ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF-SJ Vol.4 [SJ-Yaoi-KiHae]

    ลำดับตอนที่ #20 : [..-Real Situation-..] 8

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.73K
      4
      8 พ.ย. 52






    />

    [..-Real Situation-..]

     

     





    ทันทีที่คิบอมเข้าไปในบ้านใหญ่  สิ่งแรกที่เห็นคือการประชุมเพลิงรักระหว่างลูกสะใภ้กับพ่อแม่สามี  ดองเฮหัวเราะคิกคักอยู่กับบิดาและมารดาของตนเอง  เรื่องเล่ามากมายที่ได้ยินนั้นทำให้เขากระตุกยิ้มที่มุมปากด้วยเช่นกัน 


    ดองเฮพูดเก่ง  ช่างเอาใจ  เขารู้ข้อนี้ดีตั้งแต่สมัยเรียน  ไม่อย่างนั้นเด็กๆ ทั้งหลายคงไม่หลงดองเฮแบบนั้น  ผิดกับเขาที่เป็นคนปากหนัก  พูดไม่เก่ง  แสดงอารมณ์ไม่เป็น  ต่อให้เขาหล่อแค่ไหนก็คงจะแพ้คนอบอุ่นสดใส  ...เขารู้ตัว





    อ้าว  ป๊ะ !  มาได้ไงล่ะเนี่ย  มามามา  นั่งนี่ๆๆ เร็วๆ เข้า  คุณพ่อกำลังเล่าเรื่องตลกให้ฟังด้วยล่ะ  น้ำเสียงสดใส  เหมือนอย่างตอนที่พวกเรายังไม่เกิดเรื่องทะลักจุดแตกนี้ทำให้คิบอมประหลาดใจเล็กน้อย  เพราะมันผิดกับเมื่อหัวค่ำที่ความห่างเหินปรากฎชัดเจน

    อ่...อืม  คิบอมทำความเคารพบิดามารดาก่อนจะไปนั่งข้างดองเฮ  ทำตัวให้เป็นปกติ  แต่สีหน้ายังเจื่อนอยู่

    แกนี่ตาถึงนะคิบอม  เลือกรถได้สวยทีเดียวล่ะ  มีเมียดีก็ต้องให้สิ่งที่ดีแบบนี้ล่ะนะ  ว่าแต่เท่าไหร่ล่ะคันนี้  บิดาหมายถึงรถที่ดองเฮขับมาวันนี้  คิบอมไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไรเพราะเขาไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันเลย  ท่าทางดองเฮคงยังไม่ได้บอกความจริง

    อ๊ะ  คุณพ่อห้ามถามราคาสิฮะ  ของขวัญใครเค้าถามกัน  ฮิฮิ  เคืองคิบอมล่ะซี่ที่เค้าปาดหน้าให้รถดองเฮก่อน  น้ำเสียงร่าเริงกระเซ้าพ่อสามีแล้วกระเถิบตัวออกห่างคิบอมไปเกาะแข้งเกาะขาพ่อสามีแทน

    นั่นสิ  พ่อก็  อย่างนี้เราคงต้องหาอย่างอื่นให้แล้วสิเนี่ย  ผู้เป็นภรรยาปรามเพราะคิดเห็นตามที่ลูกสะใภ้กล่าว





    ป๊ะ  พรุ่งนี้ป๊ะมีงานนี่  วันนี้ป๊ะกลับก่อนเลยนะ  ม๊ะจะนอนกับคุณพ่อคุณแม่  ดองเฮเลี่ยงสายตา  เฉไปเรื่องอื่น  ถึงจะพยายามอย่างไร  แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากอยู่ใกล้ชิดกับคิบอม 

    ...ทุกสิ่งไม่เหมือนก่อนแล้ว  ถึงจะแสดงละครให้คุณพ่อคุณแม่เห็นว่ายังเหมือนเดิม  แต่มันก็อีกไม่นานนัก  หลังวันเกิด  หลังงานเลี้ยงรุ่น  พวกเขาก็จะกลายเป็นคนอื่น...

    ไม่เป็นไร  ป๊ะจะนอนกับม๊ะ  คิบอมพูดหน้าตาเฉย  ดองเฮตาโตถมึงตาคาดโทษให้กับอาการทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั่น

    ไม่เป็นไรหรอกลูก  บริษัทของเราเอง  ค้างที่นี่สักคืนคงไม่เป็นอะไรหรอก  จริงมั้ยตาคิบอม  มารดาเห็นลูกปรองดองกันก็เป็นปลื้ม

    ครับ  คิบอมตอบสั้นๆ แล้วดึงตัวดองเฮมานั่งข้างกายตนเองเหมือนเดิม  ใบหน้าง้ำงอดิ้นนิดๆ แต่เมื่อหันหน้าไปพบสายตาของบิดามารดาสามีก็นิ่งแล้วแสดงละครต่อไป





    ..

    ..





    ป๊ะ !!~  เอ่อ  คิมคิบอม  ทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง  ดองเฮพูดลอดไรฟันทันทีที่เข้าห้องอยู่กันสองคน 

    ทำอะไรล่ะม๊ะ  คิบอมคลายเนคไทด์  จัดการให้ตนเองสบาย ด้วยการปลดเปลื้องเฟอร์นิเจอร์ประดับตัวและเสื้อผ้าด้านนอกที่ไม่จำเป็นออกเหมือนอย่างกับตอนที่กลับบ้านทุกๆ ครั้ง

    ความเคยชินทำให้ดองเฮบ่นไป  เดินเก็บไปด้วย  เพราะคิบอมมีนิสัยเดินถอดเรี่ยราดต้องคอยให้ดองเฮเดินตามเก็บเสมอ  ถึงจะทะเลาะกันแทบตาย  แต่ร่างกายก็ยังทำตามความเคยชิน

    กว่าจะนึกได้  ดองเฮก็หยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนมาวางบนปลายเตียงเสียเรียบร้อย  ก่อนจะนั่งซักเอาเรื่องกันต่อ  คิบอมยังคงชินเช่นกัน  ไม่ได้สังเกตุว่าคนที่เขาทะเลาะกันจะเลิกกันนั้นควรมีปฏิกิริยาอย่างไร  ...ก็ดองเฮยังเหมือนเดิมทุกอย่าง  เหมือนทุกวันที่ทะเลาะกันเพราะเขาไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นแล้วกลับบ้านช้า  ซึ่งดองเฮยังไม่เคยบอกกับเขาว่าจะเลิกกันแบบนี้





    อย่ามาเนียน  ผมบอกแล้วว่า...

    จุ๊ๆๆๆ เบาๆ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ได้ยิน  เรียกเหมือนเดิมสิ 

    ฮึ่ย !  ก็ได้  แค่วันนี้เท่านั้นล่ะ






    หึหึ  เสียงหัวเราะต่ำในลำคอพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ดองเฮรู้สึกกวนอารมณ์นั้นส่งออกมาอีกครั้ง

    หัวเราะอะไร

    เปล่า..  คิบอมรีบปั้นหน้าเฉย  คุณนมคิดถึง

    อืม... รู้แล้ว  เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปหาท่านเอง  ดองเฮหน้าหงอยลงนิดหนึ่งเมื่อนึกถึงผู้ใหญ่  แต่ก็รีบสะบัดหน้ามามองคิบอมด้วยอารมณ์ร้ายอีกครั้ง   แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น  อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง  ที่ม๊ะถามก็คือ  ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง

    ถามแปลกม๊ะนี่ก็  สามีภรรยากันเค้าก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น  ขาดอยู่ไม่กี่เรื่องเท่านั้นล่ะที่เรายังไม่ทำ

    ใครเป็นภรรยาคุณกัน  ถ้าพ้น...

    ก็ตอนนี้เป็นอยู่ไม่ใช่รึไง ?  คิบอมตัดบท

    ก...ก็ใช่  แต่ว่ามัน...

    ก็เป็นอยู่ไง  ตอนนี้ยังเป็นอยู่  ป๊ะก็เป็นสามีของม๊ะ

    เหรอ... แล้วก็เป็นสามีของใครอีกหลายคน  เสียงสูงประชด

    แต่วันนี้เป็นของม๊ะคนเดียวนะ  คิบอมทู่ซี้

    พรุ่งนี้ล่ะ  ต่อไปล่ะ

    นั่นมันอนาคต  ค่อยว่ากันไม่ได้เหรอ  ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้คนงอนที่นั่งอยู่ข้างๆ เสื้อผ้าของเขาที่ปลายเตียง

    อนาคตที่มองเห็นได้  คาดเดาได้  พอเหอะป๊ะ  ม๊ะเหนื่อยแล้ว  อยู่กันไปก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น  มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องให้ทน 







    ไม่รักป๊ะแล้วเหรอ...  คิบอมทอดเสียงหงอย  มานั่งยองๆ อยู่ที่ปลายเท้าของดองเฮ ณ ปลายเตียง

    ถามตัวเองดีกว่าป๊ะ  ว่าไม่รักกันแล้วเหรอ  ไม่สิ  ต้องถามว่าเคยรักกันบ้างมั้ย  ดวงตาสองคู่จับจ้องซึ่งกันและกันเนิ่นนาน  ไร้คำตอบใดใดของจากปากของคิบอม 

    ...คำว่ารักมันหนักเกินกว่าจะขยับปากพูด...

    ต่อให้พูดตอนนี้  ดองเฮก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

    ...คำว่ารักกันเบาเกินได้ยิน...





    อาบน้ำให้อารมณ์เย็นดีกว่า  สงบศึกวันนึง  เมื่อถึงเวลาเราค่อยว่ากัน  ในบ้านหลังนี้  เราตัดทุกอย่างออกไปก่อน  ได้มั้ย  เพื่อคุณพ่อคุณแม่  คิบอมเอื้อมมือมากุมแล้วตะล่อมให้เมียที่เขารู้จักนิสัยดีได้อ่อนลงบ้าง 

    เฉพาะในบ้านนี้นะ  เขานึกถึงจิตใจผู้ใหญ่

    ครับ  แล้วแต่ม๊ะ

    ก็ได้  สงบศึกวันนึง  แล้วพอถึงเวลา  ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม 

    น่ารักจังเลย  เมียใครไม่รู้  แล้วคิบอมก็หอมแก้มฟอดใหญ่จนดองเฮโวยวาย  แต่ก็ถูกคิบอมปรามว่า  อ๊ะๆ ให้นึกถึงสถานภาพระหว่างพวกเขาตอนนี้  ...ตอนที่อยู่ในบ้านหลังนี้

     





    ครู่ต่อมา  มารดาเคาะประตูห้องเพื่อจะนำนมมาให้ลูกทั้งสอง  เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา  ก็พบว่า  ไม่มีคนทั้งสองอยู่แล้ว  กลับได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักสลับกับเสียงทะเลาะเบาะแว้งเบาๆ ลอดออกมาจากห้องน้ำ  เหมือนอย่างที่ตอนพวกเขาอยู่กินกันใหม่ๆ ที่จะอาบน้ำพร้อมกัน  มีเสียงหัวเราะดังลั่นบ้าน 

    เธอยิ้ม  และวางถาดนมไว้ให้  ก่อนจะกลับออกมาแล้วกลับไปเล่าให้สามีฟังเรื่องความน่ารักของคนทั้งคู่  เพื่อให้สามีที่สังเกตุเห็นรอยร้าวเล็กๆ จากท่าทีของคนทั้งสองได้สบายใจว่า  คงไม่มีอะไร  ท่าทางจะปรับความเข้าใจกันแล้ว





    ..

    ..

     





    สามวันแล้วที่คิบอมไม่ได้กลับมายังบ้านเล็กหรือเรือนหอ  แต่กลับให้คุณนมตามไปอยู่บ้านใหญ่แทน

    ดองเฮเองก็ไม่ได้ออกไปไหนเพราะถูกคิบอมสร้างสถานการณ์ต่างๆ รั้งเขาไว้  ไหนจะอ้างคุณนม  อ้างคุณแม่บ้าง  อ้างคุณพ่อบ้าง  แกล้งป่วยไม่ยอมไปทำงานบ้าง  เยอะแยะจนดองเฮตามเกมทันแล้วเริ่มโวยวายเรื่องไอ้ความเจ้าเล่ห์ไม่เนียนของคิบอม





    ไม่กระวนกระวายไปหาอีหนูมั่งรึไง  สามวันแล้วนะ  ดองเฮกระซิบถามคิบอมที่แสร้งทำเป็นปวดหัวแล้วนอนหนุนตักดองเฮโชว์มารดาที่อยู่เฝ้าบ้าน

    ว่าไงนะลูก  ตะกี๊ดองเฮพูดกับแม่รึเปล่าจ๊ะ  มารดาหูดีใช่ย่อย  เพียงแต่จับสาระไม่ทันว่าพูดอะไรเท่านั้นเอง  เธอนั่งปอกผลไม้ให้กับบุตรชายที่บอกว่าปวดหัวไปทำงานไม่ไหวได้ทาน  โดยมีดองเฮเป็นพนักงานหยิบใส่ปากคนขี้เกียจให้  ...ตามคำบอกของมารดาสามี

    ป..เปล่าฮะ  ดองเฮหมายถึงคิบอมไม่ไปทำงาน  จะดีเหรอฮะ  สามวันแล้ว  แฮ่ๆ..  รอยยิ้มแห้งๆ ถูกแจกจ่ายแก้ขัด  คุณนมเลยต้องลำบากมาถึงนี่  บ้านช่องก็ไม่กลับ

    คิบอมได้แต่คิดในใจ

    ถ้าไม่อยู่ที่นี่เมียผมก็หายน่ะสิแม่

    แต่เป็นเพียงเหตุผลที่บอกในใจ  คนอย่างคิมคิบอมคงไม่ อยากจะเสียหน้าแจ้งเหตุผลนี้กับใครๆ แม้แต่การบอกรักเมียสักครั้งมันยังยากกว่าการอั้นตดอดไม่ปล่อยเสียงปู๋เสียอีก

    ก็ไม่สบายนี่เนอะ  หนูดองเฮก็พยาบาลให้ตาคิบอมหายไวไวแล้วนะจ๊ะ  เธอพูดสบายๆ ก่อนจะยื่นจานผลไม้ใหม่ให้ลูกสะใภ้ป้อนลูกชายตนเอง

    แฮ่ๆ .. ฮะ







    เอ้อ  ว่าแล้วก็  เสียดายนะที่วันนี้ตาคิบอมไม่สบาย  จริงๆ ไหนๆ ก็อยู่กันครบ  แม่ก็ว่าจะพาไปดูหลานเสียหน่อย  ทาบทามเค้าไว้นานแล้ว เด็กๆ ที่บ้านนั้นคงมีความหวังว่าจะมีคนรับเลี้ยงพวกเค้าอยู่  เสียดาย..เสียดาย

    ไปสิครับแม่  ผมไหว  ..ไหว  คิบอมยกหัวขึ้นมานิดหนึ่งด้วยท่าทางตื่นเต้น  แล้วก็เอนหัวลงไปใหม่เพราะคิดแล้วคงเห็นว่าท่าทางตนเองนั้นดูกระฉับกระเฉงเกินงามคนป่วย

    ดองเฮค้อนใส่คนที่ตักนิดหนึ่งก่อนจะกระแทกผลไม้ชิ้นใหญ่กระซวกปากเข้าไปจนคิบอมร้อง 

    อ๊ะ  โทษทีป๊ะ  ม๊ะตื่นเต้นไปหน่อย  แล้วผู้ทำก็ยิ้มเอียงอายให้มารดาแต่มีสายตาเยาะเย้ยให้สามี





    ..

    ..

     





    คุณลุงๆ คุณลุงเอาน้องผมไปทีสิครับ  ผมไม่อยากให้น้องร้องไห้...  เด็กชายวัย 9 ขวบกระตุกชายเสื้อคิบอมเบาๆ แล้วชี้นิ้วไปทางเด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งดูท่าจะเด็กกว่า  เพราะตัวเล็ก 

    หืม... นั่นน้องเราเหรอ  แล้วเราล่ะ  ไม่อยากไปกับฉันเหรอ  คิบอมตอบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

    ไม่เป็นไรครับ  ผมอยู่ได้  แต่ยูชอน...  เขาไม่พูดต่อ  ก้มหน้าลงไปนิดหนึ่ง  ก่อนจะเงยหน้าด้วยความเข้มแข็ง 

    เราชื่ออะไรล่ะ

    จุนซูครับ  คิมจุนซู

    อืม  แล้วฉันจะคิดดู  คิบอมพยักหน้านิดหนึ่ง  เด็กชายหน้ากลมผิวพรรณดีจึงได้ปล่อยชายเสื้อเขา  แล้วเดินไปกอดเด็กน้อยกว่าที่ชื่อยูชอนเบาๆ   คิบอมเหลียวมองดูนิดหนึ่ง  ก่อนจะเดินเข้าไปถามผู้ดูแล





    ขอโทษครับ  เด็กสองคนนี้เค้าเป็นพี่น้องกันเหรอครับ

    อ๋อ ...เปล่าค่ะ  ผู้ดูแลหญิงตอบด้วยรอยยิ้ม 

    อ้าว...

    แต่ทั้งคู่สนิทกันค่ะ  เซียเค้าจะคอยทำให้มิคกี้ยิ้ม  ดิฉันว่าคงจะชะตาต้องกันกระมังคะ  เธอให้คำตอบแล้วเดินไปหยิบของให้เด็กคนอื่นๆ  เอ่อ... ชื่อเล่นของทั้งคู่น่ะค่ะ  เธอแจงเมื่อเห็นว่าคิบอมทำหน้าไม่เข้าใจ





    ไม่นานนัก  มารดาของคิบอมก็พาดองเฮที่ยืนหลบอยู่มุมหลังเสาเข้ามา  เพราะไม่อยากเข้ามาเห็นภาพเด็กๆ ที่ถูกทิ้ง  เกรงว่าจะทำให้อ่อนไหวไปมากกว่านี้





    ม๊ะ  ป๊ะคิดแล้ว

    คิดอะไร ?  //  ใครเหรอลูก   สองเสียงถามพร้อมกัน

    ป๊ะจะเอาเด็กที่ชื่อเซีย  คิบอมชอบใจในความเข้มแข็งและความเสียสละของเด็กคนนี้

    คนไหนป๊ะ  เมื่อดองเฮถามขึ้นคิบอมจึงได้ชี้นิ้วไปที่เด็กชายตัวไม่ได้เพรียวเพราะมีเนื้อหนังแต่ผิวพรรณดี  แต่ดองเฮก็ยังชี้จำเพาะไม่ได้  เพราะทิศที่ชี้ไปนั้นมีเด็กสองคนกำลังหัวเราะเสียงดัง

    เด็กตัวโตกว่า

    อ้าว  แล้วอีกคนล่ะ  น่ารักออก  มารดาถาม

    ก็เลือกได้คนเดียวไม่ใช่เหรอครับ  คิบอมถามกลับ

    แม่ไม่ได้พูดซักหน่อย  ขอให้พวกเธอเลี้ยงไหวเถอะ  แม่น่ะไม่มีปัญหา





    ป๊ะ  เค้าเป็นพี่น้องกันเหรอ  ดูเค้าห่วงกันจัง  ดองเฮอยากรู้

    เปล่า  แต่... ไม่รู้แฮะ  ลองถามสิ  คิบอมเองก็ตอบไม่ได้ 

    ดองเฮยักไหล่  รู้สึกถูกชะตากับเด็กตัวเล็กกว่าเพราะคล้ายกับตนเองเมื่อตอนเด็กๆ แม้จะไม่ทั้งหมดแต่มีบางสิ่งให้อยากเดินเข้าไปพูดคุยด้วย  เล่นด้วย





    หวัดดีฮะ  ดองเฮยิ้มกว้าง  เดินเข้าไปทักทาย

    สวัสดีครับ  เซียรู้หน้าที่  สะกิดให้มิคกี้เงยหน้าขึ้นมามอง 

    “Hi”  

    ว้าว  พูดฝรั่งด้วย  เป็นลูกครึ่งเหรอเรา  ดองเฮนั่งยองๆ ลงข้างๆ

    มิคกี้พูดเกาหลีไม่ชัดครับ  เค้าน่ารักนะครับ  พี่พายูชอนไปอยู่ด้วยได้มั้ยครับ  เด็กที่ชื่อเซียรีบพรีเซ้นต์บอกชื่อจริงตอนท้าย  เพราะตอนแรกเผลอเรียกชื่อเล่นที่คุ้นปากว่ามิคกี้ไปก่อนหน้านี้

    “No!  I’ll stay with you”  มิคกี้เกาะแขนเซียไว้แน่น  เหมือนกับไม่ไว้วางใจผู้ใด

    มิคกี้อย่าดื้อนะ  คุณเค้าเป็นคนดี  มิคกี้จะได้อยู่สบายไง  ไม่งอแงนะ  เซียปลอบ






    เราเป็นพี่น้องกันเหรอ  ดองเฮถาม

    เปล่าครับ  แต่มาอยู่ที่นี่ทุกคนเป็นพี่น้องกัน  เราถูกทิ้งเหมือนกัน  ต้องรักกันไว้  คำพูดคำจาที่ดูเกินวัยเด็ก 9-10 ขวบนั้นทำให้ดองเฮสะอึก

    แล้วเราไม่อยากไปกับพี่เหรอ 

    ... ไม่เป็นไรครับ  ผมอยู่ได้  ผมอยากให้มิคกี้ไปมากกว่า

    ดองเฮไม่ตอบอะไร  เพียงแต่ยิ้มนิดหนึ่ง  แล้วลูบศีรษะเด็กทั้งสอง  ก่อนจะเดินหันหลังกลับไป  นัยน์ตามีน้ำใสใสหล่อเลี้ยงคลอเบ้าอยู่  ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกอ่อนแอจึงเดินหลบฉากไปด้านนอก  คิบอมเหลือบเห็นเข้าจึงได้รีบเดินตามออกไป





    ..

    ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×