เมื่อ “อินเทล” เป็นได้มากกว่า “ชิพ” - เมื่อ “อินเทล” เป็นได้มากกว่า “ชิพ” นิยาย เมื่อ “อินเทล” เป็นได้มากกว่า “ชิพ” : Dek-D.com - Writer

    เมื่อ “อินเทล” เป็นได้มากกว่า “ชิพ”

    โดย OHMOSANIRE

    ถึงเวลาแล้วที่ อินเทล ผู้ผลิตชิพซิลิกอนรายใหญ่ที่สุดของโลก จะออกมาป่าวประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่า อินเทล ทำอะไรได้อีกมากมาย...ไม่ใช่แค่ ชิพ กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : แม้ว่าอินเทลจะสามารถ

    ผู้เข้าชมรวม

    298

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    298

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 มิ.ย. 51 / 13:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เมื่อ “อินเทล” เป็นได้มากกว่า “ชิพ”


      :

      ถึงเวลาแล้วที่ “อินเทล” ผู้ผลิตชิพซิลิกอนรายใหญ่ที่สุดของโลก จะออกมาป่าวประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่า “อินเทล” ทำอะไรได้อีกมากมาย...ไม่ใช่แค่ “ชิพ”

      กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : แม้ว่าอินเทลจะสามารถสร้างเงินจากธุรกิจต่างๆ ได้นับหมื่นล้าน แต่ “จัสติน แรทเนอร์” กรรมการบริหารด้านเทคโนโลยี และผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย กลับบอกว่าต้องการที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ที่ทุกคนมีต่อองค์กร

       “ภาพที่คนทั่วไปมีต่ออินเทลในด้านการเป็นผู้นำนวัตกรรม ทุกวันนี้มีเพียงแค่ "โอ้ ใช่ มีสติกเกอร์ติดอยู่ที่คอมพิวเตอร์ของฉัน แสดงว่ามีของอินเทลอยู่ข้างใน" ทั้งๆ ที่จริงแล้วสิ่งที่เราทำนั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับรู้เลยว่าการประดิษฐ์คิดค้นของเรานั้นเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร”

       เพื่อลบล้างภาพเก่าๆ ไม่นานนี้อินเทลจึงจัดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน เพื่อโชว์โปรเจคต่างๆ ที่ทีมวิจัยของอินเทลเชื่อว่าจะส่งผลต่อการดำรงชีวิตของเราทุกคน

       กว่า 70 โปรเจคตั้งแต่ด้านการแพทย์ ไปจนถึงวิชวลคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีไร้สาย หรือแม้แต่ด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่อินเทลกำลังวิจัยโดยทุ่มงบไปกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

       “โปรเจคที่เราหยิบยกมานี้เป็นการวิจัยที่เราทุ่มทุนไปมากกว่า 2 เท่าในรอบสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้วงการแพทย์ดีขึ้น สิ่งแวดล้อมดีขึ้น และช่วยให้เราสามารถใช้อินเทอร์เน็ตแบบไร้สายได้จากอุปกรณ์อะไรก็ได้ จากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้” แรทเนอร์กล่าวอย่างภูมิใจ

      การค้นหาภาพและวิดีโอ “อัจฉริยะ”  แม้ว่ากล้องดิจิทัลทำให้หลายๆ คนกลายเป็นคนชอบถ่ายรูป แต่ปัญหาก็คือหลังจากนั้นเรามักโหลดรูปลงในคอมพิวเตอร์ และจากนั้นก็ทิ้งรวมกันไว้ ทั้งไฟล์รูปถ่ายและวิดีโอ

       ศูนย์วิจัยของอินเทลในจีน เชื่อว่าเทคโนโลยีค้นหาภาพและวิดีโออัจฉริยะจะช่วยจัดหมวดหมู่รูปและวิดีโอ ให้กลายเป็นอัลบั้มที่ง่ายต่อการค้นหา โดยอินเทลได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ “ไมโครโปรเซสเซอร์” ในการคัดแยกรูปภาพและวิดีโอจากลักษณะร่วมที่กำหนด

       “มันเป็นระบบที่สามารถค้นหาความคล้ายกันของรูปต่างๆ ซึ่งอาจสามารถแยกเป็นประเภทได้ไม่ว่าจะเป็นรูปสัตว์, ใบหน้า หรือรถ จากนั้นระบบก็จะจัดประเภทเองว่ามันมีความคล้ายกับรูปอื่นหรือไม่อย่างไร” ลิน เชา กล่าว

       รูปที่ค้นหาได้ง่ายที่สุดทั้งจากรูปถ่ายหรือวิดีโอก็คือ “ใบหน้า” โดยซอฟต์แวร์นี้จะค้นหาใบหน้าในรูปถ่าย และพล็อตใบหน้าถึง 68 จุด และเช็คลักษณะหลักอันได้แก่หน้าผาก, ดวงตา, คิ้ว, จมูก และปาก 

       จากนั้น สมมติว่าเราระบุว่านี่คือภาพของแม่ เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถเรียกค้นดูรูปทั้งหมดและหารูปที่เหมือนกันออกมา เพื่อให้เราจัดอัลบั้มรวมรูปถ่ายของแม่ได้อย่างง่ายดาย

      วิทยาการการแพทย์สุดล้ำหน้าด้วย “เมดิคอล วิชวลไลเซชั่น”

       ในแต่ละปีมีราว 655,000 คนทั่วโลกที่เสียชีวิตจากมะเร็งในลำไส้ใหญ่ และการตรวจพบและวินิจฉัยได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดการสูญเสียนี้ได้

       อินเทลจึงได้ร่วมกับ “ฟิลลิปส์ เฮลธ์แคร์” สร้างโปรเจคขึ้นในอิสราเอล เพื่อทำให้สามารถตรวจพบและวินิจฉัยโรคนี้ได้เร็วขึ้น โดยใช้แอพพลิเคชั่น virtual colonoscopyที่สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ โดยใช้ข้อมูลจากการทำ CT scan ซึ่งภาพที่ได้นั้นมีคุณภาพที่ชัดเจนและละเอียดกว่าเดิมมาก

       “เราสามารถแสดงผลได้เร็วกว่าแอพพลิเคชั่นแบบเก่า และแสดงภาพได้จำนวนเฟรมต่อวินาทีมากกว่าเดิมถึงสองเท่า เราดีใจมากที่สามารถสร้างผลงานให้แก่โลกการแพทย์ได้” “ซี ดาโนวิช” กล่าว

      “คอมมอน เซนส์” ระบบตรวจวัดสภาพแวดล้อม

       โปรเจคนี้มุ่งเป้าไปที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจในการกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อม

       ด้วยอุปกรณ์ตรวจวัดเคลื่อนที่ ผู้ใช้งานสามารถเก็บข้อมูลคุณภาพอากาศในท้องที่นั้นๆ และส่งกลับมาให้ศูนย์กลางเพื่อทำการรวบรวม

       “อลิสัน วู้ดรัฟฟ์” ในทีมพัฒนา “คอมมอน เซนส์” (Common Sense) กล่าวว่าด้วยการให้คนทั่วไปพกอุปกรณ์เคลื่อนที่ตัวนี้ไว้ พวกเขาก็จะสามารถทำคนธรรมดาๆ เป็นประชากรที่มีคุณค่า ด้วยการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับคุณภาพอากาศ โดยข้อมูลจากคนจำนวนมากเหล่านี้จะถูกส่งมายังเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนเพื่อทำการอ่านผล

       ขณะนี้กลุ่มทำงานกำลังทำโครงการนำร่องอยู่ที่ซานฟรานซิสโก โดยกำลังทำการศึกษาว่าจะใช้ข้อมูลที่ได้มากเป็นจำนวนมากให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร

       วู้ดรัฟฟ์กล่าวว่า ก้าวต่อไปคือการ “ส่งมอบอุปกรณ์เหล่านี้ให้แก่คนที่พร้อมจะช่วยเหลือ และพัฒนาซอฟต์แวร์คอมมูนิตี้ เพื่อให้คนสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและศึกษาว่าจะใช้ข้อมูลเหล่านี้กำหนดนโยบายได้อย่างไร”

      Ray tracing เทคโนโลยีตามรอยลำแสง

       ในทุกๆ วันนี้ เกมมีคุณภาพดีขึ้นมากจนเกือบเหมือนของจริง ด้วยการตามรอยลำแสงหรือ Ray tracing และอินเทลก็เชื่อว่าจะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน

       เทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้แล้วในหนังฮอลลีวู้ดที่เพิ่งจะชนโรงอย่าง “กังฟู แพนดา” แต่นักวิจัย “แดเนียล โพล” กล่าวว่า “เรย์เทรสซิ่งยังคงเป็นโปรเจควิจัย แต่มันจะแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอนาคต”

       เรย์เทรสซิ่ง ทำงานด้วยการใช้คอมพิวเตอร์สร้างแสงต่างๆ ในฉากสามมิติ ซึ่งโพล กล่าวว่า “คุณสามารถใส่สเปเชียลเอฟเฟคท์ต่างๆ ได้มากมาย เช่นแสงสะท้อนบนผิวน้ำหรือในกระจก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากในเกม”

       “เรากำลังก้าวเข้าสู่โลกของเกมที่เหมือนจริงมากขึ้นทุกที ด้วยการสร้างภาพที่เหมือนภาพจริง และเลียนแบบสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งทำให้เกมเหมือนจริงและตื่นเต้นมากขึ้น” อย่างไรก็ตามเขายอมรับว่ายังต้องใช้เวลาพัฒนาระบบนี้อีกอย่างน้อย 2-3 ปี” 

      ทำงานบ้านด้วย “หุ่นยนต์รับใช้”

       เมื่อ 4 ปีที่แล้วมีข่าวว่าจะมีหุ่นยนต์โรบอทเพื่อช่วยทำงานบ้าน แม้ปัจจุบันนี้มันยังไม่เกิดขึ้นจริง แน่นักวิจัยของอินเทล “ซิดฮาร์ธาร์ ศรีนิวาสา” เชื่อว่าโรบอทพ่อบ้านดังกล่าวกำลังจะกลายเป็นจริงในไม่ช้านี้

       ด้วยการใช้โปรแกรมการวางแผนการเคลื่อนไหว รวมถึงกล้อง แขนหุ่นยนต์ก็สามารถหยิบถ้วยสีดำและใส่ลงในอ่างล้างจานได้

       การเคลื่อนไหวง่ายๆ แต่แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่โรบอททำได้ยากมาก ศรีนิวาสากล่าวว่า “นี่คือการเปลี่ยนแปลงวงการวิจัยด้านหุ่นยนต์ ด้วยการออกแบบแขนหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้เท่าความเร็วของมนุษย์”

       “แขนจะไม่รู้ว่าถ้วยอยู่ที่ไหนจึงต้องทำการค้นหา มันจึงต้องเรียนรู้ว่าจะหยิบขึ้นมาและวางลงบนอ่างได้อย่างไรโดยไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์หรือสิ่งของที่อยู่ใกล้ๆ”

       มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ทุกคนบนโลกนี้ตื่นเต้นตกใจ แต่เขาก็เชื่อว่ามันเป็นสัญญาณของ “วันพรุ่งนี้”

       “เราต้องการปล่อยโรบอทออกมาจากพื้นโรงงาน และเอามันมาอยู่กับคน หัวใจสำคัญก็คือความมีประโยชน์ของมันนี่เอง เราสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถล้างจาน, เก็บของเล่น, ชงกาแฟ และช่วยงานบ้านอื่นๆ ได้”

      มือถือ “สื่ออารมณ์”

       ทุกคนต้องเผชิญกับความเครียดในแต่ละวันในหลายรูปแบบ แต่ตอนนี้นักวิจัยของอินเทล และนักจิตวิทยา “มาร์กาเร็ต มอร์ริส” กำลังพัฒนาสิ่งที่เรียกกว่า “Mood Phone” หรือมือถือที่สามารถสื่ออารมรณ์ได้ เพื่อช่วยรักษาสภาพจิตใจของคน

       เธอกล่าวว่า “เราจะแปลรูปแบบการสนทนาทางการแพทย์ออกมาเป็นจอทัชสกรีนในโทรศัพท์มือถือ และคุณสามารถเช็คได้ตลอดเวลาว่าคุณรู้สึกอย่างไร”

       เธอบอกว่าสิ่งที่มุ่งเป้าไปที่ “การทำให้คนได้รู้สาเหตการเจ็บป่วยได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”

       มีสัญญาณหลายอย่างที่บ่งบอกถึงความเครียด เช่น จังหวะการเต้นของหัวใจที่ช้าลง และการเปลี่ยนแปลงของค่าความดันโลหิต ซึ่งสามารถตรวจวัดได้จากมือถือ

       เมื่อร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง โทรศัพท์สามารถตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าให้ส่งข้อความมาถึงคุณ และอาจจะถามง่ายๆ ว่าคุณเป็นอะไรหรือไม่ นอกจากนี้มันยังสามารถแนะนำวิธีการรับมือด้วย เช่นการฝึกลมหายใจ หรือการออกไปเดินเล่นสักพักหนึ่ง

       เธอกล่าวว่าโปรเจคนี้ “ช่วยทำให้คนแข็งแรงขึ้น และมีความสุขมากขึ้น”

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×