golden boy กับการตามหาดาบในตำนาน
ผู้เข้าชมรวม
157
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
1. เที่ยวบินเที่ยวสุดท้าย
บางทีผมเองก็คิดว่าแม่คงไม่ค่อยรักผมเท่าไหร่ ทั้งที่ตั้งแต่ผมจำความได้ผมก็มีแต่แม่เท่านั้นที่คอยดูแลเลี้ยงดูและค่อยข้างเอาอกเอาใจมาตลอด ผมเคยคิดเล่นๆนะว่าในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่จะดีกับผมเท่านี้ แต่ตอนนี้ผมกลับคิดว่าจะมีแม่สักกี่คนที่จะผลักไสลูกชายอายุ 14 ปี ให้ไปในที่ๆเขาไม่อยากไป และไม่รู้จักด้วยซ้ำ
การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าเทห์สุดชีวิต แต่มันไม่เคยมีความหมายกับผมด้วยซ้ำเพราะมันทำให้ผมจะต้องอยู่ห่างไกลกับคนที่ผมรักมากที่สุดและผมก็อยากให้แม่คิดแบบเดียวกับผมเหมือนกัน แต่บางครั้งผมก็ไม่อาจจะปฏิเสธกับคำพูดของแม่
ลูกต้องไป มันอาจจะเป็นทางเดินของลูกแม่จะพูดคำนี้ทุกครั้งพร้อมกับน้ำตาซึมเล็กน้อยที่เราคุยกันเรื่องนี้ การเห็นน้ำตาของแม่เพียงเล็กน้อยทำให้ผมหมดคำโต้แย้งใดๆกับแม่ ผมกลัวว่าจะทำให้แม่เสียใจ แต่บางครั้งในใจผมก็อยากจะถามแม่สักคำว่า
ทางเดินของผมมันคืออะไร
การเข้าคอร์สเรียนภาษาไทยอาจจะเป็นการดีอยู่บ้างในการเดินทางมาเรียนของผม แม่บังคับให้ผมเรียนทุกวัน แต่ผมไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่หรอก แต่ก็อย่างที่บอกผมกลัวแม่เสียใจ ไม่รู้สิมันอาจจะมีประโยชน์กับผมจริงๆก็ได้ เพราะที่ที่ผมจะมาคือประเทศไทย ประเทศที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับผมเลยในชีวิต แต่ผมก็ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับมันด้วยการสอบเข้าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ซึ่งประเทศไทยก็ไม่เคยอยู่ในความคิดของผมเลยด้วยซ้ำ
ผมคงใช้ก้านสมองอันน้อยนิดของผมเกินความสามารถของมันแล้ว เพราะตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาผมก็คิดถึงแต่เรื่องนี้ตลอด จนทำให้เรื่องบางอย่างที่กำลังรออยู่ข้างหน้าเข้ามาเบียดเรื่องนี้ในสมอง ใช่สิ เครื่องกำลังจะลงจอดแล้ว
สุวรรณภูมิสนนามบินที่ใหญ่เอาการเลย เป็นสนามบินที่สร้างขึ้นมาใหม่ และใช้งบประมาณมากมายมหาศาลเลยทีเดียว ไม่ใช่เพื่อสร้างสนามบินนะ แต่ใช้ในการซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด ทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นในการลงจากเครื่องครั้งนี้ เพราะอย่างน้อยสุวรรณภูมิก็คงจะไม่มีระเบิด
เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีกับที่นี่ แต่ความรู้สึกลึกๆแล้วผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ สุวรรณภูมิคนเยอะมาก และคนพวกนี้ทำให้ผมลำบากในการตามหาคน นั่นยังไม่เท่ากับการที่เราไม่เคยเห็นหน้า หรือแม้แต่รูปสักใบก็ไม่มี แต่แม่ยืนยันว่าจะต้องมีคนมารับผมในวันที่ผมมาถึงแน่นอน บางทีผมอาจจะต้องรู้จักใครอีกหลายคน ผมไม่รู้หรอกว่าแม่หมายถึงอะไร จำเป็นด้วยหรือที่ผมจะต้องทำความรู้จักใครต่อใคร
คุณกุ้ง เป็นบุคคลที่ผมจะต้องตามหาให้พบ ก็อย่างที่บอกผมมาที่นี่โดยไม่รู้จักใคร ผมมาที่นี่กับสัมภาระที่เยอะที่สุดในชีวิตของผมคือกระเป่าแฟ่บๆสองใบ บางทีไอ้กระเป๋าสองใบที่ว่าอาจจะไม่มีค่าอะไรเลยกับชีวิตของใครบางคน ผมเคยรู้จักคนมีชื่อเสียงของประเทศนี้บ้าง แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาไม่รู้จักผม นั่นคือเหตุผลที่ผมจะต้องตามหา คุณก้งให้พบ
บางทีอาจจะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงสักคนโดยสารเครื่องบินมาเครื่องเดียวกับผม หรือประธานาธิบดีของสหรัฐอาจจะโดยสารมาเครื่องนี้ล่ะ เพราะคนที่นี่แต่งตัวคล้ายๆกันเหมือนมารอรับใครบางคน ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆผมคงจะโชคดีมากๆเพราะคนมากมายใส่เสื้อสีเหลืองมารอรับและมีการป่าวประกาศคล้ายกับมาต้อนรับใครแต่ที่แน่คงไม่ใช่ผมหรอก
คุณกุ้งเป็นคนสวย น่ารัก นิสัยดีมาก เขาไม่เหมือนใครหรอกแม่บอกกับผมแบบนั้นและเป็นข้อมูลเดียวที่แม่มีให้ผม แล้วเขาจะรู้จักผมได้อย่างไรในสมอง(ไม่ใช่สิมันดูคล้ายๆกับขี้เลื่อยมากไปทุกทีแล้ว)คิดไม่ออกเลย
ท่ามกลางผู้คนใส่เสื้อสีเหลืองมากมายผมเห็นผู้ชายตัวใหญ่ทำท่าทางร้อนรนมากๆมือข้างหนึ่งถือป้ายเขียนว่า RABERT ดูตลกดีนะแต่ผมไม่มีเวลามากนักเพราะต้องตามหาคุณกุ้ง คุณกุ้งคงไม่โคตรแมนขนาดนี้หรอก อีกอย่างผมชื่อโรเบริ์ตไม่ใช่ระเบิด
โรเบริ์ตเสียงผู้ชายคนนั้นเรียก ใช่เขาเรียกผมจริงๆด้วย สงสัยเขาไม่เก่งภาษาสักเท่าไหร่นะเขียนชื่อผมยังผิดเลย แล้วนี่ไม่เห็นเหมือนที่แม่บอกเลยล่ำบึกขนาดนี้คงไม่ใช่คุณกุ้งแน่ แต่เอ..เขาก็ดูไม่เหมือนผู้ชายแท้ๆเลยแฮะ ผมใช้ประโยชน์จากขี้เลื่อยในหัวได้ไม่นานนักกระเพาะของผมก็สั่งการว่าต้องรีบเข้าไปถามทันทีถ้าช้ากว่านี้อาจจะเป็นลมแน่
คุณกุ้งหรือเปล่าครับผมถามแบบไม่ค่อยเต็มใจนักบวกกับสำเนียงที่ไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่
เราอยู่ที่นี่นานไม่ได้พูดจบเขาก็คว้าแขนของผมแล้วรีบวิ่งออกไปจากที่นั่นทันทีผม ถ้าเธอสงสัยอะไรค่อยไปถามฉันได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ เขาหยุดที่ทางออกแล้วซ่อนป้ายชื่อของผมไว้ที่ซอกข้างๆประตู
เรากึ่งวิ่งกึ่งเดินสวนกับคนที่ใส่เสื้อสีเหลืองมากมายและดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะเข้ามาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมอยากจะรอดูจริงๆว่าใครกันนะที่พวกเขามารอต้อนรับ ยังไม่ทันที่ผมจะคิดรถสปอร์ทสีดำคันหรูหราก็ขับมาจอดตรงหน้าผมแล้ว คุณกุ้งนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ว๊าว ไฮโซเสียด้วยสิ ผมไม่ต้องรอให้คุณกุ้งถามก็รีบเปิดประตูรถขึ้นไปแล้วและเขาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรเหยียบคันเร่งทันที ผมกลัวว่าหากเท้าเขาหนักกว่านี้ไม่รู้ว่าคันเร่งจะทะลุลงไปข้างล่างหรือเปล่า
ไม่เสียชื่อรถจริงๆเพียงไม่กี่นาทีคุณกุ้งและผมก็มาไกลโขแล้วจากสุวรรณภูมิ
หิวละสิ คุณกุ้งถามพร้อมกับเหยียบคันเร่งไปด้วย ผมไม่แน่ใจว่ามีใครไปบังคับให้พี่แกมารับผมหรือเปล่าเพราะหน้าตาเขาแสนจะเฉยเมยจริงๆ
นิดหน่อยครับ มันเป็นคำพูดที่คนต่างชาติอย่างผมควรจะพูดแม้บางคนจะไม่ค่อยรู้ความหนมายก็ตามแต่ผมก็พูดได้คล่องเลยทีเดียว
งั้นเราก็ควรจะหาอะไรกินกันก่อนนะ คุณกุ้งยังเก๊กหน้าไม่เลิกทำคล้ายกับว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์ ไม่แน่นะ ถ้าคุณกุ้งหันหลังมาผมอาจจะเห็นลูกบิดไขลานอยู่ที่หลังคุณกุ้งก็ได้
ไม่นานนักเราก็มานั่งอยู่ที่ร้านอาหารตามสั่งริมถนนร้านหนึ่ง ซึ่งมีมากมายก่ายกองในกรุงเทพฯเมืองอันแสนสิวิไลของไทย
เธอชื่ออะไรหุ่นยนต์ไขลานถามผมในขณะที่เชฟข้างถนนกำลังผัดอะไรอยู่ในกระทะมันทำให้ผมจาขึ้น ฮั๊ดเช้ย..โรเบิร์ตครับ..ฮา..ฮัดเช้ย แหมกลิ่นใช้ได้เลย
เธอรู้จักที่นี่มากแค่ไหน ฉันหมายถึงเมืองไทยนะหุ่นยนต์ไขลานถามผมก่อนที่บริกรริมฟุตบาทจะนำอาหารมาเสริฟให้ กลิ่นอาหารเผ็ดร้อนจนผมแสบคอเลย มันคงจะไม่เหมาะกับคนต่างชาติอย่างผมแน่ๆ
นี่เธอยังไม่ตอบฉันเลยนะคุณกุ้งทักท้วงในขณะที่ผมกำลังเขี่ยพริกออกจากจาน
คือผมต้องมาเรียนที่นี่ ส่วนเรื่องเกี่ยวกับที่นี่ผมไม่ค่อยรู้อะไรหรอกผมแทบไม่กล้าสบตาคุณกุ้งในขณะที่ตอบ
คุณกุ้งส่ายหน้ารับพร้อมกับทำหน้าแบบเบื่อโลกสุดๆ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับสีหน้าของคุณกุ้ง แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าคนที่มารับผมไม่ใช่หุ่นยนต์ไขลานแล้ว หรือบางทีเซนเซอร์ใบหน้าของหุ่นตัวนี้เพิ่งจะทำงาน ก็ไหนแม่เธอคุยนักคุยหนาว่าถ้าเธอมาอยู่ที่นี่เธอจะ..เอ่อ..เก่ง อืม..ออกแนวอัจฉริยะ
เมล็ดข้าวอันแสนอร่อยเกือบสำลักออกทางปากผมทันทีที่ได้ยินคุณกุ้งพูด ผมเนี๊ยนะ..อัจฉริยะผมแย้งคุณกุ้งขึ้นทันทีโดยไม่มีเมล็ดข้าวกระเด็นออกมาจากปาก มันแปลกดีนะที่ผมรู้สึกอร่อยกับมัน ความอร่อยมันมากกว่าความเผ็ดเสียแล้ว
เซนเซอร์ใบหน้าแบบเบื่อโลกของคุณกุ้งทำงานอีกแล้ว บางงทีฉันอาจจะคิดผิดก็ได้ที่เชื่อแม่ของเธอ พูดจบคุณกุ้งก็ถอนหายใจยาวๆครั้งหนึ่ง ดีนะหุ่นยนต์หายใจได้ด้วย
ผมไม่รู้หรอกว่าแม่คุยเรื่องอะไรเกี่ยวกับผมให้คุณกุ้งฟังบ้าง หรือบางทีแม่อาจจะใช้ความเป็นนักเขียนข่าวมืออาชีพเขียนอะไรดีๆเกี่ยวกับผมก็ได้ แม่จะโม้อะไรเรื่องของผมมันก็ขึ้นอยู่กับปลายปากกาขอแม่จริงๆ
เธอกินไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ เสียงห้วนๆของคุณถุ้งมันอาจทำให้ความอร่อยในการกินของผมลดลงแต่มันอาจจะทำให้ผมสบายตาขึ้นหากมันจะทำให้ผมไม่เห็นกางเกงยีนสีดำเห่ยๆกับเสื้อยืดแบบหลวมโคลกซึ่งมันไปกดความเป็นผู้ชายนะยะ ของคุณกุ้งโดยสิ้นเชิง
คุณกุ้งหายไปในรถพร้อมกับความอร่อยของอาหารที่เพิ่มขึ้นมาทันที
ผมบอกหรือยังว่าตอนที่ผมมาเหยียบที่นี่เป็นครั้งแรก ผมรู้สึกว่าเหมือนผมได้กลับบ้าน ทั้งๆที่ผมเพิ่งจะจากบ้านมาแท้ๆ แต่มันกลับอบอุ่นแบบบอกไม่ถูกเลยนะ และผมได้กินอาหารแบบริมถนน(มันอยู่ข้างถนนจริงๆ)แต่มันทำให้ผมรู้สึกว่า อร่อยจัง มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าที่นี่มันต้องมีอะไรแน่ๆหรือบางทีชาติที่แล้วผมเป็นคนที่นี่นะ
ยังไม่ทันที่ผมจะใช้ขี้เลื่อยในหัวมากนัก สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นสุภาพสตรี
ใช่สิต้องบอกว่าเป็นสุภาพสตรีเลยล่ะ ไม่ใช่แค่ผู้หญิง เธอกำลังเดินมาที่ร้านขายอาหารและ
เธอกำลังเดินที่ทางโต๊ะที่ผมนั่ง เธออาจะแค่เดินมาเฉียดๆโต๊ะที่ผมนั่งก็ได้ แต่เอ๊ะ! เธอมาดึงเก้าอี้ที่ฝั่งตรงข้ามผม แล้วเธอก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามผมพอดีเลย ในฐานะที่ผมมาจาก..เอ่อประเทศที่เจริญกว่านะ แต่มันก็ยังทำให้ผมคิดว่า เราไม่ใช่ เจ้าถิ่น คำๆนี้คงเป็นคำสั่งให้ผมต้องก้มหน้าลงทันที ใจผมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วสิตอนนี้ อาจจะเป็นจังหวะนะแต่จังหวะมันเร็วขึ้นแค่นั้นเอง
อิ่มหรือยังโรเบิร์ต สาวสวยในชุดแซ็คสีเขียว ผ้าแบบทิ้งตัวเรียบ ดูสดใสราวกับหญิงในเทพนิยายถามผม ไม่ๆๆ.มันเป็นไปไม่ได้ ผมเพิ่งมาที่นี่แล้วใครล่ะจะมารู้จักผมอีก เขาคงไม่เคยรู้จักกับผมตั้งแต่ที่ผมอยู่อเมริกาหรอกนะ เพราะผมไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงที่เป็นคนเอเชียเลย หรือบางทีอาจเป็นเพราะว่าคนเขียนข่าวมืออาชีพ (ผมหมายถึงแม่ของผม) เธอเขียนโม้อะไรให้ใครได้อ่านอีกแน่
นี่อย่าบอกนะว่าเธอจำฉันไม่ได้ เสียงพูดดังขึ้นพร้อมกับเสียงมือที่กระทบโต๊ะ ทำให้ผมสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทันที
คุณกุ้ง ผมพูด้วยสีหน้าประหลาดใจสุดๆ นี่ถ้าผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่คุณผมคงจะแอบรักคนแปลกหน้าไปแล้ว
แปลกใจเหรอ เสียงพูดของคุณกุ้งภายใต้ริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อย มันทำ
ให้หัวใจของผมเต้นเป็นจังหวะที่เร่งเร้ามากขึ้น
ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ คุณกุ้งก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน ใครที่เจอกับฉันครั้งแรกก็
เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกนะ ฉันอาจจะโดนคำสาปมาตั้งแต่บรรพ-
บุรุษก็ได้ พูดจบคุณกุ้งก็รับประทานอาหารของเธอที่บริกรริมฟุตบาทยกมาเสริ์ฟตั้ง
นานแล้ว
ผมยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม เพื่อล้างความอร่อยจากปากให้มันลงไปในคอเสีย
หน่อย ในสมองขี้เลื่อยของผมตอนนี้ก็คือคำว่า คำสาป ใครเป็นคนสาปเธอกัน
เหรอ ผมอยากให้แม่มดตนนั้นมาสาปผู่หญิงทั้งโลกจัง อ้อ..ยกเว้นแม่ของผมคนหนึ่ง
นะ เพราะผมไม่อยากจะตกหลุมรักแม่ของตัวเองหรอก
เธอโชคดีนะ ที่โดยสารมาเป็นเที่ยวบินสุดท้าย ก่อนที่สุวรรณภูมิจะถูกปิด
เฮ้อ!..คุณกุ้งถอนหายใจยาวๆอีกครั้ง ในขณะที่เธอกำลังเคี้ยวอาหารไป สายตาเธอ
ก็มองผมไป ด้วยหางตา แต่ฉันสิ โชคร้าย..ที่..ที่คิดฉันคิดผิดเรื่องของเธอ พูดจบ
เธอก็ตักอาหารรับประทาน พร้อมกับเบนหน้าไปจากผมด้วยสายตาที่เลื่อนลอย
เขาเคยพูดกันว่า คนไทยใจดี ผมเชื่อแล้วล่ะครับ คือว่าคุณกุ้งเลี้ยงข้าวผมน่ะ
ครับ โดยที่ผมรู้สึกว่าเธอไม่ค่อยอยากจะเลี้ยงข้าวผมสักเท่าไหร่
ฉันคิดผิดเรื่องของเธอ คำพูดนี้วกวนอยู่ในหัวผม แล้วผมผิดอะไรเหรอ ผม
เข้าเมืองมาโดยถูกกฎหมายนะ
ยังไงฉันก็คงต้องพาเธอไปที่โรงเรียนนะ คุณกุ้งพูดพร้อมกับโบกมือเรียก
บริกรมาคิดเงินค่าอาหาร
ในขณะที่นั่งรถคันหรูของคุณกุ้ง โดยมีคุณกุ้งเป็นโชเฟอร์ ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ ร่างกายของผมนิ่ง แต่ขี้เลื่อยในหัวของผมมันไม่นิ่งเลย นี่มันเป็นวันแรกที่ผมมาถึงที่นี่นะ มันทำให้ผมประทับใจได้ขนาดนี้เชียวหรือ นี่มันอะไรกัน คุณกุ้งคิดอะไรผิดเกี่ยวกับผม เที่ยวบินเที่ยวสุดท้าย คำสาปบ้าๆบอๆอะไรกัน แล้วไหนจะแม่ผมอีกล่ะ ไม่รู้ว่าโม้อะไรเกี่ยวกับผมจนทำให้คุณกุ้งต้องผิดหวังมากขนาดนั้น
สายตาของผมมองออกไปนอกกระจกรถ ด้วยหนังตาที่มีน้ำหนักเกือบจะเท่าภูเขาแล้ว คุณกุ้งพูดถูก เพราะบริเวณที่ผมคิดว่าเป็นสนามบินไม่มีเครื่องบิน บินขึ้นหรือลงเลย
ทางสภาคงไม่ให้โอกาสฉันอีกแน่ๆ นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วจริงๆ นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมด้ยินคุณกุ้งพูด ก่อนที่ผมจะทนแบกรับน้ำหนักภูเขาบนหนังตาของผมไม่ไหว .
ผลงานอื่นๆ ของ แมงกินฟัน จุ๊บๆ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ แมงกินฟัน จุ๊บๆ
ความคิดเห็น