STIGMA #ฟิครอยแผลกุกวี [rewrite]
'ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงพร้อมกับปีกที่กางออก จนกว่าความฝันจะบังเกิด เพื่อค้นหาท้องทะเลที่ไม่มีวันพบ'
ผู้เข้าชมรวม
14,967
ผู้เข้าชมเดือนนี้
21
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“คิมแทฮยอง”
“คิมแทฮยอง”
มือเรียวที่จับปลายผู้กันชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเขาแว่วๆ แต่เมื่อใบหน้าเรียวรูปไข่แหงนมองเลยผ้าใบไปรอบๆ แต่ทุกอย่างรอบกายกลับยังคงนิ่งสนิท เขาก็ละความสนใจสิ่งภายนอกและจดจ่อกับผืนผ้าใบอีกครี้ง
“คิมแทฮยอง”
ปึ่ก
ร่างโปร่งโยนพู่กันลงบนจานสีพลางกวาดตามองไปรอบๆกายที่จู่ๆก็มีเสียงผู้ชายทุ้มหนักเอ่ยเรียกชื่อ คิ้วสวยขมวดผูกกันแทบจะมัดไว้เป็นปม หัวเสียกับการถูกขัดสมาธิแต่ก็ไม่ได้พบอะไรนอกเสียงจากลมเย็นยะเยือกยามค่ำคืนราตรีที่เงียบสงัดของมหาวิทยาลัย แสงสว่างพรางพราวจากดวงจันทร์ลอดเข้ามายังห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยผ้าใบหลากผืนหลายขนาดและพื้นผิว สีนับร้อยที่ถูกผสมไว้บนจานพลาสติกและรอเวลาที่จะมีคนรังสรรค์สร้างผลงานศิลป์เลอะเปรอะเกลื่อนห้อง
คงจะคิดไปเอง
สายตากลับมาจดจ้องที่ผ้าใบผืนเดิม มือเรียวหยิบจานสีขึ้นมาถือไว้ที่มือซ้าย มือขวาก็จรดปลายพู่กันลงบนโครงหน้าของคนบนภาพวาดอีกครั้ง ไล้น้ำหนักสีหนักเบาตามจินตนาการ ปลายปีกกว้างของสิ่งมีชีวิตบนผืนผ้าใบที่มีความพอดีในการคำนวณส่งผลออกมาให้ภาพวาดดูมีชีวิตชีวา ถึงแม้ว่าจะเป็นปีกสีดำก็ตาม
“คิมแทฮยอง”
กึก
ร่างโปร่งชะงักกึกค้างอยู่ท่าเดิม เสียงทุ้มที่ดังขึ้นและหาที่มาไม่ได้กำลังทำให้คิมแทฮยองขนลุกเกรียว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาค้างที่มหาลัยคนเดียว เขาอยู่ทำงานจนดึกจนต้องแอบค้างที่มหาลัยออกบ่อย ห้องศิลปะตั้งอยู่ส่วนในสุดของตึกไม่ค่อยมีผู้คนเพ่นพ่านและสงบทำให้ที่นี่เป็นที่ประจำของเขา ทำจนเคยชินแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่บรรยากาศดูแปลกๆชอบกล ลมหนาวเย็นยะเยือกลอยละล่องมากระทบกายเบาๆหลายต่อหลายครั้งทำให้เขาไม่ค่อยมีสมาธิในการวาดสักเท่าไหร่ แถมวันพรุ่งนี้ก็ถึงกำหนดต้องส่งแล้วด้วย
“นั่นใคร” เสียงแหบพร่าตะโกนออกไปอย่างไร้ทิศทาง ในใจกรุ่นโกธรและมีความกลัวปะปนอยู่ คืนนี้มันน่าขนลุกชอบกลอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ชอบใจอยู่ดี เขาไม่ชอบให้ใครมาทำลายสมาธิเขาตอนที่เขากำลังตั้งใจมากๆแบบนี้
ร่างบางกลอกตาไปมาพลางกระแทกจานสีลงบนโต๊ะวางสีข้างๆ ความจริงเขาไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนสักเท่าไหร่แต่คราวนี้เขากลับรำคาญมากๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“คิมแทฮยอง” เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ดังขึ้นรอบตัวอีกแล้ว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงนั่นเป็นเสียงที่ดังนั้นมาจากนอกประตูหนา น่าแปลกตรงที่ปกติประตูนี้เป็นประตูที่ค่อนข้างเก็บเสียง จะไม่มีเสียงใดเล็ดลอดเข้ามาหรือออกไปแต่ครั้งนี้กลับหนักแน่นชัดเจนราวกับว่าเสียงนั้นอยู่รอบๆตัว
ร่างบางลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างไม่ลังเล มือเรียวออกแรงผลักดันประตูออกแล้วก้าวออกมา ลมเย็นยะเยือกปลิวมากระทบแขนส่งผลให้ขนลุกชันไปทั้งตัว สายตากวาดไปรอบๆ เห็นเหมือนควันฟุ้งๆลอยอยู่เต็มไปหมด ราวกับว่าเป็นฤดูหนาวที่หมอกลงมาปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสุดสายตานั้นมีอะไรอยู่ ทุกอย่างเลือนรางเต็มที
“คิมแทฮยอง” ร่างบางหันขวับไปทางต้นเสียงทันที ขาเรียวออกแรงก้าวมุ่งไปอย่างไม่ลังเล ดวงตาคมจ้องไปยังปลายทางลิบลับที่แทบมองไม่เห็นอะไร
เสียงเรียกยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ
ไกลลับสายตามีบางอย่างกำลังขยับอยู่
คิมแทฮยองเร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปหาสิ่งนั้นทันที
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือภาพของผู้ชายตัวบางลักษณะร่างกายคล้ายเขา อาจจะหนาหรือบางกว่าสักหน่อย คงไม่มีใครตัวเท่ากันเป๊ะไปทุกตารางนิ้วหรอกจริงไหม ผู้ชายคนนั้นกำลังนั่งหันหลังอยู่
แผ่นหลังสีแทนเนียนปรากฏแก่สายตา
เสื้อคอกว้างแขนยาวลายทางคล้ายชุดคลุมอาบน้ำสีขาวน้ำเงินถูกร่นลงไปกองอยู่ที่ข้อศอก
หัวทุยสีบลอนด์ก้มหน้าจนคางชิดคอยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายวินาที
แล้วไม่นานจู่ๆไหล่บางก็เริ่มสั่นสะเทือน
แทฮยองเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็เริ่มสะอื้นและร้องไห้ออกมา จากขาที่เริ่มก้าวถอยหลังกลับสาวเข้าไปหาคนตรงหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆอย่างไม่แน่ใจกับ
‘อะไรบางอย่าง’ มือบางเอื้อมไปแตะที่ไหล่พร้อมเอ่ยถามเสียงสั่น
“ มะ...มีอะไร ให้ผม...ช่วย หรือเปล่า...ครับ ”
ทันทีที่มือบางแตะโดนไหล่ คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นก็หยุดสะอื้น
ใบหน้าเชิดขึ้นมองตรงไปข้างหน้า เสียงหัวเราะพ่นลมหายใจขึ้นจมูกดังขั้น
ตามด้วยเสียงหัวเราะราวกับเย้ยหยันกับอะไรบางอย่างที่ดังกึกก้อง
“คิมแทฮยองคนโง่” แทฮยองขมวดคิ้วฉับ
เสียงนั้นเขาก็ช่างคุ้นเหลือเกิน ทว่าคนที่พื้นก็ไม่ยอมหันหน้ามาเสียที
หัวใจเต้นเร็วระรัวด้วยความตื่นเต้นระคนความกลัวที่เกาะกุมจิตใจ
แต่ความหงุดหงิดก็พุ่งทะยานแตะเพดานทุกความรู้สึกนึกคิด เหนือสิ่งอื่นใด ‘มันต้องการอะไรจากเขา’
“ตะ..ต้องการอะไรจากผม”
“หึ! มนุษย์...ช่างโง่เขลาสิ้นดี ” เสียงทุ้มดังสนั่นกัมปนาททำให้แทฮยองก้าวถอยหลังอัตโนมัติตามสัญชาตญาณการป้องกันตัว ทว่าขาเรียวกลับสะดุดกับอะไรบางอย่างทำให้ล้มลง ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ละสายตาเพื่อไปมองมัน
ร่างจ้อยหลับตาปี๋ เสียงฟ้าผ่าดังไปทั่วอาณาบริเวณ
สมองสั่งการให้เขาลุกขึ้นและวิ่งหนีจากสิ่งนี้ไปให้ไกล
แต่เหมือนว่าความคิดนั้นคงเป็นได้เพียงแค่จินตนาการโง่ๆที่เขาอยากให้เกิดขึ้นเท่านั้น
เมื่อเขาลุกขึ้นหันหลังเตรียมจะวิ่งหนี
คนที่นั่งอยู่ที่พื้นเมื่อสักครู่ก็ย้ายร่างมาอยู่เบื้องหน้าเขาอีกครา
ราวกับเป็นภาพหลายมิติ
เสี้ยววินาที แผ่นหลังเนียนแยกออกจากกันเป็นเสี่ยง
รอยกรีดยาวปรากฏขึ้นหลางแผ่นหลัง แผลใหญ่บากและหนาเกิดขึ้นสองสายราวกับถูกกรีดด้วยของมีคมขนาดใหญ่อย่างน่ากลัว แทฮยองเบิกตากว้างที่สุดในชีวิตกับสิ่งที่เห็น ภาพตรงหน้าสยดสยอง
รอยแผลสดปรากฏแก่สายตา ‘บางอย่าง’ ถูกแทงทะลุผ่านชั้นเนื้อออกมาจากข้างใน วัตถุที่มีสีดำทะมึนลักษณะคล้ายหนามแหลมยังคงกระเสือกกระสนออกมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
กว่าคิมแทฮยองจะปรับโฟกัสภาพตรงหน้าผ่านดวงตาที่เต็มไปด้วยหยดน้ำใสให้ชัด ‘สิ่งนั้น’ ก็สิ้นสุดลง
‘ปีก’ สีดำขนาดใหญ่กระพือขึ้นอย่างสง่างาม สะบัดไปมาราวกับลูกนกที่พึ่งฟักตัวออกมาจากไข่
จนในที่สุดมันก็กางแผ่สาขาออกสุดปลายขน จนได้เห็นทุกๆอย่าง.. วินาทีนั้นเขาไม่รู้สึกตัว
ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เขาลืมแม้กระทั่งวิธีหายใจหรือกลืนน้ำลายลงคอ
ทุกอย่างที่เคยอยู่ในสมองตอนนี้พลันมลายหายไปหมดสิ้น
สมองขาวโพลนพยายามทำความเข้าใจและหาคำตอบกับภาพตรงหน้า
“ฉันรอวันนี้มานาน และนายเองก็เหมือนกัน” เขาคนนั้นพูดเสียงกร้าวทั้งๆที่ยังหันหน้าไปทางเดิมอยู่อย่างนั้น คิมแทฮยองถอยกรูดไปจนชิดกำแพงข้างหลัง เสียงที่ฟังดูละม้ายคล้ายคลึงกับเขา ทว่ากลับหนักแน่นและน่าเกรงขามกว่าหลายเท่าตัวนักเปรยขึ้น คิมแทฮยองขนลุกไปทั้งตัว เขาจนปัญญา และจวนตัวที่จะหาทางออกและพยายามหนี
“ยี่สิบปีบริบูรณ์” เขาไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าสิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ยพูดหมายถึงอะไร ก้านนิ้วเรียวยาวจิกอยู่ที่ขากางเกงนักศึกษาเนื้อดี ถูกกำแน่นเข้าไปอีก ความกลัวเกาะกุมหัวใจ
ร่างบางตัวสั่นเทา ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับ ขนบางลุกชันไปทั้งตัวแม้กระทั่งต้นคอ หน้าตาเหยเก
ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตายังคงไหลไม่หยุด
ริมฝีปากบางสั่นอย่างไม่สามารถเอื้อนเอ่ยประโยคใดใดทั้งสิ้น
ฉับพลัน
คนที่นั่งหันหลังอยู่ก็ยืดตัวขึ้นตรง ทุกอย่างสงบนิ่งไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด เขาก็เอี้ยวตัว
และหันหน้ามาสบตา..
ดวงตาสีแดงฉานแข็งกร้าวราวกับมีไฟแค้นบางอย่างสุมรวมกันอยู่หลายร้อยล้านรอวันระเบิดเป็นจุน เปลวไฟลุกโชนราวกับขุมนรกฉายขึ้นบนใบหน้าเรียวที่งดงามราวกับรูปปั้นแกะสลัก คิ้วเข้มและริมฝีปากหยุ่นบางที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
โครงหน้าเราเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วราวกับเป็นคนเดียวกัน
และภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็นคือริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
ผ่านราตรีนี้ไป ทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นขึ้น และค่ำคืนแห่งรัตติกาล ‘ทุกอย่างจะไม่มีวันเหมือนเดิม’
***********************************************************************
#รอยแผลกุกวี
♡♡♡♡♡♡♡ ♡♡
ผลงานอื่นๆ ของ cewlixm ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ cewlixm
ความคิดเห็น