ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF-SJ Vol.4 [SJ-Yaoi-KiHae]

    ลำดับตอนที่ #21 : [..-Real Situation-..] 9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.73K
      4
      10 พ.ย. 52

    href="file:///C:\DOCUME~1\Administrator\Local%20Settings\Temp\msohtml1\01\clip_filelist.xml" />






                 “ม๊ะ  คิบอมร้องยังไม่ทันจะจบคำก็เห็นว่าภรรยาของตนไหล่ไหวเป็นจังหวะ  เริ่มรู้อาการดังนั้นจึงได้เดินอ้อมไปด้านหน้าแล้วกอดไว้หลวมๆ

    เป็นอะไรครับ  ร้องทำไม 

    ดองเฮไมได้ขัดขืนอ้อมกอดนั้น  เนื่องจากกำลังหวั่นไหวกับภาพของเด็กๆ หลายคนที่ถูกบิดามารดาทอดทิ้ง  ...ความสงสารทำให้ถึงกับต้องหลั่งน้ำตา





    ม๊ะสงสารเด็ก

    เหมือนกัน  แต่อย่าร้องนะครับ  เด็กๆ คงไม่อยากให้เราสงสารแบบนี้  พวกเค้าเข้มแข็งกว่าที่เราคิด  ดีไม่ดีการที่เราแสดงออกว่าสงสารพวกเค้าเกินไป  จะทำให้เค้ารู้สึกไม่ดี  คิดไปว่าชีวิตตัวเองน่าสมเพช  เข้มแข็งไว้นะ  ชีวิตพวกเค้าผ่านเรื่องเศร้ามามากมาย  คงไม่อยากเห็นน้ำตาอีกแล้วล่ะ  ม๊ะต้องยิ้มให้เด็กๆ นะ  ช่วยได้เท่าที่จะช่วย

    เอาไปหมดไม่ได้เหรอ  ดองเฮเงยหน้าขึ้นมาถาม

    ไม่ได้หรอก  เราจะดูแลยังไง  ถ้าเรารับไป  พวกเราก็จะเป็นพ่อแม่คนนะ  ความรับผิดชอบต่อชีวิตคนคนนึงมันมากมาย  เราต้องดูแลเค้าจนโต  ดีไม่ดีเราต้องห่วงเค้าจนถึงวันตายของเรานั่นแหล่ะ

    นั่นสิ  ขนาดป๊ะรับผิดชอบม๊ะยังไม่ได้เลย  จู่ๆ ก็เผลอแดกดันคิบอมเสียอย่างนั้น  คิบอมหน้าเสียนิดหนึ่งที่ได้ยิน

    พักเรื่องนั้นไว้ก่อนสิ  อย่าพาล  เลือกได้รึยัง  ป๊ะอยากได้เด็กชื่อเซียนั่น  เค้าเข้มแข็งดี  ดูท่าจะเป็นเด็กดี

    แล้วถ้าเราเลิกกันเค้าจะอยู่กับใคร ?  ดองเฮยังไม่ลืมเรื่องนั้น

    .....  คิบอมพูดอะไรไม่ได้อีกต่อไป  คลายกอดลงแล้วก้มหน้าคอตก





    ม๊ะจะไม่ขึ้นศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิเลี้ยงดูลูกหรอกนะ  มันทำให้ลูกไม่สบายใจที่จะเลือก

    แล้วจะเอายังไง ?  ถึงคราวที่คิบอมต้องใช้คำนี้บ้างแล้ว

    ม๊ะขอสอง  นิ้วสั้นๆ นั้นชูขึ้นทำเป็นโลโก้ของลิโพหรือเครื่องดื่มชูกำลังอะไรสักอย่าง

    ไหวรึไง  ขอสองน่ะ

    ไหวสิ  อีกไม่นานก็จะเหลือหนึ่งเมื่อเราแบ่งกัน 

    คิบอมส่ายหัวแล้วเดินหนีไป  ดองเฮเองก็เจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องพูดแบบนั้นออกไป  แต่จะหลีกหนีความจริงนั้นไปได้อย่างไร  ในเมื่อหากปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปโดยที่คิบอมยังเป็นเหมือนเดิม  ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตนเอง  สักวัน  เรื่องราวแบบนี้ก็ต้องวนมาอีก

    ...เขาจะต้องเจ็บปวดอีกกี่ครั้งถึงจะสาแก่ใจล่ะ...





    ..

    ..

     





    รถคันใหญ่คันเดิมที่นำพาสามชีวิตไปยังสถานรับเลี้ยงเด็ก  บรรทุกผู้โดยสารขากลับมายังบ้านใหญ่ 5 คน  เป็นอย่างที่ดองเฮร้องขอ  พวกเขาพาเด็กน้อย 2 คนกลับมาเพื่อดูแล  และจะเป็นลูกๆ ของพวกเขาไปจนวันตราบสิ้นลมหายใจของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดามารดา

    ดองเฮนั่งมองเด็กสองคนมีรอยยิ้มกุมมือกันมาตลอดทางข้างตัวแล้วเผลอนึกถึงวันเก่าๆ ที่เขากับคนรักมี  พยายามนึกว่ามีใครบ้างที่ตนเองเคยทำแบบนี้ด้วย  นึกชื่อออกว่าเป็นใครบ้าง  แต่อย่างไรเสียภาพที่วิ่งเข้ามาในหัวก็ยังคงเป็นพนักงานขับรถกิติมศักดิ์ที่ชื่อคิมคิบอมอยู่ดี

    ดองเฮเปิดประตูลงจากรถ  แล้วเรียกเด็กๆ ให้ลงมาทางตนทั้งหมด  มือซ้ายจูงมือเซีย  ส่วนมือขวานั้นจูงมือมิคกี้  เด็กทั้งสองมือสั่นนิดๆ ดองเฮรู้สึกได้  แต่ก็กระชับอุ้งมือเด็กทั้งสองให้มั่นคงแล้วยิ้มให้สลับซ้ายขวา





    นี่บ้านใหญ่นะ  เป็นบ้านของคุณปู่คุณย่า  เขาแนะนำ

    ครับพี่  //  ฮะ  เด็กทั้งสองรับคำ

    ต้องเรียกดองเฮว่าแม่นะจ๊ะหลานๆ แล้วเรียกย่าว่า..ย่า ด้วยนะจ๊ะ  มารดาผู้ลงจากรถเดินมาสมทบ  ได้ยินคำเรียกขานดังนั้นจึงแก้ไขให้ถูกต้อง 

    ครับ  คุณย่า  //  ย่า.. Grand mom ?”

    จ๊ะ  ไหนมาให้ย่ากอดหน่อย  เธอย่อตัวเกือบชันเข่าข้างหนึ่ง  อ้าแขนรอให้เด็กๆ สองคนเดินเข้าหาเธออย่างเก้ๆ กังๆ เพราะยังไม่เคยชิน  แต่ดองเฮก็ดันหลังของทั้งคู่ให้ก้าวเข้าหา  สุดท้ายแล้วก็เป็นเธอเองที่รวบตัวเด็กทั้งสองมากอดด้วยตัวเธอเอง 





    ความฝันของเธอเป็นจริงจนได้  เธอมีหลานทีเดียวถึง 2 คน  หน้าตาน่าเอ็นดูไม่แพ้กัน  หัวใจของเธออิ่มเอมเปรมปรีดา





    ขอบใจนะจ๊ะหนูดองเฮ  ขอบใจมากนะลูกคิบอม  แม่ดีใจจริงๆ คิดไม่ผิดด้วยที่พาไปด้วยทั้งคู่  ถ้าแม่พาใครไปคนใดคนหนึ่ง  ระหว่างดองเฮกับคิบอมคงไม่ได้หลานที่น่ารักถึงสองคนแบบนี้  เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  ก้มลงหอมแก้มหลานสองคน  แล้วชักชวนเข้าบ้าน  ป่ะ  เข้าบ้านไปทานขนมดีกว่าลูก  ตอนเย็นคุณปู่กลับจากทำงานต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ได้เห็นหลาน

    ครับ //  ครับ

    เธอจูงมือหลานเดินขึ้นบันไดเข้าบ้านไป  แต่เด็กน้อยหยุดนิดหนึ่ง  หันหลังกลับมามองดองเฮและคิบอมที่มิได้ยืนใกล้กัน  แล้วร้องเรียก

    แม่ครับ  //  “Dad”  สองคนสะดุ้งที่ได้ยินแบบนั้น  ขนลุกเกรียว  ความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่มันคือแบบนี้เองสินะ 





    อ้าว  เข้าบ้านสิลูก  พาหลานๆ ไปทานขนม  วันนี้ต้องพาหลานๆ ไปดูบ้านของพวกเค้า  แล้วก็ซื้ออะไรอีกหลายอย่าง  อ้อ  พรุ่งนี้ต้องไปคุยเรื่องโรงเรียนแล้วก็....

    คุณแม่ฮะ  ใจเย็นๆ ฮะ  ให้ลูกได้พักหน่อยสิฮะ  ทานขนมแล้วค่อยว่ากัน  ดองเฮปรามขำขำ  เห็นกริยาของมารดาสามีแล้วเธอก็อดสุขใจตามไม่ได้






    ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเราเหรอฮะ  มิคกี้เอียงคอถาม

    ใช่สิจ๊ะหลาน  ที่นี่ก็เป็นบ้านของหนู  แต่มีอีกบ้านนึง  นั่นก็เป็นของหนู  บ้านของคุณพ่อคุณแม่ของหนูไงจ๊ะ

    “God..  เซีย  ตอนนี้เรามีบ้านตั้งสองหลังแหน่ะ  มิคกี้ตาโตพยักหน้าหงึกๆ ดีใจยิ่งหนัก  คนไม่เคยมีบ้าน  แต่บัดนี้กลับมีทีเดียวถึง 2 หลังก็ดีใจจนน้ำตาไหล  “Home…  We’ve got home”

    มิคกี้ร้องไห้  เซียก็น้ำตาไหลตาม  คนเป็นพ่อแม่จึงรีบเดินรุดเข้ามากอดลูกไว้ฝั่งละคน  ดองเฮเช็ดน้ำตาให้เซีย  ส่วนคิบอมอุ้มมิคกี้ไว้ได้  เพราะยังตัวเล็กขนาดพอที่เขาจะอุ้มได้  เด็ก 8-9 ขวบยังไม่เกินกำลังของเขานัก

    ลูกแม่  ต่อไปแม่จะรักลูกทั้งสองให้เหมือนลูกของแม่เองนะฮะ   ดองเฮพยายามอุ้มเซียบ้าง  แม้จะทุลักทุเลแต่ท้ายที่สุดก็ยังตะเกียกตะกายอุ้มไว้ด้วยท่าประหลาดจนคนทั้งหมดหัวเราะออกมา

    เอ่อ... ไม่ต้องอุ้มก็ได้ครับ  ผมกลัวตก  เซียพูดหวาดๆ

    ปล่อยลูกเถอะน่าม๊ะ  เดี๋ยวได้ตกลงมาแข้งขาหักฉลองเข้าบ้านกันพอดี

    ป๊ะ  พูดมาก  งั้นวางมิคกี้เลย  มาอุ้มเซียนี่  ม๊ะจะอุ้มมิคกี้แทน  ชิส์  ท่าทางเง้างอดของดองเฮและสายตามองอย่างเอ็นดูนั้น  ทอดสัมพันธ์ให้เด็กที่จะมาเป็นลูกทั้งสองเห็นถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกัน 

    ...ต่อไปพวกเขาจะมีพ่อกับแม่แล้ว  เยสสส...





    ..

    ..

     





    วันรุ่งขึ้นต่อมา  ดองเฮและคิบอมพาลูกๆ กลับมายังเรือนหอของพวกเขา  หลังจากที่บอกให้คนในบ้านจัดห้องหับไว้รอ  แม้จะกระทันหันแต่ด้วยเงินก็บันดาลได้ทุกสิ่ง  เพียงแค่โทรศัพท์เข้าไปยังบริษัทตกแต่งภายใน  ให้พวกเขามาจัดการนำเฟอร์นิเจอร์เข้ามาตกแต่ง  จึงสามารถกระทำการได้ภายในวันเดียว  หากแต่ยังไม่สามารถเข้าพักได้  เนื่องจากยังมีกลิ่นสีและกลิ่นทินเนอร์  ทั้งดองเฮและคิบอมจึงยังไม่ยอมให้ลูกเข้าไปนอนในคืนนี้  เพียงแต่ให้เปิดประตูเข้าไปกระโดดโลดเต้นบนเตียงนอนใหญ่ในห้องของตนครู่เดียว  แล้วรีบนำตัวออกมา 





    วันนี้ป๊ะไม่ไปทำงานเหรอ

    ไป  แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้

    จะไปก็รีบไป  รออะไรล่ะ  ไม่ได้ไปตั้งหลายวัน  ดองเฮเตรียมจะลุกไปหยิบเสื้อผ้าไว้ให้

    ถ้ากลับมา  ม๊ะจะยังรออยู่มั้ย  ม๊ะจะหายไปอีกรึเปล่า ?  คิบอมถามคำถามลึกซึ้ง  ผู้ถูกถามได้แต่นิ่ง  การที่เขาได้ดูแลลูกทำให้เผลอลืมนึกถึงเรื่องเลิกกันไปพักหนึ่งทีเดียว

    ไม่มีแม่คนไหนเค้าทิ้งลูกหรอก 

    แล้วพ่อล่ะ

    นั่น... ก็ยังไม่รู้  ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน  ก่อนจะถึงวันที่เราต้องแยกกัน  ไม่ถึงสัปดาห์เท่านั้น  ป๊ะให้ความอบอุ่นลูกให้มากนะ  แล้วดองเฮก็เดินเลี่ยงไป

     

    ทำไมใจแข็งอย่างงี้นะ  ไม่ห่วงผัวก็ควรจะห่วงลูกบ้างสิ  คิบอมบ่นเบาๆ  แล้วโคลงศีรษะไปมา





    ..

    ..

     





    ชีวิตครอบครัวเป็นสุขอยู่ได้อย่างนั้น  มีพ่อ  แม่  ลูกชายสองคน   และคุณปู่คุณย่า  ที่มาเยี่ยมไม่เคยขาดสาย 

    ...แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า  อีก 3 วันจะเป็นวันที่ครอบครัวต้องแยกจาก  พรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบวันเกิดของดองเฮแล้ว





    เซีย  มิคกี้  ทำอะไรอยู่ครับ  คิบอมเดินกลับเข้ามาในบ้านหลังจากทำงานเสร็จ  ตั้งแต่มีลูกเข้ามาในบ้าน  เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปหาอีหนูที่ไหนอีก

    ...ก็เมียเขาเลี้ยงลูกเป็นซะที่ไหน  ขนาดตัวเขาเองลีดองเฮยังไม่เคยทำอะไรให้กิน  กลัวลูกจะขาดสารอาหาร...

    เด็กๆ ทำปากจุ๊ๆ แล้ววิ่งมาหอมแก้มบิดาซ้ายขวาก่อนจะกระซิบบอก 

                “Dad ห้ามเอะไปนะฮะ  มิคกี้กับเซียทำการ์ดอวยพรวันเกิดให้ Mom”  มิคกี้หัวเราะเบาๆ แล้วเอามือปิดปาก

                อ..อืม  ดีแล้วลูก  แล้วม๊ะไปไหนซะล่ะ

                คุณแม่อยู่ในครัวครับ  เซียตอบ

                ครัว !!  แย่ละ  ใครปล่อยให้ม๊ะเข้าครัวเนี่ย  เดี๋ยวก็ได้ไฟไหม้บ้านกันล่ะคราวนี้  คิบอมตาตื่น  ผละจากลูกรีบวิ่งเข้าที่ครัวแทน  ไม่ได้ฟังที่ลูกกำลังจะบอกว่า  ...คุณนมก็อยู่ด้วย

     





                ม๊ะ... ทำอะไรน่ะ  คิบอมรีบดึงดองเฮออกมาจากหน้าเตาที่มีควันฉุย  รวบมือสองข้างมาดูมองหาร่องรอยบาดแผล  สำรวจหน้าตาว่าเป็นอย่างไรในตอนนี้ 

                เป็นอะไร ?  ดองเฮงง

                คุณหนูคะ  ไม่ต้องห่วงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ  แม่นมแซว

                ทีหลังอย่าทำให้ห่วงแบบนี้อีกนะ  ป๊ะจะบ้าตายที่รู้ว่าม๊ะเข้าครัว  คิบอมกอดไว้แน่น  กลัวว่าภรรยาจะเสียชีวิตจากการเข้าครัว





                นี่ !!~  คิมคิบอม  อยากตายเหรอพูดแบบนี้น่ะ  ผู้ถูกกอดกล่าวเสียงอู้อี้  นึกโมโหที่คิบอมดูถูกตนเองแบบนี้  ถึงจะห่วงก็เถอะ แต่มันก็น่าเจ็บใจ  ดิ้นรนจนคิบอมยอมปล่อยแวบหนึ่ง  แต่เมื่อใบหน้าห่างออกมานิดหนึ่งได้สบตากัน  คิบอมก็ดึงเข้าไปกอดใหม่อีกที

                คิกๆ  เสียงหัวเราะเด็กสองคนเล็ดรอดจากหน้าประตูครัว  ทำให้ได้สติ  คิบอมลดมือข้างหนึ่งมาห้ามลูกไว้ก่อน

                อย่าเข้ามานะลูก  เผื่อครัวระเบิด  ทีหลังอย่าเข้าใกล้ครัวเวลาม๊ะทำอาหาร  คำพูดดูเป็นจริงเป็นจังนั้นยิ่งทำให้ดองเฮหงุดหงิด  ใช้กำปั้นทุบเข้าไปที่หลังคนที่กอดตัวเองอยู่ดัง

                ปึ่ก !!~

                จุกหรือเจ็บก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่คิบอมก็นิ่งไปเลย

                ปัญญา.... ฮึ่ย  แค่ทำไข่เจียวไม่ถึงขั้นเป็นวินาศกรรมภัยได้หรอก  แล้วดองเฮก็ผลักคิบอมออกหันไปดูกะทะที่แม่นมพลิกด้านไข่ไว้ให้รอแล้ว   โอ๊ะๆๆๆ  สุกแล้ว  นี่ถ้าไข่มันไหมนะ  ป๊ะตาย !!~  จะเจียวไข่ป๊ะทานแน่  คอยดู





                ..

                ..

     





                ขอโทษ  คิบอมบอกเมื่ออยู่กันลำพังในห้อง

                ช่างเหอะ  ดองเฮไม่อยากใส่ใจ  เรื่องราวที่ผ่านไปแล้วก็ให้แล้วกันไป

                ม๊ะ จะไปจริงเหรอ  แล้วจะไปไหน  ไปเป็นเมียน้อยไอ้นั่นเหรอ

                ยังไม่ได้คิด  ดองเฮตอบกรายๆ  อาจจะเลี้ยงลูก  หางานทำ  หาแฟนใหม่มาช่วยเลี้ยงลูก 

                ไม่ได้ !!~”

                ทำไมล่ะ  ดองเฮสะบัดหน้ามามอง

                ก็... ก็...  คิบอมยังคงปากหนัก





    ถ้าไม่มีเหตุผลก็เงียบไปเถอะ

    มีสิ  ทำไมจะไม่มี  ก็ป๊ะน่ะร...

     





    ก๊อกๆๆ 

     





    เสียงประตูดังขัดจังหวะคำสารภาพบางสิ่งจากคนปากหนัก  ดองเฮเห็นคิบอมยังอ้ำอึ้งไม่เลิกจึงเดินไปเปิดประตู  ไม่รอฟังอีกต่อไป...





    ขอโทษครับ  คือ...มิคกี้ยังนอนคนเดียวไม่ได้  ผมเลยมาขออนุญาตไปนอนเป็นเพื่อนครับ  เซียน้ำเสียงเกรงใจ

    งั้นเรากับน้องมานอนกับป๊ะมาคืนนี้  นอนกันสี่คนนี่แหละ  คิบอมพูดเสียงดังจากทางด้านหลัง

    ได้..เหรอครับ  เซียส่งสายตาถามที่ดองเฮแทนคิบอม

    ได้สิลูก  คืนนี้แม่จะนอนกับลูกๆ นะ ดองเฮเว้นคำพูดที่ว่า..

    เพราะคืนนี้อาจจะเป็นคืนสุดท้ายที่เรา 4 คนจะได้นอนร่วมกันแล้ว





    เซียมีท่าทางดีใจ  รีบวิ่งไปตามน้องมา  เด็กสองคนรีบถือหมอนของตนเองมาด้วยความรวดเร็ว  เหมือนเด็กที่ต้องการไออุ่นพ่อแม่มานาน  แล้วรีบกระทำเมื่อได้โอกาส

    คิบอมกับดองเฮมองดูท่าทางดีใจอย่างแรงกล้าของลูกสองคนแล้วมองหน้ากันด้วยความสงสาร 

    เตียงกว้างขนาด King Size รองรับ 4 ชีวิต  ผ้าห่มผืนโตผืนเดียวให้ความอบอุ่นร่างกาย  และความเป็น พ่อ แม่ ลูก ให้ความอบอุ่นทางใจ  ลูบไล้กอดหอมบุตรชายทั้งสองอย่างรักใคร่

    จู่ๆ คิบอมก็ถามดองเฮขึ้นมา

    เห็นแบบนี้แล้วยังจะทำได้เหรอม๊ะ  จะใจร้ายกับลูกจริงๆ เหรอ  สองคนที่นอนห่างกันเพราะมีลูกสองคนมานอนกอดตนเองอยู่ตรงกลางนั้นคุยกันเบาๆ

    ....  ดองเฮก็ไม่สามารถตอบได้  ได้แต่นิ่งเงียบ  พักหนึ่งจึงได้แสร้งทำเสียงร่าเริงถามลูกๆ





    มิคกี้กับเซียรักป๊ะกับม๊ะมั้ยลูก 

    เด็กสองคนพยักหน้าหงึกๆ ไม่ได้ตอบเป็นคำพูดแต่ซุกหน้าลงกับอกของพ่อและแม่

    ถ้าให้เลือกระหว่างป๊ะกับม๊ะ  หนูจะเลือกใครล่ะลูก

    “No, I can’t”  มิคกี้ส่ายหน้า  ไม่เลือกได้มั้ยฮะ  I love Mom กับ Dad เท่าๆ กันเลย

    ผมก็ไม่เลือกครับ  ตอนนี้ผมมีความสุขมากที่สุดในโลก  เพราะมีทั้งพ่อกับแม่ 

    ได้ยินแบบนั้นดองเฮก็ยิ้มหวาน  ก้มลงจูบหน้าผากของลูกทั้งสองแล้วตอบกลับ

    ม๊ะ ก็มีความสุขเพราะมีลูกทั้งสองคน





    แล้วป๊ะล่ะฮะ  เดี๋ยวป๊ะก็น้อยใจที่ม๊ะหอมพวกเราแต่ไม่หอมป๊ะนะครับ  เซียทำแก้มยุ้ยยิ้มตาหยี

    นั่นสิ  ป๊ะชักงอนแล้วล่ะ

    บ้า  ทำไปได้  พูดแบบนั้นเอง  แต่ท้ายสุดก็ทนความอัปรีย์ลูกตาที่สามีทำแก้มป่องยื่นแก้มของตนเองมาให้หอม  จะปล่อยให้ลูกๆ หัวเราะคิกคักแบบนี้ไปนานคงไม่ดี  จึงได้รีบหอมแก้มคิบอม  เพื่อให้เรื่องจบสักที

    เย่..  //  เย่ เย่  เด็กน้อยสองคนส่งเสียงดีใจ

    เซียรักป๊ะ  เซียรักม๊ะ  เซียรักมิคกี้

    “Hey ทำไมเซียชอบพูดตัดหน้า  Micky love Dad , love Mom Too”  มิคกี้หันหน้ามาทำแก้มตูมใส่เซียแล้วพูดตามพี่ชาย

    ค่ำคืนนี้คงเป็นคืนแห่งความสุขในครอบครัว  ทั้งสี่หลับไหลไปพร้อมกับความอิ่มเอมใจ   คืนข้ามผ่านรอยต่อระหว่างการเปลี่ยนอายุที่เพิ่มมากขึ้นอีกปีหนึ่งของลีดองเฮ




    ..

    ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×