เรื่องสุดท้าย - เรื่องสุดท้าย นิยาย เรื่องสุดท้าย : Dek-D.com - Writer

    เรื่องสุดท้าย

    อยากให้ลองเข้ามาอ่านกันมากๆนะครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    102

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    102

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 มิ.ย. 54 / 11:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     เขียนผิดๆถูกๆยังไงแนะนำได้เน้อ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

      ตื่นได้แล้ว...สายแล้วนะลูกเสียงปลุกของผู้เป็นพ่อดังแว่วเข้ามาทำลายความฝันของผมไปจนหมด ผมหยิบนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมาดูเวลา 8.23 น.

      จะปลุกทำไมว้า ไหนๆก็ไปสายอยู่แล้วไม่เห็นต้องรีบเลยผมบ่นกับพฤติกรรมหน้าเบื่อของพ่อ ก่อนจะเดินทำหน้างัวเงียไปเข้าห้องน้ำ ครอบครัวของผมก็เป็นแบบนี้แหละครับพ่อจะเป็นคนดูแลเรื่องงานบ้านทั้งหมดส่วนแม่จะออกไปขายของตั่งแต่เช้ามืดในทุกๆวัน วันไหนฝนตกก็ต้องไป ผมเคยบอกแม่หลายครั้งแล้วว่าหยุดทำบ้างก็ได้อายุก็ไม่ได้เลข2เลข3เหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่แม่ก็จะตอบมาด้วยคำตอบเดิมเหมือนทุกๆครั้งก็คือ ไม่เป็นไร...แม่ยังไหว

      วันนี้จะกลับบ้านกี่โมงละลูก” “ไม่รู้...วันนี้อาจจะกลับดึกๆหน่อยจะไปทำรายงานต่อที่บ้านเพื่อน ผมตอบกลับไป ที่จริงแล้วรายงานอะไรนั้นผมไม่สนใจหรอกรู้จักแต่ โยกัง dota sf sa พวกนี้ตั่งหาก ผมเดินมาที่โต๊ะหน้าทีวีเห็นแบงค์100วางอยู่หนึ่งใบ ที่ตรงนี้จะเป็นที่จ่ายเงินสำหรับของทุกๆวันแต่วันนี้ผมต้องการมากกว่า100บาท เพราะว่าผมจะไปดูคอนเสิร์ตกับแฟน ในตอนเย็น

      วันนี้รุ่นพี่จะเก็บค่ากิจกรรมขอตังเพิ่มอีก500ร้อย ดะ...ได้ลูก นี้อะ พ่อยื่นแบงค์500ให้เพิ่มให้อีกใบ ผมรับมาแล้วเดินไปสตาร์ทรถมอไซต์เพื่ออุ่นเครื่อง จะไม่กินข้าวก่อนหรือลูก  กับข้าวค้างปีแบบนั้นนะใครจะกินลง เอ่อ...งั้นเดียวพ่อทำให้ใหม่เอาไหม  ไม่ต้อง!” ผมตะคอกใส่ด้วยอารมณ์รำคาญ ก่อนจะหันกลับมาบิดคันเร่งรถ พุ้งทะยานไปข้างหน้า

      ผมเดินทางมาถึงโรงเรียนในเวลาเกือบ9โมงเช้า เมื่อผมเอารถไปจอดเรียบร้อยผมก็รีบเดินไปที่ห้องเรียน แต่พอผมไปถึงผมก็ต้องงงเต๊ก หายไปไหนกันทั้งห้องเลยหว่า ไม่นานผมก็นึกขึ้นมาได้วันนี้มีกิจกรรมทำบุญเข้าพรรษา นักเรียนห้องผมจะไปทำบุญที่วัดข้างๆนี้กัน เมื่อผมนึกได้ดังนั้นก็รีบวิ่งไปวัดนั้นทันที

      เอาล่ะนักเรียนทุกๆคนเดียวเราจะมาไหว้พระกันนะค่ะ ครูสอนพระพุทธศาสนาบอกนักเรียนทุกๆคน ทำไมไอ่สิงค์มันยังไม่มาว่ะ  นั้นดิ...นี้ก็นานแล้วนะโว้ยทุกทีมันจะตื่นสายก็จริง แต่ก็ไม่เคยมาสายขนาดนี้ ในขณะที่ทุกๆคนกำลังไหว้พระสวดมนต์อยู่นั้นจู่ๆโทรศัพท์มันก็สั่นขึ้นมา อ้าวเชี้ ยยแล้วไง เดียวครูก็จับได้กันพอดี ใครโทรมาตอนนี้ว่ะ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มันโชว์เบอร์ สิงค์ ผมมองไปรอบๆห้องก่อนเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีครูอยู่แถวๆนี้

      เอ่อว่าไงว่ะ  เฮ้ยพวกเมิงอยู่ไหนกันกุเดินมาหาทั่ววัดแล้วไม่เห็นเจอ  อ้าวไอ่นี้นิ พวกกุก็อยู่ในวิหารนี้ไงว่ะ  ไม่...มะ มะ...ตรู้ดๆๆ อ้าวเฮ้ย!” “เป็นยังไงบ้างว่ะเพื่อนผมหันมาถาม กุกำลังคุยอยู่ดีๆสายหลุดไปเฉยเลยว่ะ

      อ้าวไอ่คอป...เฮ้ย ได้ยินกุเปล่า ตรู้ดๆๆเว รจริงๆแล้วกุจะทำยังไงดีว่ะเนี้ย งั้นไม่ลงไม่เรียนมันล่ะ เล่นเกมส์ดีกว่าโว้ยยย

      เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้  ผมมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่วิทยุในร้านเกมส์เปิดเพลงชาติดังไปทั่วร้าน ประเทษไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย~”  ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วอย่างงี้ว่ะ รีบไปรับแฟนดีกว่า ผมลุกออกจากเก้าอี้เตรียมตัวที่จะเดินทางไปรับแฟน...

      เมื่อผมมาถึง ผมเห็นแฟนของผมยืนคุยอยู่กับผู้ชายอื่นอยู่พอดีอารมณ์โกรษมันก็เดือดขึ้นมา ผมรีบจอดรถลงมาแล้วเดินเข้าไปหาไอ่ผู้ชายคนนั้น เมิงเป็นใครว่ะมายุ้งกับแฟนกุ” “สิงค์อย่าน่ะน้ำหวานเดินเข้ามาบังไว้ หลีกไป ผมพลักน้ำหวานกระเด็นไปด้านข้าง แล้วเดินเข้าไปชกที่หน้าของมัน ตุ๊บ! ทันทีที่หมัดของผมโดนหน้ามัน ตัวของมันก็สลายหายไปราวกับเป็นฝุ่น!! ไม่เพียงเท่านั้นบรรยากาศรอบๆตัวผมก็เริ่มเปลี่ยนไป ทุกๆอย่างเริ่มสลายหายไปตั่งแต่ ท้องฟ้า บ้านเรือน ป้ายโฆษณา ถนน หรือแม้แต่ตัวของผมเองมันก็เริ่มสลายลอยหายไป...

      อ๊าก!!!! ผมตื่นขึ้นมา รอบตัวของผมเป็นห้องแคบๆมีชักโครกที่ผมนั่งทับอยู่แล้วผมเข้ามาได้ยังไง? ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ ผมเดินออกมาเห็นผู้คนมากมายเดินกันทั่วไปหมด ไม่ช้าก็มีมือหนึ่งเข้ามาจับแขนผมไว้ ผมรีบหันไปดูพบว่ามันเป็นมือของน้ำหวาน เข้าห้องน้ำช้าจังเลยคอนเสิร์ตจะเริ่มแล้วปะๆเธอดึงตัวของผมวิ่งผ่านฝูงชนเข้าไปให้ใกล้ๆกับเวทีให้มากที่สุด ดนตรีที่บรรเลงไปเรื่อยๆ มันชักทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายลืมเริ่มที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปได้ ผมหลับตาลงค่อยๆปล่อยให้ความสุขผ่านไปช้าๆ

      ไม่นาน เสียงดนตรีก็ค่อยๆเบาลงๆไปเรื่อยๆจนผิดสังเกต ผมเงยหน้าขึ้นมาดู พบว่าจากวงค์ดนตรีที่กำลังร้องเพลงอยู่เมื่อครู่นี้พวกเขาทุกๆคนได้หายไป!  เสียงผู้คนที่มากมายเริ่มหายไปๆ จนในที่สุดคอนเสิร์ตก็เหลือเพียงแต่พื้นที่ว่างเปล่า มีผมเพียงคนเดียวยืนอยู่ลำพัง สายลมพัดเข้ามาปะทะที่หน้าของผม มันยิ่งทำให้ผมสับสนและเหงาขึ้นมาอย่างมหาศาล

      นี้มันเกิดอะไรขึ้นอีกละเนี้ยผมนั่งขุกเข่าลงไปกับพื้นหญ้า น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมา ความรู้สึกนี้มันอธิบายไม่ได้จริงๆว่ามันคืออะไร ความรู้สึกที่แสนเงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยว...

      ผมกำลังนั่งทำการบ้านอยู่ แต่แล้วก็มีเสียงๆหนึ่งดังเข้ามาทำลายความคิดของผม เป็นเพราะเธอนั้นแหละ!! บอกกี่ครั้งแล้วก็ไม่ฟังเสียงของผู้เป็นพ่อตะคอกใส่ดังไปทั่วบ้าน  อะไรกัน นี้ฉันก็ทำหน้าที่ของฉันดีที่สุดแล้วน่ะ คุณนั้นแหละไม่รู้จักเก็บเงินเก็บทองไว้บ้างได้มาเท่าไหร่ก็เอาไปลงกับเหล้าหมด!!” เสียงพ่อแม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ได้ยินทีไรก็รู้สึกใจไม่ดีเลย ผมวางดินสอลงกับพื้นค่อยๆยกเข่าทั้งสองข้างขึ้นมากอดไว้...เผื่อว่ามันอาจจะอบอุ่นกว่าที่เป็นอยู่ขึ้นมาบ้าง

      ผมกำลังมีความรักครั้งแรกครับ ผมแอบชอบเธอมานานแล้วแต่ก็ไม่กล้าจะเข้าไปจีบเธอซักที เพราะคนอื่นๆที่ชอบเธอก็มีเยอะเหมือนกัน จนกระทั้งวันหนึ่ง เป็นวันงานกีฬาสีผมลงวิ่งแข่ง500เมตร ในตอนที่ผมกำลังจะเริ่มวิ่งอยู่นั้นเอง สายตาของผมก็มองไปที่เธอคนนั้น แล้วไม่อยากจะเชื่อว่าเธอคนนั้นก็กำลังมองผมอยู่ นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกได้ถึงคำว่าความสุข ในไม่ช้าผมกับเธอก็เริ่มคบกันจริงจังมากขึ้น ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองก็เป็นไปได้ด้วยดีจนกระทั้งวันหนึ่ง...เป็นวันแข่งกีฬาสีอีกครั้งผมก็ลงวิ่งแข่ง500เมตรเช่นเดิม ผมมองไปที่เธอ เธอก็มองมาที่ผมเหมือนกับปีก่อนๆ  ปัง! เสียงปืนดังขึ้นผมรีบวิ่งไปพร้อมๆกับคนอื่นๆ เมื่อผมวิ่งไปได้ซักพักขาผมก็ไปสะดุดกับสายรองเท้าของผมเอง ผมเสียการทรงตัวมันทำให้ผมล้มลงไปนอนกองกับพื้น ในตอนนั้นเองสายตาของผมก็มองไปที่เธอคนนั้นพอดี แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าภาพที่ผมเห็นจะเป็นเรื่องจริง เธอกำลังคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งก่อนจะลุกเดินไปพร้อมๆกับผู้ชายคนนั้น โดยที่ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นโอบเอวเธอไปด้วย! น้ำตาของผมก็เริ่มไหลออกมา...ไม่ใช่เพราะเจ็บขา แต่เจ็บใจ ที่เธอและเขาทำกับผมได้ลงคอ

      กลับมาในปัจจุบัน...มีชายสองคนเดินออกมาจากความมืด เขาทั้งสองคนดูตัวใหญ่มาก มีดวงตาที่ดุดัน เขาทั้งสองถือโซ่เหล็กมาด้วย ดวงตาของผมเบิกโพรงทันที แขนขาชาไปหมดทำอะไรไม่ถูก...มันคงถึงเวลาของผมแล้วซิน่ะ.

      ในตอนที่ผมกำลังขี่รถให้มาทันเวลาเรียนอยู่นั้นเองจู่ๆก็มีรถบรรทุกขับมาชนเข้าที่ด้านข้างของผม นั้นคือภาพสุดท้ายที่ผมจำได้

      ถ้าเกิดว่าคนเราสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากจะย้อนเวลากลับไปบอกพ่อกับแม่ว่าอยากทะเลาะกันเลย เพราะคนที่รับความทุกข์นั้นไม่ได้มีเพียงแต่พ่อกับแม่ ถ้าเกิดว่าย้อนเวลากลับไปได้ผมอยากจะย้อนเวลากลับไปตอนที่อกหัก ไม่ยอมกินข้าว เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องร้องไห้ทุกๆวันจนตาบวม โดยไม่คิดเลยว่า ยังมีพ่อและแม่อีกคนที่ยังรักและเป็นห่วงเราเสมอไม่ว่าเราจะเป็นยังไงก็ตาม ถ้าเกิดว่าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะทำตัวให้ดีกว่านี้จะบอกพ่อกับแม่ว่าผมรักท่าน จะไม่กินจะไม่เที่ยว จะตั่งใจเรียน...ถ้าเกิดว่าย้อน...เวลากลับไปได้...ละก็น่ะ.

      ทุกๆคนอาจจะเกิดมามีแขนและขาไม่เท่ากัน อาจจะมีความคิดไม่เท่ากัน อาจจะรวยไม่เท่ากัน อาจจะเป็นคนดีคนเล ว แตกต่างกัน แต่สุดท้ายเรื่องที่เหมือนกันคือ ความตาย...

       แล้วคุณล่ะ ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของคุณ คุณจะทำอะไร.

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×