คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ทานข้าว
เมื่อผ่านไปไม่กี่นาที แบคฮยอนก็ขับรถมาถึงสถานที่นัดหมายอย่างปลอดภัย มือเรียวบางจึงหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าที่จอดรถ... ส่วนยูริกับจีซกก็เลือกหาที่นั่งตรงบริเวณเงียบสงบเป็นที่เรียบร้อย แล้วจึงสั่งอาหาร โดยที่ทั้งสองนั่งข้างๆกัน ส่วนแบคฮยอนกับชานยอลก็นั่งลงข้างกันตรงข้ามกับพวกเขา
“นี่คุณ” ชานยอลใช้สอกกระแทกคนข้างๆเบาๆ
“อะไร” ร่างบางผินหน้าไปตอบอย่างหัวเสีย
“ไม่คิดจะแนะนำเพื่อนๆของคุณให้ผมรู้จักบ้างหรอ”
“เดี๋ยวฉันจะแนะนำอยู่เนี่ยแหละ นี่ยูริ ส่วนอีกคน วันนี้ชื่อเจสสิก้า เป็นพนักงานที่ร้านของฉัน”
แบคฮยอนแนะนำเพื่อนพนักงานให้ชานยอลรู้จัก โดยที่ทั้งสองกำลังนั่งยิ้มจวนปากจะฉีก พลางทำตากะพริบไปมาเป็นประกาย
เห็นคนหน้าตาดีหน่อยเดียวหน่อแรดก็โผล่ขึ้นมาทันทีเลยนะ
“ส่วนนี่ ชานยอล เจอกันแถวๆนี้เนี่ยแหละ พอดีพี่เก็บโทรศัพท์เขาได้ เราก็เลยรู้จักกัน”
“ฮึย ทำไมกูไม่เจออย่างงี้บ้างวะ”
จีซกพูดขึ้นเบาๆ แต่มันก็ดังพอจะทำให้เพื่อนที่อยู่ข้างๆอดหมันไส้ไม้ได้
“เอ่อ...ชื่อชานยอลหรอ” จีซกถามเสียงหวาน
“ครับ”
“ชื่อน่ารักจังเลยนะ หน้าตาก็ดีๆ”
“นี่เจสสิก้า ถึงเขาจะหน้าตาดี แต่พอนั่งขี้ก็ทุเรศเหมือนกันแหละ” แบคฮยอนพูดค้อนอย่างนึกหมันไส้เต็มทน
“โหยแรงอ่ะคุณ กำลังจะกินข้าวอยู่แล้วแท้ๆ จะพูดทำไม”
“มันก็เรื่องของฉัน” แบคฮยอนถลึงตาต่อว่า
“เอ่อ... ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะครับ”
เป็นเสียงของพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งพูดขึ้น ในขณะกำลังยืนถือขาไก่จานใหญ่พร้อมทั้งเป็บซี่สี่ขวด
“ทางนี้เลยจ้ะ ทางนี้เลย ขาไก่ใหญ่ๆ น่ากินมาก” จีซกช่วยพนักงานเสิร์ฟจัดวางอาหารอย่างออกนอกหน้า
“นี่จ้า ขาไก่ที่เธอชอบ พี่สั่งมาให้เธอโดยเฉพาะเลยนะเจสสิก้า เป็นค่าตอบแทนที่เธอจัดการตาแก่หัวล้านให้พี่โดยเฉพาะ” แบคฮยอนวางถาดขาไก่ขนาดใหญ่ให้จีซก
“อุ้ย ขอบคุณหม่อมแม่มากเลยนะคะ” จีซกจึงทำหน้าตาดี๊ด๊า
“ไม่เป็นไรจ้า ถ้าไม่กินไม่อิ่มเดี๋ยวพี่สั่งให้อีก”
“นี่เจ้ ถ้ามันไม่อิ่ม เดี๋ยวมันก็หาคุ้ยอาหารกินที่ส้วมเองแหละ”
ยูริค้อนเข้าให้เพราะทนหมันไส้มานานแล้ว เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่เหลือเป็นแถว
“ฮาๆๆ”
“นี่ ฉันกะเทยนะไม่ใช่กะสือ” จีซกเท้าเอวพลางจิกตาใส่
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะ เห็นแกชอบหายเข้าไปห้องน้ำบ่อยๆ”
“พอได้แล้ว นังบ้า รีบๆกินเข้าเหอะ ตอนนี้ฉันหิวมาก” จีซกพูดชวน ทุกคนจึงลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย
แต่ไม่ทันที่แบคฮยอนจะหยิบขาไก่ยัดเข้าปาก ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน...
แต่เมื่อก้มหน้ามองเบอร์ของคนที่โทรเข้ามา ทำให้ร่างบางนั้นค่อยๆยกยิ้มจนเต็มมุมปาก เพราะปลายสายเคยเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยที่ตนนั้นแอบปลื้มมานาน
“ฮัลโหล สวัสดีครับ พี่ จงแด"
เสียงอย่างหวานๆนั้นถูกดัดขึ้นจนเกินความดัดจริต พลอยทำให้พวกที่เหลือต่างก็ทำหน้าเอื่อมระอากันเป็นแถว โดยเฉพาะกับคนตัวโต
“เอ่อ... พรุ่งนี้พี่จงแดจะมาทานเค้กที่ร้านแบคหรอครับ.... ได้ครับ เดี๋ยวแบคจะหาเค้กที่พี่ชอบไว้ให้เลยนะครับ เรื่องนี้ไม่ต้องเป็น หะ_”
ไม่ทันที่แบคฮยอนจะพูดจบ มือสากๆของชานยอลก็ถือวิสาสะเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์ออกจากหูของร่างบางแบบหน้าตาเฉย... เป็นผลให้แบคฮยอนหันไปมองหน้าอีกฝ่ายในทันที ในเมื่อกว่าที่พี่เขาจะโทรหาแต่ละครั้ง แบคฮยอนก็ต้องรอจนวันและเวลาล่วงเลยผ่านไปเนิ่นนานเลยทีเดียว เกือบชาติเศษได้
“เฮ้ย!!... นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ฉันกำลังโทรศัพท์อยู่ นายแย่งฉันไปทำไม!!”
มือเล็กๆของแบคฮยอนหวังจะไปแย่งเอาคืนมา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมส่งคืนให้ง่ายๆ
“อยากจะแย่ง มีปัญหาหรอ”
“มีสิ! แล้วถ้านายไม่เอามาคืนฉันนะ นายเจ็บตัวแน่!”
แบคฮยอนถลึงตาขู่อย่างไม่พอใจจนแทบจะถลนออก แต่คนตัวกลับทำหน้าแบบกวนๆใส่เหมือนจะเป็นการท้าทาย
“ไม่มีทาง!”
“โอ๊ย! ฉันเริ่มหมดความอดทนกับนายแล้วนะ!”
คราวนี้ แบคฮยอนเงื้อมมือขึ้นหวังจะฟาดคนตัวสูงเพื่อเป็นการระบายอารมณ์โกรธแค้น แต่ในขณะเดียวกันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เลยทำให้มือของตนค้างกางอากาศ
“ติ๊ด!!” ชานยอลกดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนจะยัดมันเข้ากระเป๋ากางเกงของตัวเอง
“เฮ้ย นี่พวกเธอ มันโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าเนี่ย”
แบคฮยอนมุ่ยหน้าไปถาม ก่อนที่ทั้งสองจะพยักหน้ารับพร้อมกันแทนคำตอบ
“แต่อีกเดี๋ยว มันก็จะกลายเป็นของผม”
“หมายความว่าไง!?”
“ก็หมายความว่า ผมจะเอาโทรศัพท์คุณไปใช้สักพัก แล้วนี่ คุณเอาของผมไปใช้ก่อน” ชานยอลหยิบโทรศัพท์ไอโฟนที่แบคฮยอนเก็บได้ในวันนั้นยื่นให้
“แรงมากเลยยัยยุริ... อยากให้มีคนมาแย่งฉันแบบนี้บ้างอ่ะ”
“ให้แกไปมองหน้าของตัวเองที่ส้วมก่อนนะ แล้วแกจะรู้ว่ามีคนอยากแย่งแกหรือเปล่า”
“ฮึย อีนี่แรงกว่า!!” จีซกพูดเซ็งๆ
“นายชานยอล นายเป็นบ้าหรือไง โทรศัพท์ฉันมีเบอร์ลูกค้าประจำมากมาย เอาโทรศัพท์ฉันคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”
“ผมไม่สน ถ้าไม่อยากให้โทรศัพท์แหลกกระจุย ก็เงียบซะ!!”
ชานยอลขู่เสียงเขียว เลยทำให้แบคฮยอนต้องเงียบลงโดยเร็ว เพราะใบหน้าขาวๆนั้นฉายแววถึงความจริงจัง แต่ร่างบางไม่กลัวอีกฝ่ายหรอก แต่ที่กลัว เป็นเพราะจะถูกเขาขว้างโทรศัพท์ทิ้งต่างหาก ยิ่งชานยอลชอบทำอะไรที่คาดไม่ถึงเสมอ ก็เลยต้องเลือกที่จะพยักหน้ารับ แล้วก็ยอมรับฟังคำสั่งอย่างว่าง่าย
“เออๆ! ก็ได้ ฮึ่ย! แต่ถ้าลูกค้าโทรมา บอกให้โทรเข้าเบอร์ตั้งโต๊ะที่ร้านของฉันก็แล้วกัน เข้าใจมั้ย!”
“เข้าใจคร๊าบบบบ เดี๋ยวผมกลับก่อนนะครับผม คุณกินข้าวไปเหอะ พอดีมีธุระ”
พูดจบ ชานยอลจึงพาตัวเองเดินออกจากร้านไป ปล่อยให้แบคฮยอนนั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว
“เฮ้ย บ้าเอ๊ย!!”
“เชอะ! ไม่ต้องมาแอ๊บเเลยนะเจ้ หนูรู้นะว่าเจ้อ่อยเขา” จีกซกพูดขึ้น
“โหเจ้ แรงอ่ะ น้องตามไม่ทันเลย” ยูริพูดต่อ
“นี่! หยุดพูดเพ้อเจ้อสักทีเหอะ พี่จะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย วันนี้เป็นอะไรนะ บ้าจริงๆเลย!!” แบคฮยอนยกมือขึ้นกุมขมับ
ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชื่อของมันจะตามหลอกหลอนไม่เลิก
“ผลั๊ก”
ไม่กี่อึดใจต่อมาก็มีเสียงคนถูกผลักจนหงายตัวล้มลงกับพื้น
ทั้งสามจึงหันไปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะเบิกตาขึ้นพร้อมกันในเมื่อ คนถูกผลักนั่นเป็น
“ลู่หาน!!”
ความคิดเห็น