‘Turn the lights off…’
เด็กหนุ่มผมสีควันบุหรี่หลับตาลงช้า
ๆ พร้อมกับที่แสงสีส้มนวลตาถูกปรับให้สลัวรางเพื่อสร้างบรรยากาศ...
สมาธิและโสติประสาทซึมซับเสียงดนตรีที่เลื่อนไหลผ่านเฮดโฟนเข้ามาด้วยท่วงทำนองอ่อนหวานหลังประโยคแรกของลีดเดอร์ของวงเริ่มต้นขึ้น...
เนื้อเพลงที่บรรยายถึงความรู้สึกหวามไหว
เร่าร้อน และลุ่มลึกในสัมผัสของคู่รักที่ปรารถนาจะถ่ายทอดความรักแก่กันและกันด้วยการสัมผัสอันลึกซึ้ง...
เป็นเขาล่ะก็...อีกกี่ปีแสงจะแต่งเนื้อเพลงแบบนี้ได้ก็ไม่รู้
‘ปลดปล่อยความตึงเครียด
และผ่อนคลายซะนะที่รัก...’
แม้จะหลับตาอยู่
แต่ห้วงความคิดของเด็กหนุ่มร่างสูงกลับปรากฏภาพเจ้าของเสียงหวานนุ่มนั้นอย่างชัดเจน
ราวกับริมฝีปากอิ่มนั้นกำลังเอ่ยเชิญชวนแผ่วเบาอยู่ริมหูของเขา...อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นลอบมองแพขนตาและเสี้ยวหน้าด้านข้างที่สุกปลั่งจากแสงสลัว
...ใจของเขาสั่นไหวเงียบ ๆ เพียงลำพัง
.
.
.
“เอ้า น้ำ”
เผลอสะดุ้งกับสัมผัสเย็นจากผิวสแตนเลสที่แนบลงข้างแก้มแบบไม่ทันได้รู้ตัว
ก่อนจะรับขวดน้ำมาเปิดแล้วยกชามะนาวอุ่น ๆ ขึ้นจิบจนพร่องไปเกือบครึ่ง
“เป็นอะไร?
วันนี้ดูนายไม่ค่อยมีสมาธินะ”
เหลือบมองคนถามแว่บหนึ่งแล้วก้มหน้าเลื่อนปลายนิ้วบนไอพอดทัชต่อ
“...เปล่านี่พี่”
“ไม่เชื่ออ่ะ”
หางตาสังเกตเห็นเรียวคิ้วได้รูปนั้นขมวดน้อย ๆ อย่างเป็นกังวล
แอบถอนใจ...บอกไปพี่จะเข้าใจจริง
ๆ เหรอ พี่ยองแจ?
“ครึ่งวันแล้วยังอัดเสียงครึ่งแรกไม่ผ่านเลย ...พี่เข้าใจนะจุนฮง
เนื้อเพลงมันอาจจะยากที่นายจะทำความเข้าใจและมีฟีลลิ่งร่วมกับมัน
แต่นายควรตั้งใจและมีสมาธิมากกว่านี้นะ” คราวนี้ร่ายยาวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เจือท่าทีล้อเล่นแม้แต่น้อย
จริงอย่างที่ยูยองแจว่า...ครึ่งวันนี้หมดไปกับการบันทึกเสียงเพลง
Body&Soul
ซึ่งถ้านับดูแล้ว... 1..3..7..12 ก็สิบกว่ารอบแล้ว และถ้าว่ากันตามจริง
เกือบทุกครั้งก็มาติดตรงส่วนของเขาเอง ...ยอมรับอย่างไร้ข้อแก้ตัว
ว่าพยายามรวบรวมสมาธิแล้ว แต่มันทำได้ยากจริง ๆ
“พี่ยงกุกก็เหลือเชื่อเลยว่ะ
คอนเซ็ปต์เป็นยังไงจัดให้ไม่มียั้งเลย เฮ่อ...ไม่คิดเลยมั้งว่าน้องในวงนี่จะมีใครเชี่ยวเหมือนท่านน่ะ”
เด็กหนุ่มอมยิ้มบาง ๆ กับวาจาเหน็บแนมหัวหน้าวงอย่างไม่ใคร่จะจริงจังนักของพี่ชาย
ในสายตาของชเวจุนฮง
ยูยองแจเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและจริงจังกับงานมาก อันที่จริง..กับอัลบั้มแรกของวง
สมาชิกทุกคนก็มีความพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้งานออกมาดีที่สุด จึงไม่แปลกที่คนที่มีประสบการณ์ชีวิตน้อยกว่าคนอื่น
ๆ อย่างเขามักจะถูกตำหนิอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็ยินดีที่จะรับฟังและพัฒนาตัวเองเสมอ
และเพราะแบบนั้น ...เขากลับรู้สึกดีที่พี่ชายตัวเล็กคนนี้เข้มงวดกับเขา ยอมมานั่งอบรมเขาอยู่แบบนี้
ยินดีมากกว่าการถูกเพิกเฉยหลายเท่า
...เพราะถ้าเป็นแบบนั้น
รู้เลยว่าเขาอาจจะตายได้เลยล่ะ
“ฮ่ะ! เตรียมตัวกันเถอะ รอบนี้ตั้งใจให้มากนะจุนฮง”
คนที่ตัวเล็กกว่าผุดลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงเมื่อหมดเวลาพัก
บิดกายไล่ความเมื่อยขบเล็กน้อยก่อนที่มือข้างหนึ่งจะวางแปะลงบนศีรษะของน้องชายตัวสูง
“ทิ้งความกังวลไปให้หมดนะ
ถึงนายไม่พูดพี่ก็รู้ว่านายต้องมีเรื่องอะไรในใจแน่ ๆ เอาเป็นว่า...พี่ยินดีช่วยเสมอ...ถ้านายต้องการ”
มือที่เล็กกว่ามือของเขาแต่ก็อุ่น...และนุ่มกว่า
ยีไปมาบนเส้นผมสีควันบุหรี่ที่ยุ่งเหยิง พร้อมกับที่ผิวแก้มรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นนุ่มจากริมฝีปากอิ่มที่โฉบลงมาประทับเพียงเสี้ยวนาที...ใบหน้าน่ารักนั้นยิ้มให้อย่างที่คิดว่าเท่ที่สุด
...ก็เพราะพี่เป็นแบบนี้ไง
ผมถึงได้ขาดสมาธิขนาดนี้
“ถ้าอยากช่วยจริง
ๆ ล่ะก็...ช่วยเลิกทำเหมือนผมเป็นเด็กซะทีได้มั้ยล่ะ”
นัยน์ตาคมสะท้อนภาพแผ่นหลังเล็กที่เดินหายเข้าไปในสตูดิโอ
...และคำถามนั้นก็คงมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
ที่ได้ยิน
.
.
.
.
.
ร่างสมส่วนเดินออกมาจากห้องน้ำ ผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวถูกตวัดขึ้นคล้องคอหลังจากที่จัดการใช้มันเช็ดศีรษะที่เปียกลู่จนหมาด
ตอนนี้พวกเขากลับมาที่หอกันเรียบร้อยแล้ว
หลังจากตรากตรำกับการบันทึกเสียงของวันนี้...ในความรู้สึกของยองแจ เขาชอบเพลงนี้มาก
เป็นดนตรีในแนวทางที่เขาและแดฮยอนถนัดเลยทีเดียว แม้จะรู้สึกเขินแปลก ๆ กับเนื้อเพลงที่พี่ยงกุกเขียนอยู่บ้าง
แต่ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรนักในการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึก “รัก” สำหรับพวกเขาที่ต่างก็เคยมีประสบการณ์ความรักกันมาแล้ว
...จะเป็นห่วงก็แต่น้องสองคนที่คิดว่าพวกเขาอาจจำเป็นต้องใช้ความสามารถในการจินตนาการขั้นสูงเพื่อให้เข้าถึงความรู้สึกเหล่านั้นและผ่านมันไปให้ได้
จงออบทำมันได้ดีทีเดียว ยองแจเชื่อว่ามุนจงออบคงไม่เคยมีความรักจริง
ๆ หรอก แต่เขาอาจจะได้รับพลังพิเศษจากดาวมาโท...อาจจะยังอินอยู่กับภาพยนตร์อนิเมชั่นรางวัลออสก้าอย่างโฟรเซ่น
หรืออาจจะใช้จินตนาการจากความรักในตัวการ์ตูนของเขามาแปลค่าใหม่
หรือไม่ก็...........เออ ช่างเถอะ - -
…กลายเป็นว่าคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับเขากลับเป็นจุนฮง
...จุนฮงที่ตั้งใจกับทุกสิ่งที่ทำ แต่กลับพบเจอความลำบากสาหัสกับโจทย์เพลงแบบนี้
เขาไม่รู้หรอกว่าจุนฮงคิดอะไรอยู่ในตอนที่บันทึกเสียงเพลงนี้
แค่รู้สึกได้ถึงความประหม่า...เด็กตัวสูงนั่นไม่มีสมาธิ
ผลลัพธ์ที่ออกมาคือเสียงที่ไม่เต็มร้อย ทำให้ต้องซ่อมกันอยู่หลายสิบรอบจนสุดท้ายต้องตัดสินใจพักเพลงนี้ไว้ก่อน
และถึงแม้จะไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นสาเหตุ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่รู้ก็คือ...เขาไม่อยากเห็นจุนฮงเป็นแบบนี้
ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องงาน
ไม่ใช่เพียงแค่เพราะต้องการให้ทุกอย่างราบรื่น
...แต่มันเป็นเพราะเขาไม่อยากเห็นดวงตาสดใสที่ฉายแววคมกล้าและมั่นใจกับทุกสิ่งที่ทำเสมอคู่นั้นหม่นแสงลง
แค่ไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้...ก็เท่านั้น
ว่าแต่...จุนฮงไปไหนกันนะ?
ขาเรียวเล็กเดินไปอย่างที่ใจคิดเข้าไปในห้องนั่งเล่น เผื่อว่าจะเจอเด็กหนุ่มร่างสูงเล่นเกมอยู่กับจงออบหรือแดฮยอน
แต่ก็ไม่พบใครที่นั่น เลยลองชะโงกเข้าไปดูในครัว พอดีกับที่แดฮยอนกำลังเดินสวนออกมา
และจงออบที่กำลังทิ้งถ้วยเจลลี่เปล่า ๆ ลงถังขยะแล้วซอยเท้าตามหลังพี่ชายออกมาติด
ๆ
"อ้าว กินเจลลี่มั้ยยองแจ?"
เจ้าของชื่อมองเพื่อนและน้องร่วมวงที่ตอนนี้คงอิ่มสบายท้องเพราะยืนหาวหวอด ๆ
อย่างนึกหมั่นไส้...ดีจังนะพวกนี้ จะเที่ยงคืนแล้วยังกินขนมกันหน้าตาเฉย - -
"ไม่อ่ะ พวกนายเห็นจุนฮงมั้ย?"
"ยังซ้อมอยู่มั้งครับ ให้ผมไปตามให้มั้ย?"
เป็นจงออบที่ตอบคำถามพร้อมอาสาอย่างแข็งขันเมื่อหันไปพบว่าพี่ชายอีกคนยืนตาปรือโงนเงนสติหลุดไปแล้วเรียบร้อย
“ไม่เป็นไรจงออบ นายไปนอนเถอะ ..ลากหมอนี่ไปเก็บด้วยล่ะ”
เอ่ยพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางแดฮยอนที่ตอนนี้แผ่นหลังค่อย ๆ
รูดไถลลงไปตามผนัง เดือดร้อนจงออบต้องรีบไปพยุงให้ลุกขึ้นแล้วถูลู่ถูกังกึ่งลากกึ่งจูงให้ร่างโปร่งเข้าห้องไปด้วยกันอย่างทุลักทุเล
ดึกขนาดนี้ยังซ้อมอยู่อีก...
ใช่ว่าไม่รู้นิสัย
แต่ยังไงล่ะ...ถึงจะยังเด็กแต่ถ้าใช้ร่างกายเกินขีดจำกัดแล้วเกิดพลาดพลั้งบาดเจ็บขึ้นมามันก็ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกนะ
ร่างเล็กพรูลมหายใจก่อนจะสาวเท้าไปยังทิศทางที่เป็นห้องซ้อมที่คิดว่าคนที่เขาตามหาน่าจะอยู่ที่นั่น...
เดินมาจนถึงมุมหนึ่งที่สามารถมองผ่านบานกระจกใสของห้องซ้อมก็ต้องชะงักฝีเท้าลงพร้อมกับแว่วเสียงเพลง
Body&Soul ลอยมาผะแผ่ว...
ในห้องนั้น...เขาเห็นชเวจุนฮงยืนหอบหายใจเล็กน้อยท่ามกลางแสงสลัวที่เปิดไว้เพียงมุมหนึ่ง...ดวงตาคมปิดนิ่งสนิทราวกับกำลังทำสมาธิ
ร่างกายสูงโปร่งในเสื้อแขนกุดสีดำพร่างพราวด้วยหยาดเหงื่อตั้งแต่ไรผมสีอ่อนจรดขอบถุงเท้าสีสด
...แว่บหนึ่งที่ยองแจแอบคิดเล่น ๆ
ว่าเขาพอจะเข้าใจอารมณ์หลงใหลคลั่งไคล้ในตัวจุนฮงของบรรดาสาวน้อยและนูน่าทั้งหลายบ้างแล้ว
ก็น้องชายของเขาไม่ใช่เด็กชายตัวน้อยผมหยิกหยอยในวันวานอีกแล้วนี่นะ
...ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงต้องหยุดมองอยู่ตรงมุมนี้จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะมาตามอีกคนให้รีบไปอาบน้ำเพื่อจะได้พักผ่อน
แต่ตอนนี้เขากลับเลือกที่จะเฝ้ามองดูเด็กหนุ่มรุ่นน้องอยู่ในมุมเดิมเงียบ ๆ
ต่ออีกสักหน่อยเพราะไม่อยากเข้าไปขัดความตั้งใจในการซ้อม
...รอให้เก็บของค่อยเข้าไปช่วยแล้วกัน
แต่แล้ว..ดวงตากลมโตกลับสะท้อนภาพบางอย่างที่ทำให้ร่างกายแข็งชาราวกับถูกสตาฟ
ตรงข้ามกับหัวใจที่ค่อย ๆ เต้นแรงขึ้นจนถี่รัว...
...ภาพของชเวจุนฮงที่พลิกกายให้แผ่นหลังกว้างแนบชิดกับกระจกเงาบานใหญ่
เปลือกตาที่เคยปิดสนิทเผยอปรือปรอยลอยคว้างราวกับสร้างจินตนาการอันบรรเจิด
มือขาวจัดข้างหนึ่งค่อย ๆ
เลื่อนหายเข้าไปใต้ขอบกางเกงตัวโคร่งที่ยองแจจำได้ดีว่าน้องชายชอบใส่ซ้อมเป็นประจำ
พร้อมกับที่มันกำลังขยับเคลื่อนไหวภายใต้เนื้อผ้าโปร่งสบายนั้นอย่างมีจังหวะจะโคน...
มือเล็กข้างหนึ่งเผลอยกขึ้นปิดปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
แต่ราวกับถูกสะกด...เขากลับไม่อาจถอนสายตาจากสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่เบื้องหน้าได้
เขาเห็นร่างกายของจุนฮงบิดเร่า...
เขาเห็นผิวแก้มขาวสูบฉีดด้วยเลือดฝาด...
เขาเห็นเรียวคิ้วที่ขมวดขึ้งด้วยแรงอารมณ์...
และเขาเห็น...ริมฝีปากที่เม้มขบเพื่อข่มกลั้นเสียงและบางสิ่งที่อัดแน่นในความรู้สึก
...แต่จุนฮงทำไม่สำเร็จ
และยองแจก็ได้ยินมันอย่างชัดเจนแม้จะแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ...
"ยองแจ..อะ.....พี่
ยองแจ..."
.
.
.
.
.
.
.
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความคึกคักค่อนไปทางครึกโครมด้วยเสียงโวยวายของเมนโวคอลประจำวง
เมื่อเขาพบว่ามีถุงเท้าสีสันสดใสข้างหนึ่งวางแหมะทิ้งไว้บนแปรงสีฟันของเขา
ทำให้เจ้าของต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
"ผมขอโทษจริง ๆ พี่ พี่เอาแปรงผมไปใช้ก่อนมั้ย?"
น้ำเสียงและแววตาคล้ายจะสำนึกผิด
ถ้าไม่ติดที่ข้อเสนอและรอยบุ๋มที่ข้างแก้มนั่นที่แดฮยอนรู้ได้ทันทีว่าน้องชายตัวแสบกำลังกลั้นขำแทบตายอยู่
"บ้า! ไม่ต้องเลยจุนฮง พี่เห็นว่านายแอบหัวเราะ เดี๋ยว..
เดี๋ยวรู้เลยเดี๋ยวก่อน!!"
ใบหน้าคมแสดงอารมณ์มันเขี้ยวแบบสุด ๆ เตรียมมะเหงกชำระแค้นเต็มที่
แต่สงครามย่อย ๆ ต้องยุติลงเมื่อ...
"เฮ้ยยยย อารายยย อะไรกันห๊าาาา โถ่..
น้องมันไม่ได้ตั้งใจนายก็โวยวายใหญ่โตอะไรว๊าแดฮยอนนา~"
ร่างโปร่งบางของคิมฮิมชานก้าวเข้ามาแทรกกลางระหว่างคู่กรณี
แดฮยอนที่ตอนแรกตั้งท่าจะเอาเรื่องให้ได้กลับกลายเป็นทำหน้าเซ็งไปตามระเบียบ
...มาแล้วไงองครักษ์พิทักษ์มักเน่ = =
"ไป ๆ แยกย้ายกันไปจัดการธุระตัวเองให้เสร็จซะจะได้มากินข้าว
ถ้าวันนี้สายเดี๋ยวพวกนายรู้เลย! ..ฉันจะฟ้องยงกุก"
"อ้าว/อ้าว"
'อ้าว' ของชเวจุนฮง = ...เมื่อกี๊พี่ยังเข้าข้างผมอยู่เลย -0-
'อ้าว' ของจองแดฮยอน = พี่ฮิมชานแ_ม่งไม่แน่จริงนี่หว่า -3-
"อ้าวเอิ้วไร ไปเลย... แดฮยอน ตู้เล็กในครัวมีแปรงใหม่อยู่ไปหยิบเอา
..จุนฮง...." พยักพเยิดหน้ามาทางน้องเล็กในวงหลังจากเจ้าเด็ก *Wednesday
child ฮึดฮัดออกไป "ไปปลุกยองแจด้วย ...แปลกชะมัด เจ้านั่นตื่นสายเนี่ยนะ?"
ท้ายประโยคลดเสียงลงคล้ายพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินออกไป
นั่นสิ...พี่ยองแจผู้เคร่งครัดตื่นสาย...ไม่สบายรึเปล่านะ?
เพียงแค่นึกถึงความเป็นไปได้นั้น
พลันขาเรียวยาวก็เร่งสาวเท้าไปทางห้องนอนของพวกเขาด้วยความร้อนใจทันที...
.
.
.
.
"พี่ยองแจ...พี่ครับ..."
น้ำเสียงทุ้มนุ่มลองเรียกซ้ำด้วยระดับเสียงปานกลางพลางแตะสำรวจใบหน้าเรียวเล็กนั้นแผ่วเบา
ก็ไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิที่ผิดปกติแต่อย่างใด
แต่ร่างเล็กที่ยังคุดคู้ตะแคงใบหน้าน่ารักนั้นมาทางเขาก็ดูจะยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น...
...จึงเป็นจุนฮงเองที่ถูกสะกดสายตาด้วยคนตรงหน้า...
พวงแก้มนุ่มรับกับใบหน้าเรียวเล็ก...
แพขนตาที่บดบังดวงตากลมโตคู่สวยเอาไว้...
ปลายจมูกเล็กเชิดรั้นที่มองกี่ทีก็รู้สึกอยากแกล้ง...
และริมฝีปากอิ่มที่ดูน่ากลืนกินราวกับเจลลี่...อยากรู้เหลือเกินว่ามันจะหอมหวานละมุนลิ้นสักเพียงใด
ดวงตาคู่คมของเด็กหนุ่มเผลอไผลอาศัยช่วงเวลาสั้น ๆ
นี้เก็บเกี่ยวภาพที่เขาคิดว่าชวนมองที่สุดด้วยความรู้สึกปริ่มล้นท่วมท้นใจ...
ความรู้สึกที่่ไม่อาจบอกใครได้...โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ตรงหน้านี้
และก่อนที่หัวใจจะระเบิดออกมานอกอก
คนตัวเล็กที่เขาถือวิสาสะลอบมองอยู่นานสองนานก็บิดกายเล็กน้อยพร้อมกับเปลือกตาบางที่เผยอปรือขึ้นจนจุนฮงเผลอก้าวถอยหลังนิดหนึ่งเพื่อรักษาระยะ
"อา..พี่ฮิมชานเห็นว่าสายแล้วเลยให้ผมมาปลุก...พี่ไม่ได้ไม่สบายตรงไหนใช่มั้ย?"
ยองแจลุกขึ้นนั่งเมื่อตื่นเต็มตาและพบว่าคนที่ยืนเอามือซุกกระเป๋ากางเกงอยู่คือคนที่ทำให้เขาแทบไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน
...ใช่
ยูยองแจนอนไม่หลับและตื่นสายเพราะเรื่องของชเวจุนฮงที่วิ่งวนอยู่ในหัวของเขาตลอดทั้งคืน
ยองแจไม่ได้ตอบอะไร
เพียงแค่พยักหน้ารับเบา ๆ พร้อม ๆ
กับที่ความคิดมากมายกำลังตีกันวุ่นวายในหัวเขาเต็มไปหมด
จะถามดีไหม?...
หรือควรจะปล่อยแล้วลืม
ๆ ไป...
แล้วถ้าถาม...จะถามอะไรล่ะยูยองแจ?
"วันนี้เรามีงานตอนบ่ายแล้วไปอัดเพลงต่อ
ถ้าพี่ตื่นแล้ว...งั้นผมไปนะ"
เสียงที่ดังแทรกความคิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงของน้องชายที่หมุนตัวเตรียมออกจากห้องไปทำให้คนตัวเล็กตัดสินใจในที่สุด
"อ...เดี๋ยวจุนฮง!"
เจ้าของชื่อหันกลับมาเลิกคิ้วงง ๆ
...ร่างที่ยังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงมีท่าทีลังเลเล็กน้อย
ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก...
"ปิดประตูซะ
แล้วมานี่...พี่มีเรื่องจะคุยด้วย"
.
.
.
.
.
เกินกว่า 5
นาทีแล้ว ที่คนหนึ่งบนเตียง...กับอีกคนหนึ่งบนพื้นข้างเตียง แลกสายตากันไปมาโดยไม่มีใครคิดจะปริปากขึ้นเพื่อทำลายความเงียบชวนอึดอัดนี้แม้แต่น้อย
จนกระทั่ง...
"ขึ้นมาบนนี้"
...เป็นพี่ชายตัวเล็กที่เอ่ยขึ้นก่อนในที่สุด
ชเวจุนฮงลุกขึ้นจากพื้น
...เหลือบสายตามองพื้นที่ว่างบนเตียงแล้วเลือกนั่งหมิ่นเหม่บนปลายเตียง
"ขยับมาใกล้
ๆ นี่...ตรงนี้" ฝ่ามือเล็กตบเบา ๆ ลงบนที่นั่งข้างตัว
เด็กหนุ่มปรายตามอง
"ตรงนี้" ของพี่ชายอย่างชั่งใจ
เผลอระบายลมหายใจพรืดพลางยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีสว่างลวก ๆ
...รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ไม่สิ...เขาไม่ได้หงุดหงิด
...แต่พี่ยองแจจะรู้ไหมว่านี่กำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า
จุนฮงยอมมานั่งตรงที่ว่างข้าง
ๆ คนตัวเล็กกว่าในที่สุด
เขากระแทกตัวลงนั่งกอดอกหลังตรงและมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าหวานของคนข้าง ๆ
ทุกอิริยาบทอยู่ในคลองตาของยูยองแจโดยตลอด...
"พี่จะเทศนาอะไรผมก็ว่ามาเร็ว
ๆ เถอะ" เด็กหนุ่มหันไปพูดกับโคมไฟหัวเตียง
ยองแจรู้...จุนฮงไม่ใช่เด็กหยาบกระด้าง
เขารู้ว่า "อะไรบางอย่าง"
ทำให้เด็กน้อยของเขาแสดงกิริยาและวาจาแบบนี้ เขาแค่อยากเป็นเพื่อน พี่
หรือที่ปรึกษา...อะไรก็ได้ที่ช่วยให้จุนฮงได้ระบายสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมา
ร่างเล็กสูดลมหายใจก่อนจะกระแอมนิดหน่อย
พยายามระงับอาการประหม่าและควบคุมจังหวะหัวใจให้เป็นปกติต่อเรื่องที่ตัวเองคิดว่าตัดสินใจดีแล้วที่จะพูด
"พี่...ไปตามนายที่ห้องซ้อมมาเมื่อคืน"
แผ่นหลังกว้างของเด็กหนุ่มร่างสูงเกร็งขึ้นทันทีหลังประโยคสั้น
ๆ นั้น...เขาลอบมองปฏิกิริยาเหล่านั้นก่อนจะประคองน้ำเสียงเอ่ยต่อ
"พี่เข้าใจนะจุนฮง
ผู้ชายอย่างเรามันก็ต้องมีกันบ้าง...." มือเล็กเผลอบีบเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
"แล้วนายก็...กำลังโต..."
"พี่เห็นอะไรบ้าง?"
"เห?"
มึนเล็กน้อยกับคำถามที่โพล่งขึ้นมากระทันหัน "เอ่อ...ก็ ก็เห็นนายกำลังทำ
เอ่อ..."
“ช่วยตัวเอง...”
คราวนี้กลับเป็นเขาเองที่สะดุ้งจนหน้าชาเพราะคาดไม่ถึงกับประโยคตรงไปตรงมานั้น
"แล้วพี่ได้ยินอะไรบ้าง?"
"จุนฮง พี่แค่จะบอกว่า
นายจะทำอะไรก็ระวั...."
"ผมถามว่า...พี่-ได้ยินอะไรบ้าง?"
อีกครั้งที่ยองแจเผลอกัดริมฝีปาก
น้ำเสียงทุ้มนุ่มนั้นไม่มีแววข่มขู่หรือคาดคั้น...แต่เขากลับต้องเสสายตาหลบดวงตาคู่คมที่ซุกซ่อนอะไรบางอย่างที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก
ยองแจอาจจะรู้จักจุนฮงดี...
แต่มีบางอย่างที่ยองแจอาจจะไม่รู้...ไม่ทันสังเกต...หรือหลงลืมไป
นั่นคือ...
ชเวจุนฮงไม่ใช่
"เด็ก" อีกแล้ว
ร่างสูงขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น
โน้มใบหน้าลงประสานสายตากับดวงตากลมที่หลบเร้นจากเขาไปเมื่อครู่อีกครั้ง...
"พี่ยองแจ..."
ใจของคนถูกเรียกสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่
"บอกผมที
ว่าพี่ได้ยินอะไร...อย่าหลบผม อย่าโกหกผม...นะครับ"
จากเดิมที่ตั้งใจจะบอกกล่าวตักเตือนและให้คำปรึกษา
แต่ตอนนี้ยองแจกลับรู้สึกว่า เป็นเขาเองต่างหากที่กำลังถูกตรึงและต้อนให้จนมุม
...ด้วยสายตาเว้าวอนที่มีเพียงภาพของเขาที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคมคู่นั้น
.
.
.
.
.
.
"อะ...อื้อ...จุนฮง"
"ชูว์..."
รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดอยู่ริมหู
"หลับตา...แล้วผ่อนคลายนะครับ"
เสียงทุ้มนุ่มนวลนั้นราวกับมีเวทมนตร์...
ยองแจไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน
และอย่างไร...จำได้เพียงแค่ริมฝีปากถูกเด็กเอาแต่ใจขโมยขบกัดกลืนกินเวียนซ้ำไปมาจนแทบไม่ได้หายใจ
พร้อมกับเสียงกระซิบพร่ำเพ้อประเภทว่า "หวานจังครับ"
แล้วก็ "ขออีกนะ" ...อะไรไม่รู้จนบวมช้ำฉ่ำชื้นจึงได้ละออก
แต่สักพักก็วกกลับมาใหม่
...และคิดผิดมหันต์ว่าคงจะจบลงแค่นั้น
ร่างเล็กในตอนนี้แทบจะจมหายไปกับแผ่นอกกว้างของเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งอยู่เคียงข้างกัน
ยิ่งถดหนีเท่าไหร่
อ้อมกอดและสัมผัสจากฝ่ามือใหญ่เบื้องล่างก็ยิ่งรัดรึงและเร่งเร้ามากขึ้นเท่านั้น
ใช่...
เขากำลังถูกชเวจุนฮงหลอมละลายด้วยสัมผัสน่าอายนั้น
"พี่ยองแจ...อย่ากัดปากสิ
ช้ำหมดแล้วนะ"
อีกครั้งที่เด็กอวดดีกระซิบติดชิดริมฝีปากราวกับปลอบประโลม
แต่เปล่าเลย...ปลายลิ้นร้อนซอนแซะอย่างสั่งสอนว่าเขาไม่ควรทำแบบนั้นจนต้องเผลอเผยอริมฝีปากหอบครางอย่างเกินจะกลั้น
"อาาา...อะ
ฮะ...ไม่เอาแล้ว พ...พอเถอะนะ จุนฮง พี่...อื้อออ"
เรียวขาขาวภายใต้กางเกงนอนตัวบางสั่นระริก
มือเล็กชื้นเหงื่อจิกเกร็งลงบนข้อมือใหญ่ที่ขยับไหวอย่างรู้จังหวะราวกับจะห้ามปราม
แต่จุนฮงรู้...ว่ามันไม่ใช่
ดวงตาคมเฝ้าเก็บรายละเอียดภาพอันงดงามที่สุดในช่วงเวลาอันมีค่าที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาไว้อย่างไม่คลาดสายตา...
ร่างเล็กบิดกายสะท้านอย่างทรมาน
สะโพกมนโยกไหวส่ายร่อนรับจังหวะฝ่ามือร้อนอย่างต้องการการปลดปล่อย
หูอื้อตาพร่าไม่รับรู้สิ่งใดนอกจากสัมผัสหวามไหวและกลิ่นกายเฉพาะตัวของชเวจุนฮง...
ทำไมเขาถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ...?
พลันดวงตาปรือปรอยก็ต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ
เมื่อมือข้างหนึ่งที่จับยุดมือใหญ่ไว้เพื่อหาหลักยึดถูกแกะออกแล้วชักพาให้สัมผัสกอบกุมความร้อนรุ่มที่เบียดตัวตึงแน่นในกางเกงยีนส์ฟอกเนื้อนิ่ม
ถึงจะเป็นผู้ชาย...และถึงจะรู้ดีว่าเวลามีความรู้สึกแบบนี้
ร่างกายส่วนนั้นมันก็ต้องขยับขยายขึ้นเป็นธรรมดา
แต่ก็ไม่ได้หมายรวมถึงการที่เขาต้องมาสัมผัสแตะต้องความแข็งขึงของคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองจะเป็นเรื่องปกติเสียเมื่อไหร่
และเมื่อเผลอตัวหันไปมองคนที่เขาแทบจะเกยอยู่บนตักก็เบือนหน้าหนีแทบไม่ทันเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาพราวระยับบ่งบอกจุดประสงค์ชัดเจนไม่มีเม้มไว้สักนิด...
นี่คือชเวจุนฮงที่น่ารักที่เขาชอบหอมแก้มบ่อย ๆ คนนั้นจริง ๆ หรือ?
แต่ก่อนที่ความสับสนจะเล่นงานไปมากกว่านี้
สัมผัสที่ข้อมือบางก็คลายออก
...แต่นั่นกลับทำให้ยองแจกระดากอายมากกว่าเดิมหลายเท่า
"ผมไม่บังคับพี่นะ...แค่อยากให้รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่เท่านั้น"
คำพูดเจียมเนื้อเจียมตัวที่ดูจะไปกันไม่ได้กับเสียงสั่นพร่าและสายตาเร่าร้อนแทบจะทำให้ยูยองแจระเบิดตัวเองเดี๋ยวนั้น
ไม่สิ...ฆ่าไอ้เด็กบ้านี่ทิ้งดูจะง่ายกว่า
ริมฝีปากอิ่มขบเม้มอย่างชั่งใจ
เกิดมาก็ไม่เคยต้องมาทำเรื่องน่าอายแบบนี้ให้ใคร
แต่เมื่อปลายนิ้วเรียวพรมพลิ้วบนร่างกายเขาอีกครั้ง
พร้อมกับคำสารภาพแสนซื่อตรงที่พรั่งพรูผะแผ่วแต่สั่นคลอนอารมณ์และหัวใจของเขาอย่างง่ายดาย...
ยูยองแจก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาแพ้แล้ว...
เขายอมทุกอย่างแล้วกับเด็กคนนี้...
"จากนี้...พี่อาจจะนึกดูถูกผมก็ไม่เป็นไร
แต่อย่าเกลียดผมนะครับ
"อยากให้รู้ว่าไม่ใช่แค่อารมณ์อ่อนไหวชั่ววูบ...
"ไม่ใช่แค่เพราะฮอร์โมนพลุ่งพล่านจนต้องระบายอะไรนั่นด้วย...
"...แค่เพราะผมอยากทำกับพี่
ผมรู้สึกแบบนี้แค่กับพี่คนเดียว...
"ผมรักพี่ยองแจครับ"
Just a feeling… ~ END ~
บทส่งท้าย...
"เฮ้ย!
จุนฮงอา~ นายมันเจ๋งว่ะ เมื่อวานบิวท์กันแทบตายไม่ผ่าน วันนี้อัดรอบเดียวพี่พีดีแทบกอดกันร้องไห้...นายไปฝึกอะไรยังไงมาเนี่ย!?"
จองแดฮยอนดูจะทึ่งในพัฒนาการแบบก้าวกระโดดของน้องเล็กจริง
ๆ ถึงกับกอดคอชมเชยกันไม่ขาดปาก
ดวงตาคู่คมวาววับมองเลยไปยังคนหน้านิ่งที่สังเกตดี
ๆ คงได้เห็นพวงแก้มและใบหูที่แต่งแต้มด้วยเลือดฝาดจาง ๆ
นั่งเล่นไอพอดทัชราวกับไม่ยินดียินร้ายกับสรรพสิ่งรอบตัว
ชเวจุนฮงหันมายิ้มรับคำถามจนสองแก้มเป็นรอยบุ๋ม
ก่อนจะให้คำตอบที่คนฟังฟังแล้วก็ยังงง ๆ
...ยกเว้นแค่คนคนเดียวเท่านั้น
"ก็แค่...ความรู้สึกน่ะครับ
พี่แดฮยอน"
Just a feeling...Real End
Talk :: เป็นฟิค B.A.P เรื่องแรกที่เขียนนะคะ เคยลงไว้ที่บอร์ดฟิคนานแล้ว ตอนนี้มีที่เก็บฟิคของตัวเองเลยขออนุญาตนำมาลงใหม่ค่ะ หากไม่สนุกหรือมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ด้วยนะคะ รบกวนช่วยติชมกันด้วยน๊า~ ขอบคุณมากค่าาา~ >[]<
โล่ไม่เด็กแล้วล่ะยองแจจจ เสร็จเด็กจนได้ อ่านไปเขินไปงืออ
เพลง B&S เป็นเพลงที่ชอบมากเลยค่ะ ตอนได้ยินเสียงโล่ครั้งแรกแบบ เขิน5555555
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะไรท์
จุนฮงอ่าาโตแล้วสินะ ถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้ >\\\\<
ชอบนะคะ ชอบฟิคอิงวง อ่านแล้วอินดีค่ะ
ปล.ค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ เขินนะคะ 5555555 เป็นเมนท์ที่น่ารักจัง >___<
เราชอบความห่วงใยของยองแจที่มีต่อจุนฮงนะ มันทำให้เรารู้ว่าแจไม่ทิ้งน้อง คอยดูแลคอยห่วงน้องเสมอ คือมันชัดมากจริงๆว่าแจเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้จะเข้าไปตำหนิว่าทำไมทำไม่ได้ มันเป็นการแคร์ความรู้สึกของกันและกันจริงๆ และถึงแม้ว่าจุนฮงจะโตแล้วก็ตาม แต่ในสายตาคนเป็นพี่น่ะ ไม่ว่าน้องจะโตมากแค่ไหน ก็ยังเด็กสำหรับเราอยู่เสมอ...
และมันทำให้เราเห็นว่า แจเลี้ยงจุนฮงมากับมือ เพราะการที่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของคนๆหนึ่งได้จากการสังเกต แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันก็ตาม แต่พวกเขาสามารถเข้าใจกันได้ แสดงว่าพวกเขาจะต้องรู้จักกันดีแน่ๆ นี่แหละที่เขาบอกว่า คนเราน่ะถ้ารักกัน แค่มองตากันก็รู้ใจกัน มันใช้คำนี้ได้กับโล่แจได้จริงๆ :)
ช่วงตอนที่จุนฮงพูดว่า ช่วยเลิกทำเหมือนผมเป็นเด็กซะทีจะได้ไหม คือแบบ อยากให้แจได้ยินมากๆ อ่านแล้วรู้เลยว่าน้องจริงจังกับยองแจมากแค่ไหน จุนฮงคงอยากให้แจเห็นว่าตัวเองโตแล้ว โตพอที่จะดูแลแจได้แล้ว (ความคิดเราล้วนๆ แหะๆ ^^)
แล้วตอนที่จุนฮงไปปลุกยองแจ แล้วบรรยายภาพของยองแจตอนหลับ คือต้องหลงรักพี่เขาขนาดไหนถึงได้พูดซะแบบ ยองแจดีไปหมดทุกอย่างเลย ><
ตอนที่แจกำลังจะสอนน้องเรื่องในห้องซ้อม ตอนแรกจุนฮงก็ดูกลัวๆอยู่หรอก แต่พอแจเกริ่นไปเรื่อยๆ ทำไมนางถึงได้กล้าขนาดนั้น คงอาจจะเป็นเพราะอดทนอดกลั้นกับความรู้สึกที่ตัวเองต้องคอยเก็บไว้มานานแล้วสินะ พอเห็นแจพูดเลย ได้โอกาสที่จะเคลียร์ความรู้สึกตัวเอง และได้ทำให้แจรู้ว่าตัวเองนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พอทำแจจนมุมปุ๊ป ได้โอกาสเลยจัดหนักจัดเต็มเล่นใหญ่สุดๆเลยนะคะ ทั้งกอด ทั้ง... คือแบบ จ้าาาาาาา ต้องทำให้สมกับที่รอมานานสินะ อิ___อิ และเราชอบคำสารภาพตอนสุดท้าย ฮือออออออ บอกเลยคนอ่านอย่างเราตายไปแล้วเรียบร้อย~~~ #ระเบิดตัวเอง >//////<
สุดท้ายนี้ ขอบอกเลยว่า... จุนฮงมันร้าย!!!!
ปล.เราชอบเรื่องนี้มากๆเลย เป็นอิงวงที่น่ารักมากๆและฟินมากๆเลย ขอบคุณที่แต่งโล่แจนะคะ เราจะรอติดตามเรื่องต่อๆไปค่าาา สู้นะคะ เราเป็นกำลังใจให้ <3
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ รักคนอ่านนะค้าบบบ~<3
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ รักคนอ่านนะค้าบบบ~<3
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ รักคนอ่านนะค้าบบบ~<3