ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic[AU]. Attack on titan(LevixEren): ล่ารักอันตราย

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 15: Responsibility

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.69K
      40
      23 ธ.ค. 57

     

    Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย

    Chapter 15: Responsibility

     

    หยาดน้ำพราวกระทบแสงแดด กลุ่มน้ำกระจายตัวออกยามเมื่อร่างโปร่งตวัดแขนว่ายน้ำไปมาจากขอบสระฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ผมสีน้ำตาลที่เปียกชุ่มลู่ลงกับแก้มเนียน ใบหน้ามนสูดหายใจลึกก่อนจะพลิกตัวลงในน้ำอีกครั้ง

    ท่าทางสบายดูไม่เดือดร้อนกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ของคนที่เรียกได้ว่าโดนจับตัวมาทำให้ใบหน้าสวยเฉยชามองอย่างรู้สึกรำคาญ เพราะถูกสั่งให้คอยตามเฝ้าดูบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นตัวประกัน ทำให้ตอนนี้หญิงสาวผมทองต้องนั่งสังเกตการณ์อยู่ริมสระน้ำบนดาดฟ้าเรือ โดยมีเด็กหนุ่มที่เรียกได้ว่าเป็นตัวประกันกำลังว่ายน้ำอย่างสบายอารมณ์ในสระ

    “นายน่ะเข้าใจสถานะของตัวเองตอนนี้ดีอยู่รึเปล่า?” เสียงดุเอ่ยถาม นัยน์ตาสีฟ้ามองร่างโปร่งของเด็กหนุ่มที่ว่ายมายังขอบสระด้วยแววตาไม่สบอารมณ์

    เอเลนดันตัวขึ้นจากสระ มือเรียวคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้กับพนักเก้าอี้ริมสระเช็ดผมที่เปียกชุ่มของตนก่อนจะสะบัดผมสีน้ำตาลไปมา

    “เข้าใจดีครับคุณแอนนี่ แต่จะให้ผมถูกขังอยู่แต่ในห้องมันก็น่าเบื่อ” เรือยอร์ชสุดหรูที่ตอนนี้ราวกับกรงขังเขาแล่นออกมากลางทะเลแบบนี้ต่อให้เขาอยากหนีก็คงไปไหนไม่ได้อยู่ดี อยู่กลางทะเลแบบนี้คลื่นโทรศัพท์มือถือก็ใช้ไม่ได้ ที่ใช้ได้เห็นเพียงจะมีคลื่นส่งสัญญาณวิทยุของเรือกับอุปกรณ์วิทยุที่ส่วนตัวของแต่ละบุคคลเท่านั้น จะเรียกว่าน่าประทับใจดีไหมที่เด็กปอนๆอย่างเขามีโอกาสสัมผัสชีวิตหรูหราอย่างที่ไม่ต้องการและไม่เต็มใจบ่อยเสียจนเริ่มชาชิน

    ใบหน้าสวยดุยังคงมองเด็กหนุ่มอย่างรู้สึกหงุดหงิด อาจเพราะท่าทางที่ราวกับมาเที่ยวพักร้อนทำให้เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์ แล้วปมคิ้วที่ผูกกันยุ่งก็ต้องคลายออกเมื่อมีสัมผัสเย็นมาแตะ

    เอเลนใช้นิ้มจิ้มลงบนหว่างคิ้วที่แทบจะผูกกันเป็นปมของหญิงสาว เมื่อนัยน์ตาสีฟ้าสบมองอย่างแปลกใจ ใบหน้าหวานได้แต่ยิ้มระรื่นให้กับหญิงสาว

    “อย่าตีหน้าดุไปสิครับท่านผู้คุม เดี๋ยวรอยก็มาก่อนวัยหรอก” จะเรียกว่าความคุ้นชินกับการอยุ่ร่วมกับคนหน้าโหดและชอบตีหน้าดุเป็นเวลานาน เขาเลยกล้าที่จะหยอกล้อเล่นกับหญิงสาว แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่จะเจอกับคนอันตรายเขาคงไม่อยากยุ่งกับคนที่ตีหน้าราวกับแยกเขี้ยวเท่าไร แต่ก็เพราะความเคยชินเลยทำให้รู้สึกว่าสีหน้าดุๆและการตีหน้าเคร่งขรึมก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ตราบใดที่ไม่ไปกระตุกหนวดเสือเข้าล่ะก็นะ......

    แอนนี่ถอนหายใจกับใบหน้าหวานที่ยังคงยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน แขนเรียวของหญิงสาวจับที่ข้อมือบางของเด็กหนุ่มก่อนจะผลิกอย่างรวดเร็วจนเอเลนร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บและตกใจ

    “อย่าได้ใจไปนักต่อให้อาร์มินบอกว่าให้ดูแลนายอย่างดี แต่หมอนั่นไม่ได้ห้ามไม่ให้สั่งสอนนาย” แอนนี่ยกยิ้มที่มุมปาก มือขาวเนียนผละออกจากข้อมือบางของเด็กหนุ่ม

    เอเลนถูข้อมือตัวเองไปมาเพื่อคลายความเจ็บ นัยน์ตาสีมรกตค้อนมองหญิงสาวตัวเล็ก ทั้งที่ตัวก็เล็กแถมเป็นผู้หญิงแต่เรื่องแรงและกำลังเรียกได้ว่าไม่เป็นรองผู้ชายเลยให้ตายเถอะ จบเรื่องคราวนี้ถ้าเขายังอยู่รอดปลอดภัยเห็นทีคงต้องเรียนวิชาการต่อสู้จริงจังเสียบ้าง ยิ่งรู้จักกับคนอันตรายมากเท่าไร ชีวิตที่ถลำลึกมาขนาดนี้ยิ่งไม่ปลอดภัยขึ้นเท่านั้น ให้ตายเถอะ แค่คิดก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา ตาแก่นั่นต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย!!

    ระหว่างที่กำลังสั่งสอนเจ้าคนอวดดีสัญญาณวิทยุประจำตัวของแอนนี่ก็ดังขึ้น เมื่อหญิงสาวกดรับสนทนากับปลายสาย นัยน์ตาสีฟ้าชำเลืองมองที่เด็กหนุ่มก่อนจะตัดสายเพื่อจบบทสนทนา

    “แต่งตัวซะอาร์มินเรียกฉันก่ะนายไปหา อีกไม่นานคงติดต่อผู้ปกครองนายเพื่อทำการแลกเปลี่ยน”

    เอเลนพยักหน้ารับ สองขาก้าวตามหลังหญิงสาวที่เรียกได้ว่าผู้คุมของเขาไปอย่างว่าง่าย ใบหน้ามนถอนหายใจอย่างโล่งอกที่มีอะไรคืบหน้าบ้าง ไม่ใช่ว่าเขาไม่กังวลกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองหรอกนะ เพียงแต่สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแต่ต้องรอเท่านั้น เมื่อได้ยินว่าอาร์มินจะยอมติดต่อทางฝั่งนั้นเสียทีทำให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง แม้จะผ่านมายังไม่ถึงสองวันดี เขาก็อยากกลับไปที่ที่ของตัวเองจะแย่อยู่แล้ว

    ทันทีที่แต่งตัวเรียบร้อยเอเลนรีบเดินไปยังห้องบังคับการและส่งสัญญาณวิทยุขอเรือซึ่งอาร์มินและเหล่าชายในเครื่องแบบสูทดำต่างยืนรออยู่ก่อนแล้ว เด็กหนุ่มผมทองยิ้มทักทายเมื่อบุคคลสำคัญในการต่อรองได้เข้ามาในห้อง

    “รอสักครู่นะครับคุณเอเลน ตอนนี้ทางกัปตันกำลังพยายามส่งสัญญาณดาวเทียมเพื่อติดต่อไปยังคุณรีไวอีกไม่นานทางนั้นคงตอบกลับ”

    ตามที่อาร์มินอธิบายเพียงไม่นานสัญญาณตอบรับของเป้าหมายก็ส่งมาถึง

    [นายจะเอายังไงไอเด็กหัวเห็ด] เสียงดุอย่างไม่สบอารมณ์เอ่ยขึ้นทักทายทันทีที่สัญญาณเชื่อมต่อส่งมา

    อาร์มินจัดการเปิดลำโพงเพื่อขยายเสียงก่อนเจ้าตัวจะจัดการเสียบหูฟังพร้อมไมค์โครโฟนเพื่อโต้ตอบอีกฝ่าย

    [เป็นการทักทายที่ไม่สุภาพตามเคยนะครับคุณรีไว]

    [กับนายที่มีนิสัยลักขโมยของของคนอื่นฉันคงไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วย]

    คำที่ราวกับว่าตีตราเป็นเจ้าของเขาทำให้เอเลนอยากเถียงออกไปแต่โดนแอนนี่จัดการปิดปากเพื่อไม่ให้รบกวนการสนทนาระหว่างคนทั้งสอง

    [เพื่อไม่ให้เสียเวลาเข้าเรื่องเลยดีกว่า ผมต้องการหลักฐานและสินค้าทั้งหมดของผมคืน เพราะพวกคุณทำให้ทางผมและลูกค้าลำบากน่าดู]

    [นายหมายถึงการขนอาวุธเถื่อนที่หละหลวมของนายเอง?]

    [คงหละหลวมไปเองจริงๆนั่นล่ะครับ ไม่คิดว่าจะมีคนที่คอยลอบกัดเลยทำให้ทางนี้ประมาทไปหน่อย แต่แบบนี้เรียกว่าเราทั้งคู่คงเสมอกันแล้วสินะครับ]

    [นายคิดว่าเจ้าหนูนั่นมีค่าพอที่จะให้ฉันทำตามที่นายต้องการเหรอไง?]

    คำถามที่ได้ยินทำให้หัวใจราวกับดิ่งวูบลง ถึงไม่ต้องตอกย้ำเขาก็พอเข้าใจแล้วรู้อยู่ว่าเมื่อถึงเวลาตัวเขาอาจไม่มีค่าแม้แต่ที่คนอันตรายคนนั้นจะเสวนาด้วยซ้ำ แต่ทั้งอย่างนั้นทั้งที่รู้อยู่แล้วแต่พอได้ยินแบบนี้ตัวเขาทั้งที่ไม่คิดว่าจะรู้สึกอะไรแต่กลับหน่วงที่อกซ้ายจนหายใจแทบไม่ออก ใบหน้ามนที่ขมวดมุ่นอย่างเจ็บใจทำให้แอนนี่ที่คุมเจ้าตัวรู้สึกเห็นใจมือเรียวที่กระชับร่างของเด็กหนุ่มคลายลง เป็นจังหวะที่ทำให้คนแสนดื้อดึงตวัดตัวออกจากพันธนาการของหญิงสาว มือบางคว้าไมค์วิทยุสื่อสารจากอาร์มินทันที

    [ตาแก่โรคจิตนายทำให้ฉันต้องเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งหมดก็เพราะนาย เพราะนายทำให้ชีวิตฉันเละเทะแบบนี้...........นายต้องรับผิดชอบเซ่!!] ด้วยความอัดอั้นและความรู้สึกที่บีบคั้นเอเลนจึงตะโกนใส่ไมค์สื่อสารด้วยเสียงที่สั่นเครือ

    [ดูเหมือนนายยังสบายดีอยู่นะไอหนู ถ้านายยังโมโหได้ขนาดนี้ฉันก็เบาใจ] เสียงหัวเราะในลำคอที่ดังลอดผ่านมาทำให้ใบหน้ามนชะงักชั่ววูบ

    ตาแก่นี่ต้องการให้เขาโมโหเพื่อดูว่าเขายังสบายดีอยู่รึเปล่างั้นเหรอ? ตกลงว่าตาลุงนี้ห่วงเขาหรือไม่ได้เป็นห่วงเขากันแน่?

    [เอาล่ะไอหนูหัวเห็ดอีก 5 ชั่วโมงชั้นจะไปหานายพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานที่นายต้องการรวมถึงของของนายส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคนของชั้นก่อนที่ชั้นจะไปถึงนายเตรียมรับผิดชอบได้เลย]

     

    ฮันซี่ส่งสัญญาณให้รีไวเมื่อหาพิกัดของสัญญาณดาวเทียมที่ส่งมาได้ นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองสภาพโต๊ะทำงานที่ถูกทุ่มเละอยู่มุมห้องพลางถอนหายใจ ใครจะไปคิดว่าคนที่ไม่ค่อยสนใจใครมาตลอดพอเด็กที่เพิ่งเจอกันไม่นานถูกจังตัวไปคนเฉยชาคนนั้นจะอาละวาดถึงขนาดทำห้องทำงานที่สุดแสนเนี๊ยบของตนเองพังทลายเละเทะขนาดนี้ได้ ถึงแม้น้ำเสียงพูดคุยโต้ตอบจะนิ่งเฉยเป็นปกติ แต่กับเธอที่อยู่ด้วยกันมานานสัมผัสได้ถึงรังสีความขุ่นมัวและความโมโหที่แผ่กระจายออกมาจากร่างเล็กที่แข็งแกร่งของเพื่อนได้อย่างชัดเจน แบบนี้ดูเหใอนว่าแค่ผมของเอเลนหลุดร่วงลงไปแค่เส้นเดียวคนอันตรายตรงหน้านี้ก็พร้อมที่จะถอนเล็บของคนทำคนนั้นออกมาเลยก็ว่าได้

    “ฉันแจ้งเอลวินเรียบร้อยหมอนั่นคงจะมาในสองชั่วโมง” ฮันซี่รายงานรายละเอียดให้กับคนสูงน้อยกว่าที่ตอนนี้ยืนนิ่งราวกับใช้ความคิดและสงบสติอารมณ์

    “ให้หมอนั่นตามไปทีหลังเธอเตรียมเอกสารให้ฉันพอ” นัยน์ตาคมตวัดมองเพื่อนสนิทอย่างดุดันเพื่อออกคำสั่ง

    “เข้าใจที่นายร้อนใจรีไว” ฮันซี่ถอนหายใจก่อนมองหน้าเพื่อที่อารมร์ฉุนเฉียวของตนอีกครั้ง แค่ตอนนี้เจ้าตัวไม่ไปวิ่งโร่ไปเตะก้นเจ้าพวกนั้นก็เรียกได้ว่าคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีพอสมควร

    “แต่อย่างน้อยนายควรรอให้เอลวินเตรียมการให้พร้อมอีกหน่อย”

    รีไวสบถอย่างหัวเสีย สองขาก้าวออกจากห้องอย่างไม่สบอารมณ์ ฮันซี่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าเพื่อนร่างเล็กของเธอคงพอจะใจเย็นลงได้บ้าง แต่เพียงเวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มีสายรายงานถึงการนำเฮลิคอปเตอร์ขององค์กรออก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนสั่ง ยิ่งเมื่อเหล่าลูกน้องคนสนิทของหมอนั่นถูกเรียกให้ไปรวมตัวกันอย่างเร่งด่วน ผมสีน้ำตาลมัดรวบที่ยุ่งเหยิงถูกเกาจนยุ่งยิ่งกว่าเดิมกับการตัดสินใจที่วู่วามของเพื่อนสนิท สิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้ ณ ตอนนี้คงเป็นจัดการรีบเร่งเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมเพื่อไปสมทบเจ้าคนใจร้อนที่บึ่งออกไป

     

    ให้ตายเถอะ อายุก็ขนาดนี้แล้วแต่มาทำตัวเป็นวัยรุ่นใจร้อนเพราะความรักบังตาแบบนี้คนที่ต้องจัดการเรื่องทั้งหมดแบบเธอก็หนักใจอยู่เหมือนกันนะ ใบหน้ายุ่งเหยิงของฮันซี่ส่ายไปมาก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างทำใจ

     

    หลังจากได้รับการยืนยันและนัดหมายจากอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยอาร์มินจึงจัดแจงให้เหล่าคนในชุดสูทสีดำเตรียมการต้อนรับแขกคนสำคัญที่กำลังเดินทางมาถึง ร่างโปร่งที่เพิ่งวางไมค์จากการสนทนามองเครื่องมือสื่อสารที่ตอนนี้อีกฝั่งตัดสัญญาณไปแล้ว ใบหน้าหวานรู้สึกร้อนผ่าวแปลกๆกับการแสดงความห่วงใยที่ดูจะเข้าใจยากของคนอันตราย เมื่อเป็นแบบนี้เขาจะคิดเข้าข้างตัวเองบ้างได้ใช่ไหมว่าเขานั้นมีความสำคัญต่อคนอันตรายขี้แกล้งคนนั้นอยู่เหมือนกัน

    “ผมบอกแล้วไงครับว่าคุณมีค่ากว่าที่คิด”

    “แล้วนายจะแลกตัวฉันคืนง่ายๆกับที่ตกลงไว้หรือไง?” ใบหน้ามนเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

    จากสัญชาตญาณเป้าหมายของอาร์มินไม่น่าจะเป็นเพียงแค่สิ่งของตามข้อตกลง แต่ราวกับว่ามีบางอย่างที่คนตรงหน้านี้ต้องการมากกว่านั้น

    อาร์มินเดินไปนั่งยังโซฟารับแขกในห้อง ใบหน้าหวานยิ้มบางให้กับเด็กหนุ่มก่อนจะผายมือเป็นการเชิญให้อีกคนลงมานั่งด้วยกัน

    “สมกับเป็นคุณเอเลนนะครับ แต่ผมสัญญาด้วยเกียรติว่าถ้าทุกอย่างเรียบร้อยผมจะส่งคุณคืนกับผู้ปกครองอย่างแน่นอน”

    ท่าทางที่ราวกับถือไพ่เหนือกว่าของอาร์มิน อัลเลโตทำให้เอเลนรู้สึกหงุดหงิดและขวางหูขวางตา เพราะท่าทางที่ราวกับเสแสร้งไม่เป็นตัวของตัวอย่างไม่เป็นธรรมชาติจนนึกรำคาญ

    “นายมีความแค้นอะไรกับคุณรีไว ไม่สิบางทีคงเป็นองค์กรของคุณรีไวสินะ?”

    ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของอาร์มินนิ่งงัน นัยน์ตาสีฟ้าครามเหลือบมองใบหน้ามนนิ่งเงียบ

    “สมที่อยู่กับพวกพี่สาวและพี่ชายที่เป็นนักข่าวนะครับ สัญชาตญาณคุณดีพอตัว” อาร์มินกลับมายิ้มบางอีกครั้งก่อนจำโคลงหัวไปมาราวกับกำลังตัดสินใจ

    “ในเมื่อผมทำคุณเดือดร้อน การที่คุณไม่รู้อะไรเลยมันก็ไม่ยุติธรรมสินะครับ”

    เอเลนพยักหน้ารับเห็นด้วย ทั้งที่ไม่รู้อะไรแต่ถูกดึงเข้ามาพัวพันขนาดนี้จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับเขาก็คงไม่ได้แล้วเช่นกัน

    “จำโรงแรมที่เปิดตัวไปได้ไหมครับ ที่คุณเต้นแทงโกสุดเร่าร้อนที่นั้น”

    เอเลนยิ้มเหย่เกให้กับอาร์มิน ทั้งที่เขาอุตส่าห์ลืมไปแล้วแต่คนรอบข้างกลับจำเรื่องน่าอับอายของเขาที่นั่นได้ดีเสียเหลือเกิน

    “อาคารนั้นแต่ก่อนเป็นอาคารสำนักงานของตระกูลอัลเรตโต หรือก็คือของคุณปู่ของผม”

    ใบหน้าหวานของอาร์มินเริ่มมีสีหน้าตึงเครียด นัยน์ตาสีฟ้าฉายแววจริงจัง

    “แต่เพราะเศรษฐกิจที่เน่าเฟะช่วงหนึ่งทำให้คุณปู่จำเป็นต้องจำนองที่ดินที่สืบทอดกันมาหลายชั่วรุ่น แล้วบุคคลที่คุณปู่ไปทำสัญญาด้วยคงไม่ต้องบอกคุณก็คงพอจะเดาได้”

    “องค์กรของคุณรีไว แต่คนที่ซื้อตึกไปจริงๆคือคุณเอลวินไม่ใช่เหรอไง?” ถ้าเขาจำไม่ผิดงานเปิดตัวโรงแรมนั้นใช้ชื่อเจ้าของกิจการเป็นคุณเอลวินเพียงคนเดียวด้วยซ้ำ

    “แล้วยังไงล่ะครับไม่ว่าจะเป็นชื่อใครก็เป็นองค์กรเดียวกัน อีกอย่างคุณรีไวก็ราวกับเป็นมือขวาของคนนั้น แค่ทำให้มือขวาสั่นคลอนอะไรหลายอย่างก็ง่ายขึ้นจริงไหม?”

    “นายนี่มัน....”

    นัยน์ตาสีฟ้าหรี่มองเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลด้วยแววตาขุ่นมัวราวกับกำลังมองผ่านไปยังอีกคน

    “ถ้านายว่ายังงั้นแต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามสัญญาแบบนี้นายมันก็แค่พาลหาเรื่อง!!

    “ถ้ามันเป็นไปตามสัญญาผมคงไม่ใส่ใจ!!

    อาร์มินตวาดเสียงตามอารมณ์ที่เริ่มพลุ่งพล่าน ใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มสบถอย่างหัวเสียก่อนพยายามสงบสติอารมณ์ให้กลับมาคงที่

    “สัญญาตึกนั้นมีระยะเวลาห้าปี แต่เพียงแค่ปีที่สามคนคนนั้น เอลวินก็จัดการรื้อถอนอาคารที่มีอยู่เดิมทิ้งเพื่อสร้างโรงแรมที่น่ารังเกียจนั่น”

    “แล้วทำไมนาย....” ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรนัยน์ตาสีฟ้าดุดันตวัดมองใบหน้ามนก่อนจะเค้นหัวเราะในลำคอ

    “สำหรับการฟ้องร้องหรืออะไรทำนองนั้นลืมไปได้เลยครับ คุณก็คงพอรู้ว่าองค์กรนั้นครอบคลุมอิทธิพลขนาดไหน และเพราะอย่างนั้นคุณปู่ที่พยายามทำงานหนักมาตลอด....ถึงได้...” ริมฝีปากบางเม้มกันจนขึ้นสันกรามด้วยความแค้นใจ

    หลังจากได้ฟังเรื่องราวของอาร์มิน นัยน์ตาสีมรกตกรอกไปมาอย่างใช้ความคิด ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจเพราะสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันนี้เขาก็เคยเจอมาเช่นกัน การข่มขู่ด้วยสตูดิโอของคุณฮันเนสทำให้เขาต้องจำใจยอมมาทำงานให้กับคนอันตรายที่เกลียดขี้หน้า แต่เมื่อได้ใกล้ชิดและรู้จักคนน่าโมโหคนนั้นแม้จะไม่มั่นใจแต่เขาก็เชื่อว่าคนน่าโมโหและชอบแกล้งคนนั้นไม่ทำเรื่องที่เป็นการทรยศหักหลังแบบนี้แน่นอน บางทีอาจมีบางอย่างที่ทำให้เรื่องทั้งหมดพลิกพลัน

     

    ตึก ตึก ตึก

    เสียงฝีเท้าและเสียงเปิดประตูที่พรวดพราดเข้ามาทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองหันไปมอง แอนนี่ในชุดสูทสีดำวิ่งเข้ามารายงานหัวหน้าของตน

    “มีเฮลิคอปเตอร์ขององค์กรเสรีภาพกำลังใกล้เข้ามาคาดว่าน่าจะเป็นผู้ปกครองของหมอนั่น”

    อาร์มินพยักหน้ารับก่อนจะจัดการสั่งให้แอนนี่คุมตัวเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลไว้อีกครั้ง หญิงสาวจัดการล็อคกุญแจมือไขว้หลังเอเลนก่อนจะจัดการบังคับให้ตัวประกันเดินตามไปยังดาดฟ้าเรือ

    เสียงเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆร่อนลงจอดบนดาดฟ้าเรือ เมื่อประตูเปิดออกชายหนุ่มร่างเล็กแต่แข็งแกร่งก้าวลงมา นัยน์ตาคมปราดมองเหล่าคนที่คอยต้อนรับรอบกายอย่างนึกรำคาญ เพราะเป้าหมายที่เขาต้องการเจอไม่อยู่ในเหล่ากลุ่มคนชุดดำที่กำลังรายล้อม

    “คุณรีไว!!เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้ชายหนุ่มมองขึ้นยังดาดฟ้าเรือที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกชั้น

    ใบหน้าหวานเผลอยิ้มบางยามเมื่อสบกับใบหน้าคุ้นชินของคนอันตราย เพียงแค่ได้เห็นอกซ้ายก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ทั้งดีใจและโล่งใจที่ได้เห็นใบหน้าขี้รำคาญนั้นอีกครั้ง ถึงแม้ตลอดเวลาเขาจะทำเหมือนไม่ได้หวั่นเกรงต่อสิ่งที่เกิด แต่เพียงแค่ได้เห็นชายหนุ่มที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้า ความอวดดีที่พยายามแข็งขืนมาตลอดก็ราวกับจะพังลงไปเสียง่ายๆ

     

    “ไงเจ้าลูกหมาฉันมาพากลับบ้านแล้ว.......”

     

    TBC.

    ...........................................................................................................................................

    Talk: ข่าวดี(มั่งคะ) อีกไม่กี่ตอนคาดว่าฟิคเรื่องนี้ก็จะจบตามแฝดผู้พี่ Last Memory ไปละค่ะ

    ตอนจบวางไว้ตั้งแต่ต้น(ที่ตอนแรกบอกว่าจะเขียนแค่5ตอน) มาตอนนี้มันก็งอกเงยบลาๆมามากมายค่ะฮาๆ

    แต่ตอนจบก็ยังคล้ายๆกับของเดิม อย่างที่บอกว่าเป็นฟิคตามอารมณ์คนเขียนมากมาย ข้อมูลหลายช่วงจะแปลกๆไม่แน่นนะคะ

    ฟิคสนองความโม่ยส่วนตัวมากค่ะ //ก้มหน้าเขี่ยพื้นสำนึกผิด

    ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ ทางนี้จะพยายามปั่นฟิค Happy Birthday เฮียรีไวล์ให้ท่านนะคะ(ทันไหมไม่รู้งือออออ)

    เจอกันตอนหน้าค่ะ รักนักอ่านทุกท่านเช่นเคย >w<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×