ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] HOST FAMILY #ฟิคโฮสต์แฟม

    ลำดับตอนที่ #22 : กฎของโฮสต์ข้อที่ 18 :: เป็นโฮสต์ต้องใส่ใจคนอื่น (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      7
      2 มิ.ย. 59








    กฎของโฮสต์ข้อที่ 18

    'เป็นโฮสต์ต้องใส่ใจคนอื่น'





          เสียงเสียดสีของผ้าปูที่นอนกับชุดนอนผ้าเนื้อดีดังขึ้นในเช้าวันใหม่แสนสดใส ยามที่คนตัวเล็กบนเตียงพลิกตัวไปมาแล้วนอนแผ่หลา เปลือกตาสวยค่อยๆเปิดออกช้าๆ กระพริบตาถี่เพื่อปรับแสงจ้าที่สาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามา แบมแบมกระพริบตากลมโตสองสามทีแล้วยกมือขยี้ตาให้คลายความง่วง คนตัวเล็กนอนแผ่จ้องมองเพดานสีขาวเพื่อปรับสภาพให้หายจากอาการเบลอ ก่อนที่มือเล็กจะยันตัวเองขึ้นนั่งกับเตียงนุ่มแล้วยกขึ้นขยี้หัวที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งเข้าไปใหญ่ ปากอิ่มหาวจนตาหยีอย่างน่าเอ็นดู แบมแบมนั่งเบลอในหัวกำลังประมวลผลดึงความทรงจำก่อนหลับไปให้ทำงานอีกครั้ง ..... ไม่นานคนตัวเล็กบนเตียงก็เผลออมยิ้มออกมาคนเดียว



          อรุณสวัสดิ์ครับทุกคนนนนนนนน ^^



          เป็นไงครับ เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย ผมเนี่ยหลับสบายมว๊ากกกกกกกไม่อยากจะบอก ฝันดี๊ดี ผมฝันว่าผมกับพี่มาร์ค ....





          เอ๊ะเดี๋ยวนะ ...... ไม่ใช่ฝันนิ ?





          เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันเป็นเรื่องจริงเว้ยแบม !





          ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ก่อนจะยกมือตบหน้าตัวเองเบาๆ ทุกคนรู้มั้ยครับเมื่อคืนกว่าผมจะข่มตาหลับได้ก็เล่นปาไปเกือบตีสาม ก็เพราะใครล่ะ ใครใช้ให้เสนอหน้าเข้ามาในหัวแบมวะพี่มาร์ค ฮอลลลล





          ผมหุบยิ้ม (แบบฝืนสุดๆ) แล้วบิดขี้เกียจสองสามทีก่อนจะกระโดดลงจากเตียงดี๊ด๊าถึงเมื่อคืนจะนอนดึกแต่น่าแปลกที่วันนี้ผมกลับรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ เอาล่ะไปอาบน้ำดีกว่า วันนี้ที่โรงเรียนมีกีฬาสีวันสุดท้ายด้วยเดี๋ยวจะไปไม่ทัน ล้า ลา ลา ลา ล้า ลา ~ *กระโดดลั้นลาเข้าห้องน้ำ*



    10 นาทีผ่านไป


    ผมเดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำหลังจัดการธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนแบมแบม ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อสตาฟสีที่ไปแอบอ้อนขอพี่คุณมา กับกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบ พร้อม ! ก่อนจะเดินฮัมเพลงมาหยุดอยู่หน้ากระจกแล้วยิ้มให้ตัวเอง วางผ้าขนหนูพาดกับเก้าอี้หยิบนาฬิกาเรือนเก่งมาใส่ จากนั้นก็ชูสองนิ้วอิอิ เสร็จแล้วค้าบบบ





          ผมเดินออกมาจากห้องแล้วปิดประตูเบาๆ หันหลังมาก็พบว่าประตูห้องตรงข้ามแอบแง้มไว้ ด้วยความเผือกขั้นสูงสุดผมจึงค่อยๆย่องไปแอบส่องดู ทำอะไรอยู่นะพี่มาร์คทำไมไม่ปิดประตู





          ฟืดดด ...





          เฮ่นโล่ววววว ._.





          ตอนแรกว่าจะแค่แอบดูแต่ตอนนี้ผมดันเดินเข้ามาในห้องได้ไงก็ไม่รู้ ก็พี่มาร์คน่ะสิยังนอนอยู่บนเตียงนิ่งเลย เสียงลมหายใจเข้าออกที่ดังสม่ำเสมอทำให้ผมรู้เลยว่าคนตรงหน้าหลับสนิท ประเด็นคือพี่มาร์คนอนหลับทั้งที่ก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วด้วยนะครับไม่ใช่ว่าตื่นสายหรืออะไร หรือตื่นมานอนต่อ เหรอมาร์คต้วน





        "พี่มาร์ค" เอานิ้วจิ้มๆดู ตายยังเนี่ย





         ".........."





          "พี่มาร์คคคคคคค" พี่มาร์คนิ่งเงียบผมเลยเพิ่มแรงจิ้มๆลงไปที่แก้มบุ๋มลักยิ้มน้อยๆนั่น เหอะๆ จิ้มลักยิ้มพี่มาร์คจนมันเป็นรอยบุ๋มๆสนุกดี





          "แกล้งพี่เหรอไอ้ตัวเล็ก" เสียงทุ้มดังขึ้นทั้งๆที่พี่มาร์คยังหลับตาอยู่ผมเลยชะงักมือแล้วยืดตัวกลับมายืนนิ่ง พี่มาร์คค่อยๆลืมตาแล้วมอง ทำเอาผมที่เป็นฝ่ายมองตั้งแต่แรกต้องหลบสายตาวิบวับนั่นเอง ./////.





          "ป่าววววว ...."





          "ก็เห็นอยู่ว่าแกล้ง ปากแข็ง" พี่มาร์คยิ้มๆแล้วเด้งตัวขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียงด้วยท่าทางเนือยๆ ผมว่าวันนี้พี่มาร์คดูแปลกๆไปแฮะ หน้าตาก็ดูเนือยๆ นอนน้อยหรืออะไร





          "ป่าวนะ แบมเห็นประตูห้องมันเปิดทิ้งไว้ก็เลยเข้ามาดู เห็นพี่มาร์คหลับก็เลยว่าจะปลุก ไปโรงเรียนกันเถอะครับเดี๋ยวสาย" ผมพูดๆๆแล้วก็สรุปเองเสร็จสับจนพี่มาร์คที่นั่งมองแอบอมยิ้ม เพราะผมทำตัวปกติเหมือนเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าขืนไม่ทำแบบนี้ผมนี่แหละที่จะผิดปกติไปเอง หัวใจเต้นแรงผิดปกติ เขินแรง -/////-





          "ไปเถอะพี่มาร์ค" ผมพูดย้ำอีกครั้งแล้วก็หันหลังเดินดุ่มๆออกมาเลย แต่พอพ้นประตูห้องออกมากลับรู้สึกว่ามันโหวงๆจนต้องหันหลังกลับมาดู อ้าว ... พี่มาร์คยังนั่งอยู่บนเตียงนิ่งเลย





         "ไม่ไปเหรอพี่มาร์ค" เกิดตัวเควสชั่นมาร์คบนหัวผมจนคิ้วขมวด พี่มาร์คดูเนือยๆผิดปกติผมเลยเดินกลับมาที่เตียง





          "พี่เป็นไรป้ะเนี่ย"





          "ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ สงสัยจะเป็นไข้"





          "อ้าวแล้วทำไมไม่บอกแบม ไหนดูดิ้" พี่มาร์คนั่งเนือยยอมให้ผมเอื้อมมือมาอังหน้าผากเช็คว่ามีไข้ด้วยหรือไม่ ทันทีที่หลังมือของผมสัมผัสกับหน้าผากเนียน ความร้อนก็แผ่ออกมาจนผมต้องเลื่อนมือลงมาทาบกับต้นคอ พี่มาร์คนั่งนิ่งหลับตาไม่หือไม่อือใดๆทั้งสิ้น





          "พี่มาร์คมีไข้ด้วยอ่ะ พักมั้ย ไม่ต้องไปหรอกวันนี้"





          "ไม่เป็นไรหรอก พี่กินยาไปแล้ว เดี๋ยวก็หาย"





          "แน่ใจนะ" ผมถามย้ำอีกครั้งแต่พี่มาร์คก็แค่พยักหน้าแล้วจับมือผมที่ทาบกับต้นคอไว้





          "อื้อ"





          "ทำไมอยู่ๆก็เป็นไข้ได้เนี่ย เมื่อคืนก็ยังดีๆอยู่เลย ไปทำอะไรมานะพี่มาร์ค ...." พอสิ้นคำพูดของผมรอบตัวก็หยุดชะงักกึก ความคิดแล่นขึ้นมาในหัวให้ผมได้พิจารณาคำพูดของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ..... โอ้ไม่นะ พูดอะไรออกมาไอ้แบม นี่มันเหมือนการตอกย้ำเรื่องเมื่อคืนยังไงไม่รู้





          "..............." ผมเงียบไปแล้วเผลอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ส่วนพี่มาร์คพอผมพูดจบแกก็ยิ้มมุมปาก ผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อเลยปล่อยให้คุณชายจับมือผมไว้อย่างนั้นทั้งๆที่ในใจตอนนี้รัวเป็นจังหวะสามช่าแล้ว





          "อื้อ ไปโรงเรียนกันเถอะ" ท่ามกลางความเงียบที่น่ารักที่สุด ผมรีบตัดบทแล้วชิงเปลี่ยนเรื่องซะเลย ก่อนจะลากพี่มาร์คออกจากห้องเมื่อพูดจบทันที





          เขินไม่เขินดูหน้าตอนนี้ได้ แดงยิ่งกว่าตูดลิงอีกครับ -////////-











          กิจกรรมกีฬาสีวันที่สองผ่านไปด้วยความสนุกสนานอีกเช่นเคย วันนี้ช่วงเช้าเป็นการแข่งขันกีฬารอบชิงชนะเลิศในหลายประเภท ทั้งฟุตบอล แฮนด์บอล ฟุตซอล วิ่ง บลาๆๆ และปิดท้ายช่วงเช้าด้วยการแข่งขันบาสเก็ตบอลที่สาวๆหลายคนรอดู เพราะอะไรรู้มั้ยครับ ก็เพราะว่าสีที่เข้าชิงชนะเลิศคือสีชมพูซึ่งมีผู้ชายจากชมรมนิเทศลงแข่ง พบกับสีขาวของผมซึ่งคนที่ลงแข่งก็คือผู้ชายจากสภานักเรียนนั่นเอง แหม .... แค่รายชื่อคนลงแข่งก็แซบแล้ว ผู้หญิงทั้งโรงเรียนจะไม่รอดูได้ยังไงล่ะค้าบบบ ~ ส่วนตอนบ่ายจะเป็นการแข่งขันเชียร์หลีดเดอร์ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ประจำปีที่ทุกคนต่างรอดูกันเลยล่ะครับ ก็อย่างว่าอ่ะนะ หลีดเนี่ยถือเป็นหน้าตาของสีเลยนะ ใช่มั้ยล่ะ





          ตอนนี้ผมกับพี่มาร์คมายืนอยู่แถวหน้าแสตนสีตั้งแต่ช่วงเช้า มันเป็นจุดที่ดีที่สุดในการดูกีฬาครับไม่ใช่อะไร เพราะแสตนของเราเนี่ยอยู่ตรงกลางสนามตรงข้ามกับซุ้ทกรรมการและอาจารย์เลย ผมแหกปากเชียร์เพื่อนๆที่ลงแข่งสนุกสนาน พี่ยองแจไอ้ปลื้มและไอ้เตนล์ยืนอยู่ข้างๆ และยังมีเพื่อนๆในห้องผมอาทิเจ้ดีดี๊ ไอ้เฟิร์น หัวหน้าและมากมาย นี่ไม่นับถึงน้องที่อยู่บนแสตนอีกนะครับ ลองพวกผมอยู่ด้วยกันทีไรโลกแตกทุกที นับเป็นทีมเชียร์ที่โหวกเหวกและโวยวายสุดใจ ไอ้มิ้นตอนนี้อยู่ห้องแต่งตัว มันถูกเก็บตัวเชียร์หลีดเดอร์รอแข่งตอนบ่าย ส่วนไอ้ยูคมันไปประจำอยู่จุดพิธีกรเช่นเคยครับ เวลาไอ้ยูคส่งมุกอะไรมา ผมกับพรรคพวกที่อยู่ตรงข้ามกันก็รับมุกได้อย่างเมามันส์ โวยวายที่สุดก็แสตนสีขาวนี่แหละครับ 55555555555





          อ๋อ .... ลืมพูดถึงอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมไม่ยอมห่างตั้งแต่เช้าเลย พี่มาร์คนั่นแหละครับไม่ต้องสงสัย ไม่สบายแต่ดันทุรังมาโรงเรียน ผมล่ะไล่ให้ไปนอนห้องพยาบาลก็ไม่ยอมไป ดื้อด้านจะอยู่ตรงนี้กับผมซะให้ได้ แต่ถึงจะไม่สบายยังไงคุณชายก็ยังดูแฮปปี้เชียร์กีฬากับพวกผมสนุกสนาน คงไม่น่าห่วงแล้วล่ะ .. . มั้งนะ





          "ไอ้แบมๆ" เสียงเรียกพร้อมแรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปมองทั้งๆที่กำลังเชียร์กีฬาตรงหน้าสนุกสนาน พี่บอลซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นพี่ที่คุมนักกีฬาสีขาวสะกิดแล้วเรียกผมให้เดินไปข้างหลังแสตน ผมจึงปลีกตัวออกมาและเดินตามไปข้างหลัง พี่มาร์คลุกขึ้นแล้วเดินตามประกบไม่ห่างทันที





          -____- ถ้าแบมเข้าห้องน้ำยังจะตามไปมั้ยนะ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย





          "มีอะไรเหรอครับพี่บอล" ผมออกปากถามทันทีเมื่อพี่บอลนำมาแล้วหยุดยืนอยู่ตรงที่ๆพอจะเงียบบ้าง รุ่นพี่ตัวสูงหุ่นนักกีฬามองหน้าผมด้วยสีหน้ากังวล





          "เออแบมกูมีอะไรให้ช่วยหน่อยว่ะ" นั่นไง งานงอก ._.





          "ให้ช่วยอะไรครับพี่บอล"





          "คืองี้เว้ย รู้ใช่ป้ะว่าสีเราจะต้องแข่งแมชชิงชนะเลิศบาสอ่ะ" ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วพี่บอลก็พูดต่อ





          "แล้วคืออีก 10 นาทีจะถึงเวลาแข่งแล้ว แต่เรามีปัญหาเล็กน้อยว่ะ ก็คือไอ้ต้นอ่ะ ที่มันเป็นตัวจริงแม่งรถล้มเมื่อเช้า ตอนนี้อยู่โรงบาลมาแข่งไม่ได้"





          "อ้าวแล้วพี่ต้นเป็นไรมากมั้ยอ่ะพี่บอล"





          "ขาหักต้องเข้าเฝือก แต่ตอนนี้ปลอดภัยละไม่ต้องห่วง"





          "เอ้อโชคดีไป ว่าแต่พี่บอลจะให้ผมช่วยอะไรครับ อย่าบอกนะจะให้ผมไปแข่ง เห้ยยังงั้นผมขอบายนะ ผมเตี้ย นักกีฬาพี่มีแต่สูงๆ ผมเข้าไปเป็นหลุมดำของทีมแน่ๆ" ผมส่ายหน้าพัลวันแล้วยกมือโบกรัวๆจนพี่บอลต้องบอกให้หยุดแล้วเอามือลง





          "ไอ้บ้า พอๆ ถ้ามึงจะโบกมือรัวแบบนี้ตบหน้ากูเลยเหอะ กูไม่เอามึงลงหรอกครับน้องรัก" พี่บอลด่าผมฮาๆแล้วยกขาเตะข้อเข่าจนผมเซแบบที่ชอบแกล้งผมเวลาเราสองคนเจอกัน





          "เอ้าแล้วจะให้แบมช่วยอะไรสรุป"





          "กูขอเด็กมึงไปลงแข่งได้ป้ะ" ผมง๊งทันทีแล้วมองซ้ายมองขวาช้าๆ เด็กผมใครวะ อ๋อรู้ละ ....





          "พี่มาร์คอ่อ ?"





          "เออนั่นแหละ บอกให้หน่อยมาแข่งแทนไอ้ต้นที"





          "ห้ะ คิดไงเลือกพี่มาร์คเนี่ยพี่บอล" - -?





          "มาร์คเล่นเก่งนะเว้ย มึงไม่รู้อ่อ" ผมหันไปมองหน้าพี่มาร์คที่ทำหน้าเนือยๆมองผม เนี่ยอ่ะนะเล่นบาสเก่ง





          "แล้วพี่รู้ได้ไง"





          "กูเคยเห็นเค้าเล่นที่สนามบาส" เดี๋ยวนะ ... ไปแอบเล่นตอนไหน -_____-





          "เอ่อ ......" ผมอ้ำอึ้งไปแบบคนใช้ความคิด จริงๆอ่ะถ้าเป็นเวลาปกติผมก็อยากช่วยสีแล้วส่งพี่มาร์คไปแข่งไม่คิดอะไรหรอก แต่ตอนนี้พี่มาร์คไม่สบายอยู่อ่ะดิ จะไหวเหรอ





          "พี่มาร์ค อยากลงแข่งบาสให้สีป้ะ ตัวจริงขาดหนึ่งคน ขาหักอยู่โรงบาล" เพื่อเช็คความสมัครใจผมเลยหันไปถามพี่มาร์ค ส่วนคำตอบที่ได้ก็คือการพยักหน้าแล้วตอบผมสั้นๆว่า ...





          "อื้อ"





          ถ้าพี่มาร์คว่างั้นก็คงขัดไม่ได้แล้วล่ะครับ ._.










          หลังจากตอบตกลงไปพี่บอลก็พาพี่มาร์คไปจุดพักนักกีฬา ตอนนี้เปลี่ยนมาอยู่ในชุดเล่นบาสเซะซี่จั๊กจี๊หัวใจ อะไรของมึงครับแบม -___- เรียบร้อย ระหว่างนี้ก็รอเวลาแข่งเท่านั้น





          น่าแปลกที่พอบอกว่าจะให้ลงแข่ง อาการเนือยๆเมื่อกี้ก็หายวับไปกับตา ตัวร้อนๆที่เป็นอยู่ก็ลดลงแบบงงๆ สีหน้าท่าทางตอนนี้ดูสดชื่นเว่อร์





          "ไหวแน่นะพี่มาร์ค" พี่มาร์คหันหน้ามามองผมแล้วพยักหน้าก่อนจะ ...





          ยิ้มกว้างตาหยีแล้วชูสองนิ้วกระแดะสุดๆ -_____-





          พี่มาร์คเปลี๊ยนไป๋ ....





          "ลงทะเบียนนักกีฬาด้วยครับ" ผมนั่งคุยกันสักพัก พี่ในสภานักเรียนก็ประกาศเรียกนักกีฬาให้ไปลงชื่อแข่งขัน ผมเลยขอตัวแยกออกมาประจำอยู่โซนคนดูที่มีพวกเพื่อนผมกับรุ่นพี่ซึ่งยกกลองตามมาเชียร์ด้วย อ๋อลืมไป ตอนนี้เราย้ายกันมาอยู่ที่สนามบาสแล้วนะครับ





          "ไอ้แบม พี่มาร์คแข่งด้วยเหรอ" พอผมเดินมาถึง ไอ้หัวหน้าห้องก็ดี๊ด๊ารีบปรี่เข้ามาหาผมพร้อมด้วยเจ้ดีดี๊และแก๊งค์เพื่อนผู้หญิง ก่อนจะระดมสาดคำถามที่แม่งไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิดใส่ทันที





          "เออ"





          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดีงามเว่อร์ พวกมึงหลบกูจองแถวหน้า!!!!" ผมพยักหน้าตอบสั้นๆแค่นั้น แต่ไอ้พวกเพื่อนผู้หญิงนี่ลุกหือแตกรังกรี๊ดเหมือนมีคนเหยียบหาง ไอ้เจ้ดีดี๊นี่ไปแล้วครับ นู้นแหวกทางไปนั่งอยู่ด้านหน้าแล้ว -_____- นี่เดินหรือวาร์ป เร็วแท้ ...





          "เสียใจด้วยนะแบม งานนี้ผู้ชายมึงโดนลวนลามทางสายตาจนพรุนแน่" ไอ้ปลื้มยกมือตบบ่าผมปุๆแล้วหันไปหัวเราะสะใจกับไอ้เตนล์





          ครับ .... เอาเลยครับพวกมึงสองคน แซวกูให้พอ ไม่พอยังแซวต่อได้อีก เอากูกลับไปแซวต่อที่บ้านเลยม้ะ -________-





          "เออแซวกูเข้าไปพวกมึง อย่าให้ถึงตากูแซวบ้างนะ" ผมหันไปทำหน้าเอือมใส่มันสองคน





          "สวัสดีครับชาวเจวายพีวิทยาทุกคน ผมคิมยูคคนเดิมเพิ่มเดี๋ยวบอกกลับมาแล้วค้าบบบ!!!" ผมหันกลับมาทันทีเมื่อเสียงเพื่อนตัวดีดังขึ้น เสียงกรี๊ดและเสียงกลองอุปกรณ์เชียร์ดังกระหึ่มสนามบาส ไอ้ยูคก้าวขึ้นมาประจำตำแหน่งผู้พากย์ข้างๆครูพละเพื่อทำหน้าที่พากย์กีฬา มันนั่งอยู่ตรงซุ้มอาจารย์กับคณะกรรมการคนละฟากสนามกับพวกผม





           "หลังจากที่พักเบรกให้ดื่มน้ำดื่มท่าเข้าห้องน้ำกันไปเมื่อสักครู่นะครับ ตอนนี้แมชฮอตฮิตติดลมบนที่เชื่อว่าสาวๆทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตารอดูอย่างใจจดใจจ่อก็กำลังจะเริ่มต้นแล้วแล้วค้าบบ!!! นั่นก็คือการแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบชิงชนะเลิศ ระหว่างสี .... !!!" ไอ้ยูคเว้นไว้แล้วจ่อไมค์ไปยังสีชมพูที่อยู่ตรงข้ามกับพวกผม





          "ชมพู !!!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" ด้านสีชมพูที่ขนทัพกันมาล้นหลามกรี๊ดอย่างไม่ยอมแพ้ เสียงกลองเสียงแตรนี่มาเต็ม





          "และทีมท้าชิงวันนี้ก็เด็ดไม่แพ้กัน นั่นก็คือสี ...!!!" ถึงตาสีตัวเองไอ้ยูคก็อวยสุด มันส่งมุกแล้วยื่นไมค์มาทางพวกผม บรรดารุ่นพี่และพวกผมจึงตอบกลับไปไม่ยอมแพ้สีนั้นเหมือนกัน





          "ขาวววววววววววววววว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" เสียงกรี๊ดเสียงกลองเสียงแตร พร้อมป้ายไฟธงสีพร็อพมาเต็ม ไอ้เจ้ดีดี๊กับแก็งค์เพื่อนสาวหัวเกรียนนี่ลุกขึ้นเซิ้งแล้วกรี๊ดข่มขวัญคู่ต่อสู้สุด เล่นเอาคนทั้งสนามฮาแตกกันทั่วหน้า แม้แต่ผมก็ยังขำจนไส้ติ่งจะแตก โอ๊ยไอ้เจ้เอ้ย อ่ะดูมัน ... นั่นวิ่งออกไปเซิ้งกลางสนามละนั่นน่ะ กลับมาา ! 55555555555555555





          "และแมชนี้นะครับได้รับเกียรติจากอาจารย์พักพงศ์อันเป็นที่รักของพวกเรามาเป็นกรรมการด้วย ขอเสียงต้อนรับอาจารย์ผักด้วยค้าบบบบบบบบ"





          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" อาจารย์ผักลุกขึ้นโบกไม้โบกมือให้นักเรียนแล้วทำท่าหล่อจนนักเรียนพากันขำ บอกเลยอาจารย์ผักอ่ะดังสุดละครับในโรงเรียนของเรา





          "เอาล่ะฮะ กองเชียร์ก็พร้อม คนดูก็พร้อม คณะกรรมการก็พร้อม ขาดอะไรไปน้าาา!!~" เมื่อไอ้ยูคส่งมุกให้คนดูเสียงกรี๊ดประมาณสามล้านเดซิเบลชนิดหลังคายิมแทบถล่มก็ดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย





          "นักกีฬา!!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!~ (ด.เด็กอีกแปดล้านตัว)"





          จ้า พร้อมใจกันตอบมากจ้า ...





          "ถ้ายังงั้น ขอเชิญนักกีฬาออกมาเลยค้าบบบบบบบบ!!!!!"





          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"





          และแล้วหูของผมก็ดับไปตลอดกาล TT





          นักกีฬาจากทั้งสองทีมเดินออกมากลางสนาม แต่ละคนนี่เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้หญิงทั้งยิมได้เป็นอย่างดี แหม่ ก็แต่ละคนนี่พีคๆทั้งนั้นเลยครับทั้งพี่คุณประธานนักเรียน (ลงแข่งด้วยเหรอพี่ผม ไม่เห็นรู้เรื่องเลย TT) พี่บอสประธานชมรมเต้น ฟลุ๊คน้องม.4 หนึ่งในสารวัตรนักเรียนของพี่ยองแจ นั่นก็ไอ้ซีเลขาสภานักเรียน พี่ปันพระเอกละครเวทีปีที่แล้ว และอีกมากมายบรรยายไม่หมด และสุดท้ายถ้าไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะเค้าคนนี้เรียกเสียงกรี๊ดและความตกใจจากบรรดาผู้ชมได้เป็นอย่างดี ..... พี่มาร์คนั่นเองครับ เอ้าปรบมือ!!





          "มาร์คป้ะแก!! ลงแข่งด้วยอ่อ กรี๊ดดดด ><"



          "เอ้ยยยยย ขาวมว๊ากกกกกกก ไม่ทนละนะแก"



          "แก พี่มาร์คหล่อมากอ่ะ โอ๊ยๆๆๆ อยากได้ค่ะแม่ขา TwT"





          บรรดาผู้หญิงทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องรุ่นเพื่อนเริ่มซุบซิบตีเพื่อนไปมาเมื่อพี่มาร์คลงมายืนหล่อกลางสนาม แต่ละคนนี่เขินแรงสุด ผมยืนทำเป็นไม่ได้ยินทั้งๆที่เสียงโคตรเซอร์ราวด์ -___-






          "มึง! กูต้องทำยังไงถึงจะได้เป็นเมียพี่มาร์คคะตอบ!"



          "ทำใจแล้วไปเกิดใหม่ซะ! ไว้มึงน่ารักให้ได้เท่าพี่แบมก่อนค่อยคิด จะแย่งแฟนเค้าเช็คเบ้าหน้ามึงด้วยค่ะ!"



          "เออ พี่แบมเผลอแล้วเจอกันนะคะพี่มาร์ค >< โอ๊ย แต่ตอนนี้ไม่ทน ขาวมาก กูจะร้องไห้"



          "มึงพูดเบาๆหน่อย เดี๋ยวพี่แบมได้ยิน เจ้าที่แรงนะจ้ะขอเตือน"





          ไม่ทันแล้วล่ะครับน้อง -_________-





          พี่ได้ยินจนปลงถึงขั้นตรัสรู้แล้วล่ะ นี่ถ้ายังนินทาต่ออีกนิดพี่คงนิพพานแล้ว ... สาธุ





          อยากจะหันไปยิ้มให้ติดที่ว่าพ่อแม่เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น .... ปล่อยไป สาธุ





          ปิ๊ด !





          ผมหันไปฟังเสียงนินทาแปบเดียวหันกลับมากรรมการก็เป่านกหวีดเริ่มการแข่งขันไปแล้ว การแข่งขันแสนดุเดือดเริ่มขึ้น ต่างฝ่ายต่างผลัดกันรับผลัดกันรุกสนุกสนาน ฝีมือไม่มีใครเป็นรองใครกันเลยทีเดียว ผมมองไปทั่วสนามแต่แล้วก็ต้องกลับมามองยังพี่มาร์ค จะเชียร์ก็ไม่สุด เป็นห่วงก็แต่พี่มาร์คจะเล่นไม่ไหวนี่แหละครับ ยิ่งไม่สบายอยู่ ตัวร้อนขนาดนั้น ถึงจะบอกว่ากินยาแล้วเถอะแต่สภาพเนือยๆยังเห็นชัด ...





          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด"





          "อ้าวพี่มาร์คของน้องแบมทำแต้มไปแล้วสอง! ส่งผลให้ตอนนี้สีขาวนำไปแล้วนะครับ !!!"





          ผมว่าไม่ต้องห่วงแล้วล่ะมั้ง -_______-





          แต่ขัดใจนิดนึง ...





          เมื่อกี้ไอ้ยูคมันพูดว่าอะไรนะ ? ฟังไม่ถนัดเลย แต่เหมือนได้ยินชื่อตัวเอง





          "แบม! หลบๆๆๆ ขอทางเจ้หน่อย" ผมยืนงงหน้าควายห้ะ แต่อยู่ๆเจ้พิมที่มาจากไหนไม่รู้ก็โผล่แหวกทางมายืนข้างๆผมซะงั้น และข้างๆเจ้พิมนั้นก็เป็นละอองดาวที่วันนี้ดูสดใสเป็นพิเศษยืนอยู่ ผมหันไปมองเป็นจังหวะที่เธอหันมามองพอดี เราสองคนเลยยิ้มให้กันเงียบๆ





          "พิมมึงหายไปไหนมา เค้าตามหากันวุ่น" พี่ยองแจที่ยืนอยู่ข้างๆผมยืดตัวมาคุยกับเพื่อน ผมเลยต้องเอนหลังหลบทางให้ โห่วพี่ครับ ถ้าพวกพี่จะคุยกันรบกวนเปลี่ยนที่กันมั้ยครับ จะได้ไม่เป็นภาระรุ่นน้อง





          "ไปห้องแต่งตัวหลีดมา โจวควอนมันบอกให้ออกไปซื้อข้าวมาให้หลีด เพราะหลีดยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืน นี่ก็เลยลากอองดาวออกไปช่วย"





          "แล้วทางนั้นเป็นไงบ้างอ่ะ"





          "แต่งตัวเสร็จแล้ว ตอนนี้ก็พักรอแข่ง"





          "เออแล้ว ....." ก่อนที่พี่ยองแจจะได้ถามอะไรต่อ ผมก็รีบเบรกแล้วยืดตัวมายืนนิ่ง มองหน้ารุ่นพี่สองคนสลับไปมา





          "พี่ครับ ถ้าจะคุยกันผมว่าเปลี่ยนที่ยืนกันมั้ย ?" พูดจบไม่ขาดคำเจ้พิมก็เหวี่ยงผมเปลี่ยนที่เรียบร้อย ทำผมทรงตัวเกือบไม่อยู่แทบจะชนเข้ากับละอองดาว จนเธอหันมามอง ผมเลยยืนนิ่งแล้วแกล้งหันไปดูบาสต่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทำตัวไม่ถูกตรงนี้





          "ที่สกอร์บอร์ดตอนนี้จะเห็นได้ว่าสีชมพูนำไปแล้ว 4-2 นะครับ แหม่งานนี้สีขาวต้องเร่งมือซะแล้ว" ชิพหาย เผลอแปบเดียวนี่ชู๊ตกันสนุกสนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย





          "อ้าวๆๆๆๆ คุณมาร์คตอนนี้ได้ลูกแล้วครับ ! จะยิงได้มั้ย! จะไปถึงห่วงมั้ย ยังไง! ยังไง! คู่ต่อสู้มาแรงเหลือเกิน คุณมาร์คไปแล้วครับ! เอ้าน้องแบมขอกำลังใจให้พี่มาร์คหน่อยเร๊วว!"





          ไอ้ยูค ! ไอ้บ้า ! ออกไมค์ขนาดนี้รอบหน้ามึงปริ๊นอิงเจทแปะหน้าโรงเรียนเลยไป๊!





          ผมมองหน้าไอ้ยูคแล้วทำปาก 'พ่องงงง' ใส่มันที่อยู่ตรงข้าม แต่รอบข้างผมตอนนี้ฮาแตกกันหมดละครับ โดยเฉพาะไอ้ปลื้มเนี่ยมองผมแบบมีเลศนัยสุด มึงมองงี้มึงต้องการจะพูดอะไรตอบ ! ส่วนพี่พิมนี่ไม่ต้องถามครับ ทีมงานชงคุณภาพ ฮาซะหมดเลยภาพลักษณ์ดาวโรงเรียน แผนแกล้งผมยังไม่เคลียร์ เดี๋ยวๆรอให้จบกีฬาสีก่อนนะ ทั้งสามคนนั่นแหละ น่าดู -*-





          ผมหันค้อนทั้งสามคนแล้วเผลอสะบัดหน้าหันมาทางละอองดาว สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำเอาผมหันหน้าหนีแทบไม่ทัน ละอองดาวมองหน้าผมแล้วอยู่รอยยิ้มบางๆเหมือนคนแอบกลั้นขำก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า ผมรีบหันมองการแข่งขันตรงหน้าทันที





          อ่า .... เดี๋ยวนะ ความรู้สึกแบบนี้มัน ...





          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!" เสียงกรี๊ดรอบข้างดังขึ้นปลุกผมให้หลุดจากความคิด หันไปมองสกอร์บอร์ดสีขาวขึ้นเทียบ 4-4 โดยฝีมือพี่มาร์คอีกรอบ ผมเผลอถอนหายใจน้อยๆแล้วตั้งใจดูการแข่งขันตรงหน้าต่อ




























          ปี๊ดดดด !~





          เสียงนกหวีดเป่าบอกเวลาหมดครึ่งแรก นักกีฬาของทั้งสองทีมรีบกลับเข้ามายังจุดที่ทีมตัวเองอยู่ ฝ่ายดูแลนักกีฬารีบเข้าไปให้ผ้าเย็น น้ำ บลาๆอย่างรวดเร็ว ผมเลยแอบกระดึ๊บๆเข้าไปหาพี่มาร์คบ้าง พี่มาร์คยืนกินน้ำอยู่หน้ากองเชียร์ที่ตอนนี้กรี๊ดหลบในเพราะคนหล่อมายืนตรงหน้าแต่พี่มาร์คก็ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะทำคนตาย ผมเข้าไปยืนข้างๆแล้วสะกิดแขนพี่มาร์ค





          "เป็นไง ยังไหวใช่มั้ย" พี่มาร์คหันมาตามแรงสะกิดอย่างเร็ว จนเส้นผมที่เปียกลู่น้ำเพราะพี่มาร์คเอาน้ำราดหัวเมื่อกี้สะบัดโดนผมเต็มๆ -"-





          อ่า .... สดชื่นไปอีก -_____-





          "อื้อ ไม่ต้องห่วง" พี่มาร์คพูดจบแล้วชูสองนิ้วก่อนจะยกขวดน้ำดื่มกระดกแล้วอมน้ำไว้จนแก้มป่อง สักพักทีมดูแลก็เข้ามายื่นผ้าเย็นให้ พี่มาร์คยิ้มแฉ่งให้สาวน้อยจนเธออายม้วนรีบยื่นผ้าให้แล้วหันหลังกลับไปทันที ส่วนผมนี่ยืนมองแรงอยู่ข้างๆ หึหึ หว่านเสน่ห์เก่งจังนะกันต์พิมาร์ค -*-





          "อ้ะ" พี่มาร์คหันมาแล้วก็ยื่นผ้าเย็นให้ผม





          "อะไร"





          "เช็ดหน้าให้หน่อย" พี่มาร์คยัดผ้าเย็นใส่มือผมแบบมัดมือชกกันสุดๆ คุณชายมาร์คต้วนมองหน้าผมแล้วกินน้ำต่อสบายใจ





          เอ่อ ... ให้มายืนเช็ดหน้าซับเหงื่อท่ามกลางสายตาคนเนี่ยนะ โว้วววววว





          "ฮิ้วววววววว / อ่ะแฮมๆ" ผมหันขวับไปทางด้านหลัง เสียงแซวดังมาจากกลุ่มเพื่อนผมที่ยืนมองอยู่รวมถึงพี่ยองแจกับเจ้พิมด้วย





          ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วหันกลับมาตรงหน้าพี่มาร์ค ค่อยๆแกะซองผ้าเย็นในมือออกแล้วโปะผ้าขนหนูน้อยๆลงกับหน้าผากนั่น พี่มาร์คถือขวดน้ำไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วยกมืออีกข้างเสยเส้นผมที่ปกลงกับหน้าผากขึ้นให้ผมเช็ดใบหน้านั้นได้ง่ายขึ้น





          แต่หารู้ไม่ว่ามันยิ่งทำให้ผมควบคุมสติให้โฟกัสแค่การเช็ดหน้าแทบไม่ได้ ก็ถ้าเสียงกรี๊ดจากสาวๆที่ยืนมองจากที่ไกลยังเกือบตายขนาดนั้น แล้วผมที่อยู่ตรงหน้าใกล้ขนาดนี้จะรอดมั้ยล่ะให้ทาย TT





          ผมรีบกลั้นใจเช็ดๆให้เสร็จไป พี่มาร์คเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ คุณชายเค้าเลยยิ้มๆแล้วยื้อเวลาโดยการชี้ให้ผมเช็ดตรงนั้นทีตรงนี้ที นี่แกล้งป้ะถามจริง





          เสียงเรียกจากกรรมการดังขึ้นให้นักกีฬาลงสนาม ผมเลยหยุดเช็ดหน้าแล้วดันหลังคนตัวสูงให้กลับไปลงสนาม แต่อยู่ๆพี่มาร์คหันหลังมาแล้วยกหมวกที่พี่แกถือสวมลงบนหัวผม





          "ฝาก" พูดแค่นั้นแล้วพี่มาร์คก็วิ่งลงสนามไป ปล่อยผมไว้กับหมวกใบโปรดและสายตาอิจฉาของผู้หญิงนับร้อย TT

















          การแข่งขันรอบครึ่งหลังดูเหมือนว่าสีขาวของผมจะทำคะแนนได้ดีกว่ารอบแรก เพราะเพียงแค่เริ่มได้ไม่กี่นาที สีขาวก็ทำคะแนนพุ่งห่างไปแล้ว 7 คะแนน เล่นเอาฝ่ายตรงข้ามเครียดเพราะต้องเร่งทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาให้ได้





          "อื้อหือ มาอีกแล้วครับพี่มาร์คคนเก่ง ได้ลูกไปแล้ว มาดูกันว่าครั้งนี้จะทำให้สีขาวได้เป็นลูกที่สามรึเปล่า" เสียงไอ้ยูคพากย์อย่างเมามันส์ยิ่งทำให้ผมลุ้นระทึกมากยิ่งขึ้น พี่มาร์คเลี้ยงลูกหลบคู่ต่อสู้แล้ววิ่งเข้าไปชู๊ต ....





          แก๊ง!~





          เสียงลูกบาสกระทบขอบห่วงแล้วตกไปด้านข้างพลาดเป้าไปอย่างหน้าเสียดาย พี่มาร์คสีหน้าดูเฟลแต่ก็ยังเล่นต่อไป





          "น่าเสียดายมากนะครับสำหรับลูกเมื่อกี้ แหม่พลาดไปนิดเดียวเท่านั้นเอง" พี่มาร์คยังคงทำหน้าเฟล เพราะใบหน้านั้นดูเหนื่อยผิดปกติ ...





          เดี๋ยวนะ .... ผิดปกติจริงๆด้วย





          สีหน้าของพี่มาร์คเริ่มซีดจนน่าหวั่น แต่พี่มาร์คก็ยังเล่นต่อไปท่าทางปกติ มีแต่ผมที่รู้ว่าพี่มาร์คอ่ะฝืนสุด 





           พี่มาร์คจะไม่ไหวแล้ว ผมอยากจะวิ่งเข้าไปดึงคุณชายออกมาแล้วลากกลับบ้านจริงๆเลย





          พี่มาร์คผลัดรับผลัดส่งเลี้ยงลูกเข้าใกล้ห่วงอยู่เสมอ แต่คราวนี้กลับชู๊ตไม่ค่อยลงเพราะพลังเริ่มน้อยลงไปทุกที บ่อยครั้งเข้าผมจะเห็นพี่มาร์คหยุดอยู่กับที่แล้วหอบหายใจถี่ หืออออ ไหวม้ายยยยพี่มาร์ค TT





           7-7 !!!



          "สีชมพูตีตื้นขึ้นมาแล้วครับ!"





           9-7 !!!



          "ว้าวววววววว สีชมพูนำไปได้อย่างรวดเร็ว ยังไงๆครับสีขาว"





           9-9 !!!



          "สีขาวตามมาติดๆ โอ้โหววว พี่คุณของเราแย่งซีนพี่มาร์คซะแล้วนะค้าบบ"





          การแข่งขันที่ดุเดือดตีตื้นกันตลอดเวลาของทั้งสองสียิ่งเพิ่มความกดดันด้วยเวลาที่เริ่มเดินถอยหลังแล้วใกล้หมดลงทุกที แต่ก็ดูเหมือนว่าคะแนนที่สกอร์บอร์ดจะยังคงนิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผมไม่มีอารมณ์จะอยากต่อเวลาแล้วเพราะยิ่งเวลาหมดเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีกับพี่มาร์คมากขึ้นเท่านั้น โอม เวลาจงหมดๆๆๆๆๆ -/\-





          "เวลาใกล้หมดแล้วครับ มาดูว่าคะแนนจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เหลือเวลา 5 นาทีแล้วครับ!"





          ดีๆๆๆๆ รีบหมดๆ





          "พี่มาร์คของเราตอนนี้ดูเหมือนจะหมดแรงแล้ว ยังไงครับ อ้าวน้องแบม ขอพลังให้พี่มาร์คหน่อยเร็ว" ผมลืมตาขึ้นมาแล้วก็พบกับภาพตรงหน้าคือพี่มาร์คลงไปนั่งขัดสมาธิกับพื้นแล้ว พี่มาร์คดูหอบและหน้าซีดเหมือนคนกำลังจะเป็นลม เล่นเอาผมใจหล่นวูบ วินาทีนั้นอยู่ๆพี่มาร์คก็หันหน้ามามองผมแบบไม่ต้องตะโกนเรียก ราวกลับรอบตัวหยุดการเคลื่อนไหว ทุกสิ่งหยุดเงียบไปมีเพียงผมและพี่มาร์คที่มองหน้ากัน ผมค่อยๆยิ้มให้พี่มาร์คกว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ก่อนจะยกมือขึ้นมาทำท่าสู้ๆให้คนที่นั่งอยู่ตรงนั้น ผมหวังว่าพี่จะรับรู้ได้นะว่าผมต้องการสื่ออะไร ....





          สู้ๆนะพี่มาร์ค แบมอยู่ตรงนี้ สู้ๆ :)





          พี่มาร์คมองผมแล้วบนใบหน้าหล่อก็ปรากฎรอยยิ้มออกมา น่าเหลือเชื่อ ในตอนนั้นเองอยู่ๆพี่มาร์คก็รวบรวมเรี่ยวแรงที่ไม่รู้มาจากไหนลุกขึ้นแล้วแย่งลูกบาสจากนักกีฬาสีชมพูซึ่งวิ่งสวนมาพอดีไว้ได้ท่ามกลางเสียงกรี๊ดจากทั่วทิศ พี่มาร์ควิ่งเลี้ยงลูกหลบทุกคนได้จนแม้แต่ผมยังอึ้ง





        ผมหันไปดูนาฬิกาที่เริ่มนับถอยหลังจากนาทีตอนนี้เข้าวินาที สลับกับมองพี่มาร์คไปด้วย เสียงกรี๊ดของทีมสีขาวกับเสียงนับถอยหลังดังขึ้น





          "5!"



          "กรี๊ดดดดดดพี่มาร์คสู้ๆ!!!!"





          "4!"



          "มาร์คคคคคคคคคคคควิ่งเร็ววิ่งงง"





          "3!"



          "มาร์ค! ชู๊ตลูกนี้ได้ฉันจะยอมเป็นเมียเธอ!!!" ผมกำลังลุ้นๆได้ยินประโยคนังเจ้ดีดี้เข้าไปนี่ถึงกับหลุดขำพรืด





          พี่มาร์คเข้าใกล้แป้นแล้วและกำลังจะชู๊ตแต่มีคนของสีชมพูเข้ามาปัดลูก ดีที่พี่มาร์คตั้งตัวได้แล้ววิ่งอ้อมหมุนตัวหลอกล่อก่อนจะ ....





          "2!"



          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด / มาร์คสู้โว้ยยยยยยยยยยย"





          "1!"



          


          "ชู๊ตตตตตตต!!!!"



          "หมดเวลา !!!!!!"





         





          พี่มาร์คชู๊ตลูกบาสลงห่วงพอดีกับเวลาที่เป่าหมด ปิดแมชนี้ไปอย่างสวยงามท่ามกลางเสียงกรี๊ดดังทั่วทั้งสนาม นักกีฬาทีมสีขาวรีบเข้าไปรุมพี่มาร์คสนุกสนาน รวมถึงพวกผม รุ่นพี่และรุ่นน้องสีขาวทุกคนก็เข้าไปล้อมวงบูมให้นักกีฬากันอย่างยิ่งใหญ่ พี่มาร์คยืนหัวเราะสดใสอยู่ท่ามกลางมวลประชาชน ผมเลยปลีกตัวเดินกลับไปยังห้องพักนักกีฬาเพื่อเก็บของให้พี่มาร์ค





    ---------------










          "แบมแบม!" ผมหันหลังขวับกลับมาตามเสียงเรียกแล้วก็ต้องตาโตเมื่อพี่มาร์ควิ่งเข้ามาสวมกอดผมเข้าเต็มหมับจนผมเกือบรับไว้ไม่ทัน





          "เห้ยพี่!" พี่มาร์คเด้งตัวออกทันก่อนผมจะฟาดลงไหล่ไปแบบฉิวเฉียด แหนะยังมายิ้มระรื่น





          "ชนะแล้วๆๆๆ เย้ๆๆๆ ชนะๆๆ" พี่มาร์คกระโดดไปมาทำท่าดีใจเหมือนกับเด็กน้อย ทำเอาผมหลุดยิ้มขำออกมา





          ผมส่ายหน้ายิ้มๆแล้วหันกลับไปจะหยิบชุดเดิมให้พี่มาร์คเปลี่ยนกลับ แต่พอหันกลับมาผมก็ต้องผงะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าหล่อระยะประชิด พี่มาร์คสืบท้าวเข้าใกล้แล้วเรียกผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทำเอาผมหัวใจเต้นรัวแทบจะหลุดออกมากองตรงหน้า





          "แบม"





          "หะ ... หืม"










          ฟุบ !





          "เห้ยพี่มาร์ค!!" พี่มาร์คเรียกผมเสร็จก็ฟุบลงกับไหล่จนผมเกือบจะรับน้ำหนักไว้แทบไม่อยู่ ใบหน้าของพี่มาร์คซีดเผือดและหมดสติไป ตัวร้อนยิ่งกว่าตอนแรกซะอีก





          "พี่มาร์ค! ได้ยินแบมมั้ย! เห้ยพี่ตื่น!"





          "เห้ยแบม! เป็นไร!!" ผมเงยหน้าขึ้นมาตามเสียง ไอ้ปลื้มวิ่งเข้ามาทันที ตามด้วยพี่ยองแจเจ้พิมและละอองดาวที่ต่างทำหน้าตกใจไปตามๆกัน





          "เชี่ยปลื้ม!! พี่มาร์คเป็นไข้ตอนนี้แม่งเป็นลมไปแล้ว ส่งโรงบาลด่วนเร็ว!!! พี่ยองแจครับ โทรเรียกรถโรงบาลให้แบมหน่อย" พี่ยองแจพยักหน้ารัวๆแล้วรีบยกโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์โทร





          "เดี๋ยว ... โรงบาลเลยเหรอมึง"





          "เออดิ อย่าถามมากดิ้เชี่ยปลื้ม!"





          "อ่าครับๆๆพ่อ" ไอ้ปลื้มเลิกเซ้าซี้แล้วแบกพี่มาร์ควิ่งออกจากห้องมีผมประกบท้ายไม่ห่างทันที










          อย่าเป็นอะไรนะมาร์คต้วน ToT










    ------- 50% -------
















          "เป็นไข้หวัดใหญ่ครับแต่ว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว พักที่โรงพยาบาลสักสองสามวันก็กลับบ้านได้ ..."



          เสียงตวัดปลายปากกาเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในห้องสี่เหลี่ยมตอนนี้ แบมแบมยืนอยู่ข้างผู้เป็นแม่ไม่ห่างกันนั้นมีคนหล่อนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยหน้าตาซีดเซียวด้วยพิษไข้



          "ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ บอกคนไข้พักผ่อนเยอะๆ  ส่วนญาติคนไข้ก็ไม่ต้องเครียดนะครับ" ปากกาถูกเสียบเข้ายังกระเป๋าเสื้อกราวน์สีขาว ก่อนที่เอกสารจะถูกมือใหญ่ส่งให้นางพยาบาลคนสวยข้างๆรับไป คุณหมอวัยกลางคนท่าทางใจดีหันมาพูดกับแบมแบมและคุณแม่ที่ยืนอยู่ตบท้ายด้วยรอยยิ้มในตอนท้าย ก่อนจะขอตัวออกไปเพื่อให้คนไข้และญาติได้พักผ่อน




          "ขอบคุณมากๆนะครับคุณหมอ" ผมกับหม่าม๊ายกมือไหว้ขอบคุณคุณหมอและพยาบาลที่ยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องไป หลังเสียงประตูปิดลง หม่าม๊าถอนหายใจน้อยๆแล้วเดินไปที่ตู้เย็นหยิบน้ำรินใส่แก้วมายื่นให้ผมที่กำลังยืนหน้าซีดอยู่กลางห้อง



          ซีดเป็นไก่ต้มเลยนะกันต์พิมุกต์ ...




          ผมกำลังรู้สึกว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่มาร์คต้องมานอนอยู่ตรงนี้ จะร้องห้ายยยยยยยย T^T  


        เหมือนหม่าม๊าจะรู้ว่าผมคิดอะไรและรู้สึกอะไรอยู่ เพราะหลังจากที่ยื่นแก้วน้ำให้ หม่าม๊าก็กอดผมแล้วลูบหลังเบาๆเหมือนที่ชอบทำตอนผมยังเด็กๆ ตอนที่ผมกลัวไฟดับแล้ววิ่งมากอดหม่าม๊า




        “ม๊า”




        “ม๊าเข้าใจๆ ไม่เป็นไรหรอกลูก” ผมซุกหน้ากับไหล่หม่าม๊าแล้วกอดแน่น จะร้องห้ายยยยอะเกน T_T




        “ม๊า แบมทำให้พี่มาร์คต้องเข้าโรงบาล ถ้าแบมห้ามไม่ให้พี่มาร์คลงแข่งพี่มาร์คก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้อ่ะม๊า” ผมเบะปากทำท่าจะร้องไห้แล้วกอดม๊าแน่นๆ




        “เห้อตาแบมเอ้ยย ทำตัวเป็นเด็กไปได้ พี่มาร์คเค้าไม่ได้เป็นไร หมอก็เพิ่งบอกว่าพี่เค้าปลอดภัยแล้ว จะร้องไห้ทำไมครับ พอๆๆเลิกดราม่าได้แล้วลูก” แหม่ม๊า …. ดรามงดราม่า วัยรุ่นสุดม๊าผม





    เสียงถอนหายใจน้อยๆดังออกมาจากผมโล่ง เห้อ อย่างน้อยก็โอเคแล้วล่ะตอนนี้ ได้กอดหม่าม๊านี่ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยหนึ่ง เวลามีเรื่องไม่สบายใจลองหันไปกอดแม่ดูนะครับทุกคน เชื่อผมๆ



           ผมเด้งตัวออกมาจากหม่าม๊าแล้วยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาป้อยๆ หม่าม๊ายิ้มแล้วส่ายหัวน้อยๆก่อนจะเดินออกจากห้องไปไหนไม่รู้โดยไม่บอกไม่กล่าว ปล่อยผมทิ้งไว้กลางห้องอันเงียบงันที่มีเพียงเสียงแอร์และเสียงลมหายใจของคนหลับเท่านั้นที่ผมได้ยิน




          แก้วน้ำในมือถูกผมนำไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนจะค่อยๆเดินไปหรี่แอร์ที่รู้สึกว่ามันจะหนาวเกินไปให้เบาลงด้วยเกรงว่าพี่มาร์คจะหนาวทั้งๆที่ผมเป็นคนขี้ร้อน ผมหยิบรีโมทแอร์ขึ้นปรับอุณหภูมิ ก่อนที่สองขาจะก้าวมาหยุดลงข้างๆเตียงคนป่วยซึ่งพิษไข้ไม่ได้ทำให้ความหล่อน้อยลงไปเลยสักนิด หมั่นไส้ !





          อุณหภูมิถูกเพิ่มขึ้นให้ความอุ่นแล้ว ผมโยนรีโมนแอร์ไปยังโซฟาแถวๆนั้นก่อนจะกระโดดขึ้นนั่งบนเตียงแล้วมองดูพี่มาร์คที่นอนนิ่งหายใจสม่ำเสมอด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกันสองต่อสอง มันทำให้ผมรู้สึกสงบและอบอุ่นอยู่เสมอ ก็ไม่อยากจะบอกหรอกนะครับว่าตั้งแต่เกิดมา 18 ปีผมเพิ่งรู้สึกแบบนี้แค่กับพี่มาร์คคนเดียว มันเป็นความรู้สึกที่ .... อืมนะ ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันแหละ





          ตืดดดดด ...





          อยู่ๆแรงสั่นในกระเป๋ากางเกงก็ทำให้ผมต้องละความสนใจไปจากใบหน้าของคนป่วย ผมล้วงกระเป๋าหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารสี่เหลี่ยมขึ้นมาก่อนจะก้มดูเบอร์ เป็นไอ้เตนล์นั่นเองครับที่โทรเข้ามา





          "ฮัลโหล"





          [ฮัลโหลแบม]





          "เออว่าไง"





          [อยู่ไหนอ่ะ]





          "อยู่โรงบาล มีรายยย"





          [อ๋อ แล้วพี่มาร์คเป็นไงบ้างอ่ะ ปลอดภัยแล้วใช่ป้ะ]





          "เออปลอดภัยแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงเว้ย ว่าแต่มึงเหอะโทรมามีไรเนี่ย"





          [คือจะโทรมาถามว่า วันเสาร์นี้แบมยังจะมาช่วยงานกลุ่มเราได้มั้ยอ่ะ หรือว่าต้องเฝ้าไข้พี่มาร์ค] ผมฟังคำถามไอ้เตนล์แล้วหันไปมองหน้าคนป่วยโดยอัตโนมัติ แวบนึงในความคิดผมอยากจะตอบกลับไอ้เตนล์ไปเลยว่าไปไม่ได้หรอกอยากอยู่กับพี่มาร์คมากกว่า แต่ต่อมคนดีศรีสังคมของผมก็รีบแย้งขึ้นมาทันทีว่าห้ามทำนะ เรารับปากเค้าแล้วจะผิดคำพูดไม่ได้ แล้วต่อมฝ่ายยุยงก็เสริมขึ้นมาอีกว่าไม่เป็นไรหรอกทางนี้มีหม่าม๊าคอยดูแลอยู่แล้ว ไปเห๊อะ! เพราะงั้นผมเลยหลุดปากตอบไอ้เตนล์ไปว่า ...





          "เห้ยได้ไม่มีปัญหา รับปากแล้วก็ต้องทำตามสัญญาดิ งั้นวันเสาร์ตอนเช้าส่งรถมารับเราที่โรงบาล ...." ผมคุยกับไอ้เตนล์ต่อเพื่อนัดแนะแผนการณ์ในวันพรุ่งนี้ให้เรียบร้อยก่อนที่จะวางสายไปพร้อมๆกัน





          เห้อ .... อยู่ๆก็ไม่อยากไปเลยแฮะไม่รู้ทำไม





    ---------------







          บ้านเตนล์



         


          วันเสาร์แสนสดใสตอนนี้ผมอยู่ในห้องนั่งเล่นใหญ่อลังการงานสร้างของบ้านไอ้เตนล์แล้วครับ เมื่อเช้าไอ้เตนล์มันส่งรถที่บ้านไปรับผมมาจากโรงพยาบาลตามที่ตกลงกันไว้เมื่อวาน ส่วนพี่มาร์ควันนี้ก็ยังคงไม่ตื่นผมเลยฝากหม่าม๊าให้ดูแลซึ่งม๊าก็รับปากเป็นอย่างดีผมถึงยอมขึ้นรถมา พูดถึงบ้านไอ้เตนล์นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาบ้านมันเลยนะ และเป็นครั้งแรกด้วยที่ผมทำตัวเรียบร้อยผิดปกติ เพราะอะไรเหรอ ก็เพราะบ้านมันแม่งอย่างกะวังครับคุณผู้อ่าน ! โอ้โหว เอาแค่ประตูรั้วเข้าบ้านมานี่แม่งยังกะประตูโรงเรียน ผมลงจากรถมานี้แทบอยากจะปูพรหมแดงให้ตัวเองเดิน แล้วไหนจะเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้ก็นุ่มและใหญ่จนผมเกือบจะจมหายไปให้รู้แล้วรู้รอด !





          ผมนั่งรอไอ้เตนล์ตามคำบอกของคุณป้าแม่บ้านที่เอาน้ำมาให้ผมแล้วเดินหายไปไหนไม่รู้ ไม่นานเสียงรองเท้าก็ดังลงมาจากบันได้ตามด้วยเสียงเรียกชื่อผม ผมหันขวับไปมองทางต้นเสียงก็พบว่าไอ้คุณชายเตนล์กำลังเดินลงมาจากบันได





          "แบมรอนานป่าว"





          "ไม่นานเลย เล่นเกมส์จบไปสามรอบแล้ว ไม่นานๆ"





          "555555555 ขอโทษๆ เมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับพี่อยู่อ่ะ" ไอ้เตนล์ชูโทรศัพท์ในมือให้ดูก่อนจะคุยด้วยและกวักมือเรียกให้เดินตามมันไปด้วย





          "นี่มีพี่กับเค้าด้วยอ่อ นึกว่าลูกคนเดียวซะอีก" ผมเดินตามมันไปตามทางเดินผ่านห้องต่างๆ ไอ้เตนล์เดินนำแล้วก็หันมายิ้มให้ผมเบาๆ





          "มีดิ แต่ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่หรอก อายุห่างกันน่ะ"





          "เออแล้วนี่พี่อยู่ป้ะ จะได้ไปทักทายหน่อย" ผมถามมันก่อนจะได้รับคำตอบโดยการส่ายหัวเบาๆ





          "ไม่อยู่หรอก ส่วนมากพี่อยู่แต่ที่คอนโดอ่ะ จะกลับบ้านก็ตอนที่พ่อแม่เรียกหรือเงินหมดแค่นั้นแหละ" ไอ้เตนล์ตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติแล้วหัวเราะ ในที่สุดเราก็มาหยุดอยู่หน้าห้องอะไรสักห้องในบ้านมัน แหม่เมื่อกี้ผมก็มัวแต่คุยเลยไม่ได้จำทางเท่าไหร่เลย นี่ถ้าเดินออกมาเองจะหลงทางมั้ยวะเนี่ย





          "ถึงละ เราจะทำงานในห้องนี้แหละ" ไอ้เตนล์เปิดประตูห้องเข้าไปผมก็พบว่าเพื่อนๆ ม.5/3 ซึ่งคงจะเป็นกลุ่มไอ้เตนล์กำลังนั่งทำงานกันอยู่ พอทุกคนเห็นว่าผมมาถึงแล้วก็เงยหน้ามาทักทาย ไม่ไกลกันนั้นผมพบกับละอองดาวกำลังมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้ ผมเลยส่งยิ้มกลับไปให้





          "ไปนั่งแบม เอาของกินอะไรป้ะ เดี๋ยวไปบอกป้าให้" ไอ้เตนล์ลากผมให้เดินไปนั่งที่โต๊ะข้างๆละอองดาว ผมวางกระเป๋าแล้วหย่อนตัวเองนั่งข้างๆกับละอองดาวที่กำลังนั่งทำงานไม่ได้สนใจผมเท่าไหร่นัก ส่วนไอ้เตนล์ก็เดินออกไปหาอะไรให้ผมกินละมั้ง ทิ้งผมอยู่กับละอองดาวสองคนเพราะคนอื่นกำลังนั่งตัดต่อคลิปอะไรไม่รู้อยู่มุมห้องไกลๆ





          ผมนั่งเงียบๆมองไปรอบๆห้อง รู้สึกตัวเองจะไร้ประโยชน์เกินไปแล้วแฮะ -"-





          "เอ่อ ... อองดาว" ผมตัดสินใจหันไปหาผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ละอองดาวหันมามองหน้าผมเงียบๆ





          "หืม ?"





          "มีอะไรให้เราช่วยมั้ย" ละอองดาวหน้านิ่งๆแล้วยื่นกรรไกรที่อยู่ในมือให้ก่อนจะหยิบกระดาษให้ผมตัด ผมเอื้อมมือไปรับมาอย่างเร็วแล้วลงมือตัดทันที หางตาแอบเหลือบไปเห็นรอยยิ้มบางๆจากคนข้างๆ ผมไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรหรอกนะครับ แต่ก็ ... รู้สึกดีจังแฮะ





          ผมกับละอองดาวนั่งตัดกระดาษข้างๆกันโดยไร้คำพูดใดๆ แต่มันไม่อึดอัดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาแล้ว ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเราตอนนี้มันจะยังไม่ถึงขั้นสนิทกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ทุกอย่างมันกำลังดำเนินไปทีละนิดๆ ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันกำลังดีขึ้นเรื่อยๆครับ และผมก็เชื่อว่าสักวันเราสองคนต้องกลับมาเป็นเพื่อนกันได้แน่ๆ ผมก็ได้แต่ตั้งตารอว่าเมื่อไหร่กันนะที่วันนั้นจะมาถึง แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ... ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา





          กระดาษใบสุดท้ายถูกตัดจนเสร็จ ผมจึงวางกรรไกรลงแล้วเลื่อนกระดาษไปไว้หน้าละอองดาว เธอหันมามองผมไม่ได้พูดอะไรแต่กลับแสดงสีหน้าตกใจออกมาแทน





          "เสร็จแล้วนะ เดี๋ยวแบมขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปบนึงนะอองดาว"





          "อื้อ" ละอองดาวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆ ผมลุกออกจากเก้าอี้แต่แล้วก็ต้องกลั้นยิ้มเอาไว้เมื่อเสียงใสของคนข้างหลังดังออกมา





          "ระวังหลงทางล่ะ"





          "^^"







    ---------------







          "ห้องน้ำ .... อยู่ไหนวะเนี่ย" จริงๆผมว่าละอองดาวไม่ควรพูดแบบนั้นก่อนผมออกจากห้องมาเลยจริงๆ ก็ตอนนี้ผมหลงทางจริงๆแล้วครับเนี่ย ! หลงทางในบ้านเพื่อนด้วยไงประเด็น น่าอับอายที่สุด หม่าม๊ารู้ม๊าจะต้องหลั่งน้ำตาที่มีลูกโง่เชื่อผมสิ





          ผมเดินบ่นพึมพำกับตัวเองไปตามทางเรื่อยๆ กะว่าจะถามป้าแม่บ้านสักคนแต่ประเด็นคือตอนนี้ไม่เจอคนสักคน ยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองจะเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆนะเนี่ย ผมควรหันหลังกลับมั้ย ? ตอนนี้ผมเดินหลุดเข้ามาในห้องอะไรก็ไม่รู้ครับ ไม่เชิงห้องนั่งเล่นนะ เพราะมันมีโซฟาตู้โชว์เต็มไปหมด ผมเดินไปกะจะทะลุไปประตูอีกด้านหนึ่งแล้วหาทางกลับห้อง ไม่ไปแม่มละห้องนงห้องน้ำ กลับห้องให้สำเร็จก่อนจะเป็นบุญกับผมมากเลยให้ตาย ! โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอามา แต่ถึงเอามาผมก็ไม่โทรถามใครหรอก เขินจ้า ! หลงทางในบ้าน ... เอ่อะ ไม่ใช่แบมแบมผู้มีสกิลในการจำทางติดลบทำไม่ได้นะจ้ะจะบอก แบมแบมของแท้ต้องหลงทางเก่งมาก พูดเลอออ





          "อ๊ะ! .... เห้ยเชี้ย !" เหมือนว่าวันนี้ความซวยจะรักผมมากเกินไป เพราะเดินๆอยู่ดีผมก็ไปชนโต๊ะทำกรอบรูปบ้านเค้าตกซะงั้น ผมรีบก้มเก็บแทบไม่ทัน ก่อนจะเอาขึ้นมาสำนวจความเสียหาย กรอบรูปไม้ไม่เป็นอะไรทำผมโล่งอกรัวๆ แต่สิ่งที่อยู่ในกรอบรูปต่างหากที่ทำให้ผมแทบหยุดหายใจ





          ผมค่อยๆก้มมองรูปถ่ายของเด็กผู้ชายสองคนในรูปให้ชัดๆ แล้วก็ต้องตกใจอีกรอบเมื่อแน่ใจแล้วว่ารูปนั้นก็คือคนที่ทำให้ผมเชื่อแล้วว่าโลกของเรามันกลมจริงๆ





          'เตนท์ และ ....
















          ติณท์'





          "พี่ชายไอ้เตนท์ อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้ติณท์ ... เชี้ยแล้ว ..." ผมหลุดอุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัว โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังยืนมองอยู่ข้างหลังด้วยท่าทางสบายใจสุดๆ





          "อื้อใช่ฉันเองแหละ ..." ผมหันขวับไปมองที่ประตูทันที รอยยิ้มเลวๆกับหน้าตากวนตีนมองผมเต็มตาแล้วเซย์ไฮอย่างอารมณ์ดีผิดกับผม





          "ไอ้ติณท์ !"





          "ไฮ ~ ไม่เจอกันนานเลยนะแบมแบม ตั้งแต่วิ่งเล่นไล่จับกันวันนั้นน่ะ คิดถึ๊งงงคิดถึง วันนี้มาเล่นกันอีกป้ะ !?"







    ---------------








          เพล้ง !





          "ม๊าาาา ! เป็นไรมั้ย" เสียงแก้วแตกพร้อมกับเศษที่กระจายเต็มพื้นทำเอาเด็กสาวที่นั่งเล่นมือถืออยู่บนโซฟาต้องสะดุ้งตกใจวิ่งเข้ามาดูแทบไม่ทัน เบบี้รีบเข้ามาดูม๊าที่ยืนมองเศษแก้วแตกด้วยความเซ็ง





        "อย่าๆ หยุดตรงนั้นเลยยัยบี้ อย่าเข้ามาเดี๋ยวแก้วบาด" หม่าม๊าเบรกลูกสาวไว้แล้วดันให้ไปยืนห่างๆจากรัศมีที่แก้วแตกด้วยกลัวว่าลูกสาวจะเผลอพลาดไปเหยียบได้แผล เบบี้มองดูหม่าม๊าแยกไปหยิบไม้กวาดมาจัดการกับเศษแก้ว





          "ม๊านั่นแหละไปนั่ง เดี๋ยวตรงนี้บี้ทำเอง ยิ่งแก่ๆสายตาไม่ดีอยู่นะม๊าน่ะ เดี๋ยวแก้วบาดขึ้นมาล่ะเป็นเรื่อง" เบบี้เข้าไปแย่งไม้ปวาดจากผู้เป็นแม่โดยไม่ฟังคำทักท้วงใดๆ





          "ว่าใครแก่ยัยลูกคนนี้นี่ เห้ออออ ... อยู่ๆตกลงมาแตกได้ไงก็ไม่รู้ แปลกจริงๆ" หม่าม๊านั่งมองลูกสาวอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงคนไข้ซึ่งยังคงไม่ตื่น เบบี้กวาดเศษแก้วแตกไปแต่แล้วอยู่ๆก็ชะงักมองไปที่เตียง คนเป็นแม่จึงหันมองไปตามสายตาของลูกสาวคนเล็ก และต้องพบว่าลูกชายอีกคนของเธอรู้สึกตัวแล้ว





          "ม๊า พี่มาร์ครู้สึกตัวแล้ว"





          "พี่มาร์ค เป็นไงบ้างลูกรู้สึกดีขึ้นมั้ย" เบบี้และหม่าม๊าเดินเข้าไปทักทายคนเพิ่งตื่นด้วยรอยยิ้ม แต่คำแรกที่คนไข้ถามคนทั้งสองกลับเป็น ...





          "แม่ครับ แล้วแบมแบมล่ะ"







    ---------- 100% ----------






    เย้ !!!!!!!!!!!!!!!

    กรี๊ดรัวๆค่าาาาาาาาาาา ในที่สุดก็มีเวลากลับมาอัพฟิคสักที

    ฮึกกก อยากรั้งห้ายยยย ㅠㅠ


    ไม่มีไรจะพูดค่ะนอกจากดีใจเว่อร์

    หวังว่าจะชอบน้า ไม่ได้แต่งนานแอบงง 5555


    ไปล้าววว จุ๊บ ><


     









          














          





     





          




















           
    。SYDNEY♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×