คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : พบเจอกันอีกครั้ง
ในช่วงเช้า
แบคฮยอนต้องตื่นแต่เช้าเข้าทำงานเป็นปกติ บางทีก็รู้สึกเบื่อเป็นบางครั้งเมื่อต้องมาพบเจออะไรซ้ำๆซากๆอย่างนี้แทบจะทุกวัน ถ้าไม่ติดว่ามีลูกน้องอีกสามคนมาช่วยงาน สร้างบรรยากาศให้ร้านดูสดใสขึ้นล่ะก็ แบคฮยอนก็คงต้องเหี่ยวเฉาตาย เหมือนดอกกุหลาบที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลาแน่ๆ
“คุณแบคฮยอนครับ ผมมารับเค้กครับ” เสียงใหญ่ทุ้ม ออกแนวเจ้าชู้ของลูกค้าประจำเอ่ยถามขึ้น เมื่อก้าวมาหยุดอยู่ต่อหน้าเคาน์เตอร์ที่แบคฮยอนนั่งอยู่
แบคฮยอนแสร้งยิ้มตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เพราะรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับลูกค้ารูปร่าง อ้วนท้วม หัวล้านคนนี้สักเท่าไหร่ หน้าตาก็เลยวัยทองเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังมาทำเจ้าชู้ใส่แบคฮยอนอยู่เรื่อยเลย
“ออครับ เดี๋ยวผมจะให้พนักงานของร้านเอาเค้กไปไว้ที่หลังรถเฮียแล้วกันนะครับ แล้ววันนี้เฮียจะเหมาเค้กกี่ก้อนครับ”
“สักยี่สิบห้าก้อนครับ แต่ว่าผมอยากได้ของแถมด้วยนะ”
“ได้สิครับ เดี๋ยวจะเพิ่มเค้กให้อีกสองก้อนเลยนะครับ” แบคฮยอนกล่าวยิ้มแย้มตามฉบับ
ทว่าข้างใน กลับเก็บซ่อนความรู้สึกเบื่อหน่าย และ ความโมโหเอาไว้เป็นอย่างมาก แบคฮยอนรู้ดีว่า ตาแก่ที่อยู่ต่อหน้า ไม่ได้แค่หัวงูอย่างเดียว แต่ยังเขี้ยวลากดินอีกต่างหาก งกที่สุดเท่าที่เคยเจอ
แล้วถ้าไม่ติดว่าเขาคือลูกค้าคนสำคัญล่ะก็ แบคฮยอนคงไม่มีทางจะปั้นหน้ายิ้มพูดคุยให้เปลืองน้ำลายด้วยหรอก ดีไม่ดี ก็อาจจะเอาเค้กปาหน้าให้หายอารมณ์เสียซะเลยด้วยซ้ำ
“แต่ผมไม่ได้ต้องการแค่เค้กอย่างเดียวนะครับ” ชายสูงวัยพูดเหมือนมีข้ออะไรสักอย่าง พลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์
ให้ตายเถอะ ปาเค้กอย่างเดียวคงไม่พอแน่ มันต้องเอามีดตัดเค้กมาจิ้มตาให้บอดด้วยเลย แบคฮยอนได้แต่ค้อนในใจอย่างหัวเสีย ก่อนจะขยับปากเรียวพูดออกมา
“แล้วเฮียต้องการอะไรอีกล่ะครับ”
“เฮียอยากได้เข็มกับด้ายครับ”
“แล้วเฮียจะเอาไปทำอะไรหรอ” แบคฮยอนขมวดคิ้วเรียวถามด้วยความสงสัย
ร้านของแบคฮยอนไม่ใช่ร้านตัดเย็บสักหน่อย จะมาถามหาเข็มกับด้ายทำซากอะไร
หรือว่าเขาจะเอาไปเย็บเสื้อที่ขาด แต่เมื่อสังเกตเสื้อเขาดีๆแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีรอยขาดอะไรสักรูเดียว ก็เห็นว่าแต่งเนียบตลอด ไม่เคยปล่อยให้เหมือนยาจกเลยสักครั้ง
“ก็ไปเอาไปเย็บตรงก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจอ่ะครับ พอดีคุณแบคน่ารักจนบาดใจผมเป็นชิ้นๆเลยครับ คิกๆๆ” ชายวัยกลางคนหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อยิงมุขได้สำเร็จ
แบคฮยอนถึงกับหันหน้าหนีไปอีกข้าง ทำท่าเหมือนจะอ้วกออกมา เพราะทนรับไม่ได้อย่างแรง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป กลัวว่าจะผิดใจกันเปล่าๆ
ตาแก่หัวล้านนี่ก็เล่นมุขโดยที่ไม่ได้ดูสังขารตัวเองเลย ให้ตายเถอะ
“เอ่อ ต้องขอโทษเฮียด้วยนะครับ พอดีผมไม่มีอ่ะครับ ถ้าเฮียอยากได้ ก็คงต้องหาซื้อเอาเองแล้ว” แบคฮยอนฝืนยิ้มให้จางๆ อยากจะไล่ตะเพิดตั้งแต่ที่โผล่หัวเข้ามาร้านแล้วจริงๆ เพราะไม่อยากจะทนอยู่ร่วมหายใจกับตาแก่นี้อีก
“เจ้ขา มีบันไดหรือเปล่าคะ” เป็นเสียงของจกซกที่เอ่ยแทรกขึ้นดังๆมาแต่ไกล แบคฮยอนจึงหันหน้าไปให้ความสนใจแทน
“มีจ้า ที่หลังร้านน่ะ แล้วจะเอาไปทำอะไรล่ะ ไฟหน้าร้านเสียหรอ” เจ้าของร่างเล็กถาม เพราะเห็นว่าช่วงนี้ที่ร้านก็เปลี่ยนหลอดไฟตลอด
“เปล่าค่ะ หนูอยากจะเอามาปีนขึ้นหลุมค่ะ คือพอดีตอนนี้หนูตกหลุมรักเฮียอ่ะ จนหนูโงหัวไม่ขึ้นแล้ว” ไม่พูดเปล่า จีซกยังขยับร่างอ้วนท้วมของตัวเองไปเกาะแขนลูกค้าคนสำคัญอย่างไม่ถือวิสาสะ พลางสบสายตาอีกฝ่ายอย่างเป็นประกาย
“เอาดาบให้นังจีซกมันด้วยนะคะเจ้ มันจะได้เอาให้เฮียฟันมันด้วย” ฮาๆๆ ยูริเข้ามาเสริมด้วยอีกคน เพราะทนหมันไส้มานานแล้ว
“อี๊ ถอยไปเลยนะ คุณแบคฮยอนครับ ไม่ต้องเอาอะไรให้ทั้งนั้น ตอนนี้ผมอยากได้ คารามาย จะเอามาแก้คัน ยิ่งถูกคางคกไฟตัวใหญ่มาจับตัวอยู่ด้วย”
“โหย แรงอ่ะเฮีย”
“ปล่อย แล้วก็เอาเค้กไปไว้ที่หลังรถด้วย ฮึ่ย หมดอารมณ์เลยกู” ว่าแล้วก็เดินหนีกรูดออกจากร้านไปทันทีอย่างอารมณ์เสีย ปล่อยให้คนที่เหลือต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะไล่หลังอย่างสะใจ พอให้ว่าลูกเขาหนีออกไป แบคฮยอนก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
“ฮาๆๆ วิ่งเป็นหมาจุกตูดเลยอ่ะ”
“ขอบใจมากนะทิฟฟานี่ที่ช่วยพี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเต็มใจช่วย เกลียดอิเฮียนั่นมานานแล้ว เอ่อแต่ว่าวันนี้ หนู่ไม่ได้ชื่อทิฟฟานี่แล้วนะคะ หนูเปลี่ยนชื่อเป็นเจสสิก้าแล้วค่ะ”
“จ้า เจสสิก้าก็เจสิก้า แล้วก็ฝากเอาเค้กไปส่งเฮียเขาด้วย ส่วนเธอ ยูริ พี่ฝากเอาเค้กไปเสิร์ฟที่โต๊ะห้าด้วยนะ”
“ค่ะ /ค่ะ”
เมื่อเหตุการณ์สงบเป็นปกติ ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับไปตามเดิม จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปหลายร่วมชั่วโมง ก็เป็นเวลาที่ร้านต้องปิดแล้ว...แบคฮยอนกะว่าจะหาอะไรทานรองท้องสักหน่อย เพราะทำงานมาตั้งแต่บ่าย ข้าวสักเม็ดยังไม่ทันได้แตะเลย
“เจ้คะ.. เลิกงานแล้วไปหาอะไรกินกันมั้ยคะ” ยูริพูดชวนในขณะที่เก็บเก้าอี้จัดวางของให้เข้าที่เพื่อจะปิดร้าน
เจ้ ๆๆๆ พูดอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน จนแบคฮยอนต้องทำใจยอมรับแล้ว จะห้ามยังไงลูกน้องของตนก็ยังเรียกอยู่ดี ก็เลยปล่อยให้เลยตามเลย
“อืม พี่กำลังหิวอยู่พอดี”
“งั้นปิดร้านเสร็จแล้ว เราก็ไปกินกันที่ร้านประจำเลยนะ” จีซก พูดขึ้นอย่างเห็นดี เพราะยังไม่ได้ทานข้าวเหมือนกัน ตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานก่อนจะหันไปถามพนักงานรุ่นน้องหน้าหวาน
“แล้วแกล่ะ ลู่หานจะไปด้วยกันมั้ย”
“ไม่ครับ ผมต้องรีบไปหาแฟนครับ”
“หรอ... เออแต่พอพูดถึงเรื่องของแฟนแกนะ ฉันว่า เลิกๆคบกัยยัยนั่นไปเหอะ ฉันว่าไม่เวิร์คว่ะ”
“ทำไมครับ” ลู่หานถึงกับขมวคิ้วถามอย่างสงสัย
“ก็หน้าแกมันเหมาะจะเป็นเคะมากกว่านะ” จิซกออกความเห็น
“มันเกี่ยวกันมั้ยครับพี่”
“ก็เกี่ยวบ้าง ไม่เกี่ยวบ้าง แต่ที่ฉันอยากให้แกเลิกกับมันเนี่ย ก็เพราะตั้งแต่คบกับมันมา แกก็ไปปรนเปรอมันซะหมด ส่วนยัยนั่นก็ไม่ได้จริงจังจริงใจกับแกด้วย วันก่อนฉันยังเห็นมันไปกับผู้ชายคนใหม่อยู่เลย” จีซกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเจอเพราะความเป็นห่วง หน้าซื่อๆ อย่างลู่หาน คงไม่ทันผู้หญิงร้อยเล่ห์นั่น
“ผมไม่เชื่อหรอกครับ ผมไว้ใจแฟนผมได้ แฟนผมไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอนครับ ผมไปก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
ว่าแล้วก็หยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาพายบนบ่าแล้วเดินออกจากร้านไป ทุกคนเลยไม่มีโอกาสได้พูดห้ามอะไรอีกเลย ทั้งที่ความจริงมันก็ประจักรตาอยู่แล้ว ว่าลู่หานยังคิดจะหลอกตัวเองตลอดมา
“จะไปทานข้าวกันหรอครับ ผมไปด้วยคนนะ...” เป็นเสียงทุ่มหนาของชายร่างสูงของใครสักคนเอ่ยขึ้น ซึ่งมันเป็นเสียงของคนที่ตามหลอกหลอแบคฮยอนมาเป็นเวลาหลายวัน เลยทำให้คนที่เหลือจึงผินหน้าไปทางต้นเสียงในทันที ก่อนจะอ้าปากค้าง เมื่อเห็นคนมาใหม่ ที่กำลังอยู่ในชุดเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวในสไตล์แนวร็อคๆ ผิวขาวๆยิ่งกว่าหลอดไฟเดินได้ บวกกับหน้าตาหลอเหลานั้น เขาไม่ต่างอะไรกับพระเอกหนังในวัยเด็ก
“ใครอ่ะ” พนักงานของแบคฮยอนสองคนถามขึ้นพร้อมกัน น้ำลายแถบจะหกลงพื้นอยู่แล้ว
“เอ่อ....จะให้ผมไปด้วยมั้ยครับ” ชานยยอลถามขึ้นอีกครั้ง
“แน่นอน" ทั้งสองจึงพูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน
“แล้วตามมานะคะ”
ทั้งสองบอกก่อนจะเดินออกจากร้านไปล่วงหน้า โดยที่ปล่อยให้แบคฮยอนยังคงยืนอึ้งอยู่หน้าเคาน์เตอร์นั้น แล้วก็ต้องลงมือปิดร้านด้วยตัวเอง...
พอเห็นคนหล่อแล้วทำงามหน้าเลยนะ ไม่รู้ว่าจะจ้างมาทำอะไรเนี่ย ปล่อยให้เจ้านายปิดร้านคนเดียว เมื่อคิดว่าเก็บของเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว
สักพักแบคฮยอนจึงตัดสินใจปิดไฟ ปิดประตูร้านให้เสร็จอย่างเรียบร้อย ส่วนชานยอลก็เดินตามออกมาติดๆ
“ไม่คิดจะทักทายผมหน่อยเหรอครับ” ชานยอลเปิดปากถามเป็นคนแรก หลังจากที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
“ไม่จำเป็น เพราะฉันอายุมากกว่านาย ใครมันจะให้ผู้ใหญ่พูดทักทายเด็กก่อน”
“ผมก็แค่อยากลดอายุของคุณลงให้เท่าๆกับผม ก็แค่นั้นเอง เอ๊ะ หรือว่า จะให้ผมเรียกคุณเหมือนวันนั้น”
“หยุดเลยนะ! ถ้าไม่อยากโดนตบ ก็หุบปากซะ!” แบคฮยอนยกมือขึ้นห้ามอย่างรวดเร็ว เพราะทนรับคำแทนนามของอีกฝ่ายไม่ได้จริงๆ
“ก็เอาสิครับ ถ้าคุณตบผมก็จะจูบ เอาให้หนักกว่าในละครหลังข่าวแน่” ชานยอลยกยิ้มที่มุมปาก ยักคิ้วขึ้นกวนๆอย่างผู้ได้รับชัยชนะ แบคฮยอนก็แทบจะไปไม่เป็น เพราะถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะแค่พูดเล่นๆ แต่แบคฮยอนนะสิ กลับคิดเกินเลย
“เออ ก็ได้ ฉันไม่ตบนายแล้วก็ได้ ฮึย! ไอ่เด็กบ้าเอ๊ย”!
เจ้าของร่างบางพูดทิ้งทาย ก่อนที่จะเดินขึ้นรถ แล้วจึงขับรถออกจากร้านตรงไปที่ร้านประจำของทั้งสาม โดยที่มีเด็กชอบก่อปัญหาติดรถมาด้วย ทีแรก ก็พยายามไล่เขาออกจากไปหลายครั้งแล้ว แต่คนร่างสูงนั้นไม่ยอมง่ายๆ แล้วยังพูดขู่อีกว่า ถ้าไม่ยอมให้ไปด้วย เขาก็จะปล่อยลมออกจากล้อรถทั้งหมด ... แบคฮยอนจึงต้องทำใจพยักหน้ารับคำตกลง เพราะเขายิ่งชอบทำอะไรที่คาดเดาไม่ได้อยู่ด้วย
ความคิดเห็น