เด็กสมาธิสั้น อาการเป็นยังไง และจะต้องรักษาด้วยวิธีแบบไหนบ้าง - เด็กสมาธิสั้น อาการเป็นยังไง และจะต้องรักษาด้วยวิธีแบบไหนบ้าง นิยาย เด็กสมาธิสั้น อาการเป็นยังไง และจะต้องรักษาด้วยวิธีแบบไหนบ้าง : Dek-D.com - Writer

    เด็กสมาธิสั้น อาการเป็นยังไง และจะต้องรักษาด้วยวิธีแบบไหนบ้าง

    โดย bbenz_bc572

    ผู้เข้าชมรวม

    62

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    62

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ธ.ค. 66 / 17:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    โรคสมาธิสั้น เกิดจากความบกพร่องในการทำงานของระบบประสาท ซึ่งจะอยู่ตรงบริเวณสมองส่วนหน้าจะผลิตสารเคมีสำคัญที่ทำหน้าที่ในการควบคุมสมาธิ การจดจ่อ การควบคุมตนเอง หรือการยับยั้งชั่งใจ โรคสมาธิสั้น สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วัยเด็ก จนไปถึงวัยผู้ใหญ่ โดยช่วงอายุของเด็กที่มักพบมากสุดคือช่วงอายุตั้งแต่ 3-12 ปี และพบมากสุดเฉลี่ยที่ 7 ปี  และพบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง โดยอาการเด่นของเด็กสมาธิสั้น คือ อยู่ไม่นิ่ง ขาดสมาธิ ไขว้เขวง่าย  ส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางด้านอารมณ์, พฤติกรรม, การเข้าสังคม และกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมของเด็กด้วย

    อาการ เด็กสมาธิสั้น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอาการหลัก ดังนี้

    1. เด็กขาดสมาธิอย่างต่อเนื่อง (Inattentiveness)

    คืออาการที่เด็กไม่สามารถมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน ทำให้เด็กไม่เอาใจใส่ จนเกิดเป็นความสะเพร่า และขาดการใส่ใจรายละเอียดในการทำงาน หรือการทำการบ้าน และการทำกิจกรรมอื่น ๆ ด้วย

    • ไม่มีสมาธิในการรับฟัง ไม่ตั้งใจฟังคู่สนทนา

    • ไม่ปฎิบัติตามคำสั่ง ทำงานหรือทำการบ้านไม่เสร็จ

    • ไม่สามารถจัดการการทำงาน จัดลำดับในการทำงาน หรือจัดการงานกิจกรรมได้

    • หลีกเลี่ยงงานที่ไม่ชอบ หรืองานที่ต้องใช้สมาธิจดจ่อในการทำต่อเนื่อง ยาวนาน เช่น รายงาน

    • มักหลงลืมสิ่งของที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น หนังสือเรียน ปากกา ดินสอ กระเป๋าสตางค์ กุญแจ โทรศัพท์ หรือแว่นตา

    • วอกแวก ไปตามสิ่งเร้า หรือสิ่งที่ตนเองสนใจ เปลี่ยนความสนใจไปสู่สิ่งอื่นอย่างง่ายดาย

    2.เด็กที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้

    อาการคือไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ขาดความยับยั่งชั่งใจ ใจร้อน วู่วาม หุนหันพลันแล่น จะซุกซนผิดปกติ และอยู่นิ่งไม่ได้ 

    • ตื่นตัว และเคลื่อนไหวตลอดเวลา หลุกหลิก อยู่ไม่นิ่ง มักหยิบจับสิ่งของที่สนใจเล่นไปมา

    • นั่งไม่ติดที่ ลุกออกจากที่ทั้งในห้องเรียนและในสถานที่ต่าง ๆ

    • พูดไม่หยุด พูดไปเรื่อย ส่งเสียงดัง

    • ขัดบทสนทนา พูดแทรก หรือพูดโพล่งออกไปในขณะที่ผู้อื่นกำลังพูดอยู่

    • ขัดกิจกรรมในชั้นเรียน ศูนย์เสียการควบคุมตนเองในการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างสงบ

    • ไม่มีความอดทนในการรอคอย

    • ก้าวร้าว เอาแต่ใจ และมีอารมณ์ฉุนเฉียว รุนแรง

    3. เด็กที่มีอาการร่วมกัน ทั้งการการขาดสมาธิ ขาดความสามารถในการควบคุมตนเอง และอยู่ไม่นิ่ง

    • ขาดสมาธิในการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่อง

    • ขาดความสามารถในการควบคุมตนเองในการแสดงออกซึ่งอารมณ์ และพฤติกรรม และมักขาดการยั้งคิด

    • ขาดความสามารถในการยับยั้งตนเองจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่ได้ทำไปแล้ว หรือกำลังทำอยู่ให้สงบลง

    การรักษาเด็กสมาธิสั้นในปัจจุบัน สามารถทำได้หลายวิธี อย่างเช่น การใช้ยา, พฤติกรรมบำบัด, การฝึกอบรมผู้ปกครองรวมถึงวิธีในการเลี้ยงเด็กที่เป็นสมาธิสั้นที่ถูกต้อง ทั้งนี้ผู้ปกครองต้องคอยสังเกตอาการ และคอยรวบรวมพฤติกรรม อาการ เด็กสมาธิสั้น เพื่อนำไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยโรค โดยแพทย์จะทำการซักประวัติ และตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุของโรค และวางแผนการรักษาต่อไปได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้การเข้ารับการวินิจฉัยอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จในการรักษาได้สูงค่ะ

    สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเด็กสมาธิสั้นได้ที่ : 

    www.nonthavej.co.th/attention-deficit-hyperactivity-disorder.php

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×