คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : หลายเรื่องที่ชวนให้ปวดหัว
หลายวันต่อมา
เซฮุนยังคอยตามลู่หานอยู่ไม่เลิก จนในที่สุด ร่างเล็กยอมอ่อนใจกับการที่เขาคอยตื้อ ถึงขั้นไปรับไปส่งเกือบทุกวัน เมื่อแกรนด์นั้นเผลอ
ถึงแม้เขาประกาศจะจีบลู่หานอย่างโจ่งแจ้ง แต่คนตัวเล็กนั้นรับยอมตกลงกับเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น เพราะบางทีการเล่นตัวนิดหนึ่ง มันอาจจะทำให้ตัวเองมีค่าในสายตาของคนร่างสูง...
และถึงแม้ว่าทั้งสองจะแอบคบกันลับๆ แต่ยังไงก็คงไม่พ้นหูพ่นตาแกรนด์อยู่ดี เพราะตอนนี้เธอกำลังยืนดักรอลู่หานที่หน้าห้องเรียบร้อยแล้ว พอเห็นเป้าหมายกำลังเดินตรงออกมา แกรนด์ก็ก้าวขาเรียวเดินเข้าไปขวางทางไว้ในทันที
“ลู่บอกแกรนด์มาเดี๋ยวนี้เลยนะ ว่าลู่กำลังจะทำอะไรกันแน่” เสียงแหลมๆที่ลู่หานคุ้นเคยเอ่ยขึ้นเจือปนด้วยความไม่พอใจ... ร่างเล็กชะงักโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นสายตาของหญิงสาวอดีตคนเคยรัก กำลังจ้องมองรอคำตอบอย่างใจจดใจจอ
“แล้วทำอะไรที่ว่าของแกรนด์ มันหมายถึงอะไรล่ะ” ลู่หานตอบกลับไปอย่างเรียบๆ นานมากแล้วเหมือนกัน ที่ไม่มีโอกาสได้คุยกัน.... ลู่หานไม่อยากจะเชื่อเลยว่า แกรนด์จะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้... จากที่เคยเรียบร้อย น่ารัก พูดจาอ่อนหวาน แต่ ณ ตอนนี้ ทุกอย่างมันเลือนหายไปจนน่าใจหาย เพียงเพราะผู้ชายคนนั้นคนเดียว
“ก็หมายความว่าที่ลู่เข้ามาหาเซฮุนแฟนใหม่แกรนด์ไง”
แกรนด์เน้นย้ำคำสุดท้ายเป็นพิเศษเหมือนจะเป็นการประชดประชัน... แต่หากความรู้สึกของลู่หานกลับมีแต่ความนิ่งเฉย แปลกไปจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก ในเมื่อเพียงคำพูดทำร้ายจิตใจแค่ไม่กี่คำของแกรนด์ ก็เกือบจะฆ่าลู่หานให้ตายได้อย่างช้าๆ แต่ทว่าตอนนี้ไม่เลย มันไม่ลงเหลือความรู้สึกแบบนั้นไว้แล้ว ลู่หานเองก็แทบจะไม่เข้าใจตัวเองเลยเหมือนกัน
“ลู่ว่าแกรนด์น่าจะเข้าใจจุดประสงค์ของลู่ดีนะ ว่าที่แท้แล้วลู่คิดจะทำอะไร” ลู่หานขยับปลายลิ้นเรียวพูดอย่างท้าทาย และแน่นอนแกรนด์ฉลาดพอที่จะเข้าใจความหมายของลู่หาน
“ถ้าลู่คิดจะแก้แค้นพวกเรานะ แกรนด์ก็ไม่มีทางยอมเหมือนกัน!” เธอพูดอย่างคับแค้นใจ เพราะความรักที่เธอมีต่อเซฮุน มันมากมายจริงๆ มากเท่ากับชีวิตของเธอเลยด้วยซ้ำ
“งั้นก็คอยดูสิ ว่าใครมันจะพัง” ลู่หานฉีกยิ้มที่มุมปาก ไม่กลัวแววตาของหญิงสาวสักนิด ที่กำลังลุกวาวขึ้นจนน่ากลัว
“ลู่! ที่ลู่ทำไปทั้งหมด เพราะอยากจะประชดแกรนด์ใช่ไหม”
เธอตั้งคำถามด้วยความอยากรู้... ลู่หานกลับนิ่งเงียบก่อนจะเก็บคำพูดของแกรนด์กลับมาคิดทบทวนในชั่วขณะ....
ประชดงั้นเหรอ มันมากกว่านั้นต่างหาก
".............."
“หึ ลู่ยังรักแกรนด์อยู่ไช่ไหม” แกรนด์เป็นฝ่ายฉีกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นว่าลู่หานเงียบไปสักพัก...
แต่ความรู้สึกของร่างบางมันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้วล่ะ ในเมื่อความเชื่อมั่นต่อความรัก มันตายไปตั้งนานแล้ว ตายไปพร้อมๆกับการหักหลังของคนที่อยู่ต่อหน้าอย่างเลือดเย็น
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลู่บอกได้แน่นอนว่าลู่รักแกรนด์มาก รักมากเท่าชีวิต แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่อีกแล้ว เพราะลู่ไม่มีวันกลับไปรักคนหลอกหลวงอย่างแกรนด์ได้อีก!”
ประโยคสุดท้ายลู่หานเน้นย้ำอย่างเจ็บแสบ ทำให้แกรนด์ถึงกับหน้าเสียไม่น้อย เพราะยังคงคิดว่าลู่หานยังอาลัยอาวอนในตัวเธออยู่
"แล้วที่ลู่ทำไปทำทั้งหมด เพราะคิดจะแย่งเซฮุนไปจากแกรนด์ไช่ไหม!!" เธอถลึงตากระชากเสียงถามดังๆ ราวจะเป็นการประกาศอย่างจงใจ พลอยทำให้ใครหลายคนผ่านไปมาได้ยิน ก่อนจะผินหน้ามามองด้วยความเอื่อมระอา
“ลู่ไม่จำเป็นต้องแย่งเซฮุนของแกรนด์หรอกนะ เพราะเขาเข้ามาหาลู่เองต่างหาก”
“แกรนด์ไม่เชื่อ! เซฮุนเขาไม่มีทางนอกใจแกรนด์แน่นอน!”
“แน่ใจเหรอ... แกรนด์ก็รู้นี่เมื่อวัยก่อนนายนั้นยังยืนกอดผู้หญิงสองคนที่ผับนั้น” น้ำเสียงที่เย้ยยันอย่างรุนแรง สาบานได้ว่าลู่หานไม่เคยทำกับใครมาก่อน โดยเฉพาะกับคนที่เคยรัก ซึ่งมันยังทำให้ขอบตาของแกรนด์ร้อนผ่าวขึ้นก่อนที่น้ำตาจะไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้างเนียนๆ... มือเล็กๆของเธอจึงยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะขยับปากพูดออกมาอย่างคับแค้นใจ
“ฮึก เซฮุนไม่มีทางนอกใจแกรนด์เด็ดขาด ในคลิปนั่นเป็นแค่เพื่อนเขาเท่านั้น”
“ถ้าเชื่อแบบนั้นแล้วทำให้แกรนด์สบายใจก็เชื่อไปเหอะ แล้วถ้าลู่เป็นแกรนด์นะ ลู่ก็คงไม่โง่งมงายแบบนั้นหรอก ลู่ขอตัวก่อนนะ ออ แล้วที่สำคัญ อย่าลืมบอกเซฮุนด้วยนะ ว่าเดี๋ยวคืนนี้ ลู่จะโทรหาเขา”
สิ้นสุดคำว่าร้าย ลู่หานก็เดินเลี่ยงออกไปทันที ปล่อยให้แกรนด์ยืนร้องไห้คนเดียวเพียงลำพัง...พลางกำมือไว้แน่นๆจนน่ากลัว
สรุปแล้ว เธอคงรักนายคนนั้นมากสินะ... ลู่หานไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี ที่ทิ้งเขาไปแล้วเลือกรักกับคนหลายใจพันนั้น
ที่ร้านเบเกอรี่
เมื่อเลิกเรียนเสร็จ ลู่หานก็เข้าไปทำงานตามปกติทุกวัน แต่ที่แปลกไปกว่านั้น ทำไมสายตาของลูกค้าผู้ชายกลับมาจับจ้องที่ลู่หานแทบจะทุกคนที่แวะเวียนเข้ามา แต่ลู่หานก็ไม่สนใจอะไร อยากมองก็ปล่อยให้มองไป ในเมื่อต้องทำงานต่อหน้าผู้คนเยอะแยะแบนี้เป็นประจำ
"ลู่ ฉันมีอะไรจะถามแก" จีซก เมื่อเห็นว่าลูกค้าเริ่มทยอยออกจากร้านไป เมื่อเลยเวลาสามทุ่มแล้ว ก็รีบเข้ามาเอ่ยถามพนักงานรุ่นน้องทันที เพราะมีสิ่งที่ต้องการอยากรู้ให้ได้
"อะไรหรอ"
“ตอนนี้แกกำลังคุยกับนายเซฮุนอยู่ใช่มั้ย” จีซกเข้าประเด็นหลัก เพราะตนพึ่งทราบเรื่องนี้มาจากเพื่อนในมหาวิทยาลัยมาอีกที
"อืม" ลู่หานพยักหน้าตอบตามความจริง ในเมื่อไม่เห็นจำเป็นต้องปิดบังอยู่แล้ว
“งั้นก็แสดงว่า แกกำลังเริ่มวางแผนทำร้ายพวกนั้นอยู่ใช่ไหม” ยุริที่อยากรู้เรื่องด้วยก็เลยอดไม่ได้ที่จะปริปากถามต่อ
“ก็ ประมาณนั้นมั้ง”
“ว่าแล้วเชียว” แบคฮยอนที่สนใจด้วยคนก็โพลงขึ้นด้วยเสียงเหนื่อยๆ “นี่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆนะ ลู่ก็เลิกแล้วต่อกันไปเหอะ พี่ไม่ค่อยเห็นดีด้วยเลยนะ เพราะเห็นใครต่อใครต่างก็พูดว่านายเซฮุนเป็นพวกเจ้าชู้ แถมยังชอบฟันแล้วทิ้ง ทำให้ผู้หญิงหลายคนร้องไห้กันทั่วมหาวิทยาลัย จนมีบางคนถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย... พี่กลัวว่าลู่จะตกเป็นเหยื่อของนายนั่นซะก่อน”
แบคฮยอนยกประโยคที่ตนนั้นพอรู้มาบ้างเอ่ยขึ้นเตือนสติ... แบคฮยอนกลัวจริงๆ กลัวว่าลู่หานจะตกเป็นของเล่นของเซฮุนสักวัน... เพราะใครๆต่างก็รู้จักว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์หลายใจแค่ไหน ในวงการไฮโซ ใครเขาก็ล่ำลือเช่นนั้น
“ใช่” จีซกพูดต่อจากแบคฮยอนอย่างเห็นดี “เรื่องนี้ชั้นเห็นด้วยนะ ถึงแม้ว่าแกอาจจะเปลี่ยนไป พยายามทำตัวเข้มแข็งขึ้น แต่ยังไงซะ แกก็รู้ไม่เท่าทันคนอย่างนายเซฮุนหรอก”
หลายความคิดถาโถมเข้ามาคราวเดียว... ใช่ ความจริงทั้งหมดเหมือนที่เพื่อนทั้งสองนั้นพูด เขาเป็นคนที่อันตรายจริงๆ โดยเฉพาะกับรอยยิ้มและสายตาคมกริบของคนร่างสูง ที่ยังวนเวียนในหัวของลู่หานเรื่อยๆ.. แต่ถึงยังไง เจ้าของร่างบางก็เตรียมตัวไว้อย่างรอบคอบ ลงทุนสืบประวัติของฝ่ายนั้นจนหมดเปลือก เพราะถ้าหากจะเล่นกับไฟ ก็คงต้องพกน้ำไว้รอดับมัน
“เหมือนอย่างที่ผมบอกพวกพี่มาตลอด ผมเดินมาไกลแล้ว ผมไม่หันหลังกลับไปหรอก”
“โอ๊ย!! ไอ้ลู่ ที่ชั้นพูดกรอกหูแกมาตลอดเนี่ยมันไม่เข้าหูแกเลยใช่ไหม!!”
“งั้นมั้ง พี่ยุริ” ลู่หานพูดออกไปด้วยสายตาที่แน่วแน่ “แล้วไม่มีใครคิดที่จะห้ามผมได้ด้วย”
“เฮ้อ...เวรกรรมๆ... อย่างนี้แหละน่า ที่เขาเรียกว่า ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ แล้วตอนนี้ ลู่ก็กำความทุกข์ไว้จนแน่นเต็มมือเลยแหละ เฮ้อ...” แบคฮยอนถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะหมดหนทางจะฉุดรั้งน้องรักให้ถอยห่างกลับมา
“แต่เอาเถอะ... ยังไงแกก็ระวังตัวก็แล้วกันถ้ายังคิดจะแก้แค้นคนอย่างเขา... แล้วที่สำคัญอย่าไปลงภาพลวงตาที่เข้าสร้างขึ้นมาเด็ดขาด เพราะบางที มันอาจจะเป็นแกซะมากกว่าที่จะกลายเป็นคนเจ็บปวด” ยุริก็เริ่มปลงไปตามๆกัน เห็นสายตาที่ฉายแววอย่างชัดเจนขนาดนั้น ต่อให้มีช้างมาลากไว้ ลู่หานก็คงไม่มีทางถอยออกมาอย่างแน่นอน
“ไม่มีทางหรอก เพราะผมไม่ได้ชอบผู้ชาย” เอ่ยจบ ลู่หานก็แยกตัวไปทำงาน ปล่อยให้คนที่เหลือต่างก็ส่ายหัวเนือยๆ ก่อนจะกลับไปทำงานเช่นเดิม
เมื่อเข็มนาฬิกาเดินเลยผ่านสี่ทุ่ม ก็ถึงเวลาเลิกงาน ทุกคนจึงช่วยกันปิดร้านแล้วแยกย้ายกันกลับ
ผ่านไปอีกแล้วหนึ่งวัน ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป นอกจากลู่หาน ดวงตากลมโต ไม่มีท่าทีจะอ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว
จนทำให้แบคฮยอนเริ่มรู้สึกกลัวว่าลู่หานจะแพ้ภัยตัวเองเสียมากกว่า ถึงแม้จะเข้มแข็งแค่ไหน แต่ข้างในส่วนลึกกลับซุกซ่อนความอ่อนแอเอาไว้
แบคฮยอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่ก็ข้ามทางมาอีกฟากเพื่อจะขับรถกลับบ้าน.... แต่เมื่อขับพ้นจากร้านไม่กี่นาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ร่างบางจึงหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับ ซึ่งปลายสายนก็เป็นเลย์ ที่อยากจะโทรชวนออกไปนั่งหาอะไรทานภายในร้านอาหารชื่อดังในย่านเมียงดง โดยที่มีดีโอกำลังรอคอยร่างบางอยู่ รวมทั้งมีธุระมากมายที่อยากจะพูด...
พอวางสาย แบคฮยอนจึงเดินทางไปหาในทันที... หลังจากนั้นไม่นานก็มาถึง... แล้วผลักประตูกระจกหน้าร้านเขาไปมองสำรวจเพื่อนทั้งสองที่กำลังนั่งรออยู่ตรงมุมไกลสุดของร้าน
“เฮ้ ไอ้แบคทางนี้” ดีโอกวักมือเป็นเชิงการส่งสัญญาณ แบคฮยอนจึงก้าวเดินเข้าไปหาหลังจากนั้น
"มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าถึงได้โทรชวนฉันออกมา" แบคฮยอนพูดขึ้นก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ด้านของเลย์ โดยที่โด้นั่งอยู่ตรงกันข้าม
“ก็มีนิดหน่อย”
“อะไรล่ะ”
“คือว่าคืนนี้ เพื่อนของคริสน่ะ เขาเปิดผับใหม่ แล้วอยากให้คนไปกันเยอะๆ เพื่อจะได้เป็นการโปรโมท แล้วงานนี้ก็เข้าฟรี เครื่องดืมก็ฟรีด้วย พวกแกจะไปด้วยเปล่า”
เลย์พูดเสนอ ดีโอถึงกับหูผึ่งตาเหลือกขึ้นทันที ในเมื่อมันเป็นคำเสนอที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
“แน่นอน ส่วนแกไอ้แบคแกต้องไปกับพวกชั้น...” ดีโอผินหน้าไปสั่งอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่าแบคฮยอนจะตอบปฏิเสธไปเหมือนหลายๆครั้งก่อน
“ไม่เอาหรอก พรุ่งนี้มีงานให้ทำแต่เช้า”
“นี่แก ไปเที่ยวแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกมั้ง... อีกอย่างเพื่อนของคริสก็อุตส่าห์ชวนพวกเราโดยเฉพาะเลยนะ เพราะเขาอยากให้พวกเราไปร่วมเป็นสีสันของงานน่ะ” ดีโอชักชวน อยากให้เพื่อนไปร่วมด้วยให้ได้
"เรื่องนี้ฉันเห็นดีกับไอ้โด้มันด้วยนะ ถ้าแกไม่ไปแล้วพวกชั้นจะสนุกได้ไง อีกอย่างเพื่อนของคริสเขาก็ออกปากชวนแล้ว ถ้าไม่ไปก็เสียน้ำใจกันพอดี"
หลายๆคำชวนพูดถาโถมขึ้นพร้อมๆกัน ถ้าหากแบคฮยอนคิดจะปฏิเสธก็เป็นเรื่องที่ป่วยการอย่างแน่นอน เพราะถึงยังไง เพื่อนทั้งสองก็คงจะลากตนไปร่วมด้วยอยู่ดี.. ก็เลยทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับตอบตกลงอย่างว่าง่าย
"เออๆ ก็ได้ พวกแกนี่ ชอบชวนฉันทำบาปอยู่เรื่อยเลย” แบคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย มีเพื่อนชอบดื่ม ชอบเที่ยวก็อย่างนี้ตลอด
“แกไม่ต้องห่วงหรอก ถึงเราจะไปกินเหล้านะ แต่พอตอนกลับมา ก็ทำบุญให้สัตว์มาตลอด” เลย์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
"ทำยังไง" แบคฮยอนถามเสียงห้วน
“อ๊วกให้หมากิน ฮาๆๆๆ” เลย์ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นดังๆ ดีโอก็พลอยหัวเราะรับมุขไปด้วย
“นี่ ตลกตายห่าล่ะ อีเพื่อนบ้า”
“ไอ้แบค แกไม่ต้องห่วงหรอก เมื่อเช้าเพิ่งทำบุญมา เห็นขอทานนั่งขอทานอยู่ใต้สะพานลอย ฉันควักตั้งหมื่นวอนแน่ะ”
“โหย นี่แกลงทุนควักเงินออกจากระเป๋าลงใส่ขันให้ขอทานเลยหรอ” ดีโอถามอย่างไม่อยากเชื่อปกติเลย์จะชอบพกเงินสดซะที่ไหนเห็นแต่รูดบัตรเครดิดตลอด
“เปล่า ควักจากขันมาใส่กระเป๋าฉันต่างหากล่ะ ฮาๆๆๆ” เลย์ระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง แบคฮยอนยิ่งหน้าบูดเข้าไปใหญ่
“โอ๊ย อีเพื่อนเวร!!” แบคฮยอนตวาดใส่อย่างเหลือทน
“ฉันล้อเล่น ควักจากกระเป๋ามาใส่ขันให้ขอทานเนี่ยแหละ ฉันว่าเรารีบๆไปกันเหอะ คริสคงรอพวกเราแล้ว”
“ไปด้วยชุดนี้เลยหรอ” แบคฮยอนถามเมื่อตนยังอยู่ในสุดแบบทำงาน ไม่เหมือนกับเพื่อนๆ ที่ดูเหมือนว่าจะจัดเต็มอยู่ตลอดเวลา
“ไม่เป็นไรหรอก ใส่ชุดนี้ก็ดูดีออก ไปๆ” ว่าแล้ว เลย์ก็จูงมือเพื่อนออกจากร้านไป
ราตรีนี้ยังมีอีกยาวไกล ถ้าไม่โดนของยาวใหญ่ ก็ไม่มีวันกลับ อิๆๆ
.............................................
แล้วตอนนี้ก็อัพลงอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่ตรวจดูคำผิดเลย เห็นก็แค็ป
แล้วส่งมาทางทวิตได้นะ แท็กว่า #ฟิควันพลัสวัน
ความคิดเห็น