คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : หนีออกจากบ้าน
งานเลี้ยงทุกงานต้องมีเลิกราเสมอ เหมือนอย่างแบคฮยอนตอนนี้ พอถึงเวลาที่ต้องกลับบ้าน ร่างบางจึงขอแยกตัวทันที... เพื่อนๆก็ปล่อยแบคฮยอนไป แล้วยังคงอยู่สังสรรค์กันต่อ
เมื่อเดินทางถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย แบคฮยอนก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดลำลองเพื่อเตรียมเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ต้องเข้าร้านแต่เช้า...
ณ ตอนนี้ เข็มของนาฬิกา ก็เดินเลยผ่านเที่ยงคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.... จากนั้นร่างบางก็ล้มตัวลงนอนแล้วปิดไฟลง... แต่เมื่อผ่านไปสักพัก อยู่ๆก็มีคนกดออดหน้าบ้านหลายๆครั้งติดต่อกัน เลยทำให้แบคฮยอนเด้งตัวลุกขึ้นโดยทันที
“บ้าเอ๊ย ใครมาหาดึกๆดื่นๆแบบนี้เนี่ย”
แบคฮอนบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย ก่อนจะถีบผ้าห่มออกจากตัวอย่างไม่ใยดี แล้วพาตัวเองออกไปเปิดประตูให้กับคนที่มาใหม่
ร่างบางเดินตรงมาถึงหน้ารั้วขณะที่พอยังมีไฟสลัวสาดส่องออกไปถึงนอกบ้าน เมื่อสังเกตมองออกไปดูคนข้างนอกดีๆ ก็ปากฎให้เห็นเด็กหนุ่มผิวขาว ร่างสูงยาวผิดมนุษย์ทั่วไป กำลังยืนอยู่หน้ารั้ว พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจาการถูกทำร้าย
“เฮ้ย นายชานยอล”
“เปิดประตูให้ผมได้ไหมครับ”
ชานยอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าเหลือเกิน พลอยทำให้คนฟังนั้นแปลกใจเป็นอยู่ไม่น้อย เพราะแต่ละครั้งที่เจอกัน ชานยอลก็มักจะพูดจากวนประสาทอยู่เรื่อย แต่คราวนี้เขากลับดูซึมเศร้าเหมือนคนมีเรื่องไม่สบายใจอย่างหนัก
“อะ อืม”
แบคฮยอนพยักหน้าตกลง ก่อนใช้มือเล็กๆของตัวเองเลื่อนไปไขประตูให้ รู้สึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่อยู่ๆก็ปล่อยให้เขาเข้ามาอย่างว่าง่าย
แบคฮยอนพาคนตัวใหญ่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่โซฟา เมื่อเห็นหน้าเด็กหนุ่มที่มีรอยแผลอย่างชัดเจน ร่างบางก็เลยรีบหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เพื่อเตรียมการรักษาบาดแผลที่อยู่บนหน้าหล่อเหลานั่น
แบคฮยอนใช้สำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อแล้วทาไปตรงบริเวณริมฝีปากที่มีเลือดซึมอยู่... ถึงแม้ร่างบางจะพยายามเบามือที่สุดแล้ว แต่ชานยอลก็ยังนิ่วหน้าเข้าด้วยความเจ็บปวด
“เสร็จแล้ว” ร่างบางบอกในขณะที่เก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไว้ที่เดิม
“ขอบคุณครับ”
“แล้วไปหาเรื่องกลับใครมาล่ะ ถึงได้โดนต่อยซะจนหน้ายับขนาดนี้” ร่างเล็กอดไม่ได้ที่จะถาม
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่กลับบ้านดึกแล้วก็โดนพ่อผมต่อยมา”
“เฮ้ย จริงเหรอ...” แบคฮยอนทวนคำถามด้วยความตกใจ
“อืม ก็เป็นแบบนี้ประจำแหละ... ผมออกไปเล่นดนตรีดึกๆดื่นๆทุกคืน พอกลับบ้านไป ผมก็โดนต่อยแบบนี้เกือบทุกครั้ง”
“ก็นายยังเด็กอยู่นี่นา อายุก็ยังไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำ เป็นใครเขาก็ต้องดุเป็นธรรมดาแหละ แต่ถึงยังไง พ่อของนายก็ไม่ควรรุนแรงกับนายแบบนี้นะ... แล้วพี่นายไม่ได้อยู่ด้วยเหรอไง ทำไมถึงปล่อยให้น้องตัวเองโดนต่อยซะเละขนาดนี้”
“ก็อยู่ด้วย แล้วพี่ผมก็พูดห้ามจนปากจะฉีกอยู่แล้ว แต่พ่อผม ไม่สน ผมก็เลยปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจเหมือนปกติ”
“เฮ้อ... แล้วนายก็เลยหนีออกจากบ้านมาแบบนี้ด้วยใช่ไหม”
“มันเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ไขปัญหาได้ อีกอย่างวันนี้ผมก็ขี้เกียจยื่นให้เขาต่อย เพราะกลัวว่ามือเขาจะระบมเปล่าๆ เฮ้อ....”
ชานยอลเป็นฝ่ายถอนหายใจหนักๆบ้าง ส่วนคนที่นั่งรับฟังก็กลุ้มใจแทนเด็กหนุ่มเหลือเกิน เพราะเรื่องราวที่เด็กอย่างเขานั้นรับไว้ มันหนักหนาสาหัสพอสมควร
“แล้วนายจะทำยังไงต่อไป”
“หมายถึง??”
“ก็ คืนนี้นายจะไปนอนที่ไหน”
“ก็กลับบ้านไปเหมือนเดิม ผมแค่ออกมาหาคนทายาให้เฉยๆ”
“นี่ บ้านชั้นไม่ใช่โรงพยาบาลนะ .... ว่าแต่ ทำไมพ่อนายถึงได้ทำแบบนี้ล่ะ”
“เขาก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ที่แม่ผมตายแล้ว อะไรที่ผมทำกับแม่ไว้ พอแม่ของผมตาย ผมก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เขาอยากให้ผมอยู่บ้านอย่างเดียว แต่ผมไม่ชอบอยู่เฉยๆ ผมก็เลยออกมาเล่นดนตรีดีกว่า เออ นี่ มีคนชวนผมไปเล่นดนตรีที่ผับแล้วนะ”
“นี่ยังคิดจะเล่นอีกหรอเนี่ย... แล้วพี่เทา เขาไม่รู้หรือไงว่านายยังไม่บรรลุนิติภาวะ”
“รู้ ทีแรกพี่เขาก็ห้ามอยู่เหมือนกัน แต่ผมดื้อด้านเองแหละ แถมมีพี่ของชายผมให้ท้ายด้วย ผมก็เลยได้เข้าไปเล่น”
“แล้วไม่กลัวพ่อนายว่าเหรอ”
“ไม่หรอก ผมทำอะไรก็โดนอยู่ดี... คุณรู้ไหม พอผมอยู่ใกล้กับคุณผมรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ของผมเลยนะ”
“หมายความว่าไง” แบคฮยอนถามขึ้นทันที เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดออกมาแปลกๆ
“ก็หมายความว่า มีแต่คุณเท่านั้น ที่พอผมคุยด้วยแล้วทำให้มีความสุข..”
ชานยอลตอบออกมาเรียบๆ อยากระบายความรู้สึกที่ตัวเองเก็บไว้นานๆให้บางคนฟัง ซึ่งเขาก็เลือกที่จะเป็นแบคฮยอน
“ใช่ ฉันทำให้มีนายมีความสุข เพราะนายชอบกัดฉันเกือบทุกวัน... แต่ฉันนะสิ มีแต่ทุกข์กับทุกข์.. แล้วโทรศัพท์ของฉันน่ะ วันไหนจะเอามาคืน” ร่างบางทำหน้ามุ่ยทวงถามเอาของคืน พลางยื่นมือไปขอมันคืนมา
“ใจเย็นๆก่อนซิครับ ผมส่งคืนให้คุณแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้... คือผมอยากให้คุณทำอะไรให้ผมสักอย่างได้ไหม”
“อะไร” แบคฮยอนถามห้วนๆ ก่อนจะชักมือกลับ
“ผมแค่อยากจะให้คุณช่วยเล่านิทานให้ผมฟังสักเรื่องหนึ่ง... คือ เวลาที่ผมไม่สบายใจ แม่ผมมักจะเล่านิทานตลกๆให้ฟังเสมอ แล้วมันก็ทำให้ผมหายเศร้า.. แต่ว่าตอนนี้ผมไม่มีแม่อีกแล้ว.. ไม่มีใครที่จะทำให้ผมมีความสุขได้อีก นอกจากคุณตอนนี้”
ชานยอลลากเรื่องดรามามาเล่าให้ฟังอีก แบคฮยอนเลยนิ่งเงียบไปสักพัก เพราะรู้สึกสารเด็กคนนี้เหลือเกิน ถึงแม้ว่าเขาพยายามทำตัวให้ตัวเองมีความสุข แต่ข้างในส่วนลึกมันไม่ใช่อย่างนั้น เขารู้สึกเหงา ทั้งเศร้า และคิดถึงคนที่จากไปไกลแสนไกล...
“ได้ไหมครับ เล่าให้ฟังสักเรื่องได้ไหม” ชานยอลถามขึ้นอีกครั้ง พลางจ้องมองตาด้วยสีหน้าอ้อนวอน
“แต่ฉันไม่ใช่แม่นายนะ จะได้เล่านิทานให้นายฟัง”
“เล่าเหอะ เล่าเรื่องไหนก็ได้” ร่างสูงถามด้วยเสียงอ้อนวอนอีกครั้ง พอเห็นเขาในโหมดแบบนี้ ก็พลอยทำให้แบคฮยอนใจอ่อนในที่สุด
“เออๆ ก็ได้” ร่างบางตอบปัดๆ แล้วพูดขึ้นต่อ “เคยได้ยินเรื่อง โรมีโอ กับ จูเลียตเปล่า”
“เคยสิ แต่ไม่เคยอ่านสักครั้ง”
“งั้นเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะ.... โรมิโอบุตรชายของตระกูลมอนตะคิว และ จูเลียตบุตรสาวของสองตระกูลคาปุเล็ตที่ไม่ถูกกัน วันหนึ่งที่คฤหาสน์ของจูเลียตจัดงานเลี้ยง โรมิโอก็ได้แอบเข้าไปในงาน และได้พบกับจูเลียต ทั้งสองจึงเกิดชอบพอกัน หลังจากวันนั้นโรมิโอจึงแอบเข้าไปหาจูเลียตที่คฤหาสน์บ่อยๆ และลักลอบได้เสียกันโดยที่พ่อแม่ของจูเลียตไม่รู้ ต่อมาจูเลียตจำเป็นต้องแต่งงานกับชายที่พ่อแม่หาให้ จึงบอกให้โรมิโอพาตนหนี แต่ก็หนีไม่ได้”
“ว่าแล้ว ตามนิยายน้ำเน่า” ชานยอลพูดแทรก
พูดอย่างกับชีวิตนายมันไม่น้ำเน่าอย่างนั้นแหละ
“เมื่อพ่อกับแม่ของจูเลียตรู้ว่าโรมิโอกับจูเลียตรักกันก็กีดกันไม่ให้ทั้งสองรักกันและจะจัดงาน แต่งงานของจูเลียตโดยเร็วที่สุด และโรมิโอก็ต้องหนีไปเพราะโรมิโอไปมีเรื่องกับญาติของจูเลียตทำให้คนใน ตระกูลของจูเลียตจะจับโรมิโอไปลงโทษ จึงทำให้โรมิโอและจูเลียตต้องพลัดพรากจากกัน เมื่อใกล้ถึงวันแต่งงานจูเลียตจึงได้วางแผนให้คนเขียนจดหมายให้โรมิโอมาหา ที่โบสถ์แห่งหนึ่ง แล้วจูเลียตก็แกล้งกินยาชนิดหนึ่งที่เป็นยาที่เมื่อใครกินแล้วจะเหมือนกับ ตายเข้าไป และคิดว่าเมื่อยานี้หมดฤทธิ์แล้วโรมิโอมาถึงพอดีทั้งสองก็จะหนีไปพร้อมกัน แต่โรมิโอก็มาถึงก่อนเวลาที่ยาจะหมดฤทธ็จึงทำให้โรมิโอนั้นคิดว่าจูเลียตตาย แล้วจริงๆ จึงเสียใจมาก จึงฆ่าตัวตายตามจูเลียตไป เมื่อจูเลียตฟื้นขึ้นมาเห็น โรมิโอนอนตายอยู่ข้างตนจึงฆ่าตัวตายตามไป ในที่สุดความตายของทั้งสองคนก็ทำให้ทั้งสองตระกูลคืนดีกัน”
“ใครแต่งเรื่องนี้เหรอ เศร้าจัง”
“วิลเลียม เซกสเปียร์ นักเขียนชาวอังกฤษ”
“ชีวิตที่ถูกบังคับมันก็เหี้ยแบบนั้นแหละ... แล้วถ้าคุณเป็นจูเลียตคุณจะทำยังไง” ชานถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“อืม...ก็ไม่รู้สิ เพราะฉันไม่ใช่นางเอกในนิยายนั่นสักหน่อย”
“ผมก็แค่ถาม มันเป็นการเปรียบเทียบเข้าใจไหมครับ”
“ก็เข้าใจ... อื่ม... แต่ถ้าฉันเป็นจูเลียต ฉันก็จะทำเหมือนจูเลียต ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการปฏิเสธความหวังดีของพ่อแม่ที่วางไว้ให้ก็ตาม เพราะเวลาที่เรารักใครสักคนหนึ่งจนสุดหัวใจ เราก็อยากจะใช้ชีวิตกับเขาตราบชั่วลมหายใจ แต่ทุกอย่างมันต้องขึ้นกับสติด้วยนะ เพราะไม่งั้น มันก็อาจมีบทสรุปที่น่าเศร้าเหมือนกับโรมีโอกับจูเลียต”
“ดีเนอะ ที่คุณกล้าคิดที่จะทำ...”
“ก็คงงั้นมั้ง ว่าแต่นายเหอะ จะเอายังไง จะกลับเลยไหม” แบคฮยอนอดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้ เพราะเห็นว่ามันดึกเกินพอแล้ว
“ไล่ผมเหรอ” ชานยอลถามกลับด้วยสีหน้างอนๆ
“ก็แค่ถามเฉยๆ เห็นนายบอกว่าจะกลับบ้าน”
“ครับ... งั้นผมก็ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” ร่างสูงตัดสินใจพูดลาในที่สุด ในเมื่อมันก็ถึงเวลากลับแล้วจริงๆ
“งั้นก็ขอให้โชคดีนะ ถ้ากลับไปแล้วโดนพ่อนายว่า ก็รีบหนีขึ้นห้องเลย ไม่ต้องไปยืนเถียงด้วย เดี๋ยวนายจะเจ็บตัวเปล่าๆ”
“พูดอย่างกับคุณเคยเห็น”
“ก็เปล่าหรอก แต่ฉันก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน เพียงแต่พอฉันไม่เคยตีฉันเหมือนนายเท่านั้นเอง”
“ครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะ”
.
.
ชานยอลโดนทำร้ายอีกแล้ว มาหาแบคเพื่อให้ทำแผลให้ น่าสงสารจัง
ติด แท็ก #ฟิควันพลัสวัน ได้เลย
ความคิดเห็น