คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ผับใหม่
“It been said and done every beautiful thought ‘s been already sung
And I guess right now here's anothero one so your melody
will play will play on and on with best of em
"เสียงเพลงในจังหวะสนุกสนานถูกเปิดขึ้นอย่างครึกครื้น แสงไฟหลากหลายสีสันต่างก็ถูกเปิดให้สว่างกะพริบไปมา แยงใส่ผู้คนที่กำลังเต้นการอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งเป็นในขณะที่แบคฮยอนและเพื่อนสนิทอีกสองคนกำลังเดินเข้าไปในผับเปิดใหม่ด้วยเสื้อผ้าที่ไม่มีใครยอมใคร..
“จะนั่งตรงไหนดีล่ะ” แบคฮยอนเปิดฉากถามเป็นคนแรก พลางสำรวจเลือกโต๊ะ
เมื่อผินหน้าไปท้างซ้าย ก็เป็นที่ประทับของพวกผู้ชายหัวงูทั้งหลายซึ่งกำลังมองอย่างมีเลศนัยแทบไม่กระพริบตา ส่วนด้านขวาเป็นที่ของพวกวัยรุ่นหน้าตา ที่ทำให้แบคฮยอนกำลังคิดอยู่ว่า เอ่อ ขอโทษนะครับ น่าจะไปตายแล้วเกิดไหมซะนะ หน้าตาแต่ละคนหื่นบุญมาก.... ส่วนตรงกลางนั้น มีครบทุกเพศทุกวัย ไม่มีใครใช้สายตาหื่นๆแทะโลม มีแค่แดนซ์กันอย่างเมามัน
“ฉันว่าตรงกลางน่าจะเหมาะสุดนะ” คยองซูพูดเสนอ
“ดีๆ งั้นไปกันเลย”
เลย์เลยพูดสนอง ก่อนจะพาตัวเองเดินไปหาที่นั่งใกล้กับหน้าเวทีของพวกนักร้องและนักดนตรีหน้าตาดีๆ ซึ่งก็มีมือกิตาร์คนหนึ่ง กำลังใช้สายตาคมกริบจ้องมองมาที่โต๊ะของพวกเขาทั้งสาม ก่อนจะยกยิ้มออกมาที่มุมปากให้กับใครคนหนึ่ง จนทำให้เลย์สังเกตเห็น
“พวกแกเห็นมือกิตาร์บนเวทีนั้นไหม”
ที่เหลือทั้งสองหันหน้าไปมองตามที่เลย์ชี้นิ้ว เมื่อสังเกตเห็นว่าเป็นใคร แบคฮยอนก็ถึงกับเบิกตากว้างเท่าไข่ห่านด้วยความตกใจ เพราะเขาคนนั้นก็คือคนที่พึ่งแย่งโทรศัพท์ของตัวเองไปนี่เอง.. อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น
“อืม เห็น หน้าตาก็หล่อดีนะ แต่เด็กไปหน่อย... แล้วทำไมเหรอ”
“นั่นน่ะ เป็นน้องชายของคริส ชื่อชานยอล”
“จริงหรอ... แหม... หน้าตาหล่อทั้งพี่ทั้งน้องเลยเนอะ แล้วแกรู้ได้ไงว่าเป็นน้องของคริส พอดีฉันไม่เห็นน้องเขาออกงานสังคมฉันเลยไม่รู้จัก”
“ก็ฉันไปเที่ยวกับเขาตลอด ฉันก็ต้องรู้เรื่องของพวกเขาสิ”
“แต่เอ๊ะ ทำไมเขาถึงมองแต่แกอ่ะ ไอ้แบค.. หรือว่าเด็กนั่นจะชอบแกวะ” คยองซูหันหน้าไปถามเพื่อนที่อยู่ข้างๆด้วยความสงสัย เพราะเด็กหนุ่มดังกล่าวจ้องมองแบบไม่ละสายตาไปไหน แถมยังคงส่งยิ้มหวานๆให้ด้วย
“คงไม่หรอกมั้ง”
“ไม่มั้งแล้วแหละ...มันใช่เลยต่างหาก ดูสิ น้องเขามองหน้าแกแบบไม่กะพริบเลย แล้วถ้าแกไม่มั่นใจนะ ฉันจะถามให้ก็ได้” คยองซูไม่พูดเปล่าๆ พร้อมยังจะลุกขึ้นไปถามอย่างที่พูดจริงๆด้วย แบคฮยอนจึงคว้าแขนไว้ก่อน เพราะไม่อยากให้เพื่อนของตัวเองทราบว่าตนนั้นรู้จักกับเขา
“แกไม่ต้องลงทุนขนาดนั้นก็ได้ ไอ้โด้”
“ก็แค่อยากจะถามเฉยๆ... แล้วทำไมทำแกถึงหน้าอย่างงั้นวะ... เอ๊ะ หรือว่าแกรู้จักกับเด็กคนนั้น”
“ปะ เปล่าสักหน่อย ฉันจะไปรู้จักกับพวกเด็กมอปลายแบบนั้นได้ไง”
"แล้วแกรู้ได้ไงว่าเขาเป็นเด็กมอปลาย...." เลย์เป็นคนเอ่ยถามต่ออย่างสงสัย ก่อนจะตามมาด้วยดีโอ
“ใช่... แกรู้ได้ไง อีกอย่างที่นี่เขาก็ไม่ได้ให้เด็กมอปลายเข้ามาเที่ยวเล่นหรอกนะ”
"เอ่อ กะ ก็แค่เดาเอาเท่านั้นแหละ"
"แน่ใจเหรอ" คยองซูหลิ่วตาถาม
"ก็เออนะสิ... ทำไมพวกแกถึงชอบพูดชอบถามแต่เรื่องไร้สาระอยู่เรื่อยเลย"
"ก็คนมันสงสัยนี่ว่า ท่าทางของแกแปลกๆด้วย ฉันว่า ต้องไปถามให้รู้เรื่องเลยดีกว่า" คราวนี้ คยองซูจะออกไปตามที่พูดไว้จริงๆ แบคฮยอนเลยต้องดึงรั้งเอาไว้อีกครั้ง
"เฮ้ อย่านะ ไอ้โด้"
"นี่ แกจะห้ามฉันทำไมเนี่ย หรือว่า แกรู้จักกับเด็กนั่นจริงๆ"
"เปล่านะ ไม่ ได้รู้จักสักหน่อย" แบคฮยอนหลุบตาต่ำลง
"โกหก แกไม่กล้าสบตาฉัน แสดงว่าแกรู้จักกับเขา" ดีโอเพ่งมองแบคฮยอนจนแทบจะไม่กะพริบ พลางทำหน้าคะยั้นคะยอบังคับให้เพื่อนตนนั้นยอมรับความจริง เลยทำให้คนเป็นประเด็นต้องค่อยๆพยักหน้ารับ
"เอ่อ ก็แค่นั้น! ... แต่ก็ไม่นึกเลยนะ ว่าแกจะชอบกินเด็ก ฮาๆๆ"
"เฮ้ย ไม่ต้องมาหัวเราะฉันเลยนะ แล้วก็รีบสั่งอะไรมาดื่มเดี๋ยวนี้เลย"
“สวัสดีค่ะ” พิธีกรหญิงจับไมค์พูดขึ้น หลังจากที่ปิดเสียงเพลงในจังหวะสนุก "ใครที่พึ่งเลิกกับแฟน ไม่ว่าจะหนีแฟนมาเที่ยว หรือกำลังมองหาเนื้อคู่อยู่ ยังไงก็ขอให้ร่วมสนุกด้วยกันนะคะ เพราะทางร้านของเราวันนี้ ฟรีทุกอย่างคะ!!"
ประโยคสุดท้ายนั้นเรียกเสียงเฮอย่างถูกใจจนทั่วทั้งผับ ร่วมทั้งโต๊ะของทั้งสามคนนั้นด้วย
“เอาเป็นว่า เรามาฟังเพลงกันเลยดีกว่า เชิญพบกับนักร้องหนุ่มหล่อได้เลยค่ะ....”
เธอกล่าวก่อนที่จะมีนักร้องชายน้าตาดีคนหนึ่งก้าวขาออกมาหยุดอยู่ต่อหน้าไมค์ เสียงไฟก็เปิดสว่างใส่ตัวเขา เผยให้ใบหน้าที่หล่อเหล่าอย่างชัดเจนของคนที่เลย์ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวว่าจะเป็นคริส ซึ่งสามารถเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆได้ดังมากทีเดียว
“มีเพลงหนึ่ง เศร้ามากๆ ซึ่งมันก็เป็นเพลงทีผมให้คนๆหนึ่ง ก็คือผู้หญิงที่จากผมไปนานแสนนาน แล้วไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างอีก มันก็เลยทำให้ผมคิดถึงคนๆนั้นเหมือนกับเพลงๆนี้ครับ”
I heard
That you're settled down
That you found a boy
And you're married now
I heard
That your dreams came true.
Guess he gave you things
I didn't give to you
Old friend
Why are you so shy?
Ain't like you to hold back
Or hide from the light
I hate to turn up out of the blue uninvited
But I couldn't stay away, I couldn't fight it.
I had hoped you'd see my face and that you'd be reminded
That for me it isn't over
Never mind
I'll find someone like you
I wish nothing but the best for you too
"Don't forget me," I begged
"I'll remember," you said
"Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead."
Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead,
Yeah.
เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงปรบมือกันจนล้นหลาม จนกระทั้งจนจบ... เลย์นั่งมองด้วยความรู้สึกเศร้าไปกับสิ่งที่เขาถ่ายทอดความรู้สึกผ่านทางแววตาที่คริสนั้นส่งออกมา...
“ไอ้เลย์ แกมองคริสนานไปแล้วนะ” แบคฮยอนเอียงตัวเข้ามาพูด เลยทำให้สติของเพื่อนรักนั้นหลุดออกจากภวังค์
“กะ ก็เปล่านี่”
“ไม่ต้องมาโกหกเลยนะ แกรู้ไหมสายตาที่แกมองเขามันลึกซึ้งมากเลยนะ”
“แหม แกก็พูดแต่คนอื่น ที่ตัวเองก็มองมือกิตาร์จนตาแกมันจะค้างอยู่แล้วเหมือนกันแหละ คิดว่าฉันไม่เห็นหรือไง.”
“บะ บ้าเหรอ ฉันไม่ได้ชอบเด็กคนนั้นสักหน่อย” แบคฮยอนตอบอย่างลุกรน แถมยังตอบไปไม่ตรงกับคำถามเลยสักนิด
“นี่ ไอ้แบค ไอ้เลย์มันไม่ได้ถามแกสักหน่อย ว่าแกชอบเด็กนั้นหรือเปล่า แกอ่ะ มี พิรุธเกินไปแล้วนะ” คยองซูพูดต่อจากเลย์อีกแรง
“เฮ้ยนี่ พวกแกหยุดพูดเรื่องนี้ได้ไหม” แบคฮยอนตัดบทอย่างรำคาญ
“สวัสดีครับ น้องๆ" เสียงใหญ่เข้มของชายคนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้น ก่อนจะพาตัวเองเข้ามาแจมร่วมวงด้วยคน
“อ้าว สวัสดีครับ พี่เทา... นี่พวกแก นี่พี่เทานะ เป็นเจ้าของผับๆนี้ เป็นเพื่อนของคริส แล้วก็เป็นรุ่นพี่ของฉันที่มาหาลัยด้วย เอ่อพี่เทาครับ นี่ไอ้แบคครับ ส่วนนั่น ไอ้โด้เป็นเพื่อนผมที่เคยเล่าให้ฟัง”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เทาพูดพร้อมทั้งส่งยิ้มให้หวานๆ โดยเฉพาะกับแบคฮยอน
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ทั้งคยองซู และ แบคฮยอนต่างก็พูดทักทายพร้อมเพียงกันเป็นเสียงเดียว
“เอ่อ แล้วไอ้เฉิน หายไปไหนล่ะ ทำไมไม่เห็นหัวมันเลย...” ชายหนุ่ยเอ่ยถามถึงเพื่อนคนสำคัญอีกคน เฉิน ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเลย์ เขาไม่ได้ด้วยก็เลยอดถามถึงไม่ได้
“ก็คงทำงานอยู่ล่ะมั้งครับ... เห็นพี่เขาบอกว่า วันนี้ที่โรงพยาบาลมีคนไข้ผ่าตัด เลยออกมาไม่ได้อ่ะครับ”
“อืม”
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” อยู่ๆก็มีเสียงใหญ่ทุ่มของคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น เลยทำให้ใครหลายคนที่โต๊ะต่างก็ผินหน้าไปมองคนใหม่โดยอัตโนมัติ เผยให้รอยยิ้มหวานๆบนใบหน้าคมเข้มของคนที่พึ่งร้องเพลงเสร็จเมื่อกี้ โดยที่มีน้องชายของเขากำลังยืนอยู่ข้างๆ
“ได้สิครับ” เป็นเลย์ที่พูดขึ้นตอบรับ จากนั้นทั้งสองจึงเลื่อนเก้าอีกลงนั่ง แทรกตัวระหว่างเลย์กับแบคฮยอนให้แยกออกจากกัน เลยทำให้คริสเข้ามาเบียด ส่วนชานยอลก็นั่งลงพร้อมกับเอาแขนพาดบ่าแบคฮยอนไว้ ราวกับเป็นเจ้าของ
“เฮ้ย นี่ นายเอาแขนออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” ร่างบางหันหน้าไปต่อว่าคนข้างๆ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าตาเฉย นิสัยเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง
ส่วนบรรยากาศภายในโต๊ะเริ่มอึดอัดขึ้นเล็กน้อย เพราะสายตาของเทายังคงจ้องมองอแบคฮยอนเป็นระยะๆ เลยทำให้คนข้างๆของร่างบางนั้นมีอารมณ์ไม่พอใจ... ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหวงเกินหรือเปล่า ทั้งๆที่แบคฮยอนก็ให้ความสัมพันธ์เพียงแค่คนรู้จักเท่านั้น แต่เมื่อสถานการณ์มันดำเนินไปอย่างนั้น ร่างบางจึงใช้โอกาสนี้ ลองปั่นหัวคนเล่นดู
“เอ่อ พี่เทาครับ จะว่าไปผับใหม่ของพี่นี่ก็สวย แล้วก็ทันสมัยมากๆเลยอ่ะ แบคชอบมากๆเลย” รอยยิ้มหวานๆนั้นฉีกยิ้มออกมาเบาๆอย่างจงใจ
“งั้นเหรอครับ พี่ดีใจจังที่แบคชอบ”
“เอ่อ ถ้าหากผมสนใจคิดอยากจะทำธุรกิจแบบนี้ขึ้นมา มันจะต้องเริ่มยังไงเหรอครับ”
“ถ้าน้องแบคสนใจ เดี๋ยวพี่จะเป็นคนให้คำปรึกษาก็ได้นะครับ”
“งั้น แบคจะเอาไปคิดดูก่อนนะครับ”
"นี่ไอ้แบค เอาร้านแกให้รอดก่อนเหอะ แล้วค่อยคิดเรื่องนี้ ลูกค้าก็เข้าเยอะจนไม่มีเวลาจะพักหายใจอยู่แล้ว" เป็นคยองซูที่พูดขัดจังหวะ เนื่องจากร้อยวันพันปีแบคฮยอนไม่เห็นจะสนใจเรื่องร้านบันเทิงเลยสักนิด ซึ่งตนก็พอจะรู้ว่าเพื่อนตัวดีกำลังคิดจะปั่นหัวใครอยู่
“ฉันก็แค่คิดอยากจะทำเฉยๆ ยังไม่ได้จริงจังอะไรมากหรอกน่า”
“หรือว่าคุณอยากรู้จักเจ้าผับกันแน่” ชานยอลเคลื่อนตัวเข้าใกล้ๆ พูดกระซิบเบาๆที่ทำให้ยินกันแค่สองคน ซึ่งน้ำเสียงเข้านั้นบ่งบอกที่ความไม่พอใจที่สุด การลองใจของคนตัวเล็กนั้นถือว่าได้ผลกว่าที่คิดไว้ซะอีก
“แล้วทำไมเหรอ" แบคฮยอนหันหน้ากลับมาพูดเรียบๆเหมือนเป็นการท้าทาย เห็นหน้าโมโหของอีกฝ่ายแล้ว ก็ทำให้ร่างบางนั้นต้องเก็บซ่อนรอยยิ้มเอาไว้เพียงคนเดียว
“ทำอะไรกันน่ะ!!” อยู่ๆก็มีเสียงแหลมของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนร้องดังๆอย่างไม่พึงพอใจ
“ซันนี่” ชานยอลอุทานชื่อคนที่เข้ามาใหม่อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ไหนยอลบอกว่าวันนี้อยู่บ้านไง ทำไมต้องโกหกซันนี่ด้วย นี้ถ้าเพื่อนซันนี่ไม่โทรมาบอกว่าพี่อยู่ที่นี้นะ ซันนี่ก็คงไม่เห็นกับตาอย่างชัดเจนแล้วว่าพี่กำลังคิดจะทำอะไร” ซันนี่ อดีตแฟนสาวที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อน ยังจ้องมองชานยอลด้วยสายตาคาดโทษ เสียงที่เปล่งออกมาดังๆอย่างไม่สบอารมณ์ พอที่จะทำให้คนรอบๆข้างได้ยินกันถนัดหู
“ก็ไม่ได้ทำอะไร ฉันก็รู้จักกันพวกเขาแค่เพื่อน ไม่ได้มีอะไรเกินกว่าที่เธอคิดหรอกนะ แล้วอีกอย่างตอนที่เธอโทรถามพี่ตอนนั้นฉันก็อยู่บ้านจริงๆ แต่ตอนนี้ พี่เทา ญาติของฉันขาโทรชวนออกมาเล่นตรีให้ ฉันก็เลยมา”
“เล่นดนตรีงั้นเหรอ แล้วทำไมไม่เล่นอยู่บนเวทีล่ะ มานั่งอยู่ที่นี่ทำไม!!"
“ฉันพึ่งเล่นเสร็จ พี่ก็รู้จักพวกเขาในโต๊ะ ก็เลยอยากมาร่วมดื่มด้วยกันแค่นั้น”
“ไม่ได้!! ซันนี่ไม่อยากให้นั่งอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะนั่งอยู่ใกล้กับใครบางคน” สายตาเชือดเฉือนนั้นถูกเปลี่ยนเป้าหมายไปหาแบคฮยอนแทน
“แล้วจะทำไม เราเลิกกันแล้วนะ แล้วตอนนี้ฉันกับเธอเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์มาหึงหวงฉันอีกแล้ว”
“เอ่อ พี่ว่าใจเย็นๆกันก่อนนะครับ” เมื่อเห็นสถานการณ์ เริ่มไม่ค่อยสู้ดี ผู้อาวุโสที่สุดของกลุ่ม ซึ่งก็คือคริส จึงอาสาพูดแทรกขึ้น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่ ไม่ต้องมายุ่ง!!” ซันนี่กระชากเสียงใส่ดัง เอาจนคริสถึงกับหน้าเหวอไป
“นี่เธอ จะพูดจาอะไรก็รู้จักรู้จักผู้ใหญ่ซะบ้างนะ!!” คราวนี้เป็นแบคฮยอนเองที่ลุกขึ้นต่อว่า
“หึ แล้วใครล่ะที่เป็นคนทำให้เรื่องมันวุ่นวายอยางนี้!!”
“ซันนี่ เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ" ชานยอลเอ่ยอย่างหัวเสีย เพราะตนนั้นก็อดไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
“ยอลปกป้องกันขนาดนี้กันเชียวเหรอ ถ้าซั่นนี่ไม่มาตอนนี้นะ ก็คงจะพากันเข้าม่านรูดแน่ เห็นสนิทสนมกันขนาดนั้น”
“ถ้าคิดจะมาหาเรื่องกันละก็ ก็กลับไปซะเถอะ เพราะมันทำให้เสียบรรยากาศ ส่วนนาย ชานยอล นายรีบพาแฟนนายกลับไปซะ เดี๋ยวเรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้” แบคฮยอนออกปากไล่ เพราะไม่อยากให้เรื่องไม่เป็นเรื่องลุกลามจนเกินไป ชานยอลจึงต้องยอมตกลงพยักหน้ารับโดยดี
“ก็ได้ครับ”
“ไป กลับ!!”
................................
เปิดตัวนางร้ายอีกคนมาแล้ว แรงไม่แพ้กัน อยากจะบอกแต่ละคนนี่เเซบมาก ทั้งตัวเอกตัวร้าย
ไม่มีใครยอมใครอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น