คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เบาะแส
ฉันบอกหรือยังว่าบอดี้การ์ดหรือองครักษ์อะไรนั่นน่ะคือนายปรินซ์ = =
“เธอออกมาช้า” เมื่อฉันรู้ว่าคนที่ฉันวิ่งชนเข้านั้นเป็นใคร หน้าฉันถึงกลับเปลี่ยนสภาพกลายเป็นใบหน้าที่เบื่อเต็มทน ที่จริงก่อนที่ฉันจะรู้ว่าชนกับใครฉันจะเอ่ยคำขอโทษกับเขาอยู่แล้วเชียวแต่พอมารู้ว่าคนๆ นั้นเป็นนายปรินซ์ฉันถึงกลับกลืนคำๆ นั้นลงคอไปในทันที
“แค่มาเอาของที่บ้านแค่นี้ถึงกับเข้าไปสักนาน นี่คงมัวแต่ล่ำลากันอยู่ล่ะสิ” นายนี่เห็นฉันไม่ตอบกลับเข้าหน่อยทำมาเป็นว่าแดกดันกัน บอกตรงๆ ตอนนี้อยากต่อยหน้าหล่อๆ นั่นจัง - -^^
ฉันไม่อยากถกเถียงกับนายปรินซ์ให้เสียอารมณ์จึงเดินผ่านตัวเขาให้ไวที่สุดแบบไม่สนว่าเขาจะยืนขวางทางที่ฉันจะเดินหรือไม่ ฉันเดินเบี่ยงตัวหลบตัวคนตรงหน้าแต่ก็ไม่พ้นเพราะไหล่ฉันและเขากระแทกกันโดยไม่ตั้งใจจนตัวฉันเกือบหน้าคะมำแต่ดีที่ฉันยังตั้งตัวได้จึงไม่ล้มลงไปและถือเป็นโชคดี(มาก)ของนายปรินซ์ที่ไม่ล้มไป
แต่ทำไมไม่ล้มล่ะ? ตอนเดินชนฉันว่าฉันชนน่าจะแรงพอที่จะให้ล้มนี่นา - -? (เขาเรียกว่าตั้งใจชนมากกว่านะ)
“นี่ เธออารมณ์เสียอะไรมาจากไหนกัน ถึงมาใส่อารมณ์ด้วยการเดินชนฉันแบบนี้น่ะ” นายนี่ถามอะไรออกมาไม่คิด ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่
“นายเข้าไปเรียนโรงเรียนเดียวกับฉันทำไม” ฉันถามออกไปเพื่อที่จะให้เขารู้สักทีว่าฉันนั้นอารมณ์เสียมาจากเรื่องอะไร จะไม่ทำให้ฉันโกธรเขาได้ยังไงก็นายนี่ไม่คิดจะบอกกันสักคำว่าที่ไปเรียนโรงเรียนเดียวกับฉันแถมยังห้องเดียวกัน เมื่อแท้จริงแล้วเขาเรียนโรงเรียนในเครือของพระราชวังอยู่แล้ว แล้วนี่มาเรียนที่เดียวกับฉันทำไมกัน และมีเรื่องอีกมากมายที่ฉันคิดจะถามเขาอีกมาก
“เพราะฉันเป็นองครักษ์ที่ต้องคอยดูเจ้าหญิงจอมดื้อแบบเธอไงล่ะ” ฉันว่าแล้วว่าเขาต้องตอบกลับมาอะไรทำนองนี้แน่
“แต่ที่โรงเรียนเป็นที่ปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับฉัน”
“แต่ดูไม่ปลอดภัยสำหรับเรา”
“แต่...” ฉันคิดที่จะคัดค้านต่อแต่เขาก็พูดขัดมาสักก่อน
“ถึงยังไงฉันก็ไปเรียนแล้ว นั่นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไป
ปรืน~
ราวกับรู้เวลาอันสมควรรถเบนซ์ป้ายแดงคันสีขาวราวกับเพิ่งออกมาจากโชว์รูมเพราะมันไม่มีแม้แต่ฝุ่นเกาะเลยสักนิด
“นั่น รถมารับเราแล้ว” นายปรินซ์หันไปมองทางรถที่เพิ่งมาใหม่ก่อนจะหันมาพูดกับฉัน พลางเดินไปยังประตูรถที่เข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าฉันแล้วเปิดประตูรถออก
“เชิญขึ้นครับ” นายปรินซ์พูดพลางสั่งเป็นนัยๆ ให้ฉันเดินไปขึ้นลงซัก
แล้วเมื่อฉันกำลังเดินไปยังรถที่นายปรินซ์เปิดประตูรถรออยู่แต่ฉันกลับทำสิ่งที่ใครก็คาดคิดไม่ถึงเมื่อฉันขว้างกระเป๋าที่สะพายอยู่ไปยังนายปรินซ์อยากไม่อ้อมแรง
ต้องขอโทษด้วยนะหนังสือลูกรัก T T
ก่อนจะรีบหันหลังเตรียมที่จะวิ่งหนีจากที่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่ฉันยังไม่ทันได้เก้าขาออกไปเพราะเมื่อฉันหันหลังไปกับพบผู้ชายตัวใหญ่ยืนทำหน้ายักษ์ยืนยิ้มน่ากลัวอยู่ด้านหลังฉันสักงั้น T T
อยากร้องไห้ TT TT
และในเวลาต่อมาตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนไม่ได้นอกจากในรถเบนซ์ราคาแพง โดยมีผู้ชายหน้ายักษ์นั่งอยู่เบาะหน้าซึ่งหน้าที่นั้นคือคนขับรถ แต่ฉันว่าน่าจะไปเป็นมือปืนมากกว่านะหน้าแบบเนี่ย ส่วนเบาะหลังก็เป็นที่ๆ ฉันนั่งและคนที่นั่งอยู่ข้างฉันก็เป็นใครไม่ได้เช่นกันนอกจาก
...นายปรินซ์ ที่ตอนนี้กำลังเอาน้ำแข็งประคบที่ตาที่เริ่มเปลี่ยนสีไปเป็นสีม่วงขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็กำลังส่งสายตาเครียดแค้นมาทางฉันอยู่ ถึงกับต้องเอาน้ำแข็งประคบเลยเหรอ ฉันว่าฉันขว้างกระเป๋าใส่นายปรินซ์นั่นก็ไม่ได้แรงมากมายแต่เจ้ากระเป่าสุดที่รักของฉันทันไปก่อเรื่องเพราะทันไปกระแทกเข้ากับตาข้างซ้ายของนายปรินซ์ซักงั้น(ยังมีหน้ามาโทษกระเป๋าอีก :ผู้แต่ง)
“นายเจ็บมากมั้ยอ่า~ (._.)” ฉันถามออกไปทั้งที่รู้ๆ อยู่ว่านายปรินซ์ต้องเจ็บอยู่แล้วแน่นอน
“ไม่เจ็บเลยมั่ง -_-” นายปรินซ์พูด(ประชด)
“งั้นก็แปลว่านายไม่โกธรฉันใช่มั้ย” ฉันทำใจดีสู้เสือ(ร้าย)ถามออกไปเพื่อความแน่ใจ ถึงแม้จะรู้อยู่ว่าที่นายปรินซ์ตอบกลับมาเมื่อกี้มันคือการพูดประชดกันชัดๆ
“เธอเลิกกวนประสาทฉันสักทีได้มั้ย!! บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าเธอมาทำร้ายฉันทำไม” อีตาบ้าปรินซ์ตะโกนใส่หน้าฉัน แต่ก็ทำใจเย็นเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มน้ำตาคอเบ้าเพราะการที่นายปรินซ์จู่ๆ ก็มาตะโกนใสหน้าฉันแบบไม่ทันได้ทั้งตัวเลยส่งผลทำให้จิตใจของสาวน้อยผู้เบาะบางอย่างฉันต้องตกใจจนต้องกลั่นน้ำตาออกมา แต่จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ร้องไห้หรอกเพียงตาตาฉันแห้งน่ะมันเลยมีน้ำตาออกมา(แล้วจะอธิบายสักยาวทำพระแสง?)
“ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายนายเลยนะ...เพียงแต่กระเป๋าฉันหลุดมือแล้วตอนที่ฉันกำลังคว้ากระเป๋าขึ้นมาจู่ๆ ก็มีลมพัดกระเป๋าฉันไปโดนหน้านายน่ะ” ฉันแถไปเรื่อยเปื่อยแต่รู้สึกว่าที่ฉันกล่าวออกไปแต่ละคำไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นเลยสักนิด แถมช่วยให้เรื่องมันแย่ลงไปเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ T T
“ลมพัดงั้นเหรอ...” นายปรินซ์ทำเสียงเย็น แต่ตอนนี้ฉันเริ่มร้อนแล้วล่ะ
“เอ่อ...ใช่”
“เธอคิดว่าฉันโง่นักหรือไงที่จะเชื่อคำโกหกที่แม้แต่เด็กอนุบาลยังรู้เลยมาที่เธอพูดมันไม่ใช่เรื่องจริง!!” นายนี่เก่งเนอะรู้ด้วยว่าที่ฉันพูดมานั้นไม่ใช่เรื่องจริง(ใครๆ ก็รู้ -_-)
“มันเป็นแบบนั้นจริงๆ นะทำไมนายถึงไม่เชื่อฉันล่ะ”
“เพราะเป็นเธอไงล่ะ ฉันถึงได้ไม่เชื่อ”
“แต่ฉันเป็นถึงเจ้าหญิงเลยนะ ทำไมนายถึงไม่เชื่อฉันล่ะ” ฉันอ้างความเป็นเจ้าหญิงที่มีอยู่ขึ้นมา
“ไม่ว่าเธอจะเป็นเจ้าหญิงหรือไม่เป็นเจ้าหญิงฉันก็ไม่เชื่อเธออยู่ดี” อีตาปรินซ์เริ่มทำหน้าเอือมระอาเต็มทนกับความดื้อด้านของฉัน ก่อนที่อีตาปรินซ์จะทำหน้าจริงจังใส่ฉัน “แล้วเธอบอกมาได้หรือยังว่าทำไมเธอถึงโยนกระเป๋าใส่ฉัน - -^^”
นายปรินซ์นี่ก็ยังไม่หมดความพยายามที่จะรู้ให้ได้ว่าทำไมฉันถึงได้ทำแบบนั้นไป แล้วมีอย่างหรือว่าฉันคนนี้จะยอมบอกความจริงกับนายนี่ให้ตัวเองโดนด่า มันไม่มีทางเด็ดขาด หึๆ -*-
“โอเคๆ ฉันยอมบอกนายก็ได้ที่ฉันขว้างกระเป๋าใส่นายก็เพราะว่า...อ่ะ! ถึงบ้านแล้ว ฉันอยากเข้าห้องน้ำมากเลยฉันไปก่อนนะ” ฉันพูดรั่วโดนไม่ปล่อยโอกาสให้นายปรินซ์ได้พูดขัดใดๆ ฉันได้เลย เมื่อเห็นว่ารถที่ฉันนั่งมานั้นได้มาถึงที่หมายโยปลอดภัยแล้ว ก่อนจะรีบเปิดประตูออกไปแล้วรีบใส่เกียร์สุนัขวิ่งเข้าบ้านไปโดยไม่มีการหันกลับไปมองนายปรินซ์เลยแม้แต่หางตา
เฮ้อ~ รอดตัวไปเปราะหนึ่งฉันคิดว่าตัวเองจะต้องไปคิดสรรหาคำโกหกเพื่อที่จะให้นายปรินซ์นั่นยอมเชื่อจนหัวฉันแถบจะระเบิดอยู่แล้ว แต่ดีที่รถมาถึงบ้านซะก่อนฉันจึงรอดตัวไป
“นี่ หล่อนว่ายัยเจ้าหญิงนั่นจะอยู่ที่นี่ได้จนถึงเมื่อไร?” ระหว่างที่ฉันกำลังหาทางไปห้องน้ำอยู่(ห้องน้ำที่นี่เยอะมากแล้วฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันจะเข้าห้องน้ำ - -///) ฉันก็ได้ยินเสียงกระซิบ(ที่ไม่เบา)ดังขึ้นมาจากทางห้องเก็บของระหว่างทางที่ฉันกำลังเดินผ่าน
“นี่! เงียบๆ หน่อยสิหล่อนเดี๋ยวก็มีคนมาได้ยินพวกเรากำลังนินทาเจ้านายกันหรอก” ขอบคุณที่บอกนะ ว่าพวกหล่อนกำลังนินทาชาวบ้านเขาอยู่น่ะ = =^
เมื่อฉันย่องเข้าไปใกล้เสียงที่ดังมาจากทางเก็บของฉันก็ได้ประจักษ์ว่าเสียงที่ฉันได้ยินนั้นเป็นเสียงของพวกสาวใช้ที่กำลังสุมหัวกันนินทาเจ้านายผู้สูงศักดิ์ของพวกหล่อนกันอยู่
แต่เหมือนเมื่อกี้ฉันเหมือนได้ยินว่าอะไรเจ้าหญิงอยู่นะ แล้วเจ้าหญิงที่พวกนี้กำลังพูดถึงก็คงจะเป็นฉันคนนี้สินะ แต่แล้วทำไมยัยพวกนี้ถึงได้กล้าพูดจาหยาบคายเรื่องฉันแบบนั้นล่ะ?!
หรือว่าเรื่องที่ฉันมาเป็นเจ้าหญิงนี่จะมีอะไรที่ฉันเองยังไม่รู้อยู่กันแน่นะ?
“โทษที แต่ฉันยังไม่หายข้องใจเลยเรื่องที่องครักษ์ปรินซ์ไปเลือกใครก็ไม่รู้มาเป็นเจ้าหญิง แทนที่จะมาเลือกฉันก็ไม่เอาไปเลือกคนนอกที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพระราชวังหรือแม้แต่ทำตัวให้สมกับการเป็นเจ้าหญิงยัยนั่นยังทำไม่เป็นเลยสักอย่าง” ยัยสาวใช้คนแรกพูดยาวเยียดแถมยังพูดจาไม่ไว้หน้าฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันฟังแล้วอยากจะเข้าไปกระทืบยัยคนที่พูดให้จมดินไปซะให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย! ฮึ่ม!
“นี่หล่อนเลิกเพ้อได้แล้ว อย่างหล่อนไม่มีทางได้เป็นเจ้าหญิงได้หรอกย่ะ” ใช่ๆ พูดได้ตรงใจฉันมากเลย ขอจุ๊บแก้มที ^3^
“เพราะฉันต่างหากล่ะที่เหมาะกับการเป็นเจ้าหญิงน่ะ วะฮ่าฮ่า ^ ^” เป็นซะงั้นไป -…-
“ฉันว่าก็คงไม่ใช่เหมือนกันนั่นแหละย่ะ ฉันได้ยินมาว่ายัยนั่นน่ะหน้าเหมือนเจ้าหญิงของเราเมื่อตอนเด็กองครักษ์ปรินซ์จึงไปนำตัวมาเข้าเฝ้าพระราชากับพระราชินีต่างหากล่ะย่ะ” ฉันยิ่งฟังยัยพวกนี้คุยกันก็ทำให้ฉันมึงและงงมากขึ้นไปอีก และก็ทำให้ฉันได้รู้อะไรดีๆ เพิ่มขึ้นไปอีกเช่นเดียวกัน เหมือนที่เคยดูหรือฟังมาจากในโทรทัศน์เลยว่าถ้าอยากจะรู้เรื่องอะไรต่อมิอะไรเกี่ยวกับพวกเจ้านายนั้นเราก็จะได้รู้เรื่องพวกนั้นมาจากยัยพวกคนใช้ที่ชอบเอาเรื่องของเจ้านายตัวเองมานินทาลับหลังกันตลอด ผลจึงทำให้ฉันได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นไปอีกเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่ฉันกำลังสงสัยอยู่
“แต่ถ้าเจ้าหญิงของเราไม่มาเกิดเหตุร้ายขึ้นมาซะก่อนเจ้าหญิงคง...”
กริ๊ง!!!
จู่ๆ ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นมาจากทางห้องครัวเมื่อยัยสาวใช้สองคนนั้นได้ยินก็ลนลานวิ่งออกจากห้องเก็บของไป ดีที่ฉันไหวตัวทันรีบไปหลบอยู่ข้างหลืบด้านข้างห้องเก็บของไม่อย่างนั้นคงโดนจับได้แน่ว่ามาแอบฟังชาวบ้านเขานินทาผู้อื่นกันอยู่ หิหิ ^^
แบบนี้ฉันก็ได้เบาะแสเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันมาเป็นเจ้าหญิงอะไรนี่โดยที่ตัวฉันไม่ได้แม้แต่คิดจะเต็มใจที่จะมาเป็นเลยสักกะนิด > <
ความคิดเห็น