คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : DBS :: 06 - KRIS's MIND
“ส่งฉันแค่นี้ก็ได้ กลับบ้านดีๆนะ”
“งั้นผมไปก่อนนะครับ”
“อื้อ บ๊ายบาย”
…
…
ผมฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดีขณะเดินย้อนกลับไปตามทางที่เพิ่งผ่านเข้ามาด้วยหัวใจพองฟูคับอก ท่ามกลางอากาศเย็นสบายและทิวไม้สีเขียวขจีตามข้างทาง ถึงทุกสิ่งจะดูธรรมดาแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันพิเศษ ...
... ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้มีโอกาสแบบนี้อย่างที่ฝันไว้ ... ก็เหมือนที่พวกคุณรู้ ... ผมมันก็แค่ผู้ชาย(ขี้อาย)ธรรมดาๆคนนึง ... กว่าจะรวบรวมความกล้าได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่ผมก็อยากให้คุณชานยอลรับรู้ความรู้สึกของผมอยู่ดี
แค่นึกถึงเรื่องราวที่เพิ่งผ่านเข้ามาในความทรงจำ มุมปากของผมก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ...
ขณะที่ขายาวๆกำลังจะก้าวออกจากแมนชั่น ผมหยุดยืนอยู่ที่ประตูใหญ่ เงยหน้าขึ้นไปมองประตูห้องสีขาวนวลเหมือนทุกครั้ง ... อ่า ... อยากโทรหาคุณชานยอลจัง
... ผมมันก็ได้แต่กดเบอร์ทิ้งไว้
... ไม่กล้าแม้แต่จะโทรออก
“คุณชานยอล!”ผมสบถออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าไอ้แฟนเก่าของคนแก้มป่องกำลังฉุดกระชากลากถูเจ้าตัวไปตามทางเดินบนระเบียง หูของผมอื้ออึงเพราะได้เสียงเพียงเสียงลมหวีดหวิวอยู่ข้างหู
... ผมกำลังวิ่ง
... วิ่งสุดกำลังที่มีอยู่เพื่อปกป้องเจ้าของรอยยิ้มหวานละมุนที่ผมตกหลุมรัก
... ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณชานยอลอีกแล้ว
สองขายาวๆก้าวขึ้นบันไดอย่างรีบเร่ง วินาทีนี้ผมนึกขอบคุณพระเจ้าที่สร้างส่วนสูงกว่า 195 มาให้ ... ผมจะใช้มันให้ดีที่สุดครับ
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นจุดเกิดเหตุ ไอ้เวรนั่นก็กำลังบังคับให้คุณชานยอลหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูห้องพอดี แค่ได้เห็นรอยแดงเป็นปื้นที่ข้อมือและแก้มขาวที่ดูนุ่มนิ่มก็แทบจะทำให้ผมระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้
“มึงจะหยิบดีๆไม่ได้ใช่มั้ยหา! อยากเจ็บตัวใช่มั้ย”
พลั่ก!!!
เสียงหมัดกระทบเนื้อดังสนั่นในความเงียบงัน นัยน์ตากลมที่หลับปี๋เตรียมรับความเจ็บปวดขยับยุกยิกก่อนจะเปิดออกช้าๆและพบว่าคนที่โดนต่อยไม่ใช่ตัวเอง ...
พลั่ก!!! ตุ้บ!!!
อีกสารพัดเสียงที่ตามมาเกิดจากการที่ผมประเคนทั้งศอกทั้งหมัดให้ไอ้ผู้ชายเฮงซวยของจริงตรงหน้า แทบไม่อยากคิดว่าถ้าคุณชานยอลโดนหมัดนั่นเข้าไปจะเป็นยังไง
... แต่ที่รู้ๆผมคงไม่ยอมให้อภัยตัวเอง
“อั่ก!”ไอ้อูบินอะไรซักอย่างร้องออกมาด้วยความจุก มันงอตัวเป็นกุ้งท่าทางเจ็บไม่เบา ผมสัมผัสได้ถึงมืออุ่นๆที่สอดประสานเข้ากับนิ้วของผมเพื่อหยุดการกระทำทั้งหมด คุณชานยอลส่ายหน้าช้าๆเป็นเชิงให้ปล่อยมันไป ... นี่ถือว่าคุณชานยอลขอไว้นะ!!!
“รักกันเข้าไปเหอะพวกมึง กูเอาคืนแน่ ซื้ด ...”ว่าแล้วมันก็พาร่างยักษ์ออกไปพร้อมรอยแผล รอยฟกช้ำเต็มตัว คงเข็ดไปอีกนานเลยล่ะคราวนี้
“คริส ...”
เสียงทุ้มใหญ่ที่ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่มันเปล่งออกมาเป็นชื่อของผมเอ่ยขึ้นเบาๆ ผมหันไปมองก่อนจะเห็นว่ากลีบปากอิ่มของเจ้าตัวบิดเบ้ออกขณะเอื้อมมือมาแตะมุมปากของผมอย่างระมัดระวัง ... น่ารักครับ
“เจ็บมากรึเปล่า ... คราวหลังอย่าทำแบบนี้อ ... อีก”ยังพูดไม่ทันจบผมก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป รวบตัวบางๆนั้นเข้ามากอดไว้แนบอก ซุกหน้าลงบนลาดไหล่กลมมนด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ...
... ผมอยากดูแลคนๆนี้
คนในอ้อมกอดขยับยุกยิกนิดหน่อย ผมจึงยอมคลายท่อนแขนออก พยายามทำใจกล้าโน้มใบหน้าลงไปใกล้จนหน้าผากของเราแตะกัน ... สบตากับลูกแก้วกลมโตใสแป๋วที่แสนอันตรายคู่นั้น
... ความจริงผมก็ไม่ได้ขี้อายเท่าที่เห็น
... แต่คุณชานยอลทำให้ผมทั้งเขินอาย ใจเต้นแรงเป็นสาวแรกรุ่นได้ตลอด อาการขี้อายเลยกำเริบทุกที
เจ้าของรอยยิ้มหวานๆคนนั้นเขาไม่หนีไปไหนเลยครับ ยืนจ้องตาผมกลับจนผมเองต้องเป็นฝ่ายหลุบตาลงต่ำ ... แต่ผมคิดผิด
ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงเรื่อฉ่ำน้ำและพวงแก้มกลมยุ้ยน่าฟัดที่ล้นออกมาจากกรอบผมหน้าม้าดึงดูดสายตาผมไว้นิ่ง ... ขอให้นี่เป็นซักครั้งที่ผมจะทำตามเสียงหัวใจบ้าง ...
สันจมูกโด่งไล้เกลี่ยจมูกโด่งเล็กของคนน่ารักเบาๆอย่างหยอกล้อ ก่อนจะค่อยๆระเรื่อยลงมาถึงข้างแก้มนุ่ม แนบริมฝีปากกดจูบด้วยความหมั่นเขี้ยวจนผิวเนื้อขาวบุ๋มลงไปเล่นเอาคนเป็นเจ้าของครางงือ หลับตาปี๋เบี่ยงหน้าหลบคนขี้อายซะอย่างนั้น
... ดูเหมือนคราวนี้คนขี้อายจะเปลี่ยนเป็นคนหื่นแทนซะแล้วล่ะ
“คุณชานยอลครับ ...”ผมกระซิบเรียกคนตรงหน้าโดยยังไม่ผละออกจากพวงแก้มกลม ไล่สูดดมกลิ่นหอมของแป้งเด็กอ่อนๆอย่างไม่รู้เบื่อ ... ผมไม่รู้จริงๆว่าตัวเองกล้าถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ค ... ครับ”เหมือนอีกฝ่ายจะเกิดอาการหาเสียงไม่เจอแถมยังเบลอหนักขนาดตอบกลับมาด้วยคำสุภาพเพราะปกติคุณชานยอลจะคุยกับผมด้วยภาษาธรรมดาแบบเป็นกันเองทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนแนบหน้าผากเข้าไปเหมือนเดิม จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตเป็นประกายราวกับดวงดาวทั้งกาแล็คซี่ถูกรวบรวมไว้ในนั้น ...
...
...
...
“ให้ผมดูแลคุณนะครับ”
…
…
“...”
ผมจ้องมองดวงหน้าขาวที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจคั่น ดวงตากลมโตเบิกกว้างและกลอกไปมาราวกับกำลังสับสนบางอย่าง ...
มือเรียวดันไหล่กว้างให้ออกห่างก่อนโค้งให้ผมเร็วๆครั้งหนึ่ง ร่างโปร่งกลับหลังเดินกลับไปที่ห้องโดยไม่ปริปากพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ...
... บางทีนี่อาจจะเป็นคำตอบ
... ผมได้แต่ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้จับจ้องไปที่บานประตูสีขาวด้วยความเคว้งคว้าง ในสมองฟุ้งซ่านไปต่างๆนานา ทั้งกลัวว่าคุณชานยอลจะไม่เหมือนเดิม ทั้งโกรธตัวเองว่าทำไมไม่รอ ทำไมไม่อดทนไปก่อน และอื่นๆอีกมากมายติดตามมาเป็นขบวน
สุดท้ายผมก็ยอมแพ้ ออกจากแมนชั่นมาเงียบๆ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหม่อลอยไปตลอดทาง ...
ผมรู้ดีว่าเวลาแค่ไม่ถึง 1 เดือนที่เรารู้จักกันมันอาจเร็วเกินไปที่ใช้คำว่า ‘คนรัก’ แต่ผมสาบานได้ว่าไม่เคยทุ่มเทให้กับใครเท่านี้มาก่อน ตลอดชีวิต 23 ปีของผมบอกได้เลยว่าคือการตกหลุมรักครั้งแรก
บ่ายวันหนึ่งหลังจากที่ผมเพิ่งเลิกคลาส ผมก็แทบจะละลายอยู่บนพื้นถนนเนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวจึงตัดสินใจแวะเข้าร้านหนังสือแถวนั้นเพื่อตากแอร์ ... และนั่นคือการเจอกันครั้งแรกของเรา
ทุกครั้งที่ผมเจอเขา คุณชานยอลมักจะมีรอยยิ้มหวานๆระดับอยู่บนใบหน้าที่แสนน่ารัก มุมอับหลังชั้นหนังสือจึงเป็นสถานที่แอบชั้นดีสำหรับสังเกตุการณ์ ... กว่าปีเต็มๆที่ผมได้แต่เฝ้ามองเขาจากที่เล็กๆตรงนี้ ... ถึงจะแค่นั้นผมก็มีความสุขกับความเรียบง่าย สดใสจนไม่อาจละสายตาไปได้
แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนขี้อายมาตั้งแต่เด็กๆ เวลาออกไปไหนมาไหนข้างนอกจึงต้องมีอุปกรณ์พรางใบหน้า จนบางครั้งเสี่ยวลู่ยังไม่กล้าเดินด้วยแถมยังโดนดุด่าอยู่บ่อยครั้ง ... ก็จริงอยู่ที่ผมหน้าตาดี แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ ...
ผู้คนที่เข้าหาผมเป็นเพราะหน้าตาทั้งนั้น ผมอยากจะรู้จริงๆว่าถ้าผมหน้าสิวเขรอะ ตัวอ้วน พุงพลุ้ย ดำเป็นถ่านจะยังมีคนหลงใหลได้ปลื้มอยู่อีกมั้ย ผมเกลียดการใส่หน้ากาก เกลียดที่ที่มีผู้คนเยอะ เกลียดที่คนอื่นทำเหมือนผมพิเศษทั้งที่ผมก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ...
... ที่มีหัวใจและรักบริสุทธิ์อยู่เต็มเปี่ยม
“เป็นไรอ่ะ ทำไมหน้าเศร้า ... คุณพนักงานร้านหนังสือเขาหักอกแกรึไง”เสี่ยวลู่เอ่ยทักผมทันทีที่เข้ามาในบ้าน โทรทัศน์เครื่องใหญ่ฉายภาพผู้ชายหลายคนกำลังรุมล้อมลูกฟุตบอลหนึ่งลูกพร้อมซาวด์กระหึ่ม ... ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันสนุกตรงไหน
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง”ผมตอบกลับไปจ๋อยๆ ก็ขนาดผมเองยังไม่รู้เลยนี่นาว่าตกลงคุณชานยอลเขาว่ายังไง ไอ้ที่เงียบนี่คือมีเฮหรือแห้ว ผมคงไม่มีหน้าจะไปเจอเขาอีกรอบแล้วล่ะครับ ...
... ผู้ชายไม่เอาไหนอย่างผม ใครเขาจะไปอยากได้มาเป็นแฟน
“โถๆ โดนเขาปฏิเสธมาอ่ะเด้~”
“เปล่า ... เขาแค่เงียบ”
ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่มอย่างแรงก่อนเอนตัวลงไปหนุนตักเสี่ยวลู่อย่างเคยตัว ถึงไอ้ตัวเล็กจะปากจัด ชอบแซะผมอยู่บ่อยๆแต่ความจริงแล้วเราสนิทกันมากๆครับ ทุกครั้งที่ผมโดนแกล้งหรือมีเรื่องกลุ้มใจเขาก็จะเป็นคนแรกที่คนนึกถึงเพราะเรามีกันอยู่แค่ 2 คน
มือเล็กเอื้อมมาเกลี่ยเส้นผมสีทองสว่างเบาๆ ปากก็บ่นงุ้งงิ้งว่าผมอย่างนู้นอย่างนี้แต่ก็ยังกอดผมเอาไว้อยู่ดี เลยได้โอกาสเล่าทุกอย่างให้กวางตัวยุ่งฟังถึงเขาจะบ่นว่าผมทำให้เสียเวลาดูแมนยูสุดที่รักก็ตาม
“โห่ ไม่ใจเลยว่ะ ... โครตป๊อด”
“ก็จะให้ทำไง ...”
“แกไม่ได้แห้วนะคริส ... เขาเงียบไม่ได้หมายความว่าเขาปฏิเสธ แถมเขายังให้ความหวังแกตั้งเยอะ คุณชานยอลของแกอาจจะกำลังสับสนอะไรแบบนี้ก็ได้”คนตัวเล็กพูดเจื้อยแจ้ว ตาก็จ้องชายหนุ่มในชุดบอลสีแดงวิ่งไล่กวดลูกฟุตบอลอย่างลุ้นระทึก
“จริงเหรอ”พอได้ยินแบบนั้นผมก็พอใจชื้นขึ้นมาบ้าง ลืมคิดไปเสียสนิทว่าที่ผ่านมาคุณชานยอลก็เจอแต่เรื่องแย่ๆมาตลอด เลยอาจจะลังเลไปบ้าง แต่ถ้าผมพยายามตื้อเข้าคงมีโอกาส ... แต่เสียใจ ผมตื้อคนไม่เป็น แบบว่าขี้อายขึ้นสมองอ่ะครับโดยเฉพาะกับคุณชานยอล ผมตายก่อนแน่ๆ
“เออเด่ะ”
“... แต่ฉันไม่รู้จะไปตื้อเขายังไง แค่เห็นหน้าก็เขิน ทำไรไม่ถูก แบบว่าใจเต้นแรง ...”
“พอๆ ... หยุดพล่ามโชว์กากได้ละ”ลู่ฮานยกมือขึ้นมาปิดปากผมเอาไว้ อี๋ มือเค็มมากๆ ... กวางขี้บ่นฉุดมือผมให้ลุกขึ้นจากโซฟาก่อนลูบคางตัวเองอย่างใช้ความคิด
“ไปกันเหอะ!”
“ไปไหนอ่ะ?”ผมถูกจูงลากให้ออกไปข้างนอกตัวบ้านเอ่ยถามด้วยความสงสัย ลู่ฮานจึงหันกลับมาและพูดที่อะไรที่ทำให้สีแดงเกิดขึ้นบนใบหูของผม ...
...
...
“พาคริสอู๋ไปตื้อว่าที่เมีย ... จะได้เลิกมากวนพี่ลู่แฟนแมนยูซักที”
TBC.
- เสี่ยวลู่คือพ่อสื่อที่ดี :D วันนี้โมเมนต์ยอลเอาขาพาดตักพี่คริสสุดยอดมากจนอยากจะแต่ง OS แง่มๆ
- คือช่วงนี้อยากแต่งอะไรที่มันดราม่าดูบ้าง คงจะได้หลังจากที่เรื่องนี้จบ ต้องรอติดตามกันด้วยนะ
- ตอนหน้าเตรียมไบก้อนไว้ฉีดมดด้วยก็ดีนะจย๋า เตือนด้วยความหวังดี xD
- ติดต่อที่เดิม @BELLKYULO96
- แท็ก #คริสขี้อาย
ความคิดเห็น