“เป็นไรมั้ยอาร์ท” พอลถามด้วยความเป็นห่วง(รึป่าว)
“เราไม่เป็นไร ขอบใจ” ผมพูดพร้อมกับหันไปทางอื่นแล้วก็ปัดฝุ่นที่เลอะตัวเองออกจากเสื้อผ้า
“คือ บอกก็ได้คับ ดาวที่เราชอบที่สุดก็คือดาวเหนือนะ ดวงนั้นไง อยู่ห่างจากดาวอื่นๆเลย” พอลพูดเบาๆใกล้ๆหูผมแล้วเขยิบตัวมาใกล้ๆผม ตอนนั้นผมร้อนวูบไปทั้งตัวแล้ว
“เหรอ
” ผมพูดได้แค่นั้นจริงๆ
“เรารอคำตอบของอาร์ทอยู่นะ เรื่องเมื่อเย็นน่ะ” พอลมองหน้าผม หน้าผมกับพอลอยู่ใกล้กันมากๆ
“พอล
คือ” ผมกำลังจะถาม
“อะไรเหรอ” พอลถาม
“ คือ นายคิดยังไงกับเราเหรอ” ผมถามเสร็จก็หันหน้าไปทางอื่นอีก
“ อยากรู้มากมั้ย” พอลถามผมด้วยเสียงที่สุดจะนุ่ม
“อืม” ผมตอบสั้นๆ
“เรา
” พอลใช้มือสัมผัสใบหน้าผมเบาๆแล้วพากลับมาทางเดิม
“
”ผมมองหน้าพอลเข้าอย่างจัง แบบว่า ตาสบตาเลย เพิ่งสังเกตุว่าพอลเนี่ยตาตี่อยู่แล้ว มองใกล้ๆรู้สึกแปลกๆบอกไม่ถูก ตาไม่เหมือนคนอื่นเลย น่ารักอ่ะแหละ
“เรา
” พอลยังไม่กล้าพูด ดูเหมือนคำปรึกษาของจารย์เหงี่ยมจะได้ผมแฮะ
“
”ผมยังคงมองหน้าพอลอยู่อย่างนั้น
“ คือ
เรา
เรารักอาร์ทนะ” สิ้นคำพูดผมถึงกับตัวอ่อนไปหมดแล้ว แล้วพอลก็ดึงผมเข้าไปกอดอย่างอบอุ่น
“พอล
ขอบใจนะ” ผมเริ่มมีความกล้าที่จะพูดบ้างแล้วเหมือนกัน
น้ำตาผมเริ่มไหลออกมาเองโดยอัตโนมัติ มันมีความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่มันอะไรกันแน่ ใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และเมื่อคลายกอดซึ่งกันและกัน ผมก็ได้มองหน้าพอลอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าพอลกลายเป็นสีชมพูทั้งหน้าเลย เป็นอะไรที่น่าขำที่สุด แต่ด้วยอารมณ์นั้น ถ้าขำออกไปคงไม่ดีแน่ พอลได้เห็นน้ำตาของผม จึงยื่นมือเข้ามาแล้วปาดน้ำตาของผมจนหมดเลย
“ว้า อะไรกันคับ ไม่เอาน่า อย่าร้องนะ” พอลปลอบผม
“ ปะ ป่าวว” ผมตอบอย่างดื้อเลย
“ เอาล่ะๆ อย่าเพิ่งพูดเลยนะอาร์ท ตอนนี้เสียงสั่นไปหมดแล้ว” พอลบอกผม
“อื ม ม”ผมตอบ
“แต่เราอยากให้อาร์ทรู้นะ ว่าเรารู้สึกแบบนี้จริงๆ แล้วจะรู้สึกแบบนี้ตลอดไปด้วยคับ” พอลกอดผมอีกครั้งนึง
“ไม่ต้องรีบให้คำตอบเราก็ได้นะอาร์ท เราต้องการสิ่งที่อาร์ทคิดดีที่สุด” พอลย้ำกับผม
“อื ม ม”ผมตอบเสียงสั่น
“เราไม่เสียใจหรอกนะถ้าคำตอบที่อาร์ทให้กับเราจะเป็นการปฏิเสธ เพราะเราได้พูดความรู้สึกในใจออกไปหมดแล้วล่ะ” พอลพูดแล้วก็ยิ้มออกมา เผยถึงลักยิ้มที่มีเสน่ห์ของเค้า
“อืม ขอบใจนะที่ให้เวลาเรา” ผมพูด
“แต่ถ้าอาร์ทลำบากใจก็ถือซะว่าเราไม่ได้พูดละกันนะ” พอลบอก
“ไม่หรอก เราต้องขอบใจนายต่างหาก สัญญาว่าจะให้คำตอบแน่นอน” ผมพูดแล้วก็ยิ้มตอบ
“ นี่ล่ะ คือสิ่งที่เรารอมานาน สำหรับพอลแล้ว อาร์ทคือคนพิเศษสำหรับพอลนะคับรู้มั้ย” พอลพูดออกมา สร้างความโรแมนติกขึ้นอีกรอบนึง ผมชอบคนโรแมนติกแบบนี้มากๆเลย
“ขอบใจนะ คำตอบที่เราให้ต้องเป็นสิ่งที่ไม่ทำให้นายผิดหวังแน่นอน” ผมพูด
“งั้นผมขออะไรอีกอย่างนึงได้มั้ย” พอลพูด ทำท่าทางกะล่อน
“อะไรล่ะ” ผมถาม
“หลับตาก่อนสิ” พอลบอกผม
“เอ่อ
”ผมอ้ำๆอึ้งๆ
“อย่ากลัวไปเลย” พอลพูดกับผม
“ ก็ได้” แล้วผมก็หลับตาลง
ทันใดนั้นเองผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เริ่มเข้ามาใกล้ตัวผมเรื่อยๆ ถึงจะหลับตาแต่ก็มีความรู้สึก มือทั้ง2ของพอลสัมผัสที่ใบหน้าของผมเอาไว้ และแล้วริมผีบางสีชมพูของพอลก็ประกบลงบนริมผีปากของผมอย่างนุ่มนวล แสดงถึงความอ่อนหวาน ภายในเปี่ยมไปด้วยความ ลึกซึ้งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผมอึ้งไปนานมากๆ พอลจูบผมนานพอสมควรแล้วก็ถอนริมปากออกช้าๆ แล้วก็ดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบนึง เป็นการกอดที่อบอุ่นที่ผมรู้สึกได้
“สำหรับจูบนี้เราของมัดจำไว้ก่อนนะรู้มั้ย” พอลพูดข้างๆหูผมเบา ใขณะที่ยังกอดผมอยู่
“อืม
มัดจำนี้เราจะไม่ลืมเลยล่ะ” ผมตอบ
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เข้าไปนอนกันเถอะนะ” พอลบอก
“อืมนั่นสิ งั้นเราไปนอนก่อนนะ ฝันดี” ผมพูดเสดก็เดินไปทางเตียงตัวเองโดยที่ไม่ลืมที่จะหันมาหาพอลแล้วยิ้มให้
“ฝันดีเช่นกันคับผม” พอลยิ้มให้ผมแล้วยักคิ้วข้างนึง อย่างเท่ห์เลย
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นมาด้วยความสดชื่น เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้ว ทำให้อดใจเต้นแรงไม่ได้เลย เมื่อผมตื่นแล้ผมก็จัดการภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อยโดยเร็ว จากนั้น ก็รีบลงไปทานอาหารที่โรงอาหาร เมื่อเจอเพื่อนๆก็ทักทายกันตามปกติ
“เป็นไง อารมณ์ดีเชียวนะอาร์ท มีข่าวดีอะไรงั้นเหรอ” นันเป็นคนแรกที่ทักผม
“ก็ไม่มีอะไรนี่ เราก็เป็นอย่างงี้เองนะ” ผมตอบ(ตอแหลหน่อยๆ)
“ให้มันจริงเหอะน้า พอลเองก็เหมือนกัน ยิ้มตั้งแต่เช้าแล้ว” แก้วพูดสมทบอีก
“ บอกมาะดีๆ รู้งี้ไม่น่าหลับเร็วเลย” บอลพูด
“เฮ้ย ไม่มีไรจริงๆ” พอลปฏิเสธยิ้มๆ
“จ้าา เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย 2 คนนี้เนี่ยน้า” แป้งพูดสรุป
“อืม ได้เวลากินเข้าแล้วเข้าโรงอาหารเถอะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“ใช่ๆ วันนี้มีอะไรน้าหิวจัง” พอลพูดขึ้น
“ทำไมต้องรีบกันจริ๊ง” นันพูดแล้วก็เดินเข้าไปพร้อมๆกับเพื่อนๆ
วันนี้ผมตั้งใจเรียนมากเลยไม่รู้ทำไม ดูเหมือนจะรู้เรื่องดีทุกวิชาเลย การเรียนผ่านไปด้วยดี หมดคาบที่ 3 ก็พัก 10 นาทีผมก็ออกไปยืดเส้นยืดสายข้างนอกห้อง แล้วก็นั่งตรงที่นั่งหน้าห้อง
“วันนี้ดูตั้งใจเรียนจังนะ คนขยัน” พอลแซวผม
“ก็ดีกว่าขี้เกียจไม่ใช่เหรอ” ผมพูดตอบ
“ใช่ๆ ไม่ดีเลยขี้เกียจเนี่ย” พอลพูด
“ก็นั่นสิ แล้วใครกันนะที่หลับในคาบสังคมที่ผ่านมาน่ะ” ผมแกล้งพูดลอยๆ
“เอ
ใครน้า ไม่รู้สิ ใครก็ไม่รู้ ที่หลับ สงสัยจะเป็นคนที่แอบรักคนแถวนี้อยู่ล่ะ” พอลพูดพร้อมกับเตรียมตัววิ่งหนีผม
“หมายถึงใครกันน่ะ” ผมพูด
“ม่ายรู้สิน้า” เค้ายังทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผมอีก
“ไม่รู้งั้นเหรอ นี่โดน” ผมวิ่งไล่แต่ไม่ทันเลยพอลเร็วมาก ยังแล็บลิ้นให้อีกด้วย กวนเป็นที่สุด คอยดูนะจับได้ละก็ น่าดู
พอลวิ่งหนีผมแล้วก็ตะโกนกลับหลังมาว่า อย่าลืมมัดจำนะคับ ทำให้ผมหยุดไล่เพราะความอายนั่นเอง
“เอาล่ะ หมดเลาพักแล้วนักรียนเข้าห้องได้ค่ะ” อาจารย์สอนวิชาภาษาไทยเดินเข้ามา
“คับ” ผมพูดแล้วเดินเข้าห้องไป
“รอด้วย เรียนแล้วเหรอเนี่ย” พอลพูด
ผมยังคงตั้งใจเรียนอยู่ ปกติผมจะนั่งหน้ากับแก้ว คอยให้แก้วสอนเรื่องที่ไม่เข้าใจ พอลนั่งข้างหลัง แล้ววันนี้พอลก็ปากระดาษมาใส่ผมตลอดเลย ทำให้ผมต้องหันไปว่าเบาๆ
“นี่นายเรียนก่อนได้มั้ย” ผมพูดเบาๆ
“อะไรกันไม่เห็นได้ยินเลย” พอลแกล้งทำเป็นหูทวนลม
“ไอ้บ้า” ผมว่าพอล
“อิ อิ บ้าแต่ก็รักจริงนา” พอลพูดจบก็ทำให้ผมเงียบไปอีกนาน แต่เค้าก็ยังไม่เลิกปากระดาษมาซะที
“นี่
นายนิติ ออกมานี่ซิ นี่มันเวลาเล่นอย่างงั้นเหรอ” อาจารย์เห็นพอดี
“เอ่อ คับผม ไม่ใช่เวลาเล่นคับ เวลาเรียนแต่ผมทำกระดาษหลุดมือเฉยๆ” พอลพูดใส่มุขตลกทำให้เพื่อนทั้งห้องขำกันยกใหญ่ผมก็ขำด้วย
“มายืนกางแขนคาบไม้บรรทัดหน้าห้องเดี๋ยวนี้เลย” อาจารย์สั่ง
“คร้าบบ ได้เลย ดีซะอีกยืนหน้าห้องจะได้มองคนน่ารัก” พอลพูดพร้อมมองมาทางผม
แล้วพอลก็โดนยืนกางแขนคาบไม้บรรทัดไปประมาณ 1 คาบเต็มๆ แต่เหมือนสายตาจะมองมาทางผมอย่างเดียว ผมก็ได้แต่ขำไปเท่านั้น ตลกจริงๆเลย คนอะไรไม่รู้ โดนทำโทษแล้วยังจะมีอารมณ์ขันได้อีก
หมดคาบสุดท้ายของช่วงเช้าผมก็เก็บของเตรียมตัวไปกินข้าวที่โรงอาหาร เพื่อนๆต่างก็แยกย้ายไปโรงอาหารกันเป็นกลุ่มๆไป ปกติผมก็จะเดินไปโรงอาหารพร้อมกับแก้วอยู่แล้ว แล้ววันนี้อีกเช่นเคย ผมก็เก็บของเสร็จแล้วก็รอแก้วอยู่หน้าห้องเรียน
“แก้ว เรารอหน้าห้องนะ” ผมตะโกนบอกแก้วในห้อง
“อืมๆ รอแป๊ปนึงนะ ใกล้เสดแล้ว” แก้วตะโกนตอบออกมาจากในห้อง
“ได้ๆ เอ่อ เดี๋ยวขอไปเข้าห้องน้ำก่อนละกัน” ผมบอกพร้อมกับเดินไปห้องน้ำ
“จ้า” แก้วตอบรับ
ผมเดินเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็ออกมานั่งหน้าห้องที่เดิม มองตรงที่นั่งไม่มีกระเป๋าแล้ว ผมจำได้ว่าผมเอากระเป๋าออกมาด้วยนี่นาแล้ก่อนไปห้องน้ำก็เอาวางไว้ตรงนี้ด้วย ตกหล่นตรงไหนรึป่าวน้า ผมก็ลองหาดูแถวนั้น แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอเลย
“แก้วๆ เห็นกระเป๋าเรามั้ย เราเอาออกมาแล้วอ่ะ ไม่รู้มันหายไปไหน” ผมเดินไปถามแก้วในห้อง
“ ไม่เห็นนะ คนอื่นก็ไม่มีแล้วด้วย ใครจะเอาไป เค้าเดินไปโรงอาหารกันหมดแล้ว ในอาคารก็เหลือแค่พวกเราอ่ะแหละ ลองหาดีๆอีกรอบซิ” แก้วบอกให้ผมหาอีกรอบ แล้วผมก็หาอีกรอบ ยังไงก็หาไม่เจออ่ะ ก็มันไม่มีนินา
“เฮ้อ
หาไม่เจออ่ะแก้ว หายไปไหนนะ” ผมบ่น
“เอาล่ะ เดินไปโรงอาหารก่อนเถอะ แล้วกินข้าวอย่าคิดมาก เดี๋ยวก็เจอน่า ในกระเป๋ามีอะไรบ้างล่ะ” แก้วถามผมพรางเดินนำหน้า ผมก็เดินตาม
“ ไม่มีอะไรมาก ก็หนัอสือ 2 เล่ม เครื่องเขียน แล้วก็ไดอารี่ห่วงแค่ไดอารี่นั่นแหละ” ผมตอบ
“เอาน่า เดี๋ยวตอนบ่ายก็กลับมาห้องแล้วบอกให้อาจารย์รู้ดิจะได้ช่วยๆกันหาได้” แก้วปลอบผม
“เอ่อ แล้วอีกอย่างนะ มันมีหนังสือนายใช่มั้ย เดี๋ยวคนที่เจอก็เอามาคืนเองแหละ เพราะเห็นชื่อก็ต้องรู้ว่ามีเจ้าของ” แก้วย้ำอีกรอบ
“อืม ขอให้เป็นอย่างงั้นก็แล้วกัน” ผมตอบ แล้วก็เดินอย่างเซ็งๆ ไปโรงอาหาร
เมื่อถึงโรงอาหารผมก็แยกกับแก้วไปกินข้าวเพราะอยู่คนโต๊ะกัน แก้วก็ไปบอกเพื่อนๆทั้งแป้ง นัน ว่ากระเป๋าผมหายให้ช่วยหาๆให้ด้วย ส่วนผมก็บอกบอลให้มันช่วยหาอีกคนนึง ยังไงซะมันอาจจะหาเจอก็ได้ ดีกว่าไม่บอก ผมไม่มีอารมณ์กินข้าวเลยแม้แต่นิดเดียว ทำไมมันต้องมีขโมยด้วยนะเนี่ย เด็กที่นี่ก็มีฐานะกันทั้งนั้นนะจะาไปแล้ว เพราะเป็นร.ร.ประจำ ค่าใช้จ่าย ค่าเทอมมันก็ต้องสูง คนที่ไม่มีฐานะไม่มีทางมาเรียนได้หรอก แล้วยังจะขโมยกันอีก เนี่ยเพื่อนในห้องผมนะ เพิ่งจะตังค์หายไป 1000 บาทที่หอหากันยกใหญ่เลย เบื่อที่สุดและเกลียดมากๆด้วยไอ้พวกขโมยเนี่ย และเมื่อกินข้าวเสดก็กลับอาคารเรียน ไปรอเรียนคาบต่อไปที่สุดแสนจะน่าเบื่อที่สุดเลย คณิตศาสตร์เซ็งๆๆๆ ผมไม่มีอารมณ์เรียนเลย หนังสือก็ไม่มี ปากกาที่จะเขียนก็ไม่มี เบื่อโว้ย
“เป็นอะไรไปเหรออาร์ท ทำไมหน้าตาไม่ค่อยสู้ดีเอาซะเลยล่ะ” พอลถามผมแล้วยิ้มๆพิลึกชอบกล
“กระเป๋านักเรียนหาย” ผมตอบ
“ เหรอ ใครจะขโมยไปน้า เฮ้อ อย่างงี้ก็แย่ดิ ไม่มีหนังสือ ไม่มีปากกาเรียน แล้วก็ไดอารี่ที่อยู่ในกระเป๋าก็หายไปด้วยน่ะสิ” พอลพูด
“ก็ใช่น่ะสิ ไปทั้งกระเป๋าแหละ แต่เอ๊ะ! นายรู้ได้ไงอ่ะ ว่าในกระเป๋าเรามีไดอารี่” ผมชักสงสัย
“อ่อ เอ่อ ก็เดาๆไปงั้นแหละ มีจริงด้วยเหรอ แหะๆ เอาเป็นว่าหนังสืออ่ะ ดูกับเราละกัน ส่วนปากกา เอาของเรานะมีหลายด้ามเลย” พอลหยิบปากกาขึ้นมาให้ผมเลือก 4 ด้ามเลยผมก็เลือกไป 1 ด้าม
“เอาอันนี้ล่ะ ขอบใจนะ” ผมขอบใจพอลแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย อย่างน้อยก็ยังมีคนที่ดีกับเรานะ
“ยินดีเสมอคับ” พอลตอบอย่างสุภาพบุรุษ
ผมไม่มีอารมณ์เรียนเลย ถึงจะดูหนังสือกับพอลก็เหอะ อาจเป็นเพราะวิชานี้ผมไม่ชอบส่วนตัวอยู่แล้วมั้ง แล้วก็เค้าให้จดอะไรผมก็จดไปบ้างหน่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจอะไรนัก คิดแต่เรื่องกระเป๋าอ่ะแหละ ว่าจะหายไปไหนแล้วใครกันที่ขโมยไปถ้าจับได้เมื่อไรนะ เจอดีแน่ ผมคิดในใจ
“เป็นไร จารย์ให้ทำแบบฝึกหัดแล้วนะ” พอลถามผม
“ป่าวๆ อืมทำก็ทำ” ผมพูดด้วยความเซ็ง
“เครียดเรื่องกระเป๋าเหรอ เราคิดว่านะ พรุ่งนี้ได้คืนแน่นอน” พอลยิ้มให้ผมอีกแล้ว
“รู้ได้ไง” ผมถาม
“ก็เดาๆเอาน่ะ” พอลตอบ
“อยากได้คืนเดี๋ยวนี้เลยอ่าาา” ผมพร่ามกะตัวเอง
“ เอ้า ใครเค้าจะเอามาให้ล่ะตอนนี้น่ะ เอามาให้ตอนนี้ก็รู้หมดว่าใครเป็นขโมย อย่างงี้เค้าจะเรียกว่าขโมยเหรอ” พอลบอกซะยาวเลย
“นั่นสินะ โอ๊ย เบื่อๆๆ” ผมบ่นอีก
หลังจากเรียนช่วงบ่ายเสดหมดทุกวิชา ผมก็ลงไปนั่งกินขนมกับเพื่อนๆที่สหกรณ์ร้านค้า ก็กินๆไปคิดเรื่องกระเป๋าไป ค่อนข้างเซ็งพอสมควร ในขณะที่เพื่อนก็คุยกันอย่างสนุกสนานตามปกติ เพราะเพื่อนๆผมมันพูดมากอยู่แล้ว นั่งกินไปซักพักอยู่ๆก็มีเพื่อนเอาจดหมายมาให้(กระดาษธรรมดาที่เขียนข้อความน่ะ)
“อาร์ท มีคนฝากมาให้น่ะแล้วฝากบอกว่ากินหนมให้หร่อย” เพื่อนที่เอาจดหมายมาให้พูดขึ้น ผมก็งงๆว่าเอามาจากไหนแล้วใครฝากมาให้
“อืม ขอบใจ” ผมตอบไป แล้วเพื่อนคนนั้นก็เดินไป
“ว้าวๆ ไอ้อาร์ท ไม่เบาเลยนะ มีจดหมายด้วย ร้ายว่ะ” เพื่อนๆที่นั่งกินหนมด้วยกันแซวผมยกใหญ่เลย
“เฮ้ย อะไรๆ พอได้แล้ว” ผมพูดด้วยความอาย แล้วก็เปิดจดหมายนั่นดูเขียนว่า
--- อาร์ทคับ ไม่ต้องตกใจกับจดหมายฉบับนี้นะคับ พี่เป็นรุ่นพี่ของน้องน่ะ เห็นอาร์ทจ้องแต่วันแรกที่เข้ามาในร.ร.แล้วล่ะคับ แล้วพี่ก็มองน้องมาตลอดเลยนะ เอ่อ ไม่ได้แอบดูนะคับ ถ้าไม่ชอบก็ขอโทดด้วยแล้วกัน แต่เท่าที่พี่รู้มานะ อาร์ทเป็นคนนิสัยดี เรียนดี และที่สำคัญ ยังน่ารักอีกด้วย คือ จะว่าอะไรมั้ยคับ ถ้าพี่จะขอจีบอาร์ทนะ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคับ เอาเป็นว่าพี่จะส่งจดหมายมาให้อีกละกันคับ บายคับ
จากรุ่นพี่คนนึง
----
เมื่อผมอ่านจดหมายจบก็เกิดอาการค้างไปชั่ครู่จนเพื่อนๆมันต้องเรียกผมเพื่อคืนสติกลับมา
“เฮ้ย อาร์ทเป็นไรวะ” บอลถาม
“
”ผมเงียบ
“ไอ้อาร์ท
เป็นไรวะ” บอลตะโกนใสหูผม
“เฮ้ย ไอ้ห่า ตะโกนมาได้ เดี๋ยวแก้วหูก็แตกหรอก” ผมรู้สึกตัวทันที
“ก็เรียกแล้วไม่ตอบนี่นา” แป้งพูด
“อ้าวเหรอ” ผมบอก
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วนั่นน่ะจดหมายจากใครจ๊ะ เสน่ห์แรงใหญ่แล้วนะ” นันแซวผม
“ใครก็ไม่รู้ เป็นรุ่นพี่น่ะ ไม่ยอมบอกชื่อด้วย” ผมพูด
“น่าสงสัยนา ไม่ยอมบอกชื่อ ชอบแกแล้วไม่กล้าบอกอ่ะดิ” แก้วบอกด้วยหลักการอย่างแรง
“เอาเหอะ ช่างเหอะน่า” ผมพูดตัดบท
“ เอ
แล้วงี้ พอลไม่หึงแย่เร๊อะ” แป้งเอามั่งแล้ว
“พูดบ้าไรเนี้ย” ผมแกล้งโมโห แต่หน้าแดงหมดแล้ว
“5 5 5 ยัยแป้งพูดไม่ถูกเหรอ” แก้วซ้ำ
“พอๆได้แล้ว กินหมดแล้วเดี๋ยวเอาไปทิ้งให้ แล้วเราจะกลับหอเลยนะ” ผมยังงงเลยว่าพวกนี้มันรู้ได้ไงอ่ะ
“กลับไปหาใครเหรอจ๊ะ อิอิ” นันล้อใหญ่
“ไปนอนอ่ะดิ ไม่ได้หาใครทั้งนั้นแหละ” ผมตอบแล้วเดินเอาถุงขนมที่นั่งกินกันไปทิ้งถังขยะ
ระหว่างทางผมก็เดินกลับหอไปคนเดียว ไอ้บอลมันก็ยังไม่กลับด้วยเพราะจะเล่นกีฬาก่อน ผมง่วงมากๆบวกกับเรื่องกระเป๋าหายเป็นอะไรที่น่าเบื่อสุดยอดเลย
“อย่าเครียดไปเลย เดี๋ยวแก่เร็วนา” เสียงพอลดังมาจากข้างหลังผมทำให้ต้องหันไปมอง
“ ช่างเหอะ ขอให้ได้กระเป๋าคืนมาก็พอแล้วล่ะ” ผมพูด
“เราว่าคนที่เอาไปคงไม่ได้ตั้งใจหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้คืนเชื่อเราสิ” พอลปลอบผม
“ ไม่ได้ตั้งใจเหรอ ไม่ได้ตั้งใจมันก็ต้องไม่หยิบไปดิ ถ้าหยิบผิดป่านนี้ก็น่าจะเอามาคืนได้แล้ว” ผมบ่นยกใหญ่เลยทีเดียว
“น่าใจเย็นๆก่อนนะ เราไม่สบายใจเหมือนกันที่เห็นอาร์ทไม่สบายใจ คิดว่าเรามีความสุขเหรอ” พอลพูด
“ขอบใจนะ” ผมพูดสั้นๆ แล้วเดินต่อไป
“เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้เลยโอเคมั้ย สัญญาก่อน” พอลยิ้มแล้วยื่นนิ้วก้อยมา
“
” ผมเงียบ เดินต่อไป
“เดี๋ยวรอด้วยสิ เราสัญญาว่าพรุ่งนี้กระเป๋าอาร์ทต้องได้คืน” พอลวิ่งตามมาเพราะผมเดินเร็วมาก
“จริงนะ” ผมหยุดเดิน
“จริงสิ เฮ้อ เหนื่อย อาร์ทเดินเร็วนะเนี่ย” พอลพูดด้วยความเหนื่อย
“โทดละกัน เหนื่อยมากมั้ย” แล้วผมก็ยื่นนิ้วก้อยไปเพื่อรับคำสัญญาของพอล
“ไม่เป็นไรคับผม” พอลลุกขึ้นพร้อมกับยิ้มแบบเดิม แบบที่ใครๆเห็นก็ต้องละลายไปตามๆกัน
“อืม” ผมก็เดินขึ้นหอไปพร้อมกับพอล
“เดี๋ยวเราขอตัวไปจัดตู้ก่อนนะ” พอลพูดพร้อมกับริ่งไปที่ตู้ล็อคเกอร์ที่เก็บของ ของตน
“อืมได้ๆ ให้เราช่วยไรนายมั้ย” ผมเดินตามไป
“เอ่อ
ไม่เป็นไร ไม่ต้องนะ” พอลรีบปฏิเสธพร้อมกับทำมือกั้นไม่ให้ผมเดินไปที่ล็อคเกอร์พอล
“ทำไมล่ะ” ผมถาม
“เอ่อ
เดี๋ยวอาร์ทจะเหนื่อยนะ” พอลบอกผมท่าทางไม่น่าจะใช่คำตอบที่ควรตอบนะเนี่ย
“อืม งั้นเราขอตัวไปนอนละ ง่วงเหมือนกัน” ผมเดินกลับไปที่เตียงตัวเองแล้วก็นอนหลับทันทีด้วยความง่วง
“คับผม ฝันดี” พอลพูด
ในระหว่างที่ผมหลับผมก็แอบลืมตานิดๆเพราะสงสัยว่าเมื่อกี้ทำไมพอลต้องห้ามผมไม่ให้ช่ยจักตู้ถึงกับเอามือกั้นเลย มันเกินไป เลยอยากรู้ว่าทำไม จึงลืมตานิดๆเพื่อแอบดู ทำให้แนบเนียนที่สุด ผมก็เห็นพอลจัดของหรือทำท่าเอาอะไรใส่ตู้หรือของในตู้ซักอย่างมองไม่ชัด มองไปมองมาผมก็เผลอหลับไป ลืมตาขึ้นมาอีกทีนึงพอลก็หายไปแล้ว ไม่รู้ไปไหน ผมเลยลุกจากเตียงมองไปรอบๆ
“ มองหาผมเหรอ ไหนบอกจะหลับไง” พอลพูดจากข้างหลัง
“เฮ้ย มาตั้งแต่เมื่อไร” ผมพูด
“ ก็ตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าผมถูกแอบดูน่ะสิ” พอลยิ้มแกมโกง
“ใครแอบดูนาย เราก็หลับตาแล้วนะ” ผมบ่ายเบี่ยง
“เอาล่ะนายไปทำไรต่อเหอะ เราง่วงแล้วจะนอน ไปๆๆ” ผมทำท่าไล่พอล
“อ่ะคับ หลับจริงๆล่ะ” พอลบอกผม
“อืม” ผมตอบ
ผมนอนได้ไม่นานก็ตื่นเองโดยความรู้สึกส่วนตัว แล้วจากนั้นก็ไปล้างหน้า เตรียมตัวลงไปกินข้าวเย็นข้างล่างที่โรงอาหาร พอลก็ลงมาพร้อมผมเลย
“ ไปไหนมาเหรอ ทำไมตอนเดินลงมาเรามองไม่เห็นนายล่ะ” ผมถามพอล
“เราก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นนะ ก็จัดของที่ล็อคเกอร์ตลอดนี่ อาร์ทมองไม่เห็นเองรึป่าว” พอลย้อนถามผม
“เหรอ คงงั้นมั้ง” ผมพูดขึ้นพร้อมนึกอะไรไปเรื่อยเลยนึกขึ้นว่า ลืมเอากุญแจลงมาจากเตียงตอนหลับผมเอาไว้ใต้หมอนน่ะคับ
“เอ่อ เดี๋ยวเราขอตัวไปหยิบกุญแจข้างบนก่อนนะ” ผมอกพอลแล้วเดินไปเอากุญแจขข้างบน
“อืม ได้เดี๋ยวเรารอนะ” พอลบอกผม
ผมเดินขึ้นไปหยิบกุญแจข้างบนหอพักอย่างรวดเร็วตอนเดินไปเอาน่ะ ก็สังเกตนะว่ามันมีเศษแก้วอยู่ตรงทางเดิน แต่พอวิ่งกลับมากำลังจะลงบันได ผมก็ไม่ทันสังเกต ก็คนมันรีบน่ะ ก็เลยเหยียบเศษแก้วอย่างจังเลย ผมเจ็บมากถึงกับล้มลงไปกองกับพื้นเลย แล้วขาก็พลิกอีกด้วย
“โอ๊ย
” ผมพูดเบามาก ไม่มีแรงแล้วมันเจ็บมากเลย
“เอ
ทำไมอาร์ทไปนานจังเลยนะ” พอลพูดกับตัวเอง
“รออีกหน่อยละกัน” พอลพูด
“
”
“
”
ผ่านไป 10 นาที ยังไม่มีวี่แววที่ผมจะลงมาทำให้พอลต้องเดินขึ้นไปตามข้างบน ทันทีที่พอลเห็นผมล้มลงกับพื้น ก็ตกใจมาก พอลรีบวิ่งมาหาผม
“ร ระวังนะ มันมีเศษแก้วอยู่” ผมพูดเบาๆเป็นเสียงธรรมดาของคนหมดแรง
“อาร์ท เป็นอะไรมากมั้ย” พอลเดินเลี่ยงเศษแก้วมาทางผม
“เจ็บ เจ็บมากเลย” ผมพูด
“ทนหน่อยนะ เดี๋ยวผมทำแผลให้ ทำใจดีๆนะ” พอลปลอบผม
“อ อืม
”ผมพูด
“ลุกไหวมั้ย” พอลถามผม
“เอ่อ
ไหว” ผมตอบแล้วทำท่าจะลุก แต่แล้วก็มีแรงไม่พอ ผมล้มลงที่พื้นเหมือนเดิม
“ระวัง เราว่าเดี๋ยวอุ้มอาร์ทไปที่เตียงดีกว่า” พอลพูดผมแล้วอุ้มผมไปที่เตียง(แรงเยอะมากเลย ตัวผมไม่ใช่เด็กเล็กๆซะหน่อย)
“ขอบใจมากนะพอล” ผมนอนลงกับเตียงแล้วยิ้มให้พอล
“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย แต่ให้รู้ไว้ว่าเราเต็มใจทำเพื่ออาร์ทก็พอแล้วล่ะ” พอลเอามือมาปิดปากแล้วยิ้มให้ผม
“อืม” ผมพูด
พอลบอกผมให้นอนรออยุ่ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวเค้าจะไปเอายามาแล้วก็อุปกรณ์ทำแผลด้วย ผมก็นอนรอไป ที่จริงในแผลมันเจ็บมากๆเลย แก้วบาดที่เท้าแล้วเท้ายังพลิกตอนล้มอีก ให้ตายดิ ซวยโครต แต่เมื่อนึกถึงพอล ทำอะไรเพื่อผมแบบนี้ มันทำให้หายเจ็บไปทันทีเลย ผมนอนรอซักพัก พอลก็กลับมาพร้อมกับกล่องยาที่พร้อมจะปฐมพยาบาลผมได้
“รอนานมั้ย” พอลถามผมพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ออกมา
“เอ่อ ก็ไม่นานมากหรอก เร็วซะอีก ไปเอามาจากไหนล่ะไอ้พวกนี้น่ะ” ผมถาม
“ก้ไปยืมห้องพยาบาลมาน่ะสิ มาด้วยจะล้างแผลก่อนนะ” พอลตอบผมพร้อมกับจะทำแผล
“ ห้องพยาบาลอยู่ไกลจะตายทำไมมาเร็วจังล่ะ” ผมถามต่อ
“ก็เราวิ่งไปไง เดี๋ยวอาร์ทรอนานไงล่ะ” พอลตอบแล้วยิ้ม
“ขอบใจนะ นายดีกับเรามากเลย” ผมพูดขึ้น
“เพราะเป็นอาร์ทนะ เรายินดีทุกเมื่อ เต็มใจด้วย” พอลพูด
“
” ผมพูดอะไรไม่ออกเลย ก็เล่นพูดแบบนี้ใครจะพูดต่อได้ล่ะ
ผมเงียบให้พอลทำแผลไป พอลเนี่ยเก่งนะ ทำแผลได้ชำนาญมากเลย ไม่รู้เรียนมารึป่าว ถึงผมจะเจ็บก็ตาม แต่พอลก็ให้กำลังเสมอเลย ความเจ็บตอนนี้ผมลืมไปหมดแล้ว
“เสดแล้วล่ะ” พอลแปะผ้าพันแผลให้ผมเรียบร้อย
“ขอบใจนะพอล” ผมพูดแล้วทำท่าจะลุกออกจากเตียงแต่แล้วก็ต้องล้มลงที่เตียงเหมือนเดิม ถึงจะทำแผลเสดแล้วแต่เท้าผมมันพลิกนี่นา
“โอ๊ะ
ระวังอาร์ท” พอลประคองตัวผมแล้วให้นอนเหมือนเดิม
“ลืมไปเลยว่าขาพลิกอ่ะ” ผมพูด
“อาร์ทต้องนอนที่นี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวเราไปเอาข้าวมาให้กินที่นี่นะ เพราะลุกไม่ได้แน่นอนเลย รอที่นี่ก่อนนะ เราสัญญาจะกลับมาให้เร็วที่สุด” พอลพูดพร้อมจับมือผมไว้
“อืม โอเคเราจะรอนะ” ผมพูด
แล้วพอลก็วิ่งไปโรงอาหารเพื่อที่จะเอาข้าวมาให้ผมกินที่หอ ผมก็นอนรอไป และคิดในใจว่าถ้าไม่ได้พอลนะ ผมคงแย่ ทำอะไรไม่ถูกแน่ พอลดีกับผมมากเลย
แล้วผมก็เผลอหลับไป รู้สึกจะนานพอสมควรนะที่ผมหลับไป รู้สึกตัวอีกทีนะก็มีใครไม่รู้เอาดอกไม้มาให้ผมเอามาวางตรงหน้าเลย แล้วก็การ์ด 1 ใบพอผมตื่นและจะลุกขึ้นมา เค้าก็วิ่งหายไปเลย ผมก็งงๆอยู่เหมือนกัน จากนั้นก็หยิบการ์ดขึ้นมาอ่าน
---อาร์ท
เจ็บมากมั้ย ขอให้หายเร็วๆนะ อดทนเอาไว้ พี่เป็นกำลังใจให้นะ อาร์ทคงสงสัยเหมือนกันใช่มั้ยว่าพี่คือใคร ยังไม่ขอบอกนะคับ พี่ขอแอบมองน้องข้างเดียวอย่างนี้ก่อน รู้สึกมีความสุขมากเลย แต่ตอนนี้พี่ก็รู้สึกเจ็บเหมือนกันนะ เจ็บที่อาร์ทได้รับบาดเจ็บ ถ้าเป็นไปได้พี่อยากเจ็บแทนอาร์ทนะคับ เอาเป็นว่าพี่จะเอาใจช่วยนะ หายไวๆนะคับ
จากรุ่นพี่คนนึง
---
ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเค้าไม่อยากให้ผมรู้ว่าเค้าคือใครทั้งๆที่ มันก็ไม่เสียหายอะไรซักหน่อย แปลกพิลึกจัง ว่าแล้วผมก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมา พอลนั่นเอง ผมดีใจมากเลย รู้สึกเหมือนกับจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดซักที
“อาร์ทรอเรานานมั้ย
ขอโทดนะ พอดีแถวมันยาวน่ะคับ” พอลพูดกับผม
“ก็ไม่นานมากหรอก เราเผลอหลับไปด้วยแหละ” ผมตอบ
“ งั้นเหรอ
” พอลพูดพลางมองมาที่ข้างๆศีรษะผม
“ดอกไม้นี่เอามาจากไหนล่ะ” พอลถามผมด้วยความสงสัย
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ตื่นมามันก็วางอยู่ตรงนี้แล้ว พร้อมกับการ์ดใบนี้” ผมพูดเสดก็ยื่นการ์ดให้พอลอ่าน
พอลก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านอย่างเคร่งเครียด จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป เมื่ออ่านเสดก็พูดขึ้นว่า
“เฮ้อ
สงสัย จะมีคู่แข่งซะแล้วสิเรา” แล้วพอลก็ยิ้ม
“ว่าไงนะ” ผมถามเพราะเมื่อสักครู่ฟังไม่ค่อยชัด
“อ่..ป่าวๆ ไม่มีอะไร อ่ะนี่คับข้าว น่ากินนะ มีปลาดุกผัดเผ็ดด้วยกินเยอะๆเลยนะ” พอลยื่นข้าวมาให้ผม
“ขอบใจนะ แล้วนายกินรึยังล่ะ” ผมถามพอล
“ไม่เป็นไรหรอก อาร์ทกินเถอะ เดี๋ยวไม่อิ่มนะ เรารีบไปเอาแล้วก็รีบมาเลยไม่ทันได้กิน” พอลตอบ
“อ้าว ไม่ได้สิ งั้นกินกับเราละกันนะ นายไม่กินข้าวได้ไงล่ะ” ผมบอกให้พอลมากินกับผม
“ แล้วอาร์ทจะอิ่มเหรอ” พอลถามต่อ
“ เอาน่า ไม่ต้องพูดเลย มากินด้วยกัน” ผมบอก
“โอเค
” พอลพูดแล้วก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆผม แล้วกินข้าวด้วยกัน
“เอ้ย ปลาชิ้นนั้นของเรานะเฟ้ย” ผมบอกพอลพร้อมกับใช้ช้อนแย่งคืนมา
“อะไร ไม่ได้ๆ ไม่เห็นมีป้ายเขียนไว้เลยนี่ ผมจะไปรู้เหรอ” พอลไม่ยอมให้ปลาผมคืน
“นี่แน่ะ อ้ำ” แล้วพอลก็ใช้ส้อมจิ้มปลาเข้าปากทันที
“โหย ขี้โกงอ่ะ” ผมบอกพอล
เราเถียงกันนานพอสมควร จากนั้นเมื่อกินกันเสดแล้วพอลก็เป็นคนเอาจานไปเก็บที่โรงอาหารเหมือนเดิมแล้วก็กลับมาอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวเราใช้ยานวดเท้าให้อาร์ทนะ” พอลบอกผม
“ ไม่ต้องหรอก มันเจ็บอ่ะ” ผมพูด
“ ทนหน่อยน่า จะได้หายไวๆไงล่ะ เนี่ยถ้ารีบๆนวดนะ อีกไม่นานก็หายแล้ว พรุ่งนี้ก็หาย” พอลบอกผม
“อืมก็ได้ แต่เบาๆนะ” ผมย้ำ
“คับผม รับรองไม่เจ็บมากหรอก” พอลกระซิบ
แล้วพอลก็ไปหยิบยาในตู้ล็อคเกอร์ มันเป็นยาพวกใช้นวดบรรเทาอาการปวดน่ะ ไม่รู้ยาอะไรแล้วก็กลับมาที่เตียงเพื่อมานวดเท้าให้ผม
“เราจะใช้ยานี้นวดนะ” พอลบอกผม
“ ยาอะไรอ่ะ” ผมถาม
“มันช่วยได้ละกันน่ะ” พอลบอกพร้อมบีบยาจากหยอดมาพอประมาณ
“โอ๊ยๆ เบาๆหน่อยสิ นายมือหนักจัง” ผมตะโกน
“เจ็บเหรอ โทดคับๆๆ” พอลขอโทดผมใหญ่เลย
“5 5 5 ล้อเล่นน่า ไม่เห็นจะเจ็บเลย” ผมแกล้งพอลเล่นๆ
“หนอย หลอกงั้นเหรอ เจอดีแน่ นี่
” แล้วพอลก็เอามือที่ยังไม่เลอะอีกข้างหนึ่งมาหยิกแก้มผม แล้วก็แกล้งจักจี้ผมด้วย ผมก็หลบๆ
“เอ้าๆ พอน่าเลิกเล่นแล้วก็ รีบนวดเหอะ นายจะได้ไปอาบน้ำ” ผมบอก
“อืม ตกลง” พอลพูดแล้วก็นวดต่อไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 5 นาที
“ขอบใจนะ นี่แล้วไม่เสียเวลานายเหรอ ที่มานวดมาทำอะไรให้เราแบบนี้” ผมถามพอล (มันเป็นการถามลองใจดูซิว่าพอลจะตอบยังไง)
“เราบอกแล้วใช่มั้ย ว่าเป็นอาร์ท คนที่เรารัก คนนี้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะ” พอลมองหน้าผมแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“
พอล คือเราก็อยากจะบอกพอลเหมือนกัน คือว่า” ผมกำลังจะพูดอยู่แล้วเชียว
“ เห้ย อาร์ท เป็นไงมั่ง ดีขึ้นรึป่าว พอลขอบใจนะที่ช่วยดูแลอาร์ทน่ะ” ไอ้บอลวิ่งมาหาผมด้วยความเป็นห่วง
“อืม ก็เริ่มดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจ” ผมบอกบอล
“งั้นเราขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” พอลพูดพร้อมกับเก็บอุปกรณ์ทั้งหลายเพื่อที่เตรียมจะไปอาบน้ำ
“อืมตามบาย” บอลพูด
“เดี๋ยว
พอล” ผมเรียก
“
”พอลหันมา
“
ขอบใจนะ สำหรับวันนี้” พูดเสดผมก็ยิ้มให้พอล
“ไม่เป็นไร” พอลพูดแล้วก็เดินไป
บอลชวนผมคุยเรื่อยๆ เกี่ยกับเรื่องบนโต๊ะอาหารววันนี้ว่ามีอะไรกินแล้วก็พูดหลายๆอย่างทำให้ผมเพลินไปด้วย พอลก็ไปอาบน้ำ เมื่อเสดก็มาหาผมที่เตียงเหมือนเดิม จากนั้นบอลก็ขอตัวไปอาบน้ำบ้าง
“เป็นไงมั่ง ดีขึ้นมั้ยอาร์ท” พอลถาม
“ดีขึ้นมากเลย เพราะยาของนายล่ะ” ผมบอกพอล
“แล้วบอลล่ะ” พอลถามผม
“ อ๋อไปอาบแล้วล่ะ เฮ้อ ตอนที่นายไปอาบน้ำนะ มันคุยเรื่องอะไรให้เราฟังมั่งนักก็จำไม่ค่อยได้ มันพูดเยอะเหลือเกิน ตลกทั้งนั้นเลย” ผมพูดพร้อมหัวเราะออกมา
“งั้นเหรอ คงสนุกมากนะ อยู่กับบอลน่ะ” พอลเปลี่ยนสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“ อืมใช่ๆ มันตลกดี ทำให้เราอารมณ์ดีเรื่อยเลย” ผมพูด
“นั่นสินะ บอลเค้าเอาใจนายเก่ง” พอลพูด คราวนี้ผมจับได้แล้วพอลต้องมีอะไรแน่เลย
“ ก็ใช่นะ ว่าแต่ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ” ผมถามพอล
“ก้ป่าว ไม่ได้ทำหน้ายังไงนี่ ก็ปกติ” พอลบอกผม
“รู้แล้วล่ะ นายหึงเราสินะ ใช่ม้าา” ผมบอกพอล
“อะไรนะ” พอลถาม
“หึงไง เรารู้นะ นายหึงเรา” ผมบอกพอล
“ก็ป่าวนี่ เราแค่เห็นอาร์ทกับบอลคุยกันถูกคอ ผมก็ไม่อยากขัดเท่านั้นเอง” พอลพูดด้วยความน้อยใจ
“เฮ้ย นายจะบ้าไปแล้วเหรอ เราไม่ได้เป็นอะไรกับบอลนะ เพื่อนเท่านั้นรับรองได้ คิดอย่างอื่นไม่ได้อ่ะ มันคิดไม่ลง” ผมปฏิเสธ
“จริงเหรอ” พอลถาม
“ก็จริงน่ะสิ หึงจังน้า” ผมแกล้งแซวพอล
“
” พอลยิ้มแล้วทำหน้าอายๆ
“ยิ้มอะไรล่ะ” ผมถามพอล
“ ป่าวน่า” พอลยิ่งเขิลใหญ่เลย
“อืม งั้นเราไปอาบน้ำดีกว่า” ผมพูดพร้อมลุกขึ้นอย่างระวัง
“ระวังนะอาร์ท” พอลพูดยังไม่ทันขาดคำผมก็ล้มลงเพราะขายังไม่หายดี
“โอ๊ย” ผมอุทานเล็กน้อยแต่ก็ไม่คอยจะเจ็บเหมือนเมื่อเย็นแล้ว
พอลประคองผมไว้ขณะนั้นผมใจเต้นแรงไปหมดเลย แปลกๆบอกไม่ถูกอ่ะ
“พะ พอล ปล่อยก่อนก็ได้เราไม่เป็นไรแล้ว” ผมบอกพอลเบาๆ
“ไม่เป็นไรแน่นะ” พอลถามผม
“อืม แน่” ผมตอบแล้วพอลก็ค่อยๆปล่อยมือออก ผมเดินเองได้แล้ว
จากนั้นผมก็ค่อยๆเดินไปอาบน้ำบอกพอลว่าไม่ต้องตามมา ที่จริงอยากให้ตามมานะ อิอิ แต่ผมอายนี่นา ผมรีบอาบน้ำให้เสด(สะอาดน่า) แล้ววก็มาที่เตียง เดินก็กระปวกกระเปียกไปงั้นแหละ เดินช้ามาก กลัวล้มอะ จากนั้น ผมมาถึงใกล้ๆเตียงแล้ว พอลซึ่งอยู่เตียงใกล้ๆผมก็ มาคอยรอรับ
“อาร์ท เสดแล้วเหรอนี่จะขึ้นเตียงไหวเหรอ” พอลมาพะยุงผมแล้วก็ถามผม
“ไม่ไหวได้ไงอ่ะ เตียงเราอยู่ชั้น 2 อ่ะยังไงก็ต้องปีนน่ะแหละ” ผมตอบพอล
“เอางี้ดีกว่านะ อาร์ทนอนเตียงเราละกัน” พอลบอก
“เอ้ย ว่าไรนะ” ผมทำท่าตกใจเล็กน้อย
“ไม่ใช่อย่างนั้นๆ เราหมายถึงว่า ให้อาร์ทมานอนเตียงเรา แล้วเดี๋ยวเราไปนอนเตียงอาร์ทเองไงล่ะ เพราะเตียงเราอยู่ชั้นล่างเอง อาร์ทจะได้ไม่ต้องปีนขึ้นข้างบนไง” พอลบอกผม
“จะดีเหรอ” ผมถาม
“ต้องดีสิ” พอลพูดแล้วยิ้มให้ผม
“อืม ก็ได้” ผมตอบตกลง
“อืมงั้นเราขอตัวไปนอนก่อนนะ” พอลบอกและเดินไปที่เตียงผม
“ได้ เอ่อ เดี๋ยวก่อนพอล” ผมเรียกพอล
“อะไรเหรอ” พอลหันหน้ามาหาผม
“หลับฝันดีนะ” ผมบอกพอลด้วยสีหน้าที่อายๆ
“คับผม เช่นกันนะคับ” พอลตอบรับผมแล้วยิ้มหน้าแดงเลยจากนั้นก็รีบเดินไปที่เตียงผมแล้วก็นอน ผมเองก็นอนหลับอย่างสบายใจ แต่ก็ไม่สบายใจเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงเรื่องกระเป๋านั่น
ใครกันนะที่ขโมยกระเป๋าผมไป แล้วเอาไปทำไมกันเนี่ย ขโมยตังค์งั้นเหรอ หรือว่าขโมยหนังสือ แค่นั้นไม่เป็นไรหรอก เสียดายก็แต่ไดอารี่เล่มโปรดของผมน่ะสิ ผมเก็บติดตัวมาตั้งแต่ป.6 แล้วนะ มันจะมาหายที่นี่งั้นเหรอ แย่จัง คิดแล้วก็ยิ่งปวดหัว นอนหลับก็ไม่ค่อยจะหลับ ยิ่งคิดยิ่งนอนไม่หลับ แล้วก็คิดถึงเรื่องจดหมายจากรุ่นพี่ที่ส่งมาให้ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร และมีจุดประสงค์อะไรแน่ เฮ้อ
ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว คิดไปคิดมาผมก็หลับไป ตื่นมาก็เช้าของอีกวันแล้ว วันนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เลยบอกบอลว่าไม่ไปเรียน ให้บอกนันแป้งและแก้วด้วย ผมขอนอนที่หอพักนี่แหละ แล้วบอกเพื่อนไว้ว่า ตอนเย็นจะลงไปกินขนมด้วย(อิอิ ขี้เกียจมั้ยล่ะ)
“อืม นายไม่ไหวจริงๆก็นอนต่อไปเหอะ เดี๋ยวเราบอกอาจารย์ให้” บอลพูด
“อืม ใช่ๆเดี๋ยวเราบอกให้ละกัน เพราะอยุ่ห้องเดียวกันกับอาร์ท” พอลบอก
“ขอบใจนาย 2 คนนะรีบไปเหอะ” ผมพูด
“งั้นเราไปละนะ หายไวๆนะคับ” พอลพูดทิ้งท้าย
“แหมๆ ไม่ได้เล้ย” บอลแซว
“แหะๆ นิดหน่อยนะ ไปเหอะ” แล้วพอลก็เดินออกไปพร้อมบอล
“ตอนเย็นอย่าลืมลงมานะ” บอลตะโกนจากหน้าห้อง
“อืม” ผมตอบสั้นๆแล้วนอนต่อ
เวลาผ่านไปเร็วนัก ผมหลับไปอีกไม่นานก็รู้สึกหิว ก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำ จากนั้นผมก็ไปหยิบนมมากิน 1 กล่อง ให้พออยู่ท้องบ้างแล้วก็มานอนต่อ เพราะรู้สึกไม่ไหวเลย ผมปวดหัวจัง จากนั้นผมก็นอนต่อไปประมาณหลายชั่วโมง ตื่นนอนมาอีกครั้งก็เที่ยงกว่าๆแล้ว มองไปข้างหน้า มีอาหารวางไว้เสดสรรพ เป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้า พร้อมกับยา 1 เม็ด จดหมายอีก1 ฉบับเขียนไว้ว่า
---อาร์ทคับ พี่เอาอาหารกลางวันมื้อนี้พี่เอามาให้นะ ทานซะนะ เราไม่สบายอยู่ จะได้หายไวๆ ทานก๋วยเตี๋ยวเสดแล้วทานยาที่พี่ให้ไว้ด้วยนะ อยู่ในซองนี้น่ะ ลองเปิดดู ถ้าไม่กล้ากินก็ไม่เป็นไรนะคับ แต่ยาเม็ดนี้คือพาราฯ ไม่ใช่ยาอื่นแน่นอน เอาเป็นว่าจะกินหรือไม่กินก็ตามแต่ความต้องการของน้องนะ พี่ขอให้น้องหายไวๆนะคับ อีกไม่นานหรอก พี่จะบอกว่าพี่เป็นใคร คับพี่ไม่รบกวนอาร์ทแล้วล่ะ
จากรุ่นพี่คนหนึ่ง
---
“ใครกันนะ ไม่ยอมบอกซะที แต่ก็ขอบใจละกัน” ผมพูดกับตัวเอง จากนั้นก็กินก๋วยเตี๋ยวไปอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อกินเสดผมก้นั่งมองยาเม็ดที่พี่เค้าให้มาอย่างพินิจพิจารณา ว่าควรจะกินดีรึป่าว ตอนแรกผมก็ไม่กล้ากิน แต่เป็นเพราะอะไรไม่รู้ ในสมองอยู่ๆก็มีความคิดเข้ามาว่า กินเข้าไปเถอะ ไม่ตายหรอก ว่าแล้ผมก็กินเข้าไป แล้วก็นอนหลับ ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ บ่าย3โมงแล้ว ผมก็ตื่นขึ้นมาไปล้างหน้า คราวนี้ผมรู้สึกกระปี้กระเป่าขึ้นมาทันที หายปวดหัวแล้ว จากนั้นผมก็ลงไปหาเพื่อนข้างล่าง ไปรอที่ใต้อาคาร นั่งรอจนถึง 4 โมงครึ่งก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาหาผมเลย ปกติเป็นเวลาเลิกเรียนแล้วนะเนี่ย ผมก็รออีกักครู่รู้สึกว่ารอไม่ไหวแล้วก็เลยไปตามเพื่อนๆที่อาคารเรียน พอไปถึงที่ห้องเรียนก็ไม่เจอใครซักคน ผมเลยเดินเข้าไปในห้อง
“ทำไมมันเงียบอย่างงี้เนี่ย” ผมพูดคนเดียว
“เฮ้ย นั่นมันกระเป๋าเรานี่นา” ผมอุทานพร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วตรวจของในกระเป๋าดูว่าอยุ่ครบหรือไม่
ทันทีที่ผมเปิดกระเป๋า ผมเกิดอาการอึ้งทันที เมื่อในกระเป๋าผมมีกล่องของขวัญเต็มไปหมด แล้วเมื่อมองไปใต้โต๊ะของผมก็มีดอกไม้ช่อใหญ่เป็นดอกกุหลาบสีขาว ให้ตายสิเป็นดอกไม้ที่ผมชอบมากๆเลย ดอกกุหลาบขาว มันสื่อถึงความบริสุทธิ์ ผมตกใจกับทุกสิ่งทั้งหมดที่ผมเห็น
“นี่มันอะไรเนี่ย มันมาได้ไงอ่ะ ของพวกนี้” ผมอุทานกับตัวเอง
“ของพวกนี้คือของขวัญวันเกิดของอาร์ทไง” พอลพูดพร้อมกับเดินออกมาจากหลังห้อง
“นาย
นี่อย่าบอกนะว่านายเป็นคนให้เราทั้งหมด” ผมพูดด้วยความตกใจ
“ถ้าเราบอกว่าใช่ล่ะ” พอลถามและยิ้มให้ผม
ผมอึ้งไปยกใหญ่ ทันทีที่ผมรู้สึก ผมมีความดีใจเป็นที่สุด และเข้าโอบกอดพอลทันทีเลย น้ำตาผมไหลออกมาทันที ความรู้สึกโกรธที่ผมน่าจะมีต่อพอลที่ขโมยกระเป๋าผมไป มันหายไปหมดแล้ว ตอนนี้ผมและพอลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ผมดีใจมากๆเลย ไม่คิดว่าจะมีช่วงเวลานี้
“แล้วนายรู้ได้ไงล่ะ ว่าวันนี้วันเกิดเรา” ผมถามทั้งน้ำตาอย่างนั้น
“ ก็เพื่อนอาร์ทไง เราถามเพื่อนอาร์ทน่ะ ถามนันเอา” พอลพูดพลางค่อยๆปาดน้ำตาจากแก้มผมที่ไหลอาบลงมาถึงมุมปากเลยทีเดียว
“เรา
ขอบใจพอลมากเลยนะ” ผมพูดออกไป
“เอาอีกละ ขอบใจอีกแล้ว ไม่ต้องขอบใจหรอกน่า” พอลบอกผม
“อืม” ผมตอบ
“ของขวัญที่แท้จริงอยู่ในมือเราต่างหาก” พอลพูดพร้อมหยิบตลับทึบแสงออกมาผมพอจะเดาออกแล้วว่ามันคือ..
“คือนาฬิกาใช่มั้ย” ผมรู้ทันแล้วยิ้มให้พอล
“ผมนี่ไงชอบมั้ย มาเอามือมาสิเดี๋ยวเราใส่ให้นะ” พอลบอกผม ผมเองก็ยื่นมือให้
“ชอบสิ นายดีกับเรามากจริงๆนะพอล” ผมพูดประโยคนี้หลายรอบแล้วล่ะ
“
” พอลได้แต่ยิ้ม
“คือ นาย
เอ่อ ที่เคยถามเราไว้น่ะ” ผมพูดติดๆขัดๆ
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ” พอลแกล้งถามทั้งๆที่น่าจะรู้อยุ่แล้ว
“เอ่อ เรื่องนั้นไง
” ผมพูดตะกุกตะกัก
“เรื่องอารายล่ะ” พอลแกล้งถาม
“เรื่องนั้น
เราตกลงนะ ที่จะร่วมดูแลต้นรักที่นายกับเราปลูกด้วยกัน เราจะทำให้ดี เราสัญญา” ผมพูดกับพอล
พอลมองหน้าผม ยื่นหน้ามาใกล้มากๆเลย แล้วก็ยิ้ม จากนั้นก็ดึงผมเข้าไปกอดอย่างแน่น
“ขอบใจนะอาร์ท เราสัญญาว่าจะไม่ทำให้อาร์ทผิดหวังเลย” พอลพูด
“อืม เราเองก็เหมือนกัน” ผมพูดแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้
“พอลรักอาร์ทนะคับ” พอลพูดด้วยเสียงที่โรแมนติกมากๆแล้วริมฝีปากของพอลก็ลงมาอยู่บนปากผมชั่วครู่หนึ่งและคลายออกอย่างนุ่มนวล มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นมากคับ
“
เราก็รักพอลเหมือนกัน” ผมตอบเบาๆ
ความรักจะอยู่ได้นานหรือไม่ เปรียบได้กับต้นไม้ที่จะมีน้ำที่ใสสะอาดมาหล่อเลี้ยงตลอดเวลาหรือไม่ ถ้าขาดมันก็ไม่เจริญเติบโต หรือ ถ้าให้มากไปรากอาจจะเน่าและต้นไม้จะตายในที่สุด
จากวันนั้น ผมรู้สึกได้ว่า ชีวิตผมมีอะไรเพิ่มเข้ามาในชีวิตเพิ่มมากขึ้น ชีวิตมีอะไรให้คิดอยู่เสมอ ความรักมันเป็นอย่างนี้เองเหรอเนี่ย ชีวิตผมสดชื่นเสมอเลย มีคนคอยเป็นห่วงและเอาใจใส่ตลอด คอยถามเสมอว่าผมสบายดีรึป่าว มีอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน เหมือนเค้าคนนั้นจะเป็นคนมาคอยดูแลชิตผมด้วยเลย ไม่ใช่สิ ประคองกันไปน่าจะดีกว่า รู้สึกว่าผมมีความสุขเมื่อคิดถึงเค้าคนนั้น
เค้าดีกับผมมากๆเลย ผมไม่เคยอบอุ่นลักษณะนี้มาก่อนเลย มันไม่เหมือนความอบอุ่นจากพ่อแม่ จากเพื่อน จากคนที่สนิท แต่มันคนละอย่างกันเลย แตกต่างมาก ผมค่อนข้างจะเขิน เวลาที่อยู่ใกล้เค้าคนนั้น ไม่ค่อยกล้าสบตา เหมือนเค้าจะจ้องจับผิดสายตาผมเลย อายมาก เค้าก็ชอบบอกให้ผมสบตา แต่ผมไม่ค่อยกล้าเท่าไรนัก มองก็มองนิดเดียว แต่เชื่อมั้ยคับ เวลาผมมองเค้าน่ะ เค้าเองก็เขินผมเหมือนกันแหละ เป็นต้นไม้ของกันและกัน ต้นรักที่ต้องดูแลอย่างทะนุถนอม จนเจริญเติบโต น้ำที่มาหล่อเลี้ยงต้นรักนี้ ต้องเป็นน้ำที่ใสสะอาด พร้อมที่จะน้ำคุณค่ามาสู่ต้นไม้ของสองเราได้ตลอด (ถ้ามีแต่น้ำสะอาดบริสุทธิ์ตลอดไปก็ดีสินะ)
และแล้วเทศกาลแห่งความสุข วันที่ทุกคนรอคอยก็ใกล้มาถึง
“ ดีจัง ใกล้จะปีใหม่แล้วสินะ นี่ยัยแป้ง หนุ่มต่อของเธอน่ะ มีอะไรเซอร์ไพร์รึป่าวจ๊ะ” นันพูดขึ้นในขณะที่เพื่อนๆทุกคนก็มานั่งกินขนมที่เก่า
“บ้าเหรอแก แต่เอ๊ะ เป็นจริงก็ดีสิ ” แป้งตอบนัน “ว่าแต่เธอเถอะ หนุ่มกทม.ของเธอที่บอกเท่ห์นักหนาน่ะ เอาไว้พอมาให้เพื่อนๆดูตัวกันมั่งบ้างนะยะ ชั้นจะได้ตรวจสอบให้ดีว่าผ่านหรือไม่ อิอิ” แป้งพูดแล้วหัวเราะออกมา
“แล้วจะพามาละกันนะ เอ้าแก้ว ว่างัยล่ะหล่อน ปีใหม่นี้มีอะไรที่เป็นสีสันของชีวิตมั่ง หรือว่าอ่านหนังสือลูกเดียว” นันถามแก้ว
“ แหมๆ ชีวิตชั้นไม่อับเฉาอย่างนั้นหรอกย่ะ” แก้วตอบ
“แล้วแก้วจะทำอะไรเหรอปีใหม่น่ะ” บอลถาม
“ วางแผนแล้วย่ะ ก็เราจะไปเที่ยวเหนือกับครอบครัวน่ะ” แก้วบอกทุกๆคน
“ต๊าย โรแมนติก & คลาสสิค & อิโรติค มากๆเลยนะเนี่ย” แป้งพูด
“นี่แป้งอันหลังน่ะไม่เอานะยะ” แก้วแย้งขึ้น
“จ้าา ว่าแต่ไปเหนือน่ะไปจังหวัดอะไรล่ะ” แป้งถามต่อ
“ก็ไปหลายจังหวัดนะ ขึ้นไปเรื่อยๆน่ะ ลำปาง ลำพูน น่าน พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย” แก้วตอบ
“รวยนักนะยะหล่อน งั้นขอปายด้วยคนเด่” นันพูดขึ้นพร้อมทำท่ากวนๆ
“ก็มาสิ แต่ชั้นให้เกาะล้อไปนะ ที่ไม่พอหรอก อิอิ” แก้วตอบพร้อมกับทำหน้ากวนๆเช่นกัน
“ 5 5 5” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกัน
“นายล่ะบอล เป็นไงปีใหม่นี้จะมีอะไรดีๆกับนายมั่ง” แป้งถามบอล
“ไม่มีไรมากอ่ะ ญาติๆก็มาบ้านเราก็ไปเที่ยวกันเยอะๆ แค่นั้นเอง” บอลตอบ
“ เหรอ ก็ดีนะ ญาติเยอะล่ะสิ” ผมพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน
“ก้ประมาณนั้นอ่ะ” บอลตอบผม
“แล้วนายล่ะ ไปเที่ยวไหนรึป่าว” ถามผมกลับ
“เฮ้อ
ไม่รู้ดิ แม่เราไม่ค่อยจะว่างเลย อาจจะไม่ได้ไปก็ได้” ผมตอบแบบไร้อารมณ์มากๆ
“เหรอ ไปเที่ยวกับพวกเราก็ได้นะ” นันพูด
“พวกเรานี่มีใครมั่งอ่ะ” ผมถาม
“ก็ยัยนันเราแล้วก็แฟนยัยนัน แค่นี้จ้ะ” แป้งตอบผม
“โอ้ งั้นเราไม่ขอไปกวนดีกว่า ตามสบายเถอะ” ผมทำท่าบ๊าย บาย
“ไม่ต้องเกรงใจน่า เพื่อนๆกันทั้งนั้นแหละ” นันพูด
“ ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะที่ชวน” ผมพูดแล้วยิ้ม
“นี่ถ้าญาติไม่ได้มาที่บ้านเรานะ จะชวนนายไปเที่ยวแล้วอาร์ท” บอลบอก
“ไม่เป็นไรน่าเราไม่เหงาหรอก ชินแล้ว”ผมพูด
“ชินแล้วก็หมายความว่า ไม่ได้เที่ยวตอนปีใหม่มาหลายปีแล้วล่ะสิ โหไม่ดีเลย แทนที่จะได้ผ่อนคลายมั่งนะ ปีนึงมีครั้งเดียว” แก้วพูดเชิงปลอบใจผม
“อืม
นั่นสิ เอ่อขอตัวกลับหอก่อนนะ วันนี้มีการบ้านเยอะน่ะ” ผมพูดพร้อมกับลุกจากโต๊ะกินขนมแล้วเดินกลับหอไปคนเดียว
“เค้าจะรีบกลับไปทำไมกันนะ” นันถาม
“เอาน่าช่างเค้าเหอะ” แป้งบอก
“คงน้อยใจ อยากไปเที่ยวปีใหม่มั้ง” บอลพูดขึ้น
“นั่นสินะ” แก้วเสริม
“เราควรจะทำอะไรเพื่ออาร์ทมั่งนะ” นันพูด
“แกหมายความว่าไงอ่ะ” แก้วถาม
“ ต้องปรึกษาพอลแล้วล่ะ” นันตอบ
นัน แป้ง แก้ว และบอล ตามหาพอล และเมื่อเจอพอล ก็ปรึกษากัน เรื่องที่จะให้ผมได้ผ่อนคลายบ้าง ในวันหยุดปีใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราคุยกับอาร์ทให้นะ” พอลพูด
“ตกลง ขอบใจนายมากนะ” บอลพูด
“ไม่เป็นไร” พอลตอบ
“ที่จริงไม่เห็นต้องขอบคุณเลย พอลเค้าเต็มใจอยู่แล้วล่ะ อาร์ททั้งคนนี่นา จริงมั้ยจ๊ะพอล” นันอดที่จะแซวพอลไม่ได้ ทำให้พอลหน้าแดงขึ้นมาทันที
“
” พอลพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้ม
“ยิ้มน่ารักออกอย่างนี้ ไม่ยิ้มใส่อาร์ทดีกว่า เราไม่อยากใจละลายตอนนี้นะจ๊ะ” แป้งก็แซวบ้าง
“เอ่อ งั้นเราขอตัวก่อนนะ” พอลพูดแล้วเดินไปเล่นกีฬาต่อ
“ดูสิ น่ารักมากเลยนะพอลเนี่ย ทั้งหล่อ เท่ห์ ขาวก็ขาว โอ๊ย เพอร์เฟคมากเลย” นันพูดพร้อมทำท่าเพ้อฝัน
“เลิกบ้าได้แล้วนัน เค้าเดินไปโน่นแล้ว” บอลเรียกสติจากนัน
“ก็เค้าเดินไปแล้วน่ะสิยะ ชั้นถึงพูด นายนี่ไม่รู้อะไรซะเลย หล่อ(น้อยกว่าพอล)ซะป่าว เชอะ” นันเชิดใส่บอล
“อะไรฟะ” บอลพูดกะตัวเอง
“ ไปกันเถอะ นี่มันได้เวลาโทรศัพท์แล้ว เดี๋ยวมายดาร์ลิ้งค์จะรอ” แป้งพูดพร้อมกับเดินนำหน้าเพื่อนๆไปก่อนแล้วหันกลับมาขวักมือเรียกเพื่อนคนอื่นๆ
เมื่อถึงเวลา 6 โมงเย็นผมก็ลงจากหอพักมาที่โรงอาหาร เพื่อที่จะมารอรับประทานอาหารเย็นตามปกติ
“หวัดดี” พอลทักผม
“
หวัดดี” ผมตอบอย่างอายๆ
“ เอ่อคือ
ปีใหม่นี้ ไปเที่ยวกันนะ” พอลชวนผม
“เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปได้รึป่าว” ผมตอบ
“ ได้สิ เราโทรถามแม่อาร์ทให้แล้ว ไม่มีปัญหา เหลือแต่ตัวอาร์ทล่ะ” พอลทำหน้าตาเจ้าเล่ห์
“อะไรนะ นายโทรไปหาแม่เรามาเหรอ แล้วเอาเบอร์มาจากไหนหาา” ผมตกใจเลย
“ ก็ไม่เห็นแปลกนี่ ทำไมเราจะรู้เบอร์บ้านแฟนตัวเองไม่ได้ล่ะ” พอลพูดเสดก็ยิ้มอีกแล้ว
“แล้วนายบอกแม่เราว่าอะไรบ้างล่ะ” ผมถามพอล
“ ก็บอกว่าเรา 2 คนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตอนนี้ ให้อาร์ทไปเที่ยวกับเราตอนปีใหม่ได้มั้ยคับ” พอลบอก
“แล้วแม่เราว่าอะไรบ้าง” ผมถามต่อ
“แม่อาร์ทก็ตกลงทันทีเลยน่ะสิ บอกว่าฝากด้วยนะจ๊ะอีกต่างหาก” พอลพูด
“ว่าไงนะ แม่เราตกลงเหรอ เป็นไปได้ไงเนี่ย มีการบอกว่าฝากนายด้วยเนี่ยนะ จะเชื่อได้มั้ยล่ะ” ผมทำท่าไม่แน่ใจ
“ไม่เชื่อก็ลองถามแม่อาร์ทดูสิ” พอลบอกผม
“ อืม ไม่ต้องๆ เชื่อก็ได้” ผมพูดแล้วก็ยิ้มออกมา
“คับผม เอาเป็นว่าตกลงนะ” พอลถามผมพร้อมทำหน้าลุ้นรอคำตอบ
“
ขอคิดดูก่อนละกัน อาจจะไม่” ผมตอบ
“งั้นเหรอ
ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ไปหรือไม่ไปบอกผมด้วยละกัน” พอลทำหน้าหมดหวัง (น่าสงสาร+น่ารัก มากๆเลย)แล้วจะเดินไป
“เดี๋ยวๆ นี่นาย ล้อเล่นแค่นี้ไม่ได้เลยเหรอ เราไปนะ” ผมเผลอยิ้มออกมาทำให้พอลจับได้ว่าผมแกล้งเค้า
“อ๋อ นี่แกล้งกันเหรอ มานี่เลย ต้องโดนทำโทษ” พอลวิ่งไล่ผมแต่ไม่ทันซะแล้ว ผมหนีเหมือนกัน
“พอๆก่อน เหนื่อย ไม่เล่นแล้ว” ผมพูดพร้อมกับหยุดหายใจยกใหญ่เมื่อวิ่งมาถึงหลังโรงอาหาร
“ก็ได้” พอลก็หยุดไล่เหมือนกัน
“แล้วจะพาเราไปเที่ยวไหนล่ะ” ผมถามพอล
“เดี๋ยวบอก มานี่ดิ” พอลทำท่าจะกระซิบผม ผมเองก็เดินเข้าไปหา ปรากฏว่า
“เฮ้ย
” พอลแอยหอมแก้มผมเฉยเลย แล้วพอลก็เอามือปิดปากผมไว้ เพราะรู้ทันว่าผมต้องร้องแน่
“เอาคืน ข้อหาที่เมื่อกี้แกล้งบอกว่าไม่ไป” พอลพูดเสดก็เตรียมตัววิ่งหนีผม ผมก็ต้องเป็นฝ่ายวิ่งไล่พอลบ้างแล้ว
“หยุดนะ” ผมตะโกน
“ เก่งจริงก็จับให้ได้สิ” พอลหันมาเยาะเย้ยแล้วแลบลิ้นให้อีกด้วย
“อย่าให้จับได้ละกัน ถ้าจับได้ล่ะ น่าดู” ผมขู่
“จะทำไมเหรอ จะหอมคืนรึไง” พอลพูด
“ไอ้บ้าา” ผมตะโกน
เมื่อผมวิ่งไปใกล้พอลแล้ว พอลก็แกล้งหยุด ทำให้ผมชนพอลเข้าอย่างจังเลย กลายเป็นพอลรับผมไว้ทันที ตอนนี้ผมอยู่ในอ้อมกอดของพอลซะแล้ว ทำให้ทำอะไรไม่ถูกเลย หน้าแดงทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างเขินกันเอง
“ตกลงจะพาเราไปไหนล่ะ” ผมถาม แต่ที่จริงก็ยังเขินอยุ่นะ ถามเสดผมก็ก้มหน้าเลย (ลืมสนิทว่าอยู่ในอ้อมกอดของพอลอยู่นะเนี่ย)
“ ไปบ้านเรานะ” พอลตอบเสียงนุ่ม แล้วหอมลงไปบบนหน้าฝากผมชั่วครู่
“อืม
ได้ ขอให้มีนายอยู่ด้วยก็พอแล้ว” ผมพูดออกไปด้วยความจริงใจ
“คับ” พอลตอบสั้นๆ
“เอ่อ
ไปกินข้าวกันได้แล้ว” ผมพูดตัดบท
“จริงสินะ” พอลพูดแล้วก็คลายกอดช้าๆ
“ไปกันเถอะ” ผมชวน
“ไปสิ” พอลตอบ
แล้วผมก็กินข้าวเสดอย่างรวดเร็วจากนั้นก็กลับหอพัก อาบน้ำ แล้วเอาการบ้านมาทำข้างล่างที่โต๊ะทำงาน รู้สึกว่าการบ้านวันนี้จะมีน้อยมาก ผมก็รีบทำให้เสดอย่างรวดเร็ว จากนั้นผมก็เอาหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านเล่นๆ ที่จริงอาจารย์เค้าไม่ให้เอามาโรงเรียนหรอกคับแต่ผมแอบเอาเข้ามา อยากอ่านนี่นา แล้วพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ต้องกลับบ้านแล้วด้วยคือวันศุกร์นั่นเอง ร.ร.ผม ก็รู้กันอยู่แล้วนะคับว่าเป็นร.ร.ประจำ 1 อาทิดกลับทีนึง เข้าร.ร.วันอาทิดน่ะคับ แล้วกลับบ้านวันศุกร์ พรุ่งนี้ก็คือวันศุกร์นั่งเอง ผมจะได้ไปเที่ยววันปีใหม่ที่บ้านของพอล เด็กร.ร.นี้ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กภาคตะวันออกทั้งนั้นแหละคับ ผมเป็นเด็กจันทบุรี และเพื่อนๆผม ไม่ว่าจะเป็นไอ้บอล นัน แป้ง และแก้ว ก็มาจากจังหวัดเดียวกับผมทั้งนั้น ส่วนพอลเป็นเด็กปราจีนคับผม อยู่กบินทร์บุรี ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของปราจีน พอลบอกผมว่าที่กบินทร์น่ะ เจริญกว่าอำเภอเมืองซะอีก เท่ากับอาทิดนี้ผมก็ไม่ได้กลับบ้าน พอพรุ่งนี้ผมก็ไปบ้านพอลเลย แล้วก็อยู่นานซะด้วย เพราะปกตินะคับ กลับบ้านไปวันศุกร์แล้ววันอาทิดก็กลับมาร.ร. แต่นี่เค้าหยุดปีใหม่ให้นะ ก็เลยมาร.ร.วันอังคารน่ะคับ คิดถึงเรื่องไปเที่ยวนี่ก็น่าสนุกนะ ผมคิดอะไรเพลินๆสักครู่ แล้วก็เอาไดอารี่ขึ้นมาเขียน ผมเขียนเป็นประจำทุกวันอยู่แล้วล่ะคับ เป็นการบันทึกเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆของแต่ละวัน ซึ่งมันก็ทำให้ผมได้ทบทวนไปในตัวด้วยว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง แล้วผมก็เริ่มเขียนไดอารี่ บันทึกของวันนี้ ผมไม่เคยให้ใครดูหรอกคับ มันเป็นความลับส่วนตัวนะ ใครจะมาอ่านของผมได้ไงล่ะ มีอะไรบ้างในไดอารี่เล่มนี้เหรอคับ ถ้าผมให้คนอื่นๆอ่านก็หมดกันพอดีสิ แหะๆ ไม่ได้ๆ ผมเขียนไปเรื่อยๆ ได้ประมาณ 1 หน้ากว่าๆ ก็เริ่มแปลกๆ
“เอ๊ะลืมกุญแจบนหออีกแล้ว” ผมพูดกับตัวเองแล้วก็หันหลังไปทันใดนั้นเอง
“พอล
มะ มา ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย” ผมพูดด้วยความตกใจ พร้อมกับปิดไดอารี่ทันที
“ ก็มาเร็วพอที่จะเห็นอะไรดีๆน้า” พอลตอบ
“อะไรดีๆที่ว่าน่ะหมายถึงอะไร” ผมถามด้วยความสงสัย
“ ก็ไอ้นั่นไง” พอลพูดแล้วชี้มาทางไดอารี่ผม
“เฮ้ย นายเห็นเหรอ” ผมถาม
“ ใช่ทำไมล่ะ” พอลตอบหน้าตาเฉย
“ ได้ไงอ่ะ มาแอบดูข้อความในไดอารี่เราได้ไง” ผมพูดขึ้น
“ไม่ได้แอบนะ เราเห็นอาร์ทกำลังเขียนเพลินๆน่ะ ก็เลยไม่อยากเรียก” พอลบอกผม
“แล้วเห็นรึป่าวว่าเราเขียนอะไร” ผมถามพอลอีกครั้ง
“อ๋อ ไม่เห็นหรอก สาบานได้ ถ้าโกหกขอให้..” พอลกำลังจะพูดต่อ ผมก็ขัดทันที
“เอาล่ะๆ เชื่อก็ได้ ไม่ต้องถึงกับสาบานหรอก” ผมบอก
“ อ้าวไม่งั้นอาร์ทจะเชื่อเราเหรอ” พอลถาม
“ ก็นี่ไงเราเชื่อนายแล้วนะ” ผมบอกพอล
“คับๆ” พอลตอบ
“เรากำลังจะขึ้นไปเอากุญแจข้างบน ตอนแรกจะลงมาอ่านหนังสือต่อ แต่ตอนนี้มันขี้เกียจแล้วล่ะ เราจะไปนอนเลยนะ นายจะขึ้นเลยรึป่าวล่ะ”ผมถามพอล
“ ยังหรอก เดี๋ยวเราขออ่านไรเล่นข้างล่างนี้ก่อนซักครู่ละกัน อาร์ทไปนอนก่อนเถอะ” พอลบอกผม
“อืม งั้นเราไปนอนก่อนนะ” ผมเก็บของบนโต๊ะแล้วกำลังจะเดินขึ้นไปนอนข้างบน
“ เอ่อ
อาร์ท ฝันดีนะคับ” พอลพูดกับผมเบาๆ
“ เช่นกันนะ” ผมยิ้ม
“ฝันถึงเราด้วยนะ” พอลพูดด้วยเสียงกะล่อนเชียวล่ะ
“จะพยายามละกันนะ” ผมพูดแล้วเดินขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว
และแล้ววันรุ่งขึ้นก็มาถึงเป็นวันที่เด็กๆทุกคนรอคอยโดเฉพาะเพื่อนๆผมทุกคนเลย มันดีใจกันยกใหญ่ ที่จะได้ไปเที่ยวกัน ผมเองก็ดีใจใช่น้อย ความรู้สึกของคนที่เป็นเด็กประจำด้วยกัน จะเข้าใจดีนะคับ ว่าเราอยู่หอมานานแล้วถึงเวลากลับบ้านได้ไปเที่ยวในวันปีใหม่ แล้วนี่ได้หยุดถึงวันอังคารเลย คงเข้าใจนะคับว่าจะดีใจกันแค่ไหน ผมรีบตื่น ทำภารกิจส่วนตัวอย่างรีบเร่ง และกะปรี้กะเปร่า รีบลงมากินข้าวที่โรงอาหาร แล้วก็ไปอาคารเรียนเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องเรียน เพื่อเตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ ลืมบอกไปนะคับว่าทางโรงเรียนให้เรียนตามปกติในวันศุกร์แล้วจะปล่อยนักเรียนกลับบ้านกันเมื่อเลา บ่ายโมงเป็นต้นไป ดีเหมือนกัน ได้กินข้าวก่อนกลับด้วย
“แก อีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็จาได้ไปเที่ยวกันแล้วนะ” นันพูด
“นั่นสิ ดีจังเลย อยากออกไปเที่ยวแล้ววันนี้ไม่เห็นอยากเรียนเลย” แป้งเอาด้วย
“ อืม ใช่ๆข้าเจ้าอยากไปแอ่วเมืองเหนือแล้วจ้าวว” แก้วทำเป็นพูดเหนือ แต่ที่จริงนะสำเนียงไม่ให้แม้แต่น้อย
“พอลว่าไง ชวนอาร์ทได้รึป่าว” บอลถามพอล
“ ได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา จริงมั้ยอาร์ท” พอลถามอาร์ท
“อืม” ผมตอบตกลง
“ดีเหมือนกันนะอาร์ท นายจะได้ไปเที่ยวซะที เห็นไม่ค่อยได้เที่ยวนี่” บอลบอก
“ก็ดีนะ เรายังไม่เคยไปเหมือนกัน” ผมพูด
“ ใช่ๆ รับรองเราจะเป็นไกด์ให้อาร์ทอย่างดีเลยล่ะ ไม่ต้องห่วงนะ” พอลบอกผม
“ขอบใจนะ ถ้าเป็นอย่างงั้นก็คงจะสนุกน่าดู” ผมเห็นด้วยกับพอล
“ แหมๆ 2 คนนี้ ไม่ต้องมาหวานตรงนี้เลย พอๆ ชั้นไม่อยากโดนมดกัดนะ” นันขาแซวเลย
ผมกับพอลก็อายๆกันทั้งคู่
“อาร์ทๆ มีคนฝากจดหมายมาให้” เพื่อในห้องผมเดินเอา จม.มาให้
“ ใครอ่ะ รู้ป่าว” พอลถามก่อนใครเลย
“ เป็นรุ่นพี่น่ะ เราก็ไม่รู้จักเหมือนกัน” เพื่อนคนที่เอาจม.มาให้ตอบ
“รุ่นพี่คนนั้นอีกแล้ว” พอลพูด
“ใครกันนะ” ผมพูดกับตัวเอง
“ เปิดอ่านเลยสิ” แก้วบอก
“อืม ได้ๆ” ผมบอกพร้อมกับเปิดจม. ทันที
--- วันนี้ก็กลับบ้านแล้วสินะคับ กลับบ้านดีๆนะ เอ๊ะ ไม่ใช่สิ อาร์ทไปเที่ยวกับพอลสินะคับ เที่ยวให้สนุกนะ พี่คงเหงาแย่ ไม่ได้เห็นหน้าน้อง เพราะปกติพี่ก็มองน้องประจำนะ ไม่ต้องกลัวนะ ว่าพี่จะทำให้ความรักของเรา 2 คนจะมีปัญหา เพราะพี่เองรู้ตัวดี ว่าไม่มีสิทธิ์ในอาร์ท ได้แอบรักข้างเดียวอย่างนี้ก็พอใจแล้วล่ะคับ แล้วพี่จะส่งจม. มาให้อีกนะคับ เที่ยวให้สนุกอีกครั้งนะ ไม่รบกวนเวลาอาร์ทแล้ว บายคับ
จากรุ่นพี่คนนึง
----
“เฮ้อ
นายมีคู่แข่งจนได้นะพอล” บอลพูด
“นั่นสิ แต่ท่าทางพี่เค้าเป็นคนดีนะ” พอลบอก
“ อยากรู้จังว่าพี่คนนี้เป็นใคร จะหล่อมั้ยน้าา” แป้งทำท่าเพ้อฝันอีกละ
“ อย่าเพิ่งคิดงั้นสิ อาจจะหน้าตาไม่ได้เรื่องก็ได้ ถึงไม่กล้าเจอหน้าอาร์ทไง” นันบอก
“ เป็นไปได้อย่างนันพูด” แก้วพูด
“เอาล่ะ ไว้พี่เค้าก็คงบอกเองแหละว่าเค้าคือใคร เลิกพูดได้แล้ว” บอลพูด
“งั้นไปกินข้าวเที่ยงกันเถอะ จะถึงเวลากลับบ้านแล้ว” ผมบอก
“ไปสิ” เพื่อนๆพูดพร้อมกัน
ทุกคนก็รีบทานอาหารกลางันให้เสดแล้วก็ไปเก็บสัมภาระที่หอเพื่อที่จะรอผู้ปกครองมารับกลับบ้าน เมื่อเก็บของเสดแล้วก็ลงมารอผู้ปกครองกันที่หน้าโรงอาหาร ผู้ปกครองของแต่ละคนก็ทยอยกันมารับ ทำให้รถติดเล็กน้อย ผมก็กลับพร้อมพอล เพราะไปเที่ยวกัน ส่วนนันกับแป้งก็กลับพร้อมกันเพราะไปเที่ยวด้วยกัน แม่ของแก้มารับก่อนเลย
“แก้วแม่เธอนั่นไง มาแล้ว” นันพูด
“ อืม จริงด้วย งั้นเราไปก่อนนะ ทุกคนบ๊าย บาย แล้วเจอกันจ้ะ” แก้วบอกผมและเพื่อนคนอื่นๆ
“ เที่ยวเหนือให้สนุกนะ” ผมบอกแก้ว
“ จ้าไปละ” แล้วแก้วก็ขึ้นรถไป
ผู้ปกครองของพอลมารับในเวลาต่อมา ที่เหลือก็คือบอลนันและแป้งซึ่งก็มารับหลังจากที่พอลกับผมกลับไปแล้วไม่นาน ผมจะได้ไปเที่ยวบ้านพอลแล้วเหรอเนี่ย แล้วเค้าจะพาผมไปไหนบ้างนะ คิดแล้วน่าสนุกจัง
ต้องขอโทดเพื่อนๆที่ติดตามอ่านเรื่องของผมด้วยนะคับ ที่ส่งเรื่องมาไม่ค่อยต่อเนื่อง ผมใช้เวลาว่างๆเขียนเอาน่ะคับ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลย นี่ก็เพิ่งพักนะเนี่ย- -“ เอาล่ะคับ งั้นมาอ่านกันต่อเลยนะ เป็นตอนสุดท้ายแล้วล่ะคับ
ผมสวัสดีพี่ชายของพอลซึ่งเป็นคนมารับ พี่ของพอลให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดีเลย เป็นความรู้สึกที่ภาคภูมิใจมากๆเลย แต่ใครจะรู้ได้ล่ะว่าการมาเที่ยวครั้งนี้ของผมจะเป็นจุดจบของความสัมพันธ์ของผมกับพอล ในวันหยุดปีใหม่คราวนี้ ร.ร.หยุดให้หลายวันเลยทีเดียว ซึ่งเหมาะแก่การไปเที่ยวต่างจังหวัดอย่างนี้เป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงบ้านพอล ผมก็ลงจากรถแล้วก็ขนของลงจากรถ แต่ทันใดนั้นเอง แม่ของพอลก็ออกมาจากบ้านแล้วทักทายผมอย่างมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมาก ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจในพอลมากขึ้น
“พอลมาถึงแล้วเหรอจ๊ะลูก” แม่ของพอลซึ่งท่านมีลักษณะคล้ายๆแม่ของผมเลย ดูท่าทางเป็นหญิงอายุประมาณ 40 ต้นๆตัวเล็กๆ บุคลิกและการแต่งตัวเป็นสไตล์เดียวกับแม่ผมเลย
“คับแม่ แม่คับนี่อาร์ทคับ” พอลแนะนำผมให้แม่ตนเองรู้จัก
“เหรอจ๊ะ เพื่อนพอลเหรอลูก ทานอะไรมารึยังล่ะ เอ้า! พอลลูกทำไมปล่อยให้เพื่อนถือของล่ะ เราเป็นเจ้าของบ้านนะทำตัวให้เหมาะสมสิ ถือให้อาร์ทเค้าเดี๋ยวนี้เลยนะ” แม่ของพอลต่อว่าพอลเล็กน้อย ทำให้ผมต้องหัวเราะออกมาหน่อยๆ
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกคับ ผมถือได้คับ ขอคุณมากคับ” ผมพูดขอบคุณแม่ของพอล
“เราถือดีกว่านะ” พอลพูดจบก็เอามือมาแย่งกระเป๋าจากผมไปทันทีเลย
“ จ้ะ แล้วนอนห้องเดียวกับพอลนะ แม่จัดไว้ให้แล้วล่ะ พอลพาอาร์ทไปที่ห้องด้วยนะ อาบน้ำอาบท่าซะ แล้วเดี๋ยวพาอาร์ทลงมาทานข้าวนะ” แม่พอลกำชับพอลใหญ่เลย ผมดีใจมากเลยที่ทางบ้านพอลให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี รู้สึกอบอุ่น เหมือนกับเป็นบ้านของตัวเองเลย แต่อีกใจหนึ่งก็เกรงใจเหมือนกัน
“คร้าบบ” ว่าแล้วพอลก็พาผมขึ้นไปบนห้องทันที
แล้วพอลก็พาผมไปบนห้องนอน ห้องนอนของพอลเป็นอะไรที่เป็นเอกลักษณ์มากเลย ในห้องจะเต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูนเต็มไปหมด เป็นปกติที่ผู้ชายทั่วไปอ่านกันแต่นี่มากกว่าปกติเท่านั้นเอง ผมเองก็ชมห้องของพอลว่าสวยอยู่เหมือนกัน จนเจ้าของห้องลอยไปเลย
“ พอล ห้องนายจัดน่ารักจังนะ น่าอยู่ด้วย” ผมก็พูดตามปกติเท่านั้นเอง
“เหรอ ขอบใจ อาร์ทก็มาอยู่กับเราเลยสิ” พูดทำท่าพูดเล่นแล้วก็ต้องเตรียมตัวหนีผมแน่นอน่าผมต้องไล่อีก เฮ้อ
เหนื่อย วิ่งเร็วจับไม่ทัน
“บ้าา” ผมพูด
“เอาล่ะพอๆๆ ไม่เล่นละ ไปอาบน้ำกันเถอะนะ ปะๆ” พอลชวนผมอาบน้ำ
“ได้ๆ” ผมก็ตอบไป
“อาบพร้อมกันนะ” พอลพูดแล้วยักคิ้วข้างนึงเพื่อความทะเล้น
“จะบ้ารึไงอ่ะ นายอาบก่อนสิ” ผมพูดพร้อมตีไปที่อกพอลเบาๆ
“โอ๊ยๆ เจ็บน้า คนอารายมือหนักที่สุดเลย” พอลเกรงทำเป็นเจ็บแบบเด็กๆ ช่างน่ารักซะจริง
“เวอร์ไปแล้วมั้งเนี่ย ตีเบาๆเองนะ” ผมพูดแล้วก็ไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเพื่อที่จะอาบน้ำก่อน
“ นายยังไม่อาบ งั้นเราอาบก่อนนะ” ผมพูดเสดไม่รอคำตอบหรือคำพูดอะไรจากพอลเลย เดินเข้าห้องน้ำทันที
“ แซงคิวอ่า โห งั้นเปิดเลยอาบด้วย ข้อหาแกล้งเราและยังแซงคิวห้องน้ำอีก” พอลพูด
“ ไม่ได้” ผมพูดสั้นๆ
..
พอลดูแลผมดีมากเลยคับ ผมรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้านตัวเองเลย ผมใช้เวลาเที่ยวที่บ้านพอลอย่างคุ้มค่า พอลพาผมไปเที่ยวที่ต่างๆมากมาย ไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย เที่ยวอย่างเดียว ดีแล้วล้ะคับ ถ้าผมกลับมาบ้านนะ ก็ไม่ได้เที่ยวไหนหรอกถึงแม้ว่าจะเป็นวันหยุดแบนี้ก็ตามทีเหอะ เพราะแม่ผมก็ไม่ค่อยว่างด้วย ธุรกิจรัดตัวเหลือเกิน ผมเที่ยวที่บ้านพอลอยู่หลายวันเลยจนกระทั่งร.ร.เปิด ผมยังรู้สึกว่าเพิ่งจะมาได้ไม่กี่วันเอง ผมก็ไปร.ร.พร้อมพอล
“ขอบคุณมากคับ สวัสดีคับ” ผมหวัดดีพี่ของพอลที่มาส่งเข้าร.ร.
“ไม่เป็นไร ตั้งใจเรียนกันนะ พอลดูแลเพื่อนดีๆรู้มั้ย” พี่ชายพอลพูดขึ้น (ดูจากคำพูดแล้วแปลกๆมั้ย)
“ของมันแน่อ่ะพี่ ดูแลอยู่แล้วไม่ต้องบอกก็ได้ จริงมั้ยอาร์ท” พอลทำหน้าเจ้าเล่ห์มองมาที่ผม
“เอ่อ
ไม่รู้สิ” ผมตอบ
“งั้นไปก่อนนะ ปะอาร์ท ไปหอพักกันเถอะ” พอลชวนผม
“อืมงั้นพี่ไปละ” ว่าแล้วพี่ชายของพอลก็ขับรถกลับ
แล้วเมื่อถึงขอหัก เพื่อนๆผมก็แซวกันยกใหญ่เลย ผมว่าแล้วว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เฮ้อ..- -“
“ฮั่นแน่ไอ้อาร์ท เป็นไงมั่น ฮันนีมูนสนุกไปเลยล่ะสิท่า 555” ไอ้พอลมันเริ่มแซวได้อย่างกวนตีนมากๆ
“บ้าเหรอ ฮันนีมูนอะไรกัน ก็แค่ไปเที่ยวน่ะ” ผมตอบไป
“เอาเหอะ แก้ตัวก็เท่าน้าน” บอลมันยังไม่เชื่ออีก
“ก็มันจริงอ่ะ พอเหอะงั้นเดี๋ยวลงไปข้างล่างกัน ไปหาพวกนันกัน มีของฝากมาให้ เอ้าแล้วนี่ของนาย” ผมยื่นพวงกุญแจไปให้
“ขอบใจ ที่จริงน่าจะสลักชื่อนายกะพอลนะ 555” บอลพูดจบแล้วก็วิ่งหนีหายไปเลย
“
” ผมยืนเงียบ
จากนั้นผมก็ลงไปข้างล่าง เดินไปโรงอาหารเพื่อเอาของไปให้นัน แป้งแล้วก็แก้ว ในขณะนั้นรู้สึกเหมือนกับมีคนเดินตามผมมา พอผมหัน ก็วิ่งหายไป ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ก็สงสัยอยู่นิดหน่อย ผมเดินเข้าไปที่โรงอาหาร ในนั้นน่ะ มันจะมีโต๊ะเยอะแยะไปหมด มีนักเรียนมากมายนั่งอยู่ข้างใน คุยกันบ้าง นั่งทำงานบ้าง นั่งเล่นบ้าง ผมก็เดินไปที่โต๊ะผม เห็นที่โต๊ะมีคนนั่งอยู่คนนึง ผมก็เดินเข้าไปโดยที่เค้าไม่รู้ตัว กะจะแกล้งทำให้ตกใจซะหน่อยโดยการกระโดดเข้าไปทำให้ตกใจ
“เอ่อ
ขอโทดคับ ผมนึกว่าเพื่อน” ผมทักผิดคนซะแล้วอ่ะ แย่จังเป็นรุ่นพี่ะด้วย
“ไม่เป็นไรคับผม คือพี่ก็ผิดที่มานั่งโต๊ะน้อง” พี่ตอบ
“คับผม แล้วพี่ทำไรอยู่เหรอ” ผมทำท่ามองไปที่โต๊ะ สังเกตได้ว่าพี่กำลังเขียนอะไรอยู่บนโต๊ะ
“อ่อ ไม่มีไรคับเอ่อ พี่ไปก่อนนะ” พี่คนนี้แปลกจริงๆ ทำท่าลุกรี้ลุกรน ผมล่ะงงจริงๆ ว่าแต่พี่คนนี้เค้ารู้ได้ไงหว่า ว่าโต๊ะผม
ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากแล้วก็นั่งลงที่โต๊ะเอาของออกมาดู สักพักนันก็เดินมาพร้อมกับแก้วและแป้ง
“ว่าไงจ๊ะ ไปเที่ยวกันมาสนุกมั้ย” นันถามผมเป็นคนแรก
“ก็ดี” ผมตอบ
“แค่นี้น่ะเหรอ” แก้วพูด
“ก็แค่นี้สิ จะมีอะไรอีกล่ะ จริงสิ นี่ๆเป็นของฝากนะ ให้พวกเธอทั้ง 3 คนเลย” ผมพูดพร้อมเอาของฝากยื่นให้ทั้ง 3 สาว
“เอ๊ะ นั่นพอลนี่นา เดินอยู่กับใครก็ไม่รู้” นันสังเกตเห็น
“จริงด้วยๆท่าทางสนิทสนมกันน่าดูเลยนะ” แก้วเสริม
“ไหนๆ ต๊ายจริงด้วย อาร์ทมาดูสิพอลเดินกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้” แป้งเรียกผมให้เดินออกมาดูนอกโรงอาหารซึ่งผมเองก็เดินตามออกมา แล้วก็เป็นจริงตามนั้น ภาพที่ผมเห็นก็คือพอลกำลังเดินจับมือกับผู้หญิงคนนึง ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน
“ช่างเค้าเหอะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ช่างงั้นเหรอ ได้ไงอ่ะ แต่เธอกับอาร์ทเป็น
” นันพูดยังไม่ทันจบ
“เป็นแค่เพื่อนที่อยู่ห้องเรียนเดียวกัน” ผมชิ่งตอบก่อน ซึ่งมันรู้สึกขัดๆกับใจเหลือเกิน
“ไหงเป็นงั้นล่ะ” แก้วกระซิบให้แป้งและก็นันฟัง
“
” ผมยินมองซักพักก็เดินออกไปจากตรงนั้น
‘ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมนะ เราต้องมีความรู้สึกบ้าๆแบบนี้ด้วย ควรจะดีใจกับพอลมากกว่าไม่ใช่เหรอ ที่มีคนรู้ใจจริงๆแถมยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย’ ผมคิดในใจ จากนั้นก็เดินมาที่ใต้ถุนอาคารเรียน ซึ่งลมเย็นมากเลย ว่าแล้วผมก็จึงหาโอกาสเหมาะงีบหลับซะเลย หลับไปได้สักพักผมก็รู้สึกเหมือนกับมีใครมายืนมองอยู่แต่ก็ไม่ได้ลืมตาหรอกคับ เพราะผมคิดว่าอาจคิดไปเองก็ได้ แต่ไม่ใช่อย่างนั้น คนที่มามองผม คือรุ่นพี่คนนึง ใช่แล้ว เป็นคนๆเดียวกับคนที่มานั่งโต๊ะผมแล้วผมทักผิด คนนั้นเลย ว่าแต่ผมก็ไม่รู้ว่ามายืนมองอะไรผมนักหนา รึว่าตัวผมมดขึ้นงั้นเหรอ
“พี่มีไรรึป่าวคับ” ผมถามพี่คนนั้น
“ป่าวคับ เอ่อ พอดีโต๊ะเต็มนะ พี่ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยล่ะ” พี่คนนั้นตอบ
ท่าทางสุภาพด้วย ผู้ดีจัง หน้าตาก็หล่อ หุ่นดี ผิวสีแทน พอดีโต๊ะผมว่างอยู่ด้วย ผมนั่งคนเดียว ถ้าไม่ให้พี่เค้านั่งมันก็จะดูน่าเกลียด
“ได้คับ” ผมตอบไป
“ขอบคุณนะ ว่าแต่นายมานั่งหลับที่นี่ ไม่มีไรทำแล้วเหรอ” พี่ถามอย่างสงสัย
“คงงั้นมั้งคับ”ผมตอบ
“เอ่อ พี่มีของจะให้ด้วยนะ” พี่คนนั้นหยิบของขึ้นมาจากกระเป๋า มันเป็นกระดาษธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะบนกระดาษมีตัวการ์ตูนน่ารักทีเดียว
“พี่วาดเองเหรอเนี่ย” ผมถาม
“ใช่เลย ชอบวาดอยู่แล้วน่ะ” พี่ตอบด้วยควาามภาคภูมิใจ
“ น่ารักนะ ขอบคุณคับ” ผมรับมาพร้อมของคุณพี่ชายคนนั้น
“แต่รูปนี่คุ้นๆจังนะ” ผมรู้สึกเหมือนเคยเห็นตัวการ์ตูนนี้ที่ไหนมาก่อน
“นายคง
จำผิดแล้วมั้ง นี่พี่วาดเอง” พี่คนนี้แปลกจริงทำท่าบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมองหน้าผมตรงๆเวลาพูด
“ แล้วพี่ไม่กลัวผมเอากระดาษนี้ไปทิ้งเหรอคับ” ผมแกล้งถาม
“พี่ว่านายไม่น่าจะทิ้งนะ” พี่ตอบเหมือนรู้ว่าผมคงไม่ทิ้งมัน
“รู้ได้ไงอ่ะ” ผมถาม
“ก็พี่ว่านายเป็นคนชอบสะสมนะ เช่นจดหมาย” พี่ตอบทำให้ผมงงเป็นอย่างมากว่าทำไมถึงรู้ว่าผมชอบสะสมจดหมาย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า รูปที่พี่คนนี้ให้มันเหมือนกับการ์ตูนที่อยู่ในจดหมายที่รุ่นพี่คนนั้นเขียนให้ทุกฉบับ
“เอ่อ พี่ไปก่อนนะ คงได้คุยกันอีกนะ” พี่กำลังจะเดินออกจากโต๊ะที่นั่ง
“เอ่อ เดี๋ยวคับพี่ พี่ชื่ออะไรเหรอ” ผมตะโกนถาม แต่พี่ก็แค่หันมาบอกแค่ว่า
“พรุ่งนี้อาร์ทคงรู้จักชื่อพี่แล้ว” คำพูดนี้ทำให้ผมสงสัยใหญ่เลยว่าทำไมคุ้นจัง แล้วรู้จักชื่อผมได้ยังไงเนี่ย ว่าแล้วผมก็รีบกลับหอพักซึ่งผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า พี่คนนี้จะเป็นคนเดียวกับคนที่เขียนจม.ให้ผมหรือป่าว แต่อีกใจนึงก็ยังนึงถึงเรื่องพอลแล้วน้อยใจเล็กๆ อยู่เหมือนกัน แล้วเมื่อถึงหอพักผมก็รีบขึ้นไปบนห้อง แล้วเปิดตู้หยิบจม.ทั้งหมดที่พี่คนนั้นส่งให้ผมออกมาดู เมื่อดูเสดผมก็สรุปได้ว่าพี่คนนั้นต้องเป็นคนที่เขียนจม.ให้ผมแน่นอนทันใดนั้นเอง
“อาร์ท ไปกินขนมกันมั้ย” เสียงนี้คุ้นหูผมอีกเช่นเคย พอลนั่นเอง
“ไม่ล่ะ นายไปเหอะ” ผมปฏิเสธพอลไป ก็คนมันน้อยใจนี่หว่า
“ทำไมล่ะ ไปกินด้วยกันเหอะ” พอลยังตื้อผมอยู่
“บอกว่าไม่ไงล่ะ นายไปกินกะเฟินเถอะ เห็นเมื่อบ่ายยังเดินจับมือกันไปอยู่เลย รีบไปะเหอะ เดี๋ยวเธอรอนาน” ผมพูดออกไปเสียงดังโดยที่ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าพูดออกมาได้อย่างไร
“อะไรกัน อาร์ท นายเห็นด้วยเหรอ” พอลถามผม
“ เราจะเห็นหรือไม่ก็ไม่สำคัญหรอก ตอนนี้นะ สำคัญแค่ มันเป็นเรื่องจริงใช่มั้ยล่ะ” ผมย้อนถามพอลบ้าง
“เอ่อ
ไม่เอาน่า อย่ามาทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้เลย” พอลพยายามทำให้ผมสงบขึ้น แต่ไม่เลยผมกลับไม่ยอมเค้า
“ขอบใจนะ แต่สำหรับเรามันไม่แค่นี้หรอก และมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราโง่มากๆเลย นายออกไปเถอะเราอยากอยู่คนเดียว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่นะอาร์ท นายกำลัง
”
“หยุดเลย ไม่ต้องแก้ตัวหรอก ถ้านายไม่ไป งั้นเราไปเองก็ได้” ผมปัดคำพูดจากพอลแล้วผมก็ลุกออกไปจากตรงนั้น
“เดี๋ยวสิอาร์ท” พอลตะโกนเรียกผมย้อนหลัง
ในตอนนี้ผมก็คิดในใจว่า คงไม่มีใครรักเราจริงแน่นอน ทำไมนะ พอลต้องทำกะผมแบบนี้ด้วย ถ้าไม่มีความจริงใจให้กัน บอกกันตรงๆได้ถ้าอยากจะมีใครอื่น ผมแค่ไม่อยากยืดยื้อก็แค่นั้น ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจพอลเลย จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาโดยอัตโนมัติ เป็นน้ำตาแห่งความเสียใจ และน้อยใจ ผมวิ่งลงจากหอพักออกไปวิ่งไปที่ถนนเรื่อยๆ จนกระทั่งชนกับบอล
“โอ๊ย
” บอลอุทานขึ้น
“เอ่อ
โทดว่ะบอล” ผมขอโทดบอลพร้อมกับเช็ดน้ำตาเพื่อไม่ให้บอลเห็นแต่ก็ช้าไปซะแล้ว
“เอ้ย อาร์ทนายร้องไห้นี่ เป็นอะไรวะ ใครทำไรนาย” บอลถามผมด้วยสีหน้าที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน
“ป่าวๆไม่มีไร พอดีเราหกล้มน่ะ เลยร้องไห้” ผมพูด
“นายคิดว่าเราโง่เหรออาร์ท บอกมานะว่าใครทำไรนาย” บอลไม่เชื่อที่ผมพูด จะถามเอาความจริงให้ได้
แล้วผมก็บอกความจริงกับบอลไปจนหมด น้ำตาก็ไหลออกมาอีก เหมือนกับยิ่งตอกย้ำความโง่ของตัวเอง
“โห เรื่องแค่นี้เอง นายไม่ต้องไปร้องไห้กะไอ้คนพรรนี้เลย มันจะทำอะไรก็เรื่องของมัน ดีซะอีกที่นายออกมาจากคนหลายใจแบบนี้ได้” บอลพูดพร้อมกับปลอบใจผมโดยการโอบ
“ขอบใจ ขอบใจที่เข้าใจเรานะ” ผมพูดแต่ก็ยังสะอึกซะอื้นอยู่
“เราเพื่อนนายนะเฟ้ยอย่าลืม” บอลพูด
“เอ่อ
ขอโทดคับ ใช่พี่อาร์ทรึป่าวคับ มีรุ่นพี่ฝากจดหมายมาให้คับ” รุ่นน้องคนนึงเดินเอาจม.มาให้
“เห้ยไอ้น้อง ใครฝากเอ็งมาวะ” บอลถามน้องคนนั้น
“เค้าไม่ให้บอกอ่ะคับผมขอตัวก่อนนะ” แล้วเด็กนั่นก็วิ่งไป
“เปิดเลยก็ได้” ผมบอก
“อืมๆ”
---หวัดดีคับ อย่าร้องไห้นะ ไม่ดีหรอก ทุกๆเรื่องมีวิธีแก้ไขนะยังไงๆซะคนที่จริงใจกับเราก็ยังจริงใจอยู่นะ หมายถึงพี่อ่ะคับ แหะๆ ล้อเล่น เอาเป็นว่าอย่าคิดมากนะ พี่พร้อมเป็นที่ปรึกษาให้อาร์ทได้นะ มีอะไรก็บอกพี่ได้เลย ถ้าพี่ช่วยได้พี่จะช่วย เอาเป็นว่าเจอกันที่ใต้หอพักตอน 1 ทุ่มนะคับ พี่จะรอนายนะ แล้วจะบอกว่าพี่ชื่ออะไร เจอกันคับ
.จากรุ่นพี่คนนึง
---
“โอ้โหอาร์ท นี่ไงคนที่จะช่วยรักษาแผลใจนาย” บอลบอกกับผม
“ไอ้บ้า รุ่นพี่นะเฟ้ย”
“รุ่นพี่แล้วไงวะ ดีซะอีกดูจริงใจกว่าไอ้พอลตั้งเยอะ ให้โอกาสพี่เค้าหน่อยเซ่”
“เราไม่รู้ จะให้ตัดสินใจทันทีได้ไง ยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ” ผมตอบ
“เอาน่า เดี๋ยวก็รู้จักกันไปเองแหละ พี่เค้ามองนายอยู่ตลอดนะ เราว่า แล้วอีกอย่าง จดหมายที่นายได้ก็ไม่ใช่ฉบับสองฉบับซะที่ไหนกัน” บอลพูด
“
”ผมเงียบ
เวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาทีนั้นผมคิดว่ามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน ดูมันไร้ค่ายังไงก็ไม่รู้สิ ผมคิดว่าตัวเองตอนนี้มันก็แค่คนอกหักที่โง่เขลาคนนึง ถ้าตอนแรกผมรู้ว่ามันต้องลงเอยแบบนี้นะ ผมไม่ขอมีซะดีกว่าคนรู้ใจหรือที่เรียกกันว่าแฟนเนี่ย มันช่างทรมานใจซะเหลือเกิน ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเพลินไปเรื่อย ข้าวเย็นผมก็ไม่ได้กิน จะไปกินลงได้ไงล่ะเนี่ย มาดูนาฬิกาอีกทีก็ทุ่มสิบนาทีแล้ว จึงนึกขึ้นมาได้
“เฮ้ย ใต้หอ” ผมพูดขึ้นคนเดียวป่านนี้พี่คงรอแย่ เราเนี้ยไม่ไหวเล้ย เสียมารยาท ให้รุ่นพี่รออีก เฮ้อ
.- -“
พอผมลงมาใต้หอแล้วก็มองไปรอบๆ (จะไปรู้ได้ไงว่านั่งโต๊ะไหน คนเต็มไปหมด) จนเมื่อตาไปหมดแล้ว หาไม่เจอหานานแล้วนะเนี่ย จนจะตัดสินใจเดินขึ้นไปบนห้องเหมือนเดิมแล้ว
“อาร์ท อย่าเพิ่งไป” เสียงนี้ทำให้ผมหันกลับไป
“เอ่อ
พี่ใช่
”
“ใช่แล้ว พี่เองนะ คนที่เขียนถึงนายตลอด แอบมองนายมาตลอดเช่นกัน เอาล่ะที่พี่สัญญาว่าจะบอกชื่อ พี่ไม่ลืมหรอกนะ พี่ชื่อเบลคับ” พี่เบลพูดเป็นกันเองกับผมมากเลย
“อ่อ
คับ หวัดดีคับพี่เบล ผมอาร์ทคับ” ผมแนะนำตัวเอง
“555 จะบอกพี่อีกทำไมล่ะ รู้ตั้งนานแล้ว แล้วก็รู้อะไรอีกหลายๆอย่างเกี่ยวกับนายนะ” พี่เบลหัวเราะออกมาเพราะความเปิ่นของผมเอง
“จริงนะสิ แหะๆ” ผมยิ้มแหยะๆ
ผมนั่งคุยกับพี่เบลอยู่นานมากๆเลย พี่เค้าเป็นคนอารมณ์ดี ผมถามไปถามมาพี่เค้าแอบมองผมตั้งนานวันแรกที่เข้ามาเลย แล้วบอกว่าชอบผมด้วย ผมก็บอกว่าผมยังไม่อยากชอบใครอีกแล้วตอนนี้ พี่เค้าก็เข้าใจนะ ดีอ่ะพูดง่ายๆ แล้วก็แบบว่าพี่เค้าก็ชวนผมคุยเรื่องตลกๆขำขันให้ผมหลายเครียด พี่เค้ายังเป็นที่ปรึกษาผมเกี่ยวกับเรื่องความรักอีก แถมยังบอกว่า ไม่ว่าผมจะชอบเค้าหรือไม่ แต่เค้าก็ยังยืนยันคำเดิมว่าชอบผมแล้วยังยืนยันว่าจะรอวันที่ผมชอบเค้า คิดดูดิ ให้ตายเหอะ เหอะๆ ยังมีคนแบบนี้อยู่อีกเหรอเนี่ย แต่พี่เบลบอกว่าไม่ต้องคิดมาก ให้คุยกับพี่เหมือนเดิม ผมก็ทำตามนั้นน่ะแหละ คุยเรื่องอะไรนักไม่รู้จำไม่ได้ เต็มไปหมด จนดูเวลาอีกทีก็เที่ยงคืนแล้ว (ที่ดูนาฬิกาเนี่ย เพราะสังเกตว่าคนโต๊ะอื่นๆลุกกันหมดแล้ว) จนผมต้องเป็นคนขอตัวไปนอนซะที พี่เค้าก็ไปส่งผมหน้าห้อง พร้อมกับบอกว่าฝันดีด้วยแล้วก็บอกว่าดีใจมากที่ผมไม่รังเกียจเค้า ที่จริงผมก็ไม่รังเกียจอยู่แล้วแหละ ก็พี่เค้าไม่เห็นมีตรงไหนที่น่ารังเกียจเลย หน้าตานะหล่อจะตาย คุยเก่ง แถมยังรับฟังความคิดเห็นผมเยอะแยะเลย แล้วก็ดูดี ผมว่าดีเหมือนกันนะเนี่ยที่ผมได้รู้จักกับพี่เบล เมื่อพี่เบลส่งผมเข้าห้องนอนแล้ว พี่เค้าก็กลับไปห้องของเค้า ผมก็เดินเข้าห้องผม เตรียมตัวแปรงฟันแล้วก็นอน(อาบน้ำแล้วนะเฟ้ย) เพราะในห้องปิดไปแล้ว ผมกำลังจะเดินไปตรงล็อกเกอร์ แต่ทันใดนั้น
“เดี๋ยวก่อนอาร์ท” เสียงหนึ่งดังขึ้น
ผมก็หันไป ที่แท้ก็พอลนั่นเอง ผมจึงแกล้งพูดแบบไม่สนใจ
“อะไร” ผมถาม
“อะไรงั้นเหรอ นี่ถ้าเป็นพี่เบล สุดโปรดของนายคงจะขานรับว่า คับผมพี่เบล ใช่มั้ยล่ะ” พอลพูดประชดผม
“นายเป็นอะไรของนาย พูดอะไร” ผมถามอีก
“ใช่สิ เรามันเป็นคนอย่างงี้แหละ เคยบ้างมั้ยว่านายจะพูดกะเราดีๆแบบนี้บ้าง ไม่เคยล่ะสิ” พอลตะคอกใส่ผมพร้อมกับจับมือผมไว้ทั้ง 2 ข้างกำลังจะก้มลงจูบแล้ว
“ ปล่อยนะพอล เจ็บนะ นายบ้าไปแล้วแน่เลย นายอย่าลืมสิว่าคนที่เริ่มก่อนก็คือนาย นายรู้อยู่แก่ใจนะ แล้วอีกอย่างเราจะทำอะไรมันก็เรื่องของเรา นายไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเรา อีกอย่างนายก็เป็นแค่
.อุ๊บบ” ผมพูดออกมาเป็นชุดแล้วก็เข้าทางของพอล พอลจูบผมเข้าอย่างจัง มันทำให้ผมตั้งตัวไม่ทันจนกระทั่งผมร้องไห้ออกมา พอลจึงปล่อยผม
“เราขอโทด แต่เรารักอาร์ทนี่” พอลพูด
“รักงั้นหรอ ทำแบบนี้น่ะเหรอ รัก เค้าเรียกป่าเถื่อนรู้ไว้ซะ” ผมร้องไห้พร้อมกับตบหน้าพอลเข้าให้แล้วก็เดินไปจากตรงนั้น ปล่อยให้พอลยืนอึ้งอยู่
ผมนอนร้องไห้อยุ่นานพอสมควร คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆมากมาย จนหลับไปในที่สุด ตื่นเช้ามาก็ทำภารกิจตามปกติ ผมรู้สึกว่าเบื่ออย่างบอกไม่ถูกเลย ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ด้วย ชักเบื่อร.ร.ประจำซะแล้วนะเนี่ย ผมทำภารกิจส่วนตัวเสดก็ลงมากินข้าวเช้าที่โรงอาหาร จากนั้นก็มีเวลาว่างประมาณครึ่งชม.ก่อนเช้าแถวเคารพธงชาติในตอนเช้า ผมจึงออกมาเดินเล่นที่ข้างๆอาคาร เพราะคิดว่าอากาศบริสุทธิ์น่าจะทำให้ผมเลิกคิดอะไรบ้าๆนี่ได้ซะที แต่ไม่เลยผมกำลังจะเจอกับอะไรที่มันบ้าอีกต่างหาก
“หวัดดีอาร์ท” พอลทักผม
“
” ผมไม่พูดอะไรแต่กลับจะเดินหนี
“กลัวเราเหรอ ที่แท้นายมันก็ขี้ขลาดนั่นแหละ ไม่กล้าคุยกะเรา แต่ถ้าเป็นพี่เบลนายคงไม่ปฏิเสธสินะ” พอลกำลังยุให้ผมโกรธ
“ใครว่าเราขี้ขลาด มีอะไรว่ามา” ผมถาม
“เรารู้ตัว ว่าเมื่อคืนเราทำเกินไป แต่ว่าที่เราทำไปน่ะนายก็รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจ”
“งั้นเหรอ แล้วไง”
“ไม่แล้วไงหรอก ก็เราอยากให้อาร์ทยกโทดให้เรานะ”
“ใครว่าเราโกดนาย”
“ไม่โกดเราแน่นะ”
“ไม่โกด แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยต่างหาก” ผมตอบแล้วเดินจากตรงนั้น
“เดี๋ยวสิ” พอลจับมือผมไว้ไม่ให้ไป
“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมพูด
“ไม่ จนกว่านายจะยอมเข้าใจเรา” พอลพูด
“พอล พอลอยู่นี่จริงๆด้วย เราตามหาตั้งนานแน่ะ ไปเอาหนังสือจากอาจารย์เป็นเพื่อนเราหน่อยสิ อยู่ตั้งชั้น 4 แน่ะ เราเดินคนเดียวเหงาแย่เลย” เฟินเดินมาหาพอล ทำให้พอลต้องปล่อยมือจากผม
“ เอ่อ..ตอนนี้เราไม่ว่าง กำลังคุยธุระกับอาร์ทอยู่น่ะ” พอลพูดบ่ายเบี่ยง
“แต่ตอนนี้คุยเสร็จแล้ว เชิญได้เลยเฟิน” ผมพูดพร้อมกับเดินออกไปจากตรงนั้น
“เดี๋ยวอาร์ท” พอลตะโกนเรียกผมแต่ไร้ประโยชน์
“ไปกันเถอะพอล หาตั้งนานแน่ะรู้มั้ยกว่าจะเจอ” เฟินบ่นในขณะที่เดินไปกับพอล
“อืมไปสิ” พอลพูดกับเฟิน
“คุยธุระอะไรกับอาร์ทเหรอพอล เห็นอาร์ทเค้าหน้าเครียดๆนะ” เฟินถามพอล
“ก็เรื่องในห้องเรียนน่ะ ไม่มีอะไร” พอลตอบยิ่งนิ่งเฉย
“งั้นเหรอ เอ่อพอลรู้มั้ยใกล้จะถึงวันเกิดเฟินแล้วนะ” เฟินทักขึ้น
“จริงเหรอ วันไหนล่ะ” พอลถาม
“อาทิตย์หน้าวันเสาร์น่ะ จะนัดเพื่อนๆไปกิน MK กันในห้างพอลไปด้วยกันนะ” เฟินชวน
“เอ่อ แต่เรา” พอลพยายามปฏิเสธ
“เอาเป็นว่าตกลงแล้วนะ” เฟินเหมาเอาเอง
“คือ
อ่ะไปก็ไป” พอลทำหน้าเซ็งๆ
“เย้ จริงนะอย่าลืมล่ะสัญญาแล้วนะ” เฟินพูด
“คับ” พอลตอบ
ทั้ง 2 คนยืนคุยกันอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่รู้หรอกคับว่าผมกำลังแอบมองพวกเค้าอยู่ มันช่างเป็นภาพที่น่าเจ็บปวดสำหรับผมเอาซะเหลือเกิน ผมก็ไม่เข้าใจพอลเหมือนกันว่าทำไมคำพูดเค้าเปลี่ยนแปลงง่ายดายอย่างนี้ จากนั้นผมก็เดินออกมาจากตรงนั้น เดินไปหน้าตึกเพื่อที่จะเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเช้าเพราะมันถึงเวลาแล้ว และหลังจากเข้าแถวเสร็จผมก็กำลังจะเดินขึ้นห้องเรียนไปพร้อมกับแก้วซึ่งอยู่ห้องเดียวกับผม ขณะนั้นเองผมก็ได้เจอกับพี่เบล เค้าก็กำลังจะไปเรียนวิชาแรกเหมือนกัน
“อ้าวอาร์ท วิชาแรกเรียนอะไรเหรอ” พี่เบลถาม
“อ๋อ สังคมคับ พี่ล่ะ” ผมถามกลับ
“พี่เรียนฟิสิกส์คับ” พี่เบลตอบอย่างสุภาพและให้เกียรติผมมาก
“งั้นผมขอตัวไปเรียนก่อนนะคับ” ผมพูด
“อาร์ท
ใครเหรอ” แก้วกระซิบถามผม
“เอ่อจริงสิลืมแนะนำ แก้วนี่พี่เบลนะเป็นรุ่นพี่เรา แล้วก็พี่เบลคับนี่แก้ว เพื่อนห้องเดียวกับผมเองคับ” ผมแนะนำให้ทั้ง 2 คนรู้จักกันมากขึ้น
“คับผม ยินดีที่ได้รู้จักคับแก้ว” พี่เบลทักทายก่อน
“เช่นกันค่ะพี่ หล่อจังเลย ขอเรียกว่าพี่หล่อได้มั้ยคะ” แก้วพูดเล่นแบบตลกๆ
“5 5 5 ได้สิ แต่ให้อาร์ทเรียกด้วยนะ” พี่เบลพูด
“สบายมากค่ะจริงมั้ยอาร์ท” แก้วถามผม
“เธอพูดไปคนเดียวละกันแก้ว เอ่อพี่เบลคับพวกผมต้องขอตัวไปเรียนก่อนนะคับ” ผมพูด
“อืมจริงสิ ใกล้ถึงเวลาแล้วนี่” พี่เบลพูดพร้อมกับดูนาฬิกาข้อมือสุดหรูของพี่
“คับงั้นผมไปก่อนนะ” ผมพูด
“ไปก่อนค่า” แก้วพูด
แล้วผมกับแก้วก็เดินไปได้ประมาณ 3 ก้าวได้พี่เบลก็เรียกอีกผมจึงหันไป
“มีอะไรเหรอคับ” ผมถาม
“ตั้งใจเรียนนะคับ แล้วพักเที่ยงเจอกัน” แล้วพี่เบลก็เดินขึ้นอาคารเรียนไปเลย
“
”ผมยืนอึ้งอยู่
“อะไรกันยะอาร์ท ลำเอียงทำไมพี่เค้าไม่บอกเราบ้างล่ะ เฮ้อ
ฝนตกไม่ทั่วฟ้าซะแล้ว” แก้วพูดแล้วก็ยิ้มๆ
“บ้าน่ะแก้วคิดมากไปพี่เค้าก็พูดรวมๆแหละ” ผมบอกแก้ว
“ชั้นล้อเล่นต่างหากย่ะ” แก้วแลบลิ้นใส่ผมแล้วเดินนำไปก่อน
“อ้าว
รอด้วย” ผมพูดแล้วเดินตามแก้วไป
ผมพยายามลืมเรื่องพอลไปซะ และพยายามคิดซะว่าไม่เคยยุ่งกับเรื่องแบบนี้อีก ไม่รู้ว่าจะทำได้รึป่าว แต่ก้จะพยายาม ในชั่วโมงเรียนผมก็ตั้งใจเรียนมากขึ้น แล้วก็เลิกคิดเรื่องอื่นไปก่อน คือจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวของผมมาปนกับเรื่องเรียนเด็ดขาด ผมตั้งใจจนหมดคาบ ก็ถึงเวลาพัก 10 นาที ผมจึงไปคุยกะแก้วหลังห้อง
“อาร์ท พี่เบลเนี่ยพูดจาดูคุ้นๆจังนะ บอกไม่ถูกเหมือนเคยได้ยินวิธีพูดแบบนี้ที่ไหนก็ไม่รู้สิ” แก้วสงสัย
“เธอไม่ต้องสงสัยหรอก เอางี้ดีกว่า จำจดหมายที่มีรุ่นพี่คนนึงส่งมาให้เราได้มั้ย” ผมถามแก้ว
“จำได้สิ ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกันเหรอ” แก้วถาม
“เกี่ยวแน่นอน รู้รึป่าวว่าพี่คนนี้แหละ เป็นคนส่งจดหมายให้เรามาตลอดเลย” ผมบอกแก้ว
“อะไรนะ! จริงเหรอ ว้าว ลัคกี้แล้วอาร์ท พี่เบลเนี้ยโครตหล่อเลยนะ” แก้วบอกผม
“นี่ เธอคิดอะไรของเธอ พี่เค้าก็เป็นแค่รุ่นพี่ที่ดีคนนึงเท่านั้นแหละ เราไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นหรอก บ้าเหรอ” ผมอธิบายแต่แก้วก็ยังเข้าใจว่าผมกับพี่เบล
อยู่ดี
“แน่ใจรึป่าว ขอให้มันจริงอย่างที่ปากพูดละกัน” แก้วพูด
“แน่ใจสิ” ผมยืนยัน ก็มันจริงๆนี่นา ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่เบลเค้าแบบนั้นหรอก ก็แค่พี่ชาย
“เอ่อ
หมู่นี้พอลแปลกๆไปนะ ดูเงียบๆ ไม่มาคุยกะพวกเราเลยเป็นอะไรรึป่าวก็ไม่รู้” แก้วทักขึ้น
“ช่างเหอะ คนเค้ามีความรักก็อย่างงี้แหละ อย่าไปยุ่งเลยดีกว่าเราว่า” ผมพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง แต่ว่า
“อ้าวทำไมล่ะอาร์ท หมายความว่างัย งงจัง” แก้วทำหน้าตาสงสัยอย่างแรง
“เอาเป็นว่าพอลน่ะ เค้ามีแฟนแล้ว เราไม่อยากยุ่ง ก็แค่นั้น” ผมตอบ
“อะไรกันก็นายกับพอลไมได้เป็น
”
“มันไม่ใช่แล้วล่ะ เราไม่อยากโง่อีกแล้ว” ผมพูดเสียงเรียบเพราะความเศร้า
“อาร์ท กำลังหนีปัญหานะ เราเข้าใจว่าหมู่นี้พอลมีผู้หญิงมาหาบ่อย แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้นายกับพอลต้องผิดใจกันเลยนะ” แก้วบอก
“มันก็ไม่เกี่ยวกะเราซะหน่อย พอลเค้าจะมีใครจะรักใครชอบใครก็เรื่องของเค้าเหอะ” ผมบอกแบบเข้าข้างตัวเองนิดหน่อย
“เราจะรักใครชอบใครก็เรื่องของเรางั้นเหรอ งั้นถ้าเราบอกว่าเรารักอาร์ทล่ะ” พอลพูดมาจากข้างหลัง
“เอ่อ
พูดบ้าอะไรของนาย ไม่กลัวเฟินจะเข้าใจผิดเหรอ” ผมถามพอล
“เรากับเฟินเป็นแค่เฟินกันนะ” พอลพูด
“เราบอกแล้วไง เป็นอะไรกันมันก็เรื่องของนาย ไม่เกี่ยวกะเรา” ผมท้วง
“มันจะไม่เกี่ยวกับนายก็ต่อเมื่อนายไม่ใช่คนที่เรารัก แต่ไม่เลยอาร์ท นายคือคนที่เรารักนะ” พอลพูดหวานมากจนผมไม่อยากทนฟัง(กลัวใจอ่อน)
“ได้เวลาเรียนแล้ว ไปนั่งที่เหอะแก้ว” พูดเสดผมก็เดินไปนั่ที่โต๊ะของผมตามเดิม
“แก้ว ช่วยเราคิดหน่อยสิ เราควรทำไงดี อาร์ทไม่ยอมฟังเราเลย” พอลถามความคิดเห็นจากแก้ว
“เราว่าพอลใจเย็นก่อนเถอะ ตื้อๆไปเรื่อยๆเดี๋ยวอาร์ทมันก็ใจอ่อนเองแหละ มันก็เป็นคนอย่างงี้เอง นายคงเข้าใจใช่มั้ย” แก้วพูดและก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองเหมือนกัน
ผมคิดว่าพอลคงตื้ออีกไม่เลิกแน่นอน เลยคิดที่จะทำให้พอลเลิกคิดที่จะมาตามตื้อผมซะที ผมไม่ชอบนี่คับกับการที่จะเป็นมือที่ 3 ระหว่างพอลกับเฟิน เลยคิดแผนอะไรบางอย่างออกขึ้นมา ว่าแล้วผมจึงรีบไปหาพี่เบลเพื่อที่จะให้ช่วยเป็นส่วนหนึ่งในแผนผมทันที
“อะไรนะ ให้พี่ทำอะไรแบบนั้นน่ะเหรอ หลอกคนอื่นมันไม่ดีนะอาร์ท” พี่เบลตกใจยกใหญ่เมื่อได้ฟังแผนที่ผมเล่า
“นะคับพี่ แค่ให้เล่นละครนิดหน่อยเท่านั้นเอง” ผมอธิบายให้พี่เบลเข้าใจ
“เอ่อ
ถ้าเล่นละครธรรมดาน่ะ ได้อยู่ แต่นี่นายเล่นให้พี่เล่นเป็นแฟนนายเลยเนี่ยนะ เอ่อ
พี่คิดว่ามัน
” พี่เบลทำท่าลังเล
“เถอะคับพี่ ไม่นานหรอก เดี๋ยวพอลก็เลิกตื้อแล้ว” ผมพูดให้พี่เบลยอมให้ได้
“แล้วถ้าเค้าไม่ยอมล่ะ ถ้าเค้าตื้อไม่เลิก พี่ก็ต้องเป็นแฟนกำมะลอของนายอย่างนี้ตลอดไปน่ะเหรอ เฮ้อ
” พี่เบลถอนหายใจยกใหญ่
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคับพี่” ผมพูด
“แต่ว่า
” พี่เบลยังยื้ออยู่
“ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรคับ ต้องขอโทษด้วยนะที่มารบกวนพี่ ผมขอตัวก่อนนะคับ” ผมทำท่าผิดหวังและเดินออกจากตรงนั้นไป
“เอ่อ เดี๋ยวก่อน อาร์ท” พี่เบลเรียก
“ว่าไงคับ” ผมยิ้มอย่างมีหวัง
“ก็ได้คับ แต่หวังว่าคงไม่นานนะ คือพี่กลัวอดใจไม่ไหวน่ะ” พี่เบลพูด
“5 5 5ขอบคุณครับพี่ ไม่นานหรอก ผมคิดแล้วว่าพี่ต้องใจดีแน่ๆเลย” ผมพูดด้วยความยินดีพร้อมกับกอดพี่เบลโดยไม่รู้ตัว
“เอ่อ คับๆไม่เป็นไรหรอก แต่เอ่อตอนนี้ปล่อยพี่ได้ยังล่ะ หายใจไม่ออกแล้ว” พี่เบลบอก ซึ่งผมเองก็ลืมตัวไป ว่าแต่พี่เบลนี่สิ หน้าแดงเชียว
“หน้าแดงเชียวนะพี่แค่นี้เอง” ผมแซวพี่เล่น
“อะไรใครหน้าแดง หน้าพี่เป็นอย่างงี้อยู่แล้วเฟ้ย” พี่เบลพูดหลบหน้าผม
“ล้อเล่นแค่นี้เอง” ผมพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ก็นายเล่นไรไม่เข้าเรื่องนิหว่า” พี่เบลยังหลบหน้าผมอยู่ดีแต่ผมก็รู้ว่าพี่เค้าหน้าแดง
“เอ่อ งั้นเอาเป็นว่าเริ่มแผนเลยนะคับ ผมต้องขอตัวไปเรียนบ่ายก่อนละ เดี๋ยวเข้าห้องไม่ทัน ขอตัวนะคับ” ผมยิ้มให้พี่เบลแล้วก็วิ่งขึ้นอาคารเรียนไป
“ในที่สุด ผู้ชายไร้ค่าอย่างเราก็เป็นได้แค่ตัวสำรอง” พี่เบลพูดกับตัวเองพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาแต่ก็ต้องปาดน้ำตาด้วยตนเอง
“พี่เบล ร้องไห้ทำไมอ่ะคับ เป็นไรรึป่าว ไม่เอาสิคับ ลูกผู้ชายห้ามร้องไห้นะ” บอลเห็นพี่เบลน้ำตาไหลจึงหยุดถามไถ่เพื่อความสงสัย
“ฝุ่นมันเข้าตาน่ะ เอ่อบอลนายอยู่คนละห้องกับอาร์ทมันใช่มั้ย แล้วนายไม่เรียนเหรอ” พี่เบลพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“เอ่อ คับพี่งั้นผมขอตัวไปเรียนก่อนนะคับ” บอลพูด แล้วเดินไป
“อืม” พี่เบลขานรับ
“เอ่อพี่” บอลหยุดชะงักแล้วหันมาพูดบางอย่างกับพี่เบล
“มีอะไรอีก เดี๋ยวนายก็เข้าเรียนช้าหรอก” พี่เบลเตือน
“คราวหน้าคราวหลังดูแลตัวเองดีๆล่ะ อย่าให้ฝุ่นเข้าตาอีกนะ หรือไปหาหมอดูนะพี่” บอลพูดแล้วก็เดินจากไป
“
” พี่เบลยืนนิ่งด้วยความแปลกใจ
ผมก็เข้าเรียนช่วงบ่ายตามปกติ ตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ คงเพราะดีใจที่จะมีการแก้แค้นเอ้ยไม่ใช่มีการเล่นละครทำให้พอลเลิกตื้อล่ะมั้ง ผมก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมดีใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะชอบพี่เบลอะไรเลยนะ รู้สึกแค่พี่ชายจริงๆคับ แต่ผมก็ยังสังเกตพอลนะว่าเค้ายังมองผมอยู่ด้วยสายตาแปลกๆเหมือนจะไม่ยอมเลิกตื้อง่ายๆงั้นแหละ (เอ๊ะผมไปรู้เค้าได้ไงเนี่ย)
“อาร์ท หมากฝรั่งมั้ย” พอลยื่นหมากฝรั่งให้ผม
“ ไม่ล่ะขอบใจ เราก็มี” ผมตอบ
“เหรอ แต่นายไม่ได้ซื้อที่ไหนเลยนี่ เพราะตอนมาจากบ้านเรา เราไม่เห็นอาร์ทซื้ออะไรเลยนะ” พอลถามด้วยความสงสัย
“ก็ไม่มีไรมากหรอก พอดีพี่เบลน่ะ เอามาให้ตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ” ผมพูดแล้วอมยิ้มจากนั้นก็เดินหนี คิดในใจว่าแผนได้เริ่มขึ้นแล้ว
“
” พอลยืนอึ้งอยู่
เย็นวันนั้นผมก็ไปนั่งกินขนมคนเดียวที่ร้านค้า พอลก็เดินเข้ามาทักผมอีก ให้ตายสิทำไมไม่เลิกตื้ออีกล่ะ อุตส่าห์พูดแบบนั้นแล้วเชียว
“อาร์ทนั่งด้วยได้มั้ย” พอลทักผมขึ้น
“เอ่อแต่ที่นี้มีคนจองแล้วนะ” ผมพูด
“ จองแล้วแต่ไม่มานั่งก็ถือว่าไม่นั่งแล้ว เรานั่งนะ” พอลพูด
“แต่ว่า
” ผมพูดยังไม่ทันขาดคำ
“อาร์ทคับอยู่นี่เอง พี่หาตั้งนาน ไปนั่งกับพี่นะ” พี่เบลพูดขึ้น (ดูเหมือนจะทำหน้าที่ดีจังแฮะ)
“เอ่อ ขอโทดนะคับพี่ อาร์ทคงต้องอยู่กับผมนะ” พอลพูด
“ ทำไมนายคิดอย่างงั้นล่ะ เราว่านายคิดผิดแล้ว เราจะไปนั่งกับเบล” ผมพูดแล้วลุกออกไปจากโต๊ะเดิม
“เดี๋ยวอาร์ท” พอลตะโกน
“เอ่อ อีกอย่างนะ เราว่าเฟินกำลังรอนายอยู่นะ เราไปล่ะ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มด้วยความสะใจ
ผมสงเกตสีหน้าพอลดูเศร้าๆแล้วอดสงสารไม่ได้ แต่ไม่ได้เราต้องไม่ใจอ่อนเด็ดขาด ขืนใจอ่อนมีหวังต้องไปทำให้เฟินเค้าไม่สบายใจอีก ผมว่าแบบนี้น่ะแหละ ดีแล้ว พอหลังจากที่ผมไปนั่งกินขนมโต๊ะพี่เบล ผมก็หลับหอพัก เพื่อที่จะไปนอนเอาแรงซะหน่อย เหนื่อยจะแย่ ในขณะที่ผมกำลังเดินกลับหออยู่นั้น ก็รู้สึกได้ว่าเหมือนกับมีคนเดินตาม เมื่อหันไปปรากฏว่า แก้ว นัน แป้ง กำลังเดินตามผมมา
“นี่พวกเธอทั้ง 3 เดินตามเรามาตลอดเลยเหรอเนี่ย” ผมถาม
“ก็ใช่ พวกเราก้รู้เรื่องนายกับพอลจากแก้วแล้วด้วย” นันกับแป้งพูดพร้อมกัน
“เรื่องอะไร” ผมเองก็งงเหมือนกัน
“ ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เลยนะอาร์ท” นันพูด
“ใช่ๆมันไม่ถูกนะ ที่นายทำอยู่น่ะ” แป้งตะคอกใส่เรา
“อ๋อ งั้นเหรอ แล้วเธอคิดว่าไอ้การที่พอลทำกับเราแบบนี้มันถูกแล้วเหรอ มันไม่ยุติธรรมเลยทำไมเธอไม่ไปว่าพอลกันบ้างล่ะมาว่าแต่เราน่ะ” ผมพูดไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
“นายไม่เข้าใจนะอาร์ท พอลกับเฟินเค้า
” นันพูด
“เป็นแฟนกันน่ะสิ ทำไม แค่นี้คิดว่าเราไม่รู้รึไงกัน เอาล่ะ เราจะไม่มาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้อีกแล้วพอเหอะ ขอบใจที่เป็นห่วง ไปก่อนละนะ เราเหนื่อย” ผมเดินออกจากตรงนั้นแล้วรีบเดินไปที่หออย่างเร็ว โดยมีพี่เบลวิ่งตามมา
“อาร์ท รอพี่ด้วย” พี่เบลพูดพร้อมกับหอบเอายกใหญ่
“มีอะไรเหรอคับ” ผมถาม
“เอ่อ น้ำตา เอ๊ะนี่นายร้องไห้เหรออาร์ท เป็นอะไร บอกพี่มาซิ” พี่เบลตั้งหน้าตั้งตาถาม
“ไม่มีไรคับ เอ่อ ขอโทดนะผมอยากอยู่คนเดียว” ผมพูดพร้อมกับเดินจากพี่เบลมุ่งตรงไปที่หอพัก
“เดี๋ยวอาร์ท บอกพี่มาเถอะ” พี่เบลดึงผมมาโอบแล้วเอามือมาปาดน้ำตาผม
“พี่เบลคับ ผมว่านี่เรากำลังนอกบทอยู่นะ ปล่อยผมเถอะ” ผมรีบบ่ายเบี่ยง
“ถึงพี่จะได้รับบทเป็นแค่ตัวสำรอง แต่ใจพี่ยังไงก็เป็นห่วงนายนะ นายเป็นทุกข์หรือไม่สบายใจ มันเจ็บถึงพี่ด้วยรู้มั้ย” พี่เบลพูดพร้อมกับโอบกอดผมแล้วก็จูบหน้าผากผมอย่างอ่อนโยน
“เอ่อ
หยุดเถอะคับพี่เบล ผมบอกตรงๆเลยนะ ผมคิดกับพี่แค่พี่ชายเท่านั้นคับ ถ้าพี่ไม่ต้องการช่วยผมเล่นละครหลอกพอล ก็ไม่เป็นไรคับ แต่อย่าทำกับผมแบบนี้เลยยนะ ผมขอร้องล่ะคับ” ผมพูดพร้อมน้ำตา
จากนั้นผมก็วิ่งขึ้นหอพักไปในที่สุดโดยที่ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นอีกแล้ว ไม่รู้เลย แม้กระทั่งจิตใจตัวเอง ตอนนี้ผมเหมือนหุ่นยนต์ไปแล้วล่ะมั้ง แต่ที่ผมไม่รู้จริงๆก็คือ ที่ผมพูดกับพี่เบลเมื่อสักครู่นี้ มีคนได้ยินเข้าแล้ว
“เฮ้อ
สงสัยเราคงอาภัพเรื่องความรักจริงๆสินะ เหอะๆ”พี่เบลพูดกับตัวเอง
“ไม่หรอกคับพี่ อย่างน้อยพี่ก็ยังมีผมคนนึงละที่เป็นห่วงพี่มาตลอด โดยที่พี่เองก็ไม่รู้ตัว” บอลนั่นเองเสียงนี้ทำให้พี่เบลยิ้มได้
“โทดนะคับ ผมไม่รู้หรอกว่าพี่กะอาร์ทน่ะ มีเรื่องอะไรกัน แต่อย่างน้อย ผมก็เป็นคนนึงที่มีความรู้สึกเหมือนที่พี่คิดกับอาร์ท เพียงแต่คนที่ผมรู้สึกด้วยน่ะ เป็นพี่เบลนะคับ” บอลบอกพี่เบลด้วยคามจริงใจ
“อะไรเนี่ย พี่สับสนไปหมดแล้ว” พี่เบลพูด
“ไม่ต้องสับสนหรอกคับพี่ ขอให้รู้ไว้ว่าถึงผมจะไม่สำคัญสำหรับพี่ แต่พี่ก็เป็นคนสำคัญสำหรับผมเสมอนะ” บอลพูดจบแล้วก็เดินไปขึ้นหอพักไป
ประมาณ 1 ทุ่มผมก็ออกมานั่งอ่านหนังสือที่ระเบียงซึ่งก็เป็นที่ๆคนเค้าไม่ค่อยมานั่งกัน ผมคิดว่ามันจะทำให้อ่านรู้เรื่องมากกว่าลงไปอ่านใต้หอข้างล่าง คนเยอะเต็มไปหมดคงอ่านไม่รู้เรื่องแน่ ผมก็เป็นคนชอบอ่านหนังสืออ่านเล่น พวกนิยายอะไรประมาณนี้อ่ะ มันทำให้จิตใจมีจินตนาการมากมาย 5 5 5 นึกแล้วตลก เพราะมันเป็นไปไม่ได้อ่ะ เป็นสิ่งที่คิดขึ้นมาเอง บางทียังคิดเลยว่าจะหลอกตัวเองไปถึงไหน แต่คิดอีกที เอ่อ ก็ดีนะ คิดดีๆจะได้มีความสุข แต่ความสุขผมมันก็กำลังจะหยุดลง เมื่อผมได้ยินเสียงรบกวนนั่นเอง
“ขอคุยด้วยได้รึป่าว” พอลเดินมาเจอผมได้ไงก็ไม่รู้
“มีอะไรล่ะ พูดมาสิ” ผมรีบพูด
“ใจคอจะไม่ชวนเรานั่งด้วยเลยเหรอ” พอลพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
“ก็นั่งไปสิ ใครห้ามนาย” ผมพูด
“พี่เบลล่ะ” พอลถาม
“ถามทำไม” ผมถามพอลกลับ
“ก็อยากรู้นี่ว่าแฟนใหม่นายเป็นไงมั่ง” พอลพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
“พี่เบลจะทำอะไรอยู่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับนายเลยแม้แต่น้อย” ผมพูดกัพอลด้วยสีหน้าเครียดแต่พอลกลับหัวเราะไม่หยุด
“นายเป็นบ้าอะไรอีกล่ะเนี่ย หัวเราะอยู่ได้” ผมถามพอล
“5 5 5 ป่าวๆ ไม่มีอะไรก็แค่หัวเราะดีใจที่นายกับพี่เบลเอ่อ
” พอลพูด
“ขอบใจ แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับนายอยู่ดี” ผมยังย้อนพอล
“นั่นสินะ มันไม่เกี่ยวกับเรา” พอลพูดแล้วอมยิ้ม
“อาร์ท อยุ่นี่เองนะ ทำอะไรอยุ่จ๊ะ” พี่เบลเดินมาพร้อมกับทักทายผมอย่างหวานเชียว สงสัยยังเล่นละครให้ผมอยุ่
“ก็นิยายทั่วไปน่ะคับพี่ พี่เบลมานั่งด้วยกันก่อนสิคับ” ผมเริ่มปฏิบัติการแผนต่อ
“คับผม ออกมานั่งข้างนอกอย่างนี้ไม่หนาวแย่เหรอ” พี่เบลพูด
“ ก็หนาวเหมือนกัน แต่ผมคิดแล้วว่าพี่เบลต้องมา มาให้ผมกอดหน่อยสิ” ผมไม่พูดอย่างเดียวแต่กอดพี่เบลอย่างแน่นเลย แล้วก็ส่งสายตาแบบสะใจมองไปที่พอลซึ่งกำลังนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ท่าทางรักกันดีนะคับทั้ง 2 คน” พอลพูดพลางยังคงมีรอยยิ้มอยู่ เค้าไม่รู้อะไรบ้างเลยรึไงกัน
“พี่ก็ว่างั้นนะ จริงมั้ยจ๊ะอาร์ท” พี่เบลหอมแก้มผม ซึ่งผมเองก็รู้สึกตกใจพอสมควรแต่ก็คิดใจใน ตามบทๆ
“งั้นผมไม่อยู่เป็น ก ข คแล้วดีกว่า ขอตัวก่อนนะคับ” พอลพูด
“อ้าวนายจะไปแล้วเหรอ อืม บายนะ พี่เบลอย่าลืมเดทของเรา 2 คนนะคับ” ผมพูดเย้ยพอล
“แล้ว 2 คนไปเดทกันวันไหนเหรอคับ” พอลลองถามผมกับพี่เบลดู
“เอ่อ
วันเสาร์ , วันอาทิตย์” ผมกับพี่เบลพูดพร้อมกัน แต่ผมกับพี่เบลกลับพูดออกไปคนละวัน แย่แล้วหว่าทำไงดีล่ะ
“ไม่ทราบว่าทั้ง 2 คนนี้ไปเดทกัน 2 วันเลยเหรอคับ” พอลเริ่มจับโกหกผมได้แล้วสิ แย่จัง
“เอ่อ พี่เบลจำไม่ได้เหรอ วันเสาร์ต่างหากนะ ไม่ใช่วันอาทิตย์” ผมเริ่มพูดแก้ขัด
“จริงสินะคับ พี่ลืมไปโทดนะจ๊ะ” พี่เบลก็อินไปตามบท
“อ่ะนะคับ ผมขอตัวก่อนละกัน” พอลเดินออกไปจากตรงนั้น ผมกับพี่เบลก็คิดว่าพอลเดินออกไปนอกห้องแล้ว แต่ที่จริงไม่ใช่เลย พอลยังแอบฟังอยู่แถวนั้นน่ะแหละคับ
“ ขอบคุณคับพี่ที่ยังเล่นละครตบตาให้ผมอยุ่” ผมขอบคุณพี่เบล
“ไม่เป็นไร พี่บอกนายแล้วนี่ ว่าพี่รู้สึกกับนายยังไง แต่ก็ได้แค่นั้นล่ะ เอาเป็นว่าพี่ไปนอนก่อนนะคับ ฝันดีล่ะ” พี่เบลขอตัวไปนอน
ผมเองก็เหนื่อยกับการที่ต้องมาหลอกตัวเองแบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็คิดซะว่าเล่นละครไปนั่นแหละ ผมเองก็ไม่อยากจะคิดอะไรไปให้ปวดหัวมากแล้ คิดมากไปก็เท่านั้น ไม่มีไรดีขึ้นมาหรอก ไปนอนเอาแรงยังดีซะกว่า ผมก็เก็บหนังสือที่เอามาอ่าน เตรียมตัวไปแปรงฟันแล้วก็เข้านอน จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็ตื่นมาทำอะไรต่อมิอะไรจนลงไปกินข้าวแล้วก็ถึงเวลาเรียน เรียนเสดก็พัก มีอยู่แค่นี้อ่ะ ไม่มีอะไรมากหรอกคับเด็กร.ร.ประจำก็อย่างนี้แหละ ในช่งพักกลางวันผมมักจะมานั่งกันนหน้าห้องเรียนมากกว่าเพราะในห้องมันร้อน ผมออกมานั่งหน้าห้องกับเพื่อนๆ คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย จนรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเลยเดินไปข้างล่างอาคาร
“อะไรเนี่ย ห้องน้ำปิด งั้นเราก็ต้องเดินไปอีกอาคารนึงเนี่ยนะ โห
” ผมบ่นพรึมพรำกะตัวเอง
“งั้นเราไปเป็นเพื่อนละกันนะอาร์ท” เสียงพอลนี่หว่า
“ ไม่ต้อง ขอบใจ” ผมพูดพร้อมเดินไปอย่างรวดเร็ว
“ ทำไมเราจะพูดกันดีๆไม่ได้เลยเหรอ” พอลพูดพร้อมจับมือผมไม่ให้ผมเดิน
“เราไม่มีอะไรจะพูดกะนายนี่ แล้วก็ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ” ผมพูดพร้อมสะบัดมืออกแต่พอลจับแน่นเกินไป ผมสู้แรงเค้าไม่ไหว
“ก็คุยกันดีๆก่อนสิ อาร์ท นายโกรธอะไรเรานักหนาล่ะ” พอลพูด
“ป่าว เพียงแค่ไม่มีอะไรคุยต่างหาก” ผมพูดพร้อมกับจะยกมือขึ้นชกพอลแต่ไม่สำเร็จ พอลไวเหลือเกิน จับหมัดผมได้ทัน
“เรารู้ละ นายโกรธเราที่ทำนายหน้าแตกเรื่องที่พี่เบลกับนายจำวันเดทไม่ตรงกันล่ะสิ” พอลพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเหมือนพูดแทงใจผม
“นี่นาย จะมากไปแล้วนะ ปล่อยเราเดี๋ยวนี้ นั่นไงเฟินมาแล้วไปหาเธอได้แล้วไป” ผมสะบัดมือหลุดออกได้
“แต่เรากับเฟินเป็นแค่เพื่อนกันนะ” พอลพยายามอธิบายให้ผมเข้าใจ
“พอล มาทำอะไรตรงนี้ ร้อนก็ร้อน ไปห้องเรียนกันเถอะ เราร้อนน่ะ ไปเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ” เฟินไม่พูดเฉยๆ แต่ควงแขนพอลไปด้ย
“เดี๋ยว อาร์ทอย่าเพิ่งไป” พอลเรียกผมแต่ตัวเองก็ถูกเฟินลากตัวไปแล้วผมก็เดินไปโดยไม่สนใจ
เวลาผ่านไปเร็วมาในที่สุดก็วันศุกร์อีกแล้ว เป็นวันที่ผมและนักเรียนคนอื่นๆกลับบ้าน ผมน่ะ ไม่ได้กลับบ้านทันทีหรอก ต้องไปเที่ยวห้างก่อนเพื่อความสบายใจก่อนเผอิญห้างที่ผมไปเดินน่ะมันเป็นห้างเดียวกับที่ไปเลี้ยงวันเกิดเฟินซึ้งพอลไปด้วย ผมเองก็ไม่ได้รับรู้อะไร เดินเที่ยวไปแค่นั้นเองแหละ เดินไปเดินมา ก็ไปเจอกับพี่เบลเข้า
“อ้าว อาร์ท อยู่จังหวัดนี้เหรอ” พี่เบลตามผมด้วยความสงสัย
“ป่าวคับ คือผมมาเดินเที่ยวก่อนน่ะ เดี๋ยวคงกลับ” ผมตอบ
“อืม งั้นพี่เดินด้วยได้มั้ย”
“ได้สิคับพี่” ผมตอบบ
“แล้วนี่นายจะไปดูอะไรล่ะ ไปดูสายรัดข้อมือกันมั้ย” พี่เบลชวน
“เอาสิคับ ผมอยากดูอยู่พอดีเลย” ผมเห็นด้วยเพราะตัวผมเองก็อยากได้เหมือนกัน
แล้วพี่เบลก็เดินนำผมไปร้านที่ขายสายรัดข้อมือ ซึ่งที่จริงผมก็เห็นอยู่หลายร้านแล้วนะ แต่พี่เบลบอกว่าไปร้านที่พี่รู้จักดีกว่ามีหลายสีด้วย ผมก็เลยเดินไปกับพี่เค้าอย่างใจเย็น เพราะพี่เค้ารู้เกือบทุกซอกทุกมุมให้ห้างนี้เลย เมื่อมาถึงร้านที่พี่เบลว่าผมก็เดินเข้าไปดูเลย เพราะร้านนี้มีเยอะจริงๆด้วย
“พี่รู้จักกับร้านใหญ่ๆแบบนี้ด้วยเหรอคับเนี่ย” ผมพูดพร้อมกับดูของไปเรื่อยๆ
“แหะๆ ที่จริงพี่ไม่รู้จักหรอก ก็แค่อยากเดินกับนายนานๆเท่านั้นเอง มีไรอ๊ะป่าว” แล้วพี่เบลก็หัวเราะออกมาทำให้ผมก็หน้าแตกไปด้วย
“แล้วเป็นไง อยากได้อันไหนรึป่าว” พี่เบลถามผม
“อยากได้อันนี้นะเนี่ย เท่ห์ดี” ผมหยิบสายรัดข้อมือสีน้ำเงินกับสีแดงยื่นให้พี่เบลดู
“ชอบเหรอ ก็ซื้อสิ” พี่เบลบอกผม
“ไม่เอาล่ะคับ ผมไม่ได้เอาตังค์มาเลย กะจะเดินเที่ยวเฉยๆ” ผมพูดแล้วก็วางสายรัดข้อมือนั่นลง
“ พี่ซื้อให้ละกัน เอามาสิ เดี๋ยวจ่ายให้” พี่เบลพูด
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกคับ เกรงใจ เปลืองเงินพี่ป่าวๆ” ผมพูดด้วยความเกรงใจ แต่ที่จริงก็อยากได้อ่ะนะ
“งั้นพี่ซื้อเอาดีกว่า ไหนเอาสีที่นายหยิบตอนแรกมาซิ” ผมก็หยิบให้พี่เบล
“ทั้งหมดเท่าไรคับ”
“500 คับ” คนขายพูด
“เอ่อ แพงจังนะคับพี่” ผมพูด
“ไม่เป็นไร ซื้อมาแล้วนี่นา” พี่เบลพูดพร้อมกับยื่นให้ผม
“พี่ให้”
“อะไรกันคับ ผมก็บบอกแล้วไงว่าไม่เอา แต่พี่เบลทำไม
”
“พี่ซื้อเอง มันก็เป็นของพี่ แต่พี่จะยกของๆพี่ให้นายไม่ได้เหรอ” พี่เบลพูด
“เอ่อ..แต่ว่า” ผมจะปฏิเสธแต่ก็ นะของมันอยากได้นี่หว่า
“เอาไปเถอะน่า พี่อยากให้อาร์ทจริงๆ” พี่เบลเอาถุงใส่กระเป๋าผมเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณมากคับ” ผมพูด
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นไปกินข้าวกับพี่ดีกว่า” พี่เบลถือโกาสชวนผมกินข้าวซะเลย
“เอางั้นเหรอพี่ ก็ได้คับ แต่ต้องเร็วๆนะเพราะผมต้องรีบกลับบ้านน่ะคับ ผมไม่ได้อยู่จังหวัดนี้เหมือนพี่นี่” ผมพูดบอกพี่เบล
“โอเคคับ แค่นายยอมไปกินข้าวกับพี่ก็พอแล้วล่ะ แต่ต้องให้พี่เป็นเจ้ามือด้วยนะ” พี่เบลพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มออกมาให้ผม
“อ้าวว พี่เป็นคนซื้อสายรัดข้อมือให้ผม แล้วทำไมต้องเลี้ยงผมอีกล่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย
“ เอาเถอะน่า มาเหอะพี่บอกว่าเลี้ยงก็เลี้ยงสิ” พี่เบลพูดพร้อมจีบมือผมแล้วเดินไป พรางมองหาร้านอาหารในห้าง
“MK ดีมั้ยพี่อยากกินน่ะ” พี่เบลถามความเห็นผม
“ตามใจพี่ดีกว่าคับ ก็พี่เป็นคนจ่ายนี่นา” ผมพูด
“งั้นกินที่นี่แหละ” พี่เบลพาเดินเข้าไปใน MK
“พอลคะ ไหนล่ะของขวัญเราน่ะ วันนั้นเกิดเรานะ” เฟินพูดกับพอล
“เดี๋ยวถึง MK แล้วเราเอาให้นะ” พอลพูด
“อยากรู้จังพอลจะให้อะไรเรานะ” เฟินพูดกับพอลพรางเดินควงแขนมุ่งตรงไป MK
“เดี๋ยวก็รู้น่า” พอลบอก
“โอ้โห ทำไมคนมันเยอะอย่างงี้เนี่ย จะได้กินมั้ยน้า” เฟินบ่น
“ได้อยุ่แล้วมันยังมีที่ว่างนี่” พอลบอกเฟิน
แล้วเฟินกับพอลก็ได้เข้าไปนั่งที่ซึ่งโต๊ะของเขาทั้ง 2 นั้นตรงกับโต๊ะผมกับพี่เบลมากเลย ผมเองก็กำลังมองอยู่ด้วย
“ไหนล่ะพอลของขวัญที่จะให้เราน่ะ นี่ก็ถึง MK แล้วนะ” เฟินทวงของขวัญที่พอลซื้อให้ในวันเกิดเฟิน
“นี่ไง” พอลพูดพร้อมหยิบสร้อยขึ้นมาเส้นนึง
“ว้าว สวยจังพอล ขอบใจนะ ช่วยใส่ให้เราหน่อยสิ” เฟินพูดแล้วขยับมาใกล้พอลมากขึ้น
“อืมได้ๆ” แล้วพอลก็ใส่สร้อยให้เฟิน
“ ว้าวเป็นไงมั่งพอล สวยมั้ยจ๊ะ” เฟินถามพอล
“ก็สวยดีนะ น่ารักดี” พอลบอกไปตามความจริง
“ขอบใจพอลมากนะที่ซื้อให้เราน่ะ นี่เป็นรางวัลตอบแทนลกัน” พอลพูดขอบคุณพอล พร้อมกับหอมแก้มเข้าให้ ผมทนดูไม่ได้อีกแล้ว มันอะไรกันแน่เนี่ย
“พี่เบลคับ ผมขอโทดนะ ขอตัวกลับก่อนดีกว่า” ผมบอกพี่เบล
“อ้าวทำไมล่ะ เป็นอะไรไปอาร์ท” พี่เบลถามผม
“ผมทนอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วคับ” ผมบอกพี่เบลแล้ววิ่งออกไปจากร้าน จนทำให้คนอื่นมองกันเต็มไปหมด พอลสังเกตเห็นผม และคงรู้ว่าผมวิ่งออกไปเพราะอะไร จึงวิ่งตามออกไป โดยที่เฟินก็วิ่งตามพอลออกไปด้วย
“อะไรอีกละเนี่ย เรา เฮ้อ
” พี่เบลหน้าผิดหวังอีกตามเคย
“แล้วจะกินกับใครล่ะเรา” พี่เบลพูดพร้อมกับคอตก แต่แล้ว
“กินกับผมนี่ไงคับ” บอลพูดขึ้นพร้อมกับเดินมาหาพี่เบล
“บอล
” พี่เบลพูดขึ้น
“ว่าแต่พี่จะรังเกียจผมรึป่าวล่ะ” บอลถามด้วยความเจ้าเล่ห์
“จะรังเกียจทำไมเล่า ก็นายเป็นรุ่นน้องพี่นี่” พี่เบลพูด
“แค่รุ่นน้องเท่านั้นเหรอ” บอลพูดเสียงเศร้าๆ
“อ้าว จะให้เป็นอะไรล่ะ” พี่เบลแกล้งพูด
“ก็เป็น
” บอลพูดอ้ำๆอึ้งๆ
“พอๆไม่ต้องพูดแล้ว เฮ้อ
นายจะช่วยมาดามหัวใจพี่รึไงกัน” พี่เบลถาม
“ผมไม่ได้ถือโอกาสนะคับ” บอลพูด
“ งั้นเหรอ นี่แน่ะ” พี่เบลพูดพร้อมกับจับบมืออลมาหอม
“เอ้ยพี่เดี๋ยวคนก็เห็นหรอกคับ” บอลพูดด้วยความตกใจ
“นายรับไม่ได้เหรอ” พี่เบลยังหยอกไม่เลิก
“ได้สิถ้าพี่ชอบ งั้นตาผมมั่งนะ” คราวนี้บอลมันเดินมาที่เก้าอี้พี่เบลพร้อมกับหอมแก้มเลย
“เฮ้ยไอ้บอล พี่แค่แกล้งเล่นนะเฟ้ย” พี่บอลตกใจบ้าง
“ผมก็แกล้งเล่นเหมือนกัน” บอลพูดพร้อมหัวเราะ
“ขอบใจมากนะบอล” พี่เบลพูด
“ผมยินดีเสมอนะ สำหรับพี่ ผมรักพี่เบลคับ” บอลพูด
ทั้ง2คนนี้ในที่สุดก็ได้คู่กันเอง แต่ผมเนี่ยสิ วิ่งหนีไปไม่รู้จุดหมายปลายทางแล้ว คิดแต่ว่าต้องวิ่งไปให้ใกล้ที่สุด ให้พ้นจากพอลให้ได้ ทั้งๆที่พอลไล่ตามมา ผมวิ่งออกจากห้างไป วิ่งข้ามถนน ไปสวนสาธารณะ ผ่านไปสนามเด็กเล่น ผมไม่ได้หันไปดูหรอกคับว่าพอลวิ่งตามผมมาทันรึป่าว แต่คิดอย่างเดียวว่าวิ่งไปไกลพอรึยังต่างหาก
“อาร์ท
ฟังเราก่อนสิ คราวนี้เราจะไม่ปล่อยให้นายไปจากเราอีกแล้ว” พอลพูดพรางวิ่งตามผมมาอย่างรวดเร็ว
“พอลอย่านะ เราไม่ให้พอลไปหรอก” เฟินพูดแล้วจับมือพอลไว้
“เฟินปล่อยเรานะ เราจะไปตามอาร์ท” พอลพูดพร้อมสะบัดมือออกจากเฟิน
“ไม่ได้หรอก เราไม่ยอมพอลเป็นแฟนเรานะ ทำไมต้องตามอาร์ทไปด้วย หรือว่า
พอล
จะ..” เฟินพูด
“ป่าวเลยเฟิน คิดไปเองนะ เราไม่ได้เป็นแฟนกับเฟินเลย เป็นเพื่อนกันต่างหาก คนที่เรารักก็คืออาร์ท แล้วเราก็จะไม่ยอมเสียอาร์ทไปอีกแล้วด้วย ลาก่อนนะเฟิน” พอลพูดพร้อมวิ่งออกจาห้างให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะตามผมให้ทัน
“กรี๊ดดดดดดดดดด กลับมานะพอล กลับมา า า” เฟินตะโกนลั่นห้าง ร้องไห้เอายกใหญ่
“ไปไหนแล้วล่ะเนี่ย ไม่ได้ เราต้องหาให้เจอ” พอลพูดและวิ่งตามหาผมอย่างรวดเร็วและเจอตัวผมในที่สุด
“ อาร์ท อย่าหนีเราไปเลยนะ กลับมาเถอะ” พอลพูดพร้อมกับกำลังจะวิ่งข้ามถนนมาหาผม ทันใดนั้นเองรถกะบะป้ายแดงคนหนึ่งก็วิ่งตรงมาอย่างเร็ว ในขณะที่พอลกำลังวิ่งข้ามถนน สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทันที แต่จะบอกให้คับ ผมเองยังไม่รู้เรื่องเลย เพราะไม่ได้มองมาที่พอลแต่กลับวิ่งหนี
“เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด โครม!!!!!!!!!!!!” เสียงรถเบรคแต่ก็ชนเข้าแล้ว
“เอ้ยๆคนถูกรถชน มาดูเร็ว” ผู้คนแถวนั้นพากันแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเรียกรถพยาบาล เมื่อผมหันไปและเห็นไทยมุงกันยกใหญ่ผมก็รีบวิ่งมาดูบ้าง และสิ่งที่ผมไม่คาดฝันมาก่อนก็เกิดขึ้น
“พอล พอล โทดคับหลีกทางหน่อยคับ พอลนายอย่าเป็นอะไรนะพอล ทำใจดีๆเข้าไว้ ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ทีสิคับ” ผมขอร้องให้คนแถวนั้นเรียกรถพยาบาลให้มือหนึ่งก็กุมมือพอลไว้ น้ำตาผมไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ไม่มากเหมือนเลือดของพอลซึ่งไหลออกมาไม่หยุด
“พอลอย่าเป็นอะไรนะ ทำใจดีๆเอาไว้” ผมได้แต่ภาวนาให้พอลปลอดภัย
“อ า
ร์ ท เ ร า
ข อ โ ท..ด” พอลพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแบบคนหมดแรงเต็มที
“พอล ไม่ต้องพูดนะ เราไม่โกดนายแล้ว
นายอย่าเป็นอะไรเลยนะ” ผมพูดพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาเพิ่มขึ้นหลายเท่า และรถพยาบาลก็มาถึง
รถพยาบาลก็รีบนำพอลส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดซึ่งโชคดีมาที่โรงพยาบาลอยู่ใกล้ห้างนั้นมาก เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ดีมากเลย ผมรีบตามพอลมาที่โรงพยาบาล นั่งรอนานมากกว่าหมอจะออกมา ประมาณ 3-4 ชั่วโมงได้ ผมรีบโทรศัพท์ไปบอกทางบ้านว่าผมคงไม่ได้กลับบ้านวันนี้ เพราะยังไงก้แล้วแต่ผมต้องนอนเฝ้าพอลที่โรงพยาบาลนี่แน่ๆ เมื่อหมอออกมาจากห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน ผมก็ถามอาการของพอลทันที
“หมอคับ เพื่อนผมเป็นยังไงบ้างคับ” ผมถามอาการพอลอย่างเร่งด่วนมากๆ
“เอ่อ..คนไข้ปลอดภัยแล้วล่ะคับ พ้นขีดอันตราย แต่สลบไป คงปีกประมาณ 1-2 วันก็ฟื้นแล้วคับ งั้นหมอขอตัวก่อนนะ” หมอพูดด้วยความสบายใจทำให้ผมก็หายห่วงไปได้กว่าครึ่ง
ไม่นานแม่ของพอลก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลพร้อมกับเพื่อนๆของผม นัน แก้ว แป้ง บอล และพี่เบล(แต่ไม่เห็นจะมีเฟินเลย) พอทั้งหมดมาถึงก็ถามผมอย่างโน้นอย่างนี้ไปหมด ผมก็อธิบายให้ฟังจนสบายใจ แม่ของพอลบอกว่ามีธุระด่วน ฝากผมดูแลพอลด้วย ท่านไว้ใจผมเพราะรู้จักผมดีพอสมควรตอนที่ผมไปบ้านพอลเมื่อวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา 10 วันน่ะคับ
“อาร์ทจ๊ะ แม่ฝากพอลด้วยนะ แม่ไปก่อนละจ้ะ” แม่พอลพูดอย่างหายห่วง
“ ได้คับ คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคับ” ผมพูดให้แม่ของพอลสบายใจขึ้นเยอะ
“จ้ะ ขอบใจมากนะจ๊ะ” แล้วแม่ของพอลก็รีบไปทำธุระต่อ
“อาร์ท เรื่องมันเป็นไงมาไงเนี่ย” 3 สาวถามผมด้วยความสงสัยจนผมปวดหัวไปหมดแล้ว
“เอาเป็นว่า เดี๋ยวเราค่อยเล่าให้ฟังดีกว่านะ ตอนนี้ปวดหัวจะแย่แล้ว” ผมพูดพร้อมกับกุมหัว(แกล้งมันน่ะ ที่จริงขี้เกียจเล่า)
“เอ้า..ผลไม้สดๆมาแล้วจ้า” บอลยกผลไม้ออกมาให้กิน แต่ผมคงกินอะไรไม่ลงหรอก
“ป้อนหน่อยสิ” พี่เบลพูดอ้อนๆบอลทำให้สามสาวสงสัยอีกแล้ว
“อารายกันเนี่ย 2 คนนี้ แอบมาจู๋จี๋ สนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไรเนี่ยยะ” 3 สาวแซวบอลกับพี่เบล
“ไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่าเป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ” บอลพูด
“ใช่ๆ น่ารักจิงๆนายเนี่ย” พี่เบลพูดแล้วก็หอมแก้มบอลเข้าให้
“เฮ้ยพี่ นี่มันโรงพยาบาลนะ เกรงใจสถานที่หน่อยสิ” บอลหลบทัน
“5 5 5 แกล้งเล่นๆน่ะ พี่รุ้น่าว่าที่ไหนเป็นที่ไหน” พี่เบลพูดด้วยความสนุกสนาน
“แหมๆ น้อยๆหน่อยย่ะ จะหวานกันเกินหน้าเกินตากันมากไปแล้วนะ 2 คนนี้” แป้งพูด
“นั่นสิ ดูนั่นซะก่อน” นันพูดพร้อมชี้ไปทางผม ซึ่งกำลังนั่นเฝ้าพอลอย่างใกล้ชิดติดๆเตียงเลย น้ำตาผมไหลออกมาอีกแล้วน่ะสิ
“อาร์ท มากินผลไม้ด้วยกันก่อนสิ นายยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ” แก้วพูด
“เราไม่หิว เชิญพวกเธอตามสบายเถอะ” ผมพูดพร้อมกับเอามือมาปาดน้ำตา
“ นี่น่ะเหรอ ไหนนายอยากแก้เผ็ดเค้านักไงล่ะ พี่ว่านายกำลังทำตรงข้ามกับใจตัวเองซะแล้วสิ” พี่เบลพูดขึ้น
“ผมไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร แต่ตอนนี้รู้สึกผิดมาก” ผมบอกพี่เบล
“ก็เป็นเพราะนายรักพอลไงล่ะ ไม่แปลกหรอกอาร์ท” นันพูด
“ใช่ๆ คนเรานะ หลอกใครก็หลอกได้ แต่หลอกใจตัวเองน่ะจะใช้มารยาซักกี่ร้อยเล่มเกวียนก็ไม่สามารถหลอกใจตัวเองได้หรอกนะอาร์ท” แป้งพูดอย่างมีเหตุผล
ผมคิดในใจถึงคำพูดของเพื่อนๆ นี่ผมกำลังหลอกตัวเองอยู่เหรอ ผมหลอกตัวเองมาตลอดหรือเนี่ย ที่จริงเรารักพอลเหรอ แล้วทำไมเราต้องทำแบบนี้ด้วย ต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้พอลต้องเจ็บหนักขนาดนี้ด้วย ยิ่งคิดแล้วผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองผิดมากๆ และก็โง่มากๆด้วย เรานั่งคิดอยู่คนเดียวโดยไม่สนใจเวลาเลยว่านี่กี่โมงแล้ว มันดึกมากแล้ว( 5 ทุ่ม) เพื่อนๆคนอื่นก็กลับกันหมดแล้ว ผมมองหน้าพอล(หล่อโครต)อย่างเสียใจ แล้วก็พูดกับพอลทั้งๆที่ยังหลับอยุ่อย่างนั้น
“เรารู้ ว่านายรู้สึกยังไงกับเรา แต่เราเองมันโง่นะพอล เราหลอกตัวเองมาตลอดเป็นอะไรที่ไม่น่าให้อภัย นายไม่ผิดอะไรเลย เราต่างหากที่ไม่น่าให้อภัย ที่เราทำไปเป็นเพราะ เราหึงนายมากกว่า หึงไม่เข้าเรื่องนะเราเนี่ย ฮึๆ เราไม่น่าทำอย่างนี้เลย ทำไมเรามันโง่อย่างนี้ล่ะพอล นายก็รู้ว่าเรามันบ้า ไม่น่าให้อภัย
.” ผมพูดพร่ำคนเดียวอย่างคนไร้สติ พูดพร้อมน้ำตาแห่งความเสียใจ จนกระทั่งผมหลับไปโดยไม่รู้ตัวในที่สุด
วันรุ่งขึ้น ผมเองยังหลับด้วยความเหนื่อยล้า พอลเริ่มรู้สึกตัวลืมตาขึ้น และมองมาที่ผม และพยายามยกมือขึ้นมาลูบหัวผมซึ่งกำลังหลับอยู่เบาๆ อย่างทะนุถนอม ผมก็ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งมือถือผมดังขึ้นผมต้องรีบตื่นมารับโทรศัพท์ พอลก็รีบแกล้งทำเป็นหลับเพื่อที่จะไม่ให้ผมรู้ว่าเค้าฟื้นแล้ว
“ฮัลโหล คับ นี่ผมอาร์ทคับ” ผมรับโทรศัพท์มือถือที่ดังพอสมควร
“อาร์ทเหรอจ๊ะ ยังดูแลพอลอยู่รึป่าวจ๊ะ นี่แม่พอลเองนะ”
“คับผม ผมดูอยู่คับ”
“จ้ะ ขอบใจมากนะจ๊ะ แล้วเมื่อคืนหนูหลับกี่โมงจ๊ะ”
“อ๋อ ก็เที่ยงคืนกว่าน่ะคับ”
“เหรอจ๊ะ นี่แสดงว่าหนูดูแลพอลจนไม่หลับไม่นอนเลยเหรอ หนูต้องดูแลสุขภาพด้วยนะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวแม่จะโทรไปใหม่นะจ๊ะ”
“คับ สวัสดีคับ”
ผมวางสายจากแม่ของพอล แล้วก็กลับมาคุยกับพอลที่ผมคิดว่ายังไม่ฟื้นอีกครั้งหนึ่ง ผมกะลังโดนพอลหลอกเข้าให้แล้วล่ะคับ
“เช้าแล้วล่ะพอล ถ้านายตื่นมานะ นายจะเห็น ท้องฟ้าสวยมากเลย อยากให้นายเห็นนะ เอ่อ เมื่อกี้แม่นายโทรมาหานะ นายรู้มั้ย แม่นายเป็นห่วงนายมากเลย แล้วถามว่าเราหลับไปกี่โมง เราไม่อยากให้แม่นายรู้ว่าเราหลับตี 3 เลยบอกว่าหลับเที่ยงคืนน่ะ พูดแล้วเรายังรู้สึกผิดไม่หายเลยนะ เราเป็นต้นเหตุให้นายต้องเป็นแบบนี้ คงโกรธเรามากเลยใช่มั้ย แต่นายรู้มั้ยว่ามันทำให้เรารู้ใจตัวเองมากขึ้นนะ เราอยากจะบอกนายนะ ดีแล้วล่ะที่ยังไม่ฟื้น ถ้าฟื้นแล้วเราคงไม่กล้าพูดหรอก คือเหตุการณ์นี้ เรารู้สึกผิดมาก แต่มันก็ยังทำให้เรารู้ความรู้สึกที่แท้จริงจากใจของเราเองเลยนะ คงอยากรู้แล้วล่ะสิ ใช่มั้ย” ผมพูดกะตัวเองอยู่นาน
“อยากแล้วคับ”
“อยากงั้นเหรอ บอกก็ได้ ความจริงที่เรารู้จักใจตัวเองมากขึ้นน่ะ คือ เราก็
รัก
นาย นะพอล รู้มั้ย เรารักนายได้ยินมั้ยพอล แต่เอ๊ะ เสียงเมื่อกี้” ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆมีใครพูดออกมานะเมื่อกี้
“พอล นายฟื้นแล้ว นายฟื้นจริงๆด้วย เราดีใจจัง”ผมพูดพร้อมกับโอบกอดพอล
“จ้าๆรู้แล้วว่าดีใจ แต่เอ่อ
ปล่อยก่อนผมเจ็บ” พอลพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“ขอโทดนะ ลืมตัวไปว่านายป่วย” ผมพูดกับพอลด้วยความดีใจ
“ว่าแต่เมื่อกี้มีใครน้า บอกรักเรา..อิอิ” พอลพูดจนผมหน้าแดง
“นายรู้ได้ไงอ่ะ สลบอยู่ไม่ใช่เหรอ” ผมถาม
“5 5 5ที่จริงเราฟื้นก่อนนายตื่นอีก แต่แกล้งหลับไปเพื่อจะลองดูซิว่าความจริงนายจะรู้สึกยังไงกับเรา แล้วมันก็เป็นไปตามที่คิดจริงๆด้วย” พอลพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
“อะไรเนี่ย แสบจริงๆนะคนป่วยยย” ผมพูดพร้อมกับแกล้งกดที่แผลพอลเบาๆ
“โอ๊ยๆๆเจ็บน้า แกล้งคนป่วยนี่นา คอยดูนะ หายเมื่อไรน่าดู” พอลพูด
“แต่ตอนนี้ยังไม่หายนี่นา” ผมหัวเราะด้วยความสะใจ
และแล้วคืนวันต่อมาพอลก็ออกจากโรงพยาบาลได้นั่นก็คือวันอาทิตย์ พอลชวนผมมาเที่ยวสวนสาธารณะ ที่ไม่ไกลจากในเมืองมากนัก เราเดินคุยกันไปเรื่อย
“อาร์ท เราขอโทดนะ ที่ไม่ยุ่งกับเฟินมากเกินไปจนทำให้นายเข้าใจเราผิดไป ยกโทดให้เรานะอาร์ทนะ” พอลทำเสียงอ้อนๆ
“อะไรกัน เราต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทด ที่นายต้องเจ็บหนักเข้าโรงพยาบาลก็เพราะเราเป็นสาเหตุนะ ขอโทดนะพอล” ต่างคนต่างขอโทด
“เอาเป็นว่าเจ๊ากันไปนะพอล ต่างคนต่างผิดทั้งคู่ไง ดีมั้ย” ผมบอกพอล
“อืม
ก็ดีนะ แต่เราว่าคงไม่เจ๊าหรอก เพราะ
คือว่า..” พอลพูดแบบอ้ำๆอึ้งๆเหมือนมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกผม
“มีอะไรเหรอพอล บอกเรามาเถอะ สัญญาน่าว่าจะไม่โกดนะ” ผมบอกพอล
“ ไม่โกรธเราแน่นะ” พอลถามเพื่อความแน่ใจ
“ก็จริงสิ” ผมยืนยัน
“คือว่า เรารู้ตั้งนานแล้วล่ะ ว่านายกับพี่เบลเตี๊ยมแผนกันน่ะ เราดีใจนะอาร์ทที่นายหึงเราและเล่นละครเพื่อประชดเรา เราเลยแกล้งถามวันออกเดทกำมะลอของนายกับพี่เบลซะเลย” พอลบอกผมจนหมด ทำให้ผมหมั่นไส้พอลมาก
“อะไรน้า นายรู้มาก่อนแล้วเนี่ยนะ มานี่เลยยยย” ผมวิ่งไล่พอล มีเหรอที่พอลจะอยู่ให้ผมจับ ก็วิ่งหนีสิคับ แต่พอลวิ่งไปและหยุดโดยเร็วพร้อมกับหันหน้าและผมก็หยุดไม่ทันนี่นา เลย
.ปากผมโดนปากพอลเข้าอย่างจัง แล้วก็ลองล็อคของพอลเลย พอลจูบผมอย่างอ่อนโยน ผมก็ตอบรับอย่างดีสักครู่ ก็ถอนปากออก
“นายยังเจ้าเล่ห์เหมือนเดิมเลยนะพอล” ผมพูด
“โถ่ เราทำเฉพาะกับคนที่รักนะอาร์ท” พอลพูดพร้อมกับหอมแก้มผมอีกรอบ
“บ้า ทำอะไรน่ะพอล เดี๋ยวคนอื่นเห็นเอานะ” ผมพูดพร้อมความเขิล
“เห็นก็ดีสิ จะได้รู้กันทั่วๆเลยว่าเรารักอาร์ทแค่ไหน หรือกลัวคนไม่รู้ งั้นจะตะโกนล่ะนะ พอลรักอาร์ทคร้าบบ จะรักไปตลอด คนนี้คนเดียวเท่านั้นคร้าบบ” พอลตะโกนเสียงดังลั่นทำให้ผมต้องรีบปิดปากพอล
“พอได้แล้ว อายเค้าน่ะ” ผมพูด
“ถ้าไม่อยากให้เราตะโกน อาร์ทก็บอกเรามาก่อนสิว่ารู้ยังไงกับเรา” พอลถามตรงๆ
“ก็ได้
” ผมพูด
“คือ
”
“คืออะไร
” พอลจ้องเอาคำตอบ
“เรารักพอล
” ผมพูดเบามาก
“อารัยน้าา ไม่เห็นได้ยินเลย” พอลยังทำท่าเจ้าเล่ห์เหมือนเดิมเลย
“ เรารักพอล ได้ยินรึยัง” ผมตะโกนบ้าง
“โอเคคับ ทราบแล้วๆ” แล้วพอลก็เดินโอบผมไปตามทางเดินของสวนสาธารณะที่ทอดยาวเป็นสายโค้งไปมา ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีขวากหนามซักเท่าไร ชีวิตจะมีอุปสรรคมากเพียงใด แต่ผมกับอาร์ทเชื่ออยู่อย่างหนึ่งเหมือนกันนั่นก็คือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด--
ผลงานอื่นๆ ของ bellqza ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ bellqza
ความคิดเห็น