ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] `DON'T BE SHY - KRISYEOL ft. ETC

    ลำดับตอนที่ #6 : DBS :: 06 - KRIS's MIND

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 57















































     


















    ส่งฉันแค่นี้ก็ได้ กลับบ้านดีๆนะ

     

     

    งั้นผมไปก่อนนะครับ

     

     

    อื้อ บ๊ายบาย

     

     

     

     

     

     

    ผมฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดีขณะเดินย้อนกลับไปตามทางที่เพิ่งผ่านเข้ามาด้วยหัวใจพองฟูคับอก ท่ามกลางอากาศเย็นสบายและทิวไม้สีเขียวขจีตามข้างทาง ถึงทุกสิ่งจะดูธรรมดาแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันพิเศษ ...

     

     

    ... ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้มีโอกาสแบบนี้อย่างที่ฝันไว้ ... ก็เหมือนที่พวกคุณรู้ ... ผมมันก็แค่ผู้ชาย(ขี้อาย)ธรรมดาๆคนนึง ... กว่าจะรวบรวมความกล้าได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่ผมก็อยากให้คุณชานยอลรับรู้ความรู้สึกของผมอยู่ดี

     

     

     

    แค่นึกถึงเรื่องราวที่เพิ่งผ่านเข้ามาในความทรงจำ มุมปากของผมก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ...

     

     

    ขณะที่ขายาวๆกำลังจะก้าวออกจากแมนชั่น ผมหยุดยืนอยู่ที่ประตูใหญ่ เงยหน้าขึ้นไปมองประตูห้องสีขาวนวลเหมือนทุกครั้ง ... อ่า ... อยากโทรหาคุณชานยอลจัง

     

     

    ... ผมมันก็ได้แต่กดเบอร์ทิ้งไว้

     

     

    ... ไม่กล้าแม้แต่จะโทรออก

     

     

     

    คุณชานยอล!”ผมสบถออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าไอ้แฟนเก่าของคนแก้มป่องกำลังฉุดกระชากลากถูเจ้าตัวไปตามทางเดินบนระเบียง หูของผมอื้ออึงเพราะได้เสียงเพียงเสียงลมหวีดหวิวอยู่ข้างหู

     

     

    ... ผมกำลังวิ่ง

     

     

    ... วิ่งสุดกำลังที่มีอยู่เพื่อปกป้องเจ้าของรอยยิ้มหวานละมุนที่ผมตกหลุมรัก

     

     

    ... ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณชานยอลอีกแล้ว

     

     

    สองขายาวๆก้าวขึ้นบันไดอย่างรีบเร่ง วินาทีนี้ผมนึกขอบคุณพระเจ้าที่สร้างส่วนสูงกว่า 195 มาให้ ... ผมจะใช้มันให้ดีที่สุดครับ

     

     

    เมื่อขึ้นไปถึงชั้นจุดเกิดเหตุ ไอ้เวรนั่นก็กำลังบังคับให้คุณชานยอลหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูห้องพอดี แค่ได้เห็นรอยแดงเป็นปื้นที่ข้อมือและแก้มขาวที่ดูนุ่มนิ่มก็แทบจะทำให้ผมระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้

     

     

    มึงจะหยิบดีๆไม่ได้ใช่มั้ยหา! อยากเจ็บตัวใช่มั้ย

     

     

     

     

    พลั่ก!!!

     

     

     

     

    เสียงหมัดกระทบเนื้อดังสนั่นในความเงียบงัน นัยน์ตากลมที่หลับปี๋เตรียมรับความเจ็บปวดขยับยุกยิกก่อนจะเปิดออกช้าๆและพบว่าคนที่โดนต่อยไม่ใช่ตัวเอง ...

     

     

     

     

    พลั่ก!!! ตุ้บ!!!

     

     

    อีกสารพัดเสียงที่ตามมาเกิดจากการที่ผมประเคนทั้งศอกทั้งหมัดให้ไอ้ผู้ชายเฮงซวยของจริงตรงหน้า แทบไม่อยากคิดว่าถ้าคุณชานยอลโดนหมัดนั่นเข้าไปจะเป็นยังไง

     

     

     

    ... แต่ที่รู้ๆผมคงไม่ยอมให้อภัยตัวเอง

     

     

     

    อั่ก!”ไอ้อูบินอะไรซักอย่างร้องออกมาด้วยความจุก มันงอตัวเป็นกุ้งท่าทางเจ็บไม่เบา ผมสัมผัสได้ถึงมืออุ่นๆที่สอดประสานเข้ากับนิ้วของผมเพื่อหยุดการกระทำทั้งหมด คุณชานยอลส่ายหน้าช้าๆเป็นเชิงให้ปล่อยมันไป ... นี่ถือว่าคุณชานยอลขอไว้นะ!!!

     

     

     

    รักกันเข้าไปเหอะพวกมึง กูเอาคืนแน่ ซื้ด ...ว่าแล้วมันก็พาร่างยักษ์ออกไปพร้อมรอยแผล รอยฟกช้ำเต็มตัว คงเข็ดไปอีกนานเลยล่ะคราวนี้

     

     

     

    คริส ...

     

     

    เสียงทุ้มใหญ่ที่ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่มันเปล่งออกมาเป็นชื่อของผมเอ่ยขึ้นเบาๆ ผมหันไปมองก่อนจะเห็นว่ากลีบปากอิ่มของเจ้าตัวบิดเบ้ออกขณะเอื้อมมือมาแตะมุมปากของผมอย่างระมัดระวัง ... น่ารักครับ

     

     

    เจ็บมากรึเปล่า ... คราวหลังอย่าทำแบบนี้อ ... อีกยังพูดไม่ทันจบผมก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป รวบตัวบางๆนั้นเข้ามากอดไว้แนบอก ซุกหน้าลงบนลาดไหล่กลมมนด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ...

     

     

     

    ... ผมอยากดูแลคนๆนี้

     

     

     

    คนในอ้อมกอดขยับยุกยิกนิดหน่อย ผมจึงยอมคลายท่อนแขนออก พยายามทำใจกล้าโน้มใบหน้าลงไปใกล้จนหน้าผากของเราแตะกัน ... สบตากับลูกแก้วกลมโตใสแป๋วที่แสนอันตรายคู่นั้น

     

     

     

    ... ความจริงผมก็ไม่ได้ขี้อายเท่าที่เห็น

     

     

    ... แต่คุณชานยอลทำให้ผมทั้งเขินอาย ใจเต้นแรงเป็นสาวแรกรุ่นได้ตลอด อาการขี้อายเลยกำเริบทุกที

     

     

     

    เจ้าของรอยยิ้มหวานๆคนนั้นเขาไม่หนีไปไหนเลยครับ ยืนจ้องตาผมกลับจนผมเองต้องเป็นฝ่ายหลุบตาลงต่ำ ... แต่ผมคิดผิด

     

     

    ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงเรื่อฉ่ำน้ำและพวงแก้มกลมยุ้ยน่าฟัดที่ล้นออกมาจากกรอบผมหน้าม้าดึงดูดสายตาผมไว้นิ่ง ... ขอให้นี่เป็นซักครั้งที่ผมจะทำตามเสียงหัวใจบ้าง ...

     

     

    สันจมูกโด่งไล้เกลี่ยจมูกโด่งเล็กของคนน่ารักเบาๆอย่างหยอกล้อ ก่อนจะค่อยๆระเรื่อยลงมาถึงข้างแก้มนุ่ม แนบริมฝีปากกดจูบด้วยความหมั่นเขี้ยวจนผิวเนื้อขาวบุ๋มลงไปเล่นเอาคนเป็นเจ้าของครางงือ หลับตาปี๋เบี่ยงหน้าหลบคนขี้อายซะอย่างนั้น

     

     

    ... ดูเหมือนคราวนี้คนขี้อายจะเปลี่ยนเป็นคนหื่นแทนซะแล้วล่ะ

     

     

     

    คุณชานยอลครับ ...ผมกระซิบเรียกคนตรงหน้าโดยยังไม่ผละออกจากพวงแก้มกลม ไล่สูดดมกลิ่นหอมของแป้งเด็กอ่อนๆอย่างไม่รู้เบื่อ ... ผมไม่รู้จริงๆว่าตัวเองกล้าถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

     

     

     

    ค ... ครับเหมือนอีกฝ่ายจะเกิดอาการหาเสียงไม่เจอแถมยังเบลอหนักขนาดตอบกลับมาด้วยคำสุภาพเพราะปกติคุณชานยอลจะคุยกับผมด้วยภาษาธรรมดาแบบเป็นกันเองทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนแนบหน้าผากเข้าไปเหมือนเดิม จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตเป็นประกายราวกับดวงดาวทั้งกาแล็คซี่ถูกรวบรวมไว้ในนั้น ...

     

     

    ...

     

     

     

    ...

     

     

     

    ...

     

     

     

    ให้ผมดูแลคุณนะครับ

      

     

     

     

     

     

     

    ...

     

     

    ผมจ้องมองดวงหน้าขาวที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจคั่น ดวงตากลมโตเบิกกว้างและกลอกไปมาราวกับกำลังสับสนบางอย่าง ...

     

     

    มือเรียวดันไหล่กว้างให้ออกห่างก่อนโค้งให้ผมเร็วๆครั้งหนึ่ง ร่างโปร่งกลับหลังเดินกลับไปที่ห้องโดยไม่ปริปากพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ...

     

     

    ... บางทีนี่อาจจะเป็นคำตอบ

     

     

    ... ผมได้แต่ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้จับจ้องไปที่บานประตูสีขาวด้วยความเคว้งคว้าง ในสมองฟุ้งซ่านไปต่างๆนานา ทั้งกลัวว่าคุณชานยอลจะไม่เหมือนเดิม ทั้งโกรธตัวเองว่าทำไมไม่รอ ทำไมไม่อดทนไปก่อน และอื่นๆอีกมากมายติดตามมาเป็นขบวน

     

     

    สุดท้ายผมก็ยอมแพ้ ออกจากแมนชั่นมาเงียบๆ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหม่อลอยไปตลอดทาง ...

     

     

    ผมรู้ดีว่าเวลาแค่ไม่ถึง 1 เดือนที่เรารู้จักกันมันอาจเร็วเกินไปที่ใช้คำว่า คนรักแต่ผมสาบานได้ว่าไม่เคยทุ่มเทให้กับใครเท่านี้มาก่อน ตลอดชีวิต 23 ปีของผมบอกได้เลยว่าคือการตกหลุมรักครั้งแรก

     

     

    บ่ายวันหนึ่งหลังจากที่ผมเพิ่งเลิกคลาส ผมก็แทบจะละลายอยู่บนพื้นถนนเนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวจึงตัดสินใจแวะเข้าร้านหนังสือแถวนั้นเพื่อตากแอร์ ... และนั่นคือการเจอกันครั้งแรกของเรา

     

     

     

    ทุกครั้งที่ผมเจอเขา คุณชานยอลมักจะมีรอยยิ้มหวานๆระดับอยู่บนใบหน้าที่แสนน่ารัก มุมอับหลังชั้นหนังสือจึงเป็นสถานที่แอบชั้นดีสำหรับสังเกตุการณ์ ... กว่าปีเต็มๆที่ผมได้แต่เฝ้ามองเขาจากที่เล็กๆตรงนี้ ... ถึงจะแค่นั้นผมก็มีความสุขกับความเรียบง่าย สดใสจนไม่อาจละสายตาไปได้

     

     

     

    แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนขี้อายมาตั้งแต่เด็กๆ เวลาออกไปไหนมาไหนข้างนอกจึงต้องมีอุปกรณ์พรางใบหน้า จนบางครั้งเสี่ยวลู่ยังไม่กล้าเดินด้วยแถมยังโดนดุด่าอยู่บ่อยครั้ง ... ก็จริงอยู่ที่ผมหน้าตาดี แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ ...

     

     

     

    ผู้คนที่เข้าหาผมเป็นเพราะหน้าตาทั้งนั้น ผมอยากจะรู้จริงๆว่าถ้าผมหน้าสิวเขรอะ ตัวอ้วน พุงพลุ้ย ดำเป็นถ่านจะยังมีคนหลงใหลได้ปลื้มอยู่อีกมั้ย ผมเกลียดการใส่หน้ากาก เกลียดที่ที่มีผู้คนเยอะ เกลียดที่คนอื่นทำเหมือนผมพิเศษทั้งที่ผมก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ...

     

     

    ... ที่มีหัวใจและรักบริสุทธิ์อยู่เต็มเปี่ยม

     

     

    เป็นไรอ่ะ ทำไมหน้าเศร้า ... คุณพนักงานร้านหนังสือเขาหักอกแกรึไงเสี่ยวลู่เอ่ยทักผมทันทีที่เข้ามาในบ้าน โทรทัศน์เครื่องใหญ่ฉายภาพผู้ชายหลายคนกำลังรุมล้อมลูกฟุตบอลหนึ่งลูกพร้อมซาวด์กระหึ่ม ... ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันสนุกตรงไหน

     

     

    ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงผมตอบกลับไปจ๋อยๆ ก็ขนาดผมเองยังไม่รู้เลยนี่นาว่าตกลงคุณชานยอลเขาว่ายังไง ไอ้ที่เงียบนี่คือมีเฮหรือแห้ว ผมคงไม่มีหน้าจะไปเจอเขาอีกรอบแล้วล่ะครับ ...

     

     

    ... ผู้ชายไม่เอาไหนอย่างผม ใครเขาจะไปอยากได้มาเป็นแฟน

     

     

     

    โถๆ โดนเขาปฏิเสธมาอ่ะเด้~”

     

     

     

    เปล่า ... เขาแค่เงียบ

     

     

    ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่มอย่างแรงก่อนเอนตัวลงไปหนุนตักเสี่ยวลู่อย่างเคยตัว ถึงไอ้ตัวเล็กจะปากจัด ชอบแซะผมอยู่บ่อยๆแต่ความจริงแล้วเราสนิทกันมากๆครับ ทุกครั้งที่ผมโดนแกล้งหรือมีเรื่องกลุ้มใจเขาก็จะเป็นคนแรกที่คนนึกถึงเพราะเรามีกันอยู่แค่ 2 คน

     

     

    มือเล็กเอื้อมมาเกลี่ยเส้นผมสีทองสว่างเบาๆ ปากก็บ่นงุ้งงิ้งว่าผมอย่างนู้นอย่างนี้แต่ก็ยังกอดผมเอาไว้อยู่ดี เลยได้โอกาสเล่าทุกอย่างให้กวางตัวยุ่งฟังถึงเขาจะบ่นว่าผมทำให้เสียเวลาดูแมนยูสุดที่รักก็ตาม

     

     

    โห่ ไม่ใจเลยว่ะ ... โครตป๊อด

     

     

    ก็จะให้ทำไง ...

     

     

    แกไม่ได้แห้วนะคริส ... เขาเงียบไม่ได้หมายความว่าเขาปฏิเสธ แถมเขายังให้ความหวังแกตั้งเยอะ คุณชานยอลของแกอาจจะกำลังสับสนอะไรแบบนี้ก็ได้คนตัวเล็กพูดเจื้อยแจ้ว ตาก็จ้องชายหนุ่มในชุดบอลสีแดงวิ่งไล่กวดลูกฟุตบอลอย่างลุ้นระทึก

     

     

    จริงเหรอพอได้ยินแบบนั้นผมก็พอใจชื้นขึ้นมาบ้าง ลืมคิดไปเสียสนิทว่าที่ผ่านมาคุณชานยอลก็เจอแต่เรื่องแย่ๆมาตลอด เลยอาจจะลังเลไปบ้าง แต่ถ้าผมพยายามตื้อเข้าคงมีโอกาส ... แต่เสียใจ ผมตื้อคนไม่เป็น แบบว่าขี้อายขึ้นสมองอ่ะครับโดยเฉพาะกับคุณชานยอล ผมตายก่อนแน่ๆ

     

     

     

    เออเด่ะ

     

     

     

    ... แต่ฉันไม่รู้จะไปตื้อเขายังไง แค่เห็นหน้าก็เขิน ทำไรไม่ถูก แบบว่าใจเต้นแรง ...

     

     

     

    พอๆ ... หยุดพล่ามโชว์กากได้ละลู่ฮานยกมือขึ้นมาปิดปากผมเอาไว้ อี๋ มือเค็มมากๆ ... กวางขี้บ่นฉุดมือผมให้ลุกขึ้นจากโซฟาก่อนลูบคางตัวเองอย่างใช้ความคิด

     

     

    ไปกันเหอะ!”

     

     

    ไปไหนอ่ะ?”ผมถูกจูงลากให้ออกไปข้างนอกตัวบ้านเอ่ยถามด้วยความสงสัย ลู่ฮานจึงหันกลับมาและพูดที่อะไรที่ทำให้สีแดงเกิดขึ้นบนใบหูของผม ...

     

     

     

    ...

     

     

     

    ...

     

     

     

    พาคริสอู๋ไปตื้อว่าที่เมีย ... จะได้เลิกมากวนพี่ลู่แฟนแมนยูซักที

     

     

     

     

    TBC.

     

    - เสี่ยวลู่คือพ่อสื่อที่ดี :D วันนี้โมเมนต์ยอลเอาขาพาดตักพี่คริสสุดยอดมากจนอยากจะแต่ง OS แง่มๆ

    - คือช่วงนี้อยากแต่งอะไรที่มันดราม่าดูบ้าง คงจะได้หลังจากที่เรื่องนี้จบ ต้องรอติดตามกันด้วยนะ

    - ตอนหน้าเตรียมไบก้อนไว้ฉีดมดด้วยก็ดีนะจย๋า เตือนด้วยความหวังดี xD

    - ติดต่อที่เดิม @BELLKYULO96

    - แท็ก #คริสขี้อาย

     

     






     
    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×